Tuesday 26 March 2013

[Fiction] Once Upon a time...Eight


[Fiction] Once Upon a time...Eight

Title       -:-          Once Upon a time  Eight

Writer   -:-           Nalikakeaw

Pairing  -:-           HaruYuya,Yabuhika
















                ชายคนหนึ่ง  นั่งกระวนกระวาย กระสับกระส่ายอยู่ในร้าน  คอฟฟีช็อปเก่าๆ  ในตรอกเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่าน  เขานั่งมาเกือบครึ่งชั่วโมงโดยที่ไม่ได้แตะต้องกาแฟที่สั่งมาแม้แต่น้อย  เอาแต่มองไปทางประตูร้าน  ราวกับหวังว่าจะมีใครเดินเข้ามา


                แต่ในที่สุด.. คนที่อยากพบก็มา  เด็กหนุ่มผมทอง  รูปร่างสูงก้าวผ่านประตูร้านเดินตรงเข้ามาหาผู้ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว  ผู้มาใหม่สวมเสื้อยืดลายขวางสีขาวฟ้า  กางเกงลายพรางสีกากี  และมีท่าทีสบายๆ  ผิดกับคนที่มานั่งรออยู่ครึ่งชั่วโมง   ที่เอาแต่นั่งเหงื่อตก  มีท่าทีระวังระไวอยู่ตลอดเวลา  ทำให้เด็กหนุ่มนึกถึงตอนที่ตัวเองถูกยาบุ โคตะ คอยตามติด  เขากลายเป็นมนุษย์ชักกระตุกไปเลย เวลาที่มองเห็นเงาแว้บๆด้วยหางตา  หรือเวลาที่มีคนเดินอยู่ด้านหลัง  แม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่ได้เดินตามเขาก็ตาม


                แต่ถึงวันนี้ยาบุ โคตะ  จะไม่ว่างมาตามเขา เพราะตามไปดูแล  ฮารุมะ  กับ  ยูยะ   นักแสดงในสังกัด ที่กองถ่ายโฆษณาแถวชนบทนอกเมืองที่ไหนซักที่อยู่ก็เถอะ    ฮิคารุก็ต้องระวังตัวอยู่ดี


                “ทำไมไม่ไปนั่งโต๊ะข้างใน”  ฮิคารุถามด้วยน้ำเสียงปกติ  ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ  มีโต๊ะให้นั่งแค่ไม่กี่ที่  มีเก้าอี้บาร์หน้าเคาท์เตอร์อีกไม่กี่ตัวซึ่งตอนนี้ก็ว่างเปล่า  อีกฝ่ายควรจะนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านในสุดตามที่ได้นัดหมาย


                “มีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว”


ฮิคารุมองไปข้างในร้าน  ด้วยมุมอับของที่นั่งตรงนั้น  เก้าอี้โซฟาแบบพนักพิงสูง  ทำให้เขามองเห็นเพียงด้านหลังและสีผมที่อยู่ใต้หมวกแก๊บของลูกค้าวัยรุ่นอีกคนในร้าน  กับได้ยินเสียงก๊อกแก๊กจากคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค  จึงพอใจได้ว่าใครคนนั้นคงจะไม่สนใจเรื่องที่เขาจะคุย  ฮิคารุจึงนั่งลงบ้าง แต่น้ำเสียงสั่นๆ  มือที่วางประสานบนโต๊ะบีบเข้าหากันแน่น  ท่าทางของคนตรงหน้าทำให้ฮิคารุพลอยจะเป็นโรคประสาทตาม  จึงคิดว่ารีบๆคุยธุระให้เสร็จแล้วต่างคนต่างแยกย้ายก็น่าจะดี


ฮิคารุวางซองกระดาษสีน้ำตาลห่อหนาบนโต๊ะ  แล้วเลื่อนไปอีกฝั่ง  พูดเสียงเบา “ค่าตอบแทน”   อีกฝ่ายก็เบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว   ลดมือลงจากโต๊ะ  ราวกับว่าสิ่งที่อยู่ในซองนั้นน่ารังเกียจ


“เป็นอะไรไป  นี่มันมากกว่าจำนวนที่คุณขอจากผมซะอีก  รับไปสิ  เดือดร้อนอยู่ไม่ใช่เหรอ?”


“ไม่-  ผ- ผมรับไว้ไม่ได้  คุณเอามันกลับไปเถอะ  ล-แล้ว  เราไม่ต้องติดต่อกันอีก  ผมจะไม่ทำงานให้คุณแล้ว”


ฮิคารุรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ  จริงอยู่คนที่ทำงานให้เขามักจะมีท่าทีหวาดกลัวว่าจะถูกจับได้  แต่คนตรงหน้านี้ตื่นกลัวเกินไป   กลัวเสียจนไม่น่าไว้ใจ..


“คงไม่ได้บอกใครเรื่องงานนี้หรอกนะ”  เพียงแค่ถามลองเชิง  แต่ปฏิกิริยาของคู่สนทนากลับเป็นไปอย่างที่คิด  ฮิคารุยังคงแสดงท่าทีนิ่งสงบ  แม้ว่าในใจจะร้อนเหมือนถูกไฟสุมก็ตาม  เขาไม่ได้กลัวหากความลับจะรั่วไหล  เรื่องแบบนี้เขาเอาตัวรอดได้สบายๆอยู่แล้ว   แต่เขาเบื่อความยุ่งยากที่จะตามมาในการทำงานครั้งต่อไป   โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูไอ้ผู้จัดการหน้าเหลี่ยมนั่น  เขาคงต้องหยุดทำงานและเก็บตัวเงียบไปอีกนาน


“คุณบอกใครเรื่องที่เรานัดกันวันนี้รึเปล่า?”


ไม่มีคำตอบ  มีแต่ท่าทีเลิ่กลั่กเหงื่อตกที่ทำให้ฮิคารุรู้ว่าความลับนี้จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป  เขารู้ดีว่าบางครั้งเงินก็ไม่สามารถซื้อได้ทุกสิ่ง    แต่ฮิคารุก็ใช้เงินเป็นเหยื่อล่อ  ซึ่งบางครั้งมันก็ ทำให้เจอกับเหตุการณ์ที่เรียกว่า ถูกหักหลัง อยู่บ่อยๆ


ฮิคารุลุกขึ้นยืนมองไปด้านนอกร้าน  ไม่พบใครที่แสดงท่าทีว่ากำลังจับตามองเขาอยู่  ทางที่ดีเขาควรจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด


แต่ช้าไป..


เด็กหนุ่มเดินไปไม่ถึงประตูด้วยซ้ำตอนที่ถูกใครบางคนกระชากแขน  ลากกลับไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุด 


“แก!!!!


ฮิคารุคำราม  เมื่อเห็นชัดๆว่าใครเป็นคนที่ลากเขากลับเข้ามาในร้าน


ยาบุ โคตะ  สวมเสื้อยืดสีฟ้าอ่อน  กางเกงยีนส์สีซีดตัวหลวมโคร่ง  กับหมวกแก๊บใบโต  ผิดกับทุกวันที่ใส่แต่เสื้อเชิ้ตกางเกงผ้า  ทำให้ฮิคารุจำไม่ได้ตั้งแต่แรก  และเขาก็หนีไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน  เบียดฮิคารุจนแทบติดผนัง  เท่านั้นยังไม่พอ  ทุกคนที่อยู่ในร้าน  ตากล้องที่เขานัดมา  คนดูแลร้าน  พากันเดินออกไปข้างนอกราวกับจัดคิวไว้แล้ว


ฮิคารุนั่งอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเสียงประตูล็อคจากด้านนอก





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





                “แปลกดีนะ  ที่นายหลงกลฉันง่ายๆแบบนี้”


                ฮิคารุเองก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะมาตกหลุมกับแผนตื้นๆแบบนี้    อาจเป็นเพราะประมาท  คิดว่าถ้ายาบุไม่เห็นเขาไปป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆฮารุมะและยูยะแล้ว  ก็คงจะเลิกจับตาดูเขา  ความระมัดระวังตัวก็เลยหย่อนยานไปหน่อย


                “ดูนายไม่กลัวเลยนะ”


                ถ้าจะพูดจริงๆ  ฮิคารุก็กลัวอยู่นิดหน่อย   อาชีพที่เขาทำอยู่นี่   จะเรียกว่าสุจริตก็ไม่ถูกนัก   รูปถ่ายของคนดังมักจะเป็นลิขสิทธิ์ของต้นสังกัด เขาจึงถูกจับด้วยข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์อยู่บ่อยๆ  หนักกว่านั้นก็ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล  ถูกจับได้ครั้งนี้ก็เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย   ที่เขาจะรอดตัวไปได้เหมือนเคย  แต่ที่ยังนิ่งอยู่ได้  เพราะส่วนหนึ่งรู้สึกว่ายาบุ  โคตะ   ไม่ได้คิดจะเอาเรื่องเขาแต่อย่างใด


                “เพราะอะไรหมอนั่นถึงยอมบอกล่ะ”


                “เงินจำนวนที่มากกว่าที่นายเสนอ  กับหมอที่เก่งที่สุด  ที่การันตีได้ว่าลูกสาวของหมอนั่นจะหายขาดจากอาการป่วย และคำสัญญาว่าฉันจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ  เพื่อให้หมอนั่นยังทำงานเป็นตากล้องมืออาชีพได้ต่อไป”


                จุดอ่อนของคนเป็นพ่อแม่  นั่นก็คือลูก  ฮิคารุได้รู้เรื่องที่ลูกสาวของตากล้องนั่นป่วยหนักโดยบังเอิญ  จึงหยิบมันเอามาใช้  ไม่นึกว่ายาบุจะมาเหนือกว่า ด้วยการหาหมอมารักษาให้  แถมยังรับรองอนาคตของหมอนั่นไว้อีก  คราวนี้คงสำนึกบุญคุณกันไปจนวันตาย  ไม่กล้ารับทำงานให้ฮิคารุอีกแน่


                “รู้ไหม?  ตอนแรกหมอคนนั้นก็ไม่พอใจกับคำขอร้องของฉันเท่าไหร่  แต่พอเห็นว่าอาการของลูกสาวหมอนั่นเพียบหนักขนาดไหน  ก็รักษาให้  ลืมไปเลยว่านั่นน่ะ  คือลูกสาวของคนที่ทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อน  รักษาไปบ่นไปอีกต่างหาก  ว่าเป็นพ่อประเภทไหน  ที่มัวแต่ทำงานปล่อยให้ลูกสาวป่วยถึงขนาดนี้   เด็กคนนั้นอายุแค่ห้าขวบเองนี่นะ”


                ยาบุยิ้ม  เมื่อนึกถึงวันที่เขาพาเด็กเด็กน้อยและพ่อไปพบคุณหมอยูยะ


                “เป็นหมอที่ดีจริงๆนะ”


                แต่แล้วสีหน้าของยาบุก็กลับไปเครียดขรึม


                “เป็นคนดีที่ไม่สมควรจะต้องมาเจอกับเรื่องร้ายๆแบบนี้”


                ฮิคารุขยับตัวอึดอัด  รู้ว่าเรื่องร้ายๆที่ว่านั่นมีสาเหตุมาจากสิ่งที่เขาทำ  แต่มันก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรือ  ทุกคนที่อยู่รอบตัวฮารุมะกับยูยะน่าจะชาชินกับมันแล้ว  และตอนนี้ความจริงทั้งหมดก็เปิดเผยไปแล้วว่าฮารุมะไม่ได้ทำร้ายยูยะจริงๆ


                “ภาพวิดีโอที่ถูกปล่อยออกมาตอนแรกนั่น.. เป็นการโปรโมทที่ดีนะ”  ยาบุพูดเรื่อยๆ  แต่คนฟังรู้ว่าถูกประชด “พวกสำนักพิมพ์  กับนักข่าวคงแย่งกันเสนอเงินให้แลกกับภาพวิดีโอแบบเต็มๆที่นายมี  คงทำเงินไปไม่น้อยล่ะสิ  เงินที่อยู่ในซองนั่นคงไม่ถึงครึ่งที่นายได้”


                “แล้วยังไง? อยากรู้มั๊ยล่ะ ว่าจริงๆได้เท่าไหร่”


                ฮิคารุประชดคืนบ้าง  พยายามจะโกรธเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในส่วนลึกของใจ


                “ยูยะมีน้องชายคนหนึ่ง  นายรู้สินะ”  ยาบุถอนใจ  “ยูมะเป็นเด็กที่ร่าเริง แล้วก็เป็นเด็กดี  แต่น่าสงสารที่ป่วยด้วยโรคประหลาด  หาสาเหตุไม่ได้  ทุกวันนี้เลยไม่ได้เรียน  มีชีวิตอยู่แต่ในโรงพยาบาลเท่านั้น”


                “อาการของโรคนี้แปลกมาก  อยู่ดีๆมันก็เป็นขึ้นมา  แต่เมื่อไหร่ที่อาการกำเริบ  จะเจ็บปวดทรมานไปทั้งตัว  ยาแก้ปวดที่ได้ผลที่สุดก็ช่วยไม่ได้  ฉันเคยเห็นตอนที่อาการกำเริบอยู่ครั้งหนึ่ง”   ยาบุหลับตา  ขมวดคิ้วราวกับว่าความเจ็บปวดของยูมะในตอนนั้นยังคงอยู่บนตัวเขา  “แล้วครั้งนี้  หลังจากที่ได้เห็นวิดีโอนั่นในโทรทัศน์  อาการกำเริบจนต้องไปอยู่ในห้องฉุกเฉิน  สามวันเต็มๆที่หมอยูยะ  ยูยะ  ฮารุ  ต้องเปลี่ยนกันเฝ้าเด็กคนนั้น  ทั้งสามคนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน  ดูเหมือนว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรสักอย่างกับหมอด้วยนะ   เพราะฉันเห็นผ้าพันแผลที่แขน   ส่วนยูยะกับฮารุก็ต้องหอบสังขารไปถ่ายโฆษณาทั้งๆที่ได้นอนไม่ถึงสามชั่วโมง”


                ฮิคารุนั่งเงียบ  จนปัญญาจะพูดอะไร  นอกจากจะปล่อยให้คำพูดเหล่านั้นกัดกร่อนหัวใจตัวเองไปอย่างช้าๆ


                “อยากจะพูดอะไรกันแน่”


                 “แค่อยากให้นายรับรู้เอาไว้  ว่าเงินที่นายได้มา  มันอยู่บนความทุกข์  ความเจ็บปวดของใครบ้าง  ฉันเกลียดพวกปาปารัสซี่ก็เพราะแบบนี้  เกลียดที่คนพวกนั้นไม่นึกถึงสิ่งที่จะตามมาจากการกระทำที่หวังแต่เงิน  ถ่ายรูปแล้วก็ขายไป  ไม่สนใจว่าภาพนั้นจะถูกเอาไปใช้กับข่าวที่บิดเบือนความจริงแค่ไหน  ครอบครัวคนดังที่ต้องแยกทางเพราะความเข้าใจผิดแบบนี้มีมากแค่ไหนเคยรู้บ้างรึเปล่า”


“วันนี้ฉันไม่เอาเรื่องนาย  เพราะอยากจะรักษาสัญญาไม่ให้เรื่องมันไปถึงหมอนั่น”  ยาบุหมายถึงตากล้องคนนั้น “แต่คราวหน้าฉันจะไม่ใจดีแบบนี้อีก  ถ้านายยังไม่เลิกทำงานนี้  ฉันจะไม่ละเว้น  ต่อให้เป้าหมายของนายไม่ใช่นักแสดงในสังกัดของฉันก็ตาม”





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





                ยาบุ โคตะ  เดินออกจากร้านไปนานแล้ว  แต่ฮิคารุยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม  ด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับจะจมน้ำ  คำพูดของยาบุกำลังถ่วงหัวใจเขาให้จมลงไปสู่ความรู้สึกที่เขาผลักไสมันลงไปอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ


                ใช่... เขารู้ว่ามันผิด  รู้ว่าภาพและข่าวที่ขายจะถูกใส่สีป้ายโคลน  ทำให้คนที่ตกเป็นข่าวเดือดร้อนแค่ไหน  แต่มันไม่ใช่ความผิดของเขานี่  คนผิดคือพวกที่เขียนข่าวนั่งเทียนไร้จรรยาบรรณสื่อมวลชนต่างหาก 


ฮิคารุสูดหายใจลึก  ฝังความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเอาไว้


“เราแค่ขายภาพ  คนที่ผิดคือคนที่เอามาภาพตีความแบบเสียๆหายๆต่างหากล่ะ  ไม่เกี่ยวกับเรา”


ในที่สุดฮิคารุก็รวบรวมความมั่นใจขึ้นอีกครั้ง  เดินออกมาจากร้านกาแฟนั้น  ทิ้งความรู้สึกผิดชอบชั่วดี  ไว้เบื้องหลัง


“ยาบุ  โคตะ  ฉันไม่กลัวนาย  คราวต่อไปที่ได้เจอกัน  ฉันต้องหาข่าวเด็ดๆทำเงินงามๆ จากนักแสดงในสังกัดของนายให้ได้แน่ๆ  โดยเฉพาะ ฮารุมะ  กับยูยะ”


ฮิคารุเดินพ้นออกมาจากตรอกเล็กๆเงียบเหงานั่น  เรียกแท็กซี่ไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน  ขึ้นรถไฟไปอีกเมืองที่ไม่ไกลนัก  เป็นเมืองเล็กๆที่เงียบสงบ  ผู้คนอยู่กันอย่างไม่สนใจใคร  ฮิคารุเดินเรื่อยๆ จากสถานีรถไฟ  เลี้ยวอีกสองสามครั้ง   จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่บ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง 


บ้านหลังนั้นทาสีฟ้าอ่อน  เย็นตา  ภายในบ้าน แยกเป็นสัดส่วน  มีห้องนอน ห้องน้ำ และห้องครัวเล็กๆ ไม่มีเครื่องตกแต่งใดๆ นอกจากของใช้ตามความจำเป็น  ผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดยุนิฟอร์มสีขาวสะอาด  เดินออกมาต้อนรับ ด้วยรอยยิ้ม


“วันนี้เขาเป็นยังไงบ้างครับ”


ฮิคารุถาม พลางมองเข้าไปในห้องนอนเล็กๆนั่น


“เหมือนเดิมค่ะ  ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”


“ขอบคุณครับ  ผมจะพักอยู่นี่สองสามวัน  ช่วงนี้คุณพักก็ได้ครับ ผมจะดูแลเขาเอง”


หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มรับ  แต่ก่อนจะออกจากบ้าน  ฮิคารุออกมาส่งเธอพร้อมทั้งมอบซองสีน้ำตาลหนาๆให้


“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างครับ  จากนี้ไปก็ขอความกรุณาด้วยครับ”


หญิงสาวในชุดพยาบาลมองเด็กหนุ่มที่โค้งคำนับให้อย่างเอ็นดู  เมื่อเธอออกไปแล้ว  ฮิคารุกลับเข้ามาในบ้าน  มองสำรวจไปรอบๆแล้วถึงเดินเข้าไปในห้องนอนเล็กๆ  นั่งลงตรงเก้าอี้ที่วางข้างๆหน้าต่าง  พลางทักทายร่างที่ได้แต่หลับใหลอยู่บนเตียงมานานเกือบสองปีแล้ว


“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ  เคย์”





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





บ่อน้ำพุร้อนในเขตชนบทที่ค่อนข้างห่างไกล  ดูคึกคักวุ่นวาย  ต่างจากบรรยากาศสงบเงียบในช่วงก่อนๆ  เพราะกองถ่ายโฆษณา  มาพร้อมกับนักแสดงวัยรุ่นชื่อดังถึงสองคน  พนักงานแทบจะทิ้งงานมาเฝ้ารอดูการถ่ายทำเลยทีเดียว 


เสียแต่ว่านักแสดงทั้งสองไม่ค่อยจะอยู่ในอารมณ์ที่อยากจะส่งยิ้มเซอร์วิสให้แฟนๆสักเท่าไหร่   ไม่ใช่เพราะติดนิสัยน่ารังเกียจที่ว่าดังแล้วหยิ่ง    เพียงแต่ทั้งสองนั้นง่วงนอน และการถ่ายทำโฆษณาที่จะได้ออกอากาศเพียงไม่กี่วินาทีนั้น  ช่างแสนยาวนาน


นานเสียจนยูยะเริ่มหงุดหงิด


“ทีมงานยังเซ็ตฉากไม่เสร็จอีกเหรอ  ฮารุ”


“คงจะมีปัญหาอะไรสักอย่างมั้ง  นายง่วงแล้วเหรอ”


ยูยะตอบอีกฝ่ายด้วยการถอนหายใจหนักๆ  กอดเข่าซบหน้าลงบนขาของตัวเอง  ฮารุมะหันไปยิ้มเจื่อนให้ทีมงานที่มาคอยดูแลเขาแทนยาบุ  ยูยะต้องง่วงแน่ๆอยู่แล้ว  ปัญหาที่เกิดกับยูมะทำให้แทบไม่ได้นอนกันทั้งบ้าน  แต่ระยะเวลาที่ต้องทนรอเข้าฉากนานถึงสี่ชั่วโมงโดยที่ไม่มีอะไรทำ  ก็ทำให้อยากจะล้มตัวลงนอนบนระเบียงไม้เย็นๆนี่เสียจริง


ฮารุมะดึงร่างของยูยะเข้ามาใกล้  อีกฝ่ายขืนตัวไว้เพราะรู้ว่ามีสายตามากมายจับจ้อง  แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เหมือนเคย


“ง่วงก็นอนไปเถอะ  กว่าทีมงานจะแก้ปัญหาเสร็จคงจะอีกนาน”


แขนสองข้างโอบเอวยูยะเข้ามาใกล้ ยูยะเอนหลังอิงร่างหนาด้วยความเคยชิน   เบื้องหน้าเขาเป็นสวนญี่ปุ่นที่จัดไว้อย่างสวยงาม  ไกลออกไปเป็นต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น  ยูยะหลับตาลงฟังเสียงสายลมพัดผ่านใบไม้   เสียงน้ำไหล  ใจก็ลอยไปถึงบ้านหลังเก่า 


กระท่อมหลังน้อยบนภูเขา  ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี  กลิ่นหอมของป่า  สารธารเย็นเฉียบที่เขารัก  แต่จำเป็นต้องจากมา


“คิดถึงบ้านนอก”


“ไว้มีเวลา  ฉันจะพากลับไป”


ทีมงานที่อยู่ใกล้ๆอมยิ้ม  พลางถอยห่างออกจากทั้งคู่  ฮารุมะรู้ว่าทำไมทุกคนถึงทำอย่างนั้น  ประสาทการรับรู้เสียงของเขาได้ยินไกลถึงการเคลื่อนไหวของทีมงานที่อยู่นอกรั้ว  ที่จริงแล้วก่อนหน้านั้นฮารุมะได้ยินยาบุคุยกับทีมงานว่า   เจ้าของสินค้า ต้องการให้ภาพโฆษณาชิ้นนี้ออกมาดูสบายๆและผ่อนคลายมากที่สุด  แต่เท่าที่สังเกตความผ่อนคลายที่สุดของยูยะคือการนอนหลับโดยที่มีฮารุมะอยู่ใกล้ๆ


ทีมงานจึงอยากได้ภาพของยูยะที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของฮารุมะอย่างเป็นธรรมชาติในโฆษณาชิ้นนี้


นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ทีมงานเลือกบ่อน้ำพุร้อนเป็นสถานที่ถ่ายทำ จัดชุดยูกาตะน้ำตาลเปลือกไม้สีอ่อนให้ยูยะกับสีเข้มให้ฮารุมะ   และรั้งรออยู่นานมาก กว่าจะเริ่มถ่ายทำจริงๆ 


“ดื่มอะไรหน่อยไหม ยูยะ”


ฮารุมะถามเมื่อพนักงานสาวในชุดยูกาตะสีเขียวอ่อนยกถาดเครื่องดื่มมาวางไว้ข้างๆตามคิว  แต่ยูยะเพียงแต่ลืมตาขึ้นมองนิดหนึ่งเท่านั้น


“อยากดื่มโคล่า”


ฮารุมะเกือบหลุดหัวเราะกับสีหน้าเหวอๆของพนักงานสาว  เพราะเครื่องดื่มที่นำมาให้มีแต่ชาปรุงแต่งหลากรส  เจ้าของสินค้าคงไม่พอใจนักหากภาพโฆษณาชามีภาพพรีเซนเตอร์ดื่มโคล่า  และโชคร้ายที่โฆษณาฉากนี้ห้ามมีการเทค  เพราะถ้ายูยะรู้ความจริง  ภาพที่ทีมงานอยากได้ก็จะไม่ได้


“ไม่ขมหรอกยูยะ  ลองสักหน่อยสิ”


ยูยะไม่ชอบดื่มชาขมๆ  มนุษย์หมาป่าจึงทดลองดื่มก่อนว่าชาปรุงแต่งรสไหนยูยะถึงดื่มได้  ก่อนจะยื่นขวดชานั้นไปจ่อตรงหน้ายูยะ  ที่รับไปดื่มอย่างว่าง่าย  ก่อนจะถอนหายใจเอนตัวหาฮารุมะแล้วก็หลับไปในที่สุด


ฮารุมะกอดร่างข้างกายเอาไว้หลวมๆ ซบหน้าลงกับเรือนผมสีอ่อนและหลับตา  แว่วเสียงทีมงานเฮลั่นมาจากที่ไกลๆ





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





                ยาบุเดินทางมาถึงบ่อน้ำพุร้อนตอนค่ำพอดี  ทีมงานกำลังปรึกษากันว่า ฉากที่จะถ่ายทำต่อไปคือฉากที่ทั้งฮารุมะและยูยะต้องแช่ตัวลงในบ่อน้ำพุร้อน  เป็นฉากที่ยาบุไม่เห็นด้วยเลยตั้งแต่แรก  แต่ทีมงานกลับยืนยันว่าจะต้องถ่ายฉากนี้ให้จงได้


                “ไม่อยากมีชีวิตอยู่จนถึงตอนแก่ก็ตามใจสิครับ”


                ยาบุตอบทีมงานในที่ประชุมไปด้วยความหงุดหงิด  แต่ละคนเอาแต่ใจกันนัก  รู้ทั้งรู้ว่าฮารุมะหวงแหนยูยะแค่ไหนยังคิดจะแอบถ่ายตอนที่ยูยะแก้ผ้าลงแช่น้ำ  จะรับงานถ่ายแบบกางเกงยีนส์ที่ต้องเปลือยท่อนบน  ฮารุมะยังขบหัวเขาแทบตาย


                ปรากฏว่าเขาไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือกับหมาขี้โมโห


                เพราะเพียงแค่ทีมงานไปเลียบๆเคียงๆ เสนอให้ยูยะลงไปแช่น้ำพุร้อน   ยูยะตอบกลับมาแบบหน้าตาเฉยว่าไม่ชอบ


                “แต่มาถึงน้ำพุร้อนทั้งที  ไม่แช่น้ำร้อนสักหน่อย ก็มาเสียเที่ยว”


                “ผมมาทำงาน  ไม่ได้มาเที่ยว “


                สีหน้าเรียบเฉยที่ยูยะทำบ่อยๆยามที่ต้องปฏิเสธอย่างสุภาพลอยเข้าหัวมาทันที  ยาบุแทบจะกลั้นหัวเราะสีหน้าของทีมงานตอนที่เดินมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังไม่ได้  ลงท้ายทีมงานก็ต้องลงไปแช่บ่อน้ำพุร้อนแก้เครียดเสียเอง


                เพื่อไม่ให้ทีมงานต้องลำบากตามใจยูยะ  ยาบุจึงบอกความจริงกับนักแสดงทั้งสองว่า  ทีมงานต้องการภาพที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด  จึงใช้วิธีซ่อนกล้องในการถ่ายทำ   ระหว่างที่ทั้งสองทำกิจกรรมต่างๆในบ่อน้ำพุร้อน


                “งั้นเหรอ”


                ยูยะกวาดสายตามองไปยังทีมงาน ก่อนจะหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ข้างกัน  สายตานิ่งๆอย่างนั้นทำให้ฮารุมะและยาบุเดาไม่ออกว่าเจ้าตัวรู้สึกอย่างไร


                “งั้นตอนที่เราอยู่ที่ระเบียงชมสวนนั่น  ก็เก็บภาพไว้แล้วล่ะสิ”


                ฮารุมะทำไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาราวกับจะถามของยูยะ  นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คนมองเข้าใจดีเลยว่ามนุษย์หมาป่ารู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้วแน่ๆ


                “ยูยะไม่ชอบน้ำพุร้อน  นายก็รู้  ถ้าบังคับให้ลงไปแช่เพื่องาน ก็ทำได้อยู่  แต่ทีมงานคงไม่ได้ภาพที่อยากได้หรอกมั้ง  แช่น้ำพุร้อนทีไร  ยูยะหน้าหงิกยังกับอะไรดี”


                ทีมงานที่นั่งอยู่ใกล้ๆทำคอตก  แต่แล้วกลับทำหน้าชื่น เมื่อฮารุมะแก้ปัญหาให้เรียบร้อย


                “แต่ฉันไปถามพนักงานที่นี่มาแล้ว  เขาบอกว่าแถวนี้มีทุ่งหญ้า แล้วก็ลำธารสายเล็กๆที่ไหลมาจากภูเขา  นายชอบแบบนี้นี่ยูยะ  เราไปเดินแถวนั้นให้ทีมงานถ่ายรูปซักสองสามชั่วโมงก็ได้  ดีไหม?”


                ยาบุมองเห็นแววตาพอใจของยูยะก่อนที่จะถูกฮารุมะพาตัวออกไป  ตามด้วยทีมงานที่ขนข้าวของตามกันไปเป็นขบวน


                ยาบุไม่ได้คิดผิดเรื่องที่ฮารุมะออกจะ..เกรงใจยูยะ    รู้ว่ายูยะจะไม่พอใจแน่ๆที่ถูกปิดบัง  ก็เลยไปสรรหาของชอบมาง้อ


                หมาบ้าก็เจ้าเล่ห์เป็นนี่หว่า





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





                ทุ่งหญ้าที่ฮารุมะบอก  อยู่ค่อนข้างไกลจากบ่อน้ำพุร้อนที่พักอยู่  แต่ทั้งหมดก็ใช้วิธีเดิน  ฮารุมะกับยูยะเดินนำ  ยาบุเดินตามห่างๆอยู่กับทีมงานที่คอยถ่ายภาพนักแสดงวัยรุ่นทั้งสองไปด้วย  สองข้างทางเงียบสงบ ถึงจะมีบ้านอยู่เรียงรายแต่เกือบทุกหลังก็ปิดไฟเงียบ  แม้ว่าทั้งหมดจะพูดคุยกันด้วยการกระซิบ แต่เสียงก็ยังดังไปไกล  ยูยะเดินเงียบๆฟังเสียงฮารุมะเถียงกับยาบุ  กับเสียงทีมงานที่กำลังปรึกษากันเรื่องแสงกับมุมกล้อง  จนกระทั่งถึงจุดหมาย


                “ทุ่งหญ้าจริงๆด้วย”


                ทีมงานคงจะคาดหวังภาพยูยะกระโดดกอดฮารุมะพลางยิ้มกว้างด้วยความดีใจ  เพราะทั้งกล้องถ่ายรูปและกล้องวิดีโอถูกยกขึ้นเตรียมพร้อม  แต่ขอโทษ   ไอ้คู่นี้มันเคยมีอะไรเหมือนคู่รักทั่วๆไปด้วยเหรอ?  ยาบุไม่เคยเห็น  และที่ยูยะพูดแบบไร้อารมณ์เมื่อครู่นี้  ก็เพราะว่าที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขามันคือทุ่งหญ้าจริงๆ  ต้นหญ้าสูงๆต่ำๆแข่งกันแทงขึ้นจากผืนดิน  ดูรกเรื้อมากกว่าจะสวยงาม   แต่สายลมอ่อนๆที่นำพากลิ่นธรรมชาติมานั้นทำให้รู้สึกผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย


                ยูยะก้าวเข้าไปในดงหญ้า  พื้นดินที่ไม่เรียบเสมอกันไม่เหมาะกับรองเท้าเกี๊ยะ  ทำให้สะดุดเล็กน้อยแต่ฮารุมะก็ไม่ได้ห่วงใยรีบเข้าไปประคอง  ทำให้ทีมงานผิดหวังอีกเป็นครั้งที่สอง


                “ยูยะใส่รองเท้าแบบนี้เดินขึ้นเขาออกจะบ่อย  ตอนที่เราอยู่บ้านนอกน่ะ”


                มนุษย์หมาป่าปล่อยให้ยูยะเดินนำไปก่อน  แล้วจึงเดินตาม  เขารู้ว่ายูยะคิดถึงบ้านเดิมหลังแรกของพวกเขามากแค่ไหน  กระท่อมน้อยกลางทุ่งหญ้า  ล้อมรอบด้วยผืนป่าแน่นทึบบนเขาสูง   อาณาเขตที่เขาสร้างและอาศัยอยู่มานานแสนนานก่อนที่จะได้พบกับยูยะและพี่น้อง


                ฮารุมะไม่ปฏิเสธ  ว่าเขาเองก็โหยหาอยากกลับไปยังสถานที่แห่งนั้นเช่นกัน 


                สักวันเขาจะพาทุกคนกลับไป...


                เสียงชัตเตอร์ดึงฮารุมะให้หลุดจากความคิด  หันไปเห็นตากล้องและทีมงานยิ้มชื่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเครียดกันจนหน้าหงิก 


                “ยิ้มอะไรกันเหรอครับ”


                ฮารุมะถามซื่อๆ  ยาบุสงสัยว่าเจ้าตัวจะรู้ไหมว่าสายตาคู่นั้นไม่เคยละไปจากยูยะเลย  ไม่ว่ายูยะจะอยู่ห่างแค่ไหน  ยาบุเลี้ยงสุนัขไว้ตัวหนึ่ง  เมื่อยามที่เขาอยู่บ้านมันจะคอยตามติดไม่ว่าเขาจะเดินไปไหน  เมื่อไหร่ที่เขาสั่งให้มันคอย  มันจะนอนหมอบนิ่งๆแต่ก็ไม่ละสายตาไปจากเขาเช่นกัน


                ไม่รู้ทำไม  เขามองฮารุมะตอนนี้แล้วนึกไปถึงเจ้าตัวดีที่หมอบคอยยาบุอยู่ที่ประตูบ้าน


                บางครั้งบางคราว  ยาบุก็รู้สึกว่าภายใต้ท่าทีโอนอ่อนเย็นชาของยูยะ  บางครั้งก็มีอำนาจเหนือกว่าอารมณ์ร้อนร้ายของฮารุมะเสียอีก


                หรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างยูยะกับฮารุมะจะเป็นแบบเจ้านายกับสัตว์เลี้ยง  ไม่ใช่คนรัก???


                เสียงร้องตกใจของยูยะดังขึ้นพร้อมๆกับที่เจ้าตัวล้มหายลงไปในดงหญ้าไกลออกไป   ฮารุมะกระโจนตามด้วยความเร็วยิ่งกว่าลมพัด  ยาบุใจหายนึกว่าเกิดอุบัติเหตุ แต่พอวิ่งตามไปได้ครึ่งทาง  กลับได้ยินเสียงฮารุมะที่ไปถึงตัวยูยะก่อนหัวเราะลั่น


                ที่แท้เกิดอุบัติเหตุขึ้นจริง  แต่ยูยะแค่เหยียบถูกก้อนกรวดลื่นล้มลงในลำธารเล็กๆนั้นเอง 


                “ใส่แต่รองเท้าผ้าใบจนชิน  กลับมาใส่รองเท้าเกี๊ยะแล้วเดินไม่เป็นหรือไง”


                สายตาขุ่นเคืองเพียงน้อยนิดที่มีแต่เพียงยาบุที่สังเกตเห็น  เปลี่ยนเสียงหัวเราะร่าของฮารุมะให้กลายเป็นเสียงกระแอมกระไอทันที  และไม่กี่วินาทีต่อมา  ร่างหนาก็สะดุดล้มลงในลำธารเสียงดังตูม  ทำน้ำกระเซ็นเปียกปอนทั้งตัวเองทั้งคนข้างๆ  ยาบุหัวเราะก๊ากสะใจเป็นที่สุด  แม้แต่ยูยะยังอดยิ้มไม่ได้  จากนั้นทั้งเสียงชัตเตอร์ก็ดังรัว พอๆกับแสงแฟลชที่สว่างวูบวาบจนตาลาย  นายแบบทั้งสองเลยนั่งและนอนแช่น้ำเย็นสบายใจรอให้งานเสร็จ


                ผู้จัดการคนเก่งยืนมองอยู่ห่างๆด้วยความพอใจ  ดูจากรอยยิ้มกว้างของทีมงานแล้วการถ่ายทำน่าจะจบลงที่ทุ่งหญ้านี้แหละ 


                “ทาคาคิคุง  ฮารุมะคุง  ยิ้มให้กล้องหน่อยครับ  ช็อตสุดท้ายแล้ว”


                ฮารุมะหันไปยิ้มกว้างตามคำขอทันที  ส่วนยูยะแม้จะไม่ได้ยิ้มกว้าง  แต่ก็ยิ้มมากกว่าที่เคย  ความสุขที่เปล่งประกายของทั้งคู่นั้นทำให้ทีมงานแทบลืมหายใจ  จนกระทั่งตากล้องคนหนึ่งเกิดเหยียบพลาดล้มลงในลำธารด้วยอีกคน 


                ทุกคนประสานเสียงหัวเราะดังกังวานไปในทุ่งหญ้าและสายลม





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





                ในค่ำคืนเดียวกัน  ในผับเล็กๆที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในมุมโสโครกของเมืองใหญ่ แหล่งซ่องสุมสิ่งผิดกฎหมาย การพนัน ยาเสพย์ติด  ที่พำนักของวัยรุ่นไร้บ้าน  ที่มีเพียงความมึนเมาจากยาเป็นเครื่องปลอบประโลมคลายทุกข์  เมื่อไรที่เสพ  พวกเขาจะหลงไปในโลกแห่งความฝันอันแสนสุข ลืมสิ้นทุกสิ่ง  ไม่สนใจสิ่งใดแม้กระทั่งตัวเอง


                ต่อให้ตื่นขึ้นมาพบรอยแผลเล็กๆที่ต้นคอ  หรือแม้กระทั่งใครสักคนในนั้นหายไป  พวกเขาก็จะไม่สนใจ


                ในตรอกแคบๆข้างผับ  ร่างของเด็กสาวคนหนึ่งถูกฉีกทึ้งอย่างไม่เหลือชิ้นดี เลือดสดๆสาดกระจายไปบนกำแพงตรอกส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง   ท่อนแขนเรียวถูกกัดกินอย่างตะกละตะกลาม  ปีศาจผู้หิวโหยแทบจะเขมือบร่างมนุษย์ลงท้องรวดเดียวหมด  เนื้อนั้นหวานแต่กลิ่นสาบของยานั้นก็ทำให้ปีศาจต้องแทบกลั้นใจกิน  แต่กระนั้นก็ยังกินจนหมด


                “หาเหยื่อในที่อย่างนี้น่ะหรือ”


                เสียงของใครอีกคน ดังมาจากเงามืดด้านในตรอกที่เป็นทางตัน  เจ้าปีศาจไม่พอใจน้ำเสียงดูถูกที่อยู่ในคำถามนั้นนัก  แต่ก็รู้ดีว่าไม่อาจต่อกรกับร่างที่อยู่ในเงานั้นได้  เพราะอีกฝ่ายกล้าแกร่งกว่ามากมายนัก


                “เป็นที่ที่หาอาหารได้ง่ายที่สุด  เจ้านาย”


                “แต่ไม่ใช่อาหารที่ดีที่สุด”


                เจ้าปีศาจเก็บซ่อนความไม่พอใจไว้อย่างเงียบเชียบ  แน่นอนว่ามันรู้  ว่าฤทธิ์ยาที่อยู่ในเลือดเนื้อที่กินเข้าไป  จะส่งผลต่อร่างมนุษย์ที่ตนสิงสู่  แต่ปีศาจชั้นต่ำเช่นมัน  ยังต้องการดื่มกินจากเนื้อมนุษย์  เพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นจนกว่าจะสร้างร่างกายของตนเองได้  และเมื่อนั้นมันจะสามารถเสพพลังชีวิตเป็นอาหารแทนเลือดเนื้อ


                “เจ้านายมาเพราะเรื่องงานล่ะสิ”


                งานที่ทำให้เจ้าปีศาจต้องนำพาร่างที่ตนสิงสู่  หนีหัวซุกหัวซุน  เพราะถูกปีศาจตนหนึ่งหมายหัว   มันไม่ชอบใจกับเรื่องนี้เท่าไหร่นัก  แต่ก็ยังเกรงกลัวร่างที่อยู่ในเงามืดมากกว่า


                “ผมถูกขัดขวาง   ด้วยเวทมนตร์  มีคนสร้างกำแพงมนตราขวางเอาไว้  “


                “ใคร?”


                “มันไม่เปิดเผยตัว”


                เสียงจากมุมมืดเงียบไป  ชวนให้เสียขวัญ  เจ้าปีศาจหวั่นเกรงผลที่จะตามมาเมื่อมันไม่อาจทำงานได้สำเร็จ


                “แต่เจ้านั่น  ฮารุมะ  มันเป็นปีศาจแน่”


                “งั้นเหรอ  ปีศาจประเภทไหนกันล่ะ”


                “มันแข็งแกร่งมาก  แต่ก็ปิดบังตัวเองได้เป็นอย่างดี”


                “สรุปแล้วก็ไม่รู้สินะ”  เสียงจากมุมมืดเงียบหายไปครู่หนึ่ง “ช่างเถอะ  เท่านี้ก็พอแล้ว”


                ซองเอกสารบางๆถูกโยนใส่มือที่เปื้อนเลือดของเจ้าปีศาจ  “แกทำงานสำเร็จไปครึ่งเดียว รางวัลของแกก็ได้ไปแค่ครึ่งเดียว  ไปตามที่อยู่ในซองนั่น  แล้วแกจะได้รางวัลของแก”


                จบประโยค  เสียงนั้นก็หายไปราวกับว่าเจ้าของเสียงละลายหายไปกับความมืด  เจ้าปีศาจมองซองกระดาษที่บัดนี้มีรอยเลือดซึมไปทั่ว  รางวัลแค่ครึ่งเดียวงั้นรึ?  ช่างไม่คุ้มค่ากับที่มันต้องเสี่ยงตายเกือบถูกฆ่าและต้องสูญเสียงานที่กำลังจะไปได้สวยในวงการบันเทิง 


                แต่ก็ช่างเถอะ  ไว้มันหาร่างใหม่ที่ดูดีหล่อเหลากว่านี้  ก็ค่อยกลับไปเริ่มงานอีกครั้งก็ได้ 


                เจ้าปีศาจเดินกลับเข้าไปในผับเพื่อใช้ห้องน้ำทำความสะอาดร่างกาย  ก่อนจะเดินทางไปรับรางวัล


                ระหว่างที่เจ้าปีศาจกระหยิ่มยิ้มย่องฝันหวานถึงรางวัล  ตัวมันเองถูกจับจ้องจากผู้ที่มันเรียกว่า”เจ้านาย”  จากบนดาดฟ้าของผับ  ปีศาจชั้นต่ำมีสัมผัสที่ไม่ดีนัก  หนำซ้ำพวกที่เพิ่งได้ร่างสิงสู่ ก็มักจะหลงใหลในร่างมนุษย์จนลืมพลังที่แท้จริงของปีศาจ  แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลดพลังและซ่อนเร้นตัวเอง  มันก็ยังสัมผัสถึงเขาไม่ได้


                อ่อนหัดอย่างนี้  ไม่มีทางอยู่รอดได้ถึงหนึ่งปีแน่


                ไม่สิ...มันจะไม่อยู่รอดไปจนถึงพรุ่งนี้แน่ๆ และก่อนตาย  มันจะได้เรียนรู้อีกหนึ่งบทเรียน  ว่าตัวมันไม่ได้เป็นเพียงผู้ล่า  แต่ยังเป็นเหยื่อ  สำหรับปีศาจตนอื่นที่แข็งแกร่งกว่าที่มักล่าปีศาจด้วยกันเป็นอาหาร


                นั่นแหละ..รางวัลสำหรับความอ่อนแอของมัน


                เสียงโทรศัพท์มือถือดังสะท้อนไกลเมื่ออยู่บนที่สูง  ปีศาจกดรับแล้วกรอกเสียงลงไปทันที 


                “ว่าไง? ได้เงินแล้วหายหัวเลยนะ”


                “ถูกจับได้น่ะลูกพี่ แต่ยังดีที่เคลียร์ได้  เลยกลับบ้านมากบดานซักพัก”


                “ฝีมือตก หรือเจอคนเก่งกว่าล่ะ  พักนี้โดนบ่อยนะ”


                “ไว้กลับไปจะเล่าให้ฟังน่า “


                “ได้ แต่ระหว่างที่นายไม่อยู่  ขอยืมใช้ห้องหน่อยก็แล้วกัน”


                “จะพาสาวมานอนกกเหรอลูกพี่  ระวังอย่าให้ถูกจับได้ล่ะ ”


                โทโมฮิสะ  หัวเราะหึๆก่อนจะวางสาย  อย่าห่วงฉันเลย ฮิคารุ  รับรองว่าจะไม่ให้เหลือไว้แม้แต่ซากศพเลยล่ะ





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





               


                เป็นครอบครัวของคนดังมันเหนื่อย   ยิ่งในครอบครัวมีดาราดังถึงสองคนก็ยิ่งเหนื่อยเป็นสองเท่า  โฆษณาที่ฮารุมะกับยูยะเดินทางไปถ่ายทำที่บ่อน้ำพุร้อนออกอากาศแล้ว   และผลตอบรับก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้  แต่ก็มีที่คาดไม่ถึงด้วยเช่นกัน

                กระแสของโฆษณา  กลบกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านั้นไปอย่างรวดเร็ว ตามที่ยาบุวางแผนเอาไว้  แต่มันกลับไม่ได้ทำให้ยอดขายชากระเตื้องขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร่นัก  เหตุเพราะพรีเซ็นเตอร์เด่นกว่าสินค้า  ทุกคนเลยดูแต่ฮารุมะและยูยะไม่ได้สนใจเลยว่าโฆษณาชิ้นนั้นนำเสนออะไร

                แต่ทางเจ้าของสินค้าก็แก้ทางด้วยโปรโมชั่นซื้อชาแถมโปสการ์ดซึ่งมีกว่ายี่สิบแบบให้สะสม  จากนั้นยอดขายชาก็ถล่มทลาย ตามาด้วยกระแสการขโมยภาพโปสเตอร์ที่ติดเอาไว้ตามสถานีรถไฟหรือร้านสะดวกซื้อ  ไม่นานมานี้มีแฟนคลับกลุ่มหนึ่งพยายามจะเข้าไปในห้องพักของคุณหมอยูยะ  รวมทั้งห้องพักผู้ป่วยของยูมะด้วย  เพื่อจะขโมยผลงานของยูยะในคอลเล็คชั่นของสะสมของคุณหมอ   แต่ทั้งสองคนก็แก้ปัญหาด้วยการร่ายมนต์ปิดล็อคประตูเสีย


                เรื่องที่ไม่คาดคิดอีกเรื่องคือ  ภาพเบื้องหลังโฆษณาที่ออกมา  มีช่วงหนึ่งที่ฮารุมะจับผู้จัดการคนเก่งโยนลงน้ำ  ช็อตนั้นเองที่ทำให้ยาบุ โคตะ  กลายเป็นไอดอลของเด็กสาวหลายๆคนไปทันที  เพราะภาพรอยยิ้มกว้างจนตาปิด  ทำให้หลายคนได้เห็นภาพในอีกมุมหนึ่งของผู้จัดการที่แสนจะเข้มงวดเครียดขรึมอยู่ตลอดเวลา  ยูมะอดหัวเราะกับสีหน้าประหลาดๆของยาบุไม่ได้ตอนที่มีแฟนคลับมาเคาะประตูห้องผู้ป่วยของยูมะเพื่อขอลายเซ็นต์ของยาบุ


                แต่ที่ทำให้ยูมะรู้สึกเหนื่อยกว่าครั้งไหนๆ  ก็คือตอนนี้  ทั้งครอบครัวกลายเป็นคนดังไปหมดแล้ว ไปทางไหนก็มีแต่คนมอง มีแต่คนสนใจ  ยูมะไม่ชิน และไม่ชอบเอาเสียเลย  แถมยังมีปาปารัสซี่คอยถามเก็บภาพทุกอิริยาบถ  ยูมะต้องคอยระวังขึ้นเป็นสองเท่าเวลาใช้เวทมนต์  ข้อดีมีเพียงอย่างเดียวคือตอนนี้พี่ชายไม่ดุแล้วที่ยูมะใช้เวทมนต์สั่งสอนพวกปาปารัสซี  และยังสอนมนตร์บทใหม่ๆให้อีก  พอไม่มีใครคอยดุยูมะก็ไม่ได้แกล้งใครหนักนัก  ส่วนหนึ่งเพราะการเรียนรู้เวทมนตร์ใหม่ หากไม่สามารถควบคุมได้อย่างเชี่ยวชาญแล้วล่ะก็  เวทมนตร์จะตีกลับใส่ตัวได้ง่ายๆ  ยูมะเลยต้องฝึกให้หนักขึ้น  แต่ก็ถูกรบกวนจนต้องหาที่เงียบๆเพื่อรวบรวมสมาธิ


                ดาดฟ้าของโรงพยาบาล  เป็นสถานที่ที่สงบเงียบที่สุดเท่าที่ยูมะจะหาได้


                แต่กลับไม่สงบอย่างที่คิด..


                ที่ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งยืนอยู่ก่อนแล้ว  ในแสงสีส้มยามพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า  ร่างนั้นยืนหันหลังให้ยูมะ   แขนกางออกเสมอไหล่ราวกับจะเหินบิน  แต่สิ่งที่ทำให้ยูมะออกวิ่งอย่างรวดเร็ว  คือการที่ใครคนนั้นยืนอยู่บนราวตาข่ายของดาดฟ้า  ย่อเข่ากำลังจะกระโดด


                “อย่าทำอะไรบ้าๆนะ!!!!


                ยูมะกระโดดคว้าร่างนั้นได้แค่ขา ซึ่งเสียงต่อการที่อีกฝ่ายจะร่วงหล่นลงจากดาดฟ้าอาคารสิบชั้นลงไปยังพื้นเบื้องล่าง   แต่โชคยังดีที่แรงและน้ำหนักตัวของยูมะดึงร่างนั้นหงายหลังลงมาให้ทิศทางตรงข้ามซึ่งปลอดภัยกว่า  และเจ็บตัวน้อยกว่า


                “โอ๊ย!!!


                ยูมะร้องออกมา  จุกเพราะน้ำหนักของร่างที่ล้มทับบนตัวเขา พูดไม่ออกอยู่จนกระทั่งน้ำหนักนั้นหายไป  จึงได้ลุกขึ้นนั่ง 


                ครั้งนี้ยูมะมองเห็นร่างนั้นชัดเจนแล้ว  คนที่เขาได้ช่วยเอาไว้เป็นผู้ชาย  เด็กหนุ่มที่อยู่ในวัยเดียวกับยูมะ  รูปร่างหนา  สูงไล่เลี่ยกัน  ใบหน้าค่อนน่ารักขาวซีด  ดวงตากลมจ้องมองยูมะด้วยความรู้สึกประหลาดใจมากกว่าจะตกใจ


                “อย่าทำแบบนี้เลยนะ” ยูมะร้อง “ที่นี่มีคนฆ่าตัวตายไม่เว้นวันอยู่แล้ว  อย่าทำให้มีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นมากกว่านี้เลย”


                อีกฝ่ายยังคงเงียบ ยูมะเข้าใจว่าคงยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตายง่ายๆ  เลยหาเรื่องคุยไปเรื่อยเปื่อย  จนกระทั่งรู้สึกว่าคนตรงหน้ามองเขาเหมือนตัวประหลาด


                “นี่นายยังคิดจะฆ่าตัวตายอยู่ไหมเนี่ย”


                “ฉันไม่ได้คิดเรื่องความตายมานานแล้ว”


                อ้าว!!! แล้วที่ทำท่าเหมือนจะกระโดดตึกเมื่อกี๊ล่ะเฮ้ย??


                “แค่อยากจะดูอะไรนิดหน่อย”


                ยูมะทำหน้างอ    แค่อยากจะดูอะไรข้างล่างมันจำเป็นจะต้องปีนขึ้นไปบนราวดาดฟ้าด้วยหรือไง?  ร่างเพรียวกระฟัดกระเฟียดลุกขึ้นยืน   แต่ไม่ทันจะหันหลังกลับ ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง  สิ่งที่ฮารุมะเคยสอนไว้แต่เขาไม่ได้ใส่ใจมัน  แม้จะรู้สึกถึงกลิ่นอายที่ผิดปกติตั้งแต่ทีแรกก็ตาม


                กลิ่นอายของปีศาจ


                ฮารุมะเคยสอนวิธีซ่อนเร้นพลังปีศาจให้ยูมะ  แต่เขาก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง  เพราะงั้นเลยไม่รู้ตัวว่าเมื่อครู่ได้เปิดเผยตนเองให้อีกฝ่ายรู้หรือไม่ 


                “มีอะไร?”


                “เปล่า ไม่มีอะไร” ยูมะส่ายหน้าดิก  ใจเต้นตึกตักเมื่ออีกฝ่ายยืนขึ้นและกำลังจ้องมองเขาอย่างพินิจพิจารณา


                “นายชื่ออะไร”


                “ยูมะ”  ใจนึกอยากจะออกไปจากตรงนี้เร็วๆ แต่ยูมะก็ยังอุตส่าห์ถามชื่อของอีกฝ่ายไว้ด้วย  หลังจากนั้นก็รีบบอกลา  โดยหวังว่าทั้งสองจะไม่ต้องมาเจอกันอีก  แต่ยูมะไม่รู้หรอกว่า  ชีวิตของเขานับจากนี้ไป  จะได้ยุ่งเกี่ยวผูกพันกับปีศาจตนนั้นไปจนวันตาย


                แวมไพร์ที่ชื่อ  ยามาดะ  เรียวสุเกะ  ตนนั้น







++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





               



4 comments:

  1. CeciliaKwang27/03/2013, 14:05

    เอ๊ะๆๆๆๆ เรื่องนี้บุฮิคใช่ไหม จะบอกว่าเค้าแอบตื่นเต้นมาก ตอนที่ฮิคโดนบุจับได้อ่ะ จะกรี๊ดดดดดดด เหมือนฮิคเป็นลูกไก่ในกำมือบุ อร๊างงงงงงงงงงงงง
    แต่ฮิคไม่ยอมแพ้แบบนี้ โดนบุเล่นงานแน่เลยอ่า บุอย่าใจร้ายกับฮิคเกินไปนะ
    แล้วนี่มีเคย์นอนเป็นเจ้าชายนิทราด้วย อ้ากกกกกกกกก ยังไงล่ะตัวเธอ มะจังยังไม่เข้าฉาก แต่เคย์มาแบบม้ามืด กรี๊ดดดดดดด ออกมานิดนึง ใจคนอ่านก็เต้นรัวเป็นตีกลอง ฮิคกับเคย์ยังไงอะไรกัน
    แล้วฮารุกับยูยะพาร์ทนี้มีความหวานนิดๆเจืออยู่ น่ารัก กรี๊ดดดดดดด
    รอที่เหลืออยู่นะ เค้าอยากอ่านเร็วๆแว้ววววววววววว

    ReplyDelete
  2. ตกใจกับอิเคย์....เธอนอนมาเป็นเจ้าชายนิทราเลยนะฉากเปิดตัว 55+
    นี่เดาว่าฮิคทำทุกอย่างลงไปเพื่อรักษาเคย์ป่ะ ฮิ้วว สามพีเลยดีกว่าบุฮิคเย์ เย่ๆๆ

    โอ้ย ถ่ายโฆษณา ชาที่ว่านั่นคงหวานเจี้ยบเลยจ้า ได้สองคนนี้เป็นพรีเซนเตอร์55+

    ReplyDelete
  3. แอร๊~~ น้องเหม่งโผล่มาก็นอนหลับยาวเลยยยยยยยย โผล่มาแค่เสี้ยวหน้า แล้วก็หายไปเลยยยยยยยยย
    หายไปหนายยยยยยยยย 55555+ ตื่นได้แล้ว ตื่นตื่นนนนนน ><~

    ฮิคก็ช่างท้าทาย เอาเลยๆๆๆ รอบุมาจัดการคนดื้อด้วย คึคึ =.,=

    มีฉากกิ๊บกิ๊วท่ามกลางธรรมชาติด้วย ว๊ายๆๆๆ >///< แต่ชอบตอนซบกันมากกว่า เขิน =////=

    มีแวมไพร์โผล่มาอีกแย้วววววววว แอร๊ยยยย ตัวละครเยอะขึ้นๆ เริ่มจำไม่ได้ล่ะว่าใครเป็นใคร 5555

    ปล. รอน้องเหม่งตื่นนะคะ ชุบๆ >3<

    ReplyDelete
  4. อ่านรวดเดียวตั้งแต่ตอนแรก จนถึงตอนล่าสุดนี้เลยค่ะ ชอบมากเลย สนุกมาก มาต่อไวๆนะคะ

    เนื้อเรื่องสนุก และที่สำคัญ ชอบพระเอกมากกกกกกกกกกกกกก ยิ่งกว่านั้น รักนางเอกมากกว่ามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    อยากอ่านอีกเยอะๆ อยากอ่านเรื่องของฮารุมะ กับยูยะ เยอะๆ อยากบอกคนแต่งว่ามีความสุขมากเวลาที่สองคนนี้ออกฉาก อยากให้หมาป่าจับยูยะฟัดๆๆๆๆเยอะๆๆๆๆๆ เพราะเวลาถึงตอนสองคนนี้ทีไร คนอ่านคนนี้จะยิ้มไม่หุบ มีความสุขมากๆ TT____TT (น้ำตาไหลพรากด้วยความสุข)

    อยากอ่านต่อ และยังอยากรู้เรื่องราวอีกมากมาย อยากจับฮารุมะมาสัมภาษณ์ ว่าคิดยังไงกับยูยะ รักยูยะมากแค่ไหนค้าาาา (กรีดร้อง) อ๊ากกกกกกกก

    ขอบคุณสำหรับฟิคชั่นนี้นะคะ เราคิดอยู่นานมากๆเลยว่า จะมาเม้นท์ดีไหม มาเม้นท์แล้วคนแต่งจะมีโอกาสอ่านไหม? แล้วเรายังมีโอกาสจะได้อ่านเรื่องราวของฮารุมะกับยูยะอีกหรือป่าว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนแต่งพับโครงการนี้ไปหรือยัง

    แต่หลังจากคิดดูแล้ว เอาล่ะ เราอยากบอกให้คนแต่งรู้นะคะ ว่าเราชอบฟิคเรื่องนี้มาก และเราประทับใจ ฮารุมะกับยูยะมาก และที่สำคัญ เราอยากรู้เรื่องราวความรักของสองคนนี้ต่อไปมากๆ TT____TT
    อยากรู้ว่าฮารุมะ รักยูยะแค่ไหน โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

    ขอบคุณอีกครั้งสำหรับฟิคชั่นนะคะ เราจะรอจนกว่าตอนใหม่จะมา
    จะรอจนกว่าฮารุมะจะมารักยูยะให้เราอ่านน๊าาาา ^____^

    โย่!


    ปล. รักทุกฉากที่ฮารุมะกับยูยะอยู่ด้วยกัน และรักมากกว่านั้น ตอนฮารุมะฟัดยูยะ ขอแบบหนำใจ ให้สาใจสักหลายๆตอนนะคะ >//////< Please

    ReplyDelete