Sunday 4 December 2011

[Fiction](¯`·._.·[ ❤The day we kissed❤ ]·._.·´¯) Seven


Title  -:-                (¯`·._.·[ ❤The day we kissed❤ ]·._.·´¯) Seven



Writer  -:-             Nalikakeaw



Pairing   -:-           Okadai, Takayabu, Nakachii, Yamaryu, Hikainoo
























วันนี้ท้องฟ้าเป็นสีหม่น เด็กหนุ่มร่างบางยืนมองท้องฟ้าอยู่กลางสนามหญ้าเขียวสด ประดับด้วยหินธรรมชาติและต้นไม้เล็กใหญ่ที่ถูกดัดเลี้ยงให้ผิดรูปร่าง



ความงามที่ฝืนธรรมชาติ..



ทุกครั้งที่รู้สึกกดดันจนทนไม่ไหว  เขาจะมายืนอยู่ตรงนี้ .. ยืนมองกิ่งก้านบิดเบี้ยว แล้วบอกตัวเองว่าต้องทนให้ได้  แล้วเขาจะเติบโตเป็นไม้ใหญ่ได้อย่างต้นไม้เหล่านี้



"ได้เวลาแล้วครับ"



เด็กหนุ่มหันหลังเดินตามคนขับรถ ตามทางเดินปูด้วยแผ่นหิน ลัดเลาะจากสวนด้านหลังจนถึงด้านหน้าตึก ... หรืออาจเรียกได้ว่า  คฤหาสน์..



มันเพิ่งถูกเปลี่ยนมือมาเป็นของนายฮอนดะเมื่อสองปีก่อน เวลาเดียวกับที่รับอุปการะเขาเข้ามาเป็นบุตรบุญธรรม ...



ประตูรถสีดำสุดหรูถูกเปิดรอไว้แล้ว ผู้ที่นั่งอยู่ตรงเบาะด้านหลังคนขับคือนายฮอนดะ เด็กหนุ่มเดินมาหยุดข้างๆรถอย่างลังเล แม้จะได้ชื่อว่าเป็นลูกบุญธรรม แต่เด็กหนุ่มก็ได้รับการปฏิบัติจากคนอื่นๆในบ้านไม่ต่างจากผู้อาศัย ยามที่ต้องตามนายฮอนดะไปงานสังสรรค์หรือไปทำธุระแทนตามคำสั่งเท่านั้นจึงจะมีรถไปรับส่ง



"ขึ้นมาสิ วันนี้ไม่ต้องไปนั่งข้างคนขับหรอก ฉันไม่อยากให้บ้านโน้นคิดว่าฉันรับนายมาเป็นเด็กรับใช้"



ประตูรถปิด รถคันใหญ่เล่นผ่านประตูรั้วสูงใหญ่บังคับด้วยระบบอัตโนมัติ พ้นจากรั้วกำแพงสีทึบหม่น มุ่งหน้าสูสถานที่แห่งหนึ่งที่เด็กหนุ่มรู้ว่าเป็นที่ไหน ไปพบใคร และเพื่ออะไร  สิ่งเดียวที่เขาไม่รู้คือ.. ทำไม?



"เธอไม่จำเป็นต้องรู้! แค่ทำตามคำสั่งก็พอ"



เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรอีก เฝ้าเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าที่เคลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ พลางครุ่นคิดถึงบางสิ่ง รอเวลาให้รถแล่นไปถึงจุดหมาย..



คำสั่ง...



ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ก็ต้องทำตามคำสั่งมาตลอด จะไปไหน ทำอะไร ก็ต้องมีคนคอยดูแล หรือที่จริงแล้ว.. คอยเฝ้าจับตามองมากกว่า



"ตั้งแต่วันนี้ไป เธอจะต้องทำตามที่ฉันสั่ง ทุกอย่าง!"



ทุกอย่าง..การปฏิบัติตัวในสังคม ที่นายฮอนดะมองว่าเป็นสังคมชั้นสูง  การพบปะผู้คน  มหาวิทยาลัยที่เลือกเรียน  การคบหาเพื่อน ทุกอย่างอยู่ในสายตาและอยู่ภายใต้คำสั่งของนายฮอนดะทั้งหมด



แม้กระทั่ง... การกลับไปหาพี่น้อง  บ้านที่เขาจากมา..



"เธอเลือกแล้วที่จะมาอยู่ที่นี่  เพราะฉะนั้นต้องทิ้งอดีตของตัวเองให้หมดห้ามกลับไปพบหรือพูดคุยกับคนที่บ้านนั้นอีกเป็นอันขาด  ถ้าไม่อยากทำหรือทำไม่ได้ ก็กลับไปซะ!!! กลับไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าของเธอ"



อยากกลับไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เหยียบเข้ามาในบ้านหลังนี้ แต่สีหน้าของทุกคนที่ถูกเขาทิ้งเอาไว้ข้างหลังก็ทำให้ถอยกลับไม่ได้  ..



ที่นั่น...บ้านหลังนั้นไม่ต้อนรับเขาอีกแล้ว...



ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะทิ้งทุกอย่าง ... แล้วสั่งให้เขากลับไปอีกทำไม?








รถยนต์สีดำเลี้ยวเข้าสู่แนวรั้วกำแพงอีกแห่งหนึ่ง แต่ภายในรั้วสีขาวสะอาดตานี้ มีพื้นที่กว้างสีเขียวสด ต้นไม้สูงใหญ่ร่มครึ้ม ให้ความรู้สึกสดชื่น เย็น และสงบ..



และท่ามกลางแมกไม้สวนสวย มีเรือนญี่ปุ่นหลังไม่เล็กนักตั้งอยู่อย่างสง่างาม มันอาจเคยเป็นบ้านของตระกูลผู้มีอันจะกินแต่ตอนนี้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นเรือนรับรอง สำหรับนักธุรกิจที่อยากจะเจรจาค้าขายแบบส่วนตัวหรือ และเรื่องอื่นๆที่เป็นความลับ ไม่อยากให้ล่วงรู้ไปถึงหูคู่แข่ง



ตัวเรือนด้านหลังถูกแยกออกจากกันเป็นสัดส่วน ปิดกั้นสายตาจากคนภายนอกด้วยรั้วต้นไม้สูงทึบ แต่จัดวางสลับกับไม้ประดับอื่นๆทำให้ดูแล้วไม่รู้สึกว่าอึดอัด เด็กหนุ่มเดินตามนายฮอนดะไปตาม ทางเดินปูด้วยแผ่นหินเย็นเฉียบ ไปยังเรือนที่ได้จองเอาไว้พลางนึกอิจฉาต้นไม้



ดีจริงนะ...ได้เติบโตอย่างอิสระ ไม่ต้องถูกบังคับให้เป็นต้นไม้รูปร่างบิดเบี้ยวๆตามใจใคร



"เชิญค่ะ"



พนักงานต้อนรับผายมือไปยังห้องด้านใน เธอเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย รูปร่างดี กิริยามารยาทคงจะถูกฝึกฝนมาอย่างดีเสียด้วย เพราะเมื่อนายฮอนดะเดินผ่านไปโดยไม่เอ่ยคำขอบคุณ หรือแม้ถูกคนขับรถของนายฮอนดะมองอย่างหยามหมิ่น หญิงสาวในชุดกิโมโนตัดเย็บจากผ้าเนื้อดีก็ยังยิ้มได้แบบไม่ฝืน เคย์จึงอดไม่ได้เป็นฝ่ายกล่าวขอบคุณแทน  ทำให้ถูกดุกลับมา



"คุณเคย์ไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้พนักงานระดับนี้ก็ได้ครับ ยังไงซะเขาก็ทำงานแลกเงิน เป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว"



"ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้จัดอยู่ในระดับเดียวกับคุณหรอก!!"



ยาโอโตเมะ ฮิคารุ ก้าวออกมาจากด้านในห้อง จ้องมองไปที่คนขับรถของนายฮอนดะด้วยสายตาดูแคลน



"ผมจะแนะนำให้รู้จัก นี่คุณยามาดะ ยูคาริ คุณพ่อของเธอเป็นเจ้าของที่นี่ เธอมาเรียนรู้งานเพื่อจะรับเป็นผู้สืบทอดกิจการต่อจากคุณพ่อของเธอ"



พอรู้ว่าใครเป็นใคร คนขับรถก็เปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมรวดเร็วยิ่งกว่ากิ่งก่าเปลี่ยนสี แม้แต่นายฮอนดะเองก็ทักทายยูคาริอย่างสุภาพ ฮิคารุไม่อาจทนมองความเสแสร้งเช่นนี้ได้ จึงเดินกลับเข้าไปนั่งรออยู่ด้านใน  นายฮอนดะมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อยที่ได้เห็นฮิคารุสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ทับด้วยสูทสีเทาสีเดียวกับกางเกง นั่งคุกเข่าเรียบร้อยอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง



"แปลกใจหรือครับ ที่ผมรู้จักมารยาทดีกว่าคนขับรถของคุณ คุณพ่อน่ะเคี่ยวเข็ญผมมาตั้งแต่จำความได้ ถึงไม่อยากจะจำมันก็เข้าหัวอยู่ดีนั่นแหละ"



ฮิคารุเอ่ยเรียบๆ ทำให้คนขับรถที่กำลังจะก้าวเข้ามาในห้องชะงักกึก นายฮอนดะจึงรีบหันไปดุคนของตัวเองแล้วไล่ให้ไปรออยู่ด้านนอก



"ที่จริง ผมก็ไม่อยากยุ่งเรื่องการอบรมคนของคนอื่นเท่าไหร่ แต่การให้คนแบบนี้มาคอยติดตาม จะทำให้เสียงานได้นะครับ"



"เอาไว้ผมจะจัดการเอง มาคุยเรื่องธุระของเราดีกว่า ที่นัดผมมาวันนี้มีอะไร?"



อันที่จริงแล้ว ฮิคารุนัดเคย์เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ก็ไม่แปลกใจนักถ้าหากว่าจะมีใครอื่นติดตามมาด้วย



"เคย์ยังไม่คุ้นชินกับสังคมแบบนี้เท่าไหร่ เกรงว่าจะทำอะไรเสียมารยาท"



"กับคู่หมั้นคงไม่ต้องมีมารยาทมากนักหรอกครับ ผมไม่คิดจะหมั้นกับหุ่นยนต์หรอก"



นายฮอนดะหน้าชื่น มองฮิคารุหยิบเอกสารจากแฟ้มข้างตัวขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ แต่สีหน้าของนายฮอนดะเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นจำนวนตัวเลขและชื่อของผู้ที่อยู่ในเอกสารนั้น



"นี่ไม่ใช่จำนวนที่เราตกลงกันไว้ และกรรมสิทธิ์ก็จะต้องโอนเป็นชื่อผมต่างหาก"



"ครับ " ฮิคารุยิ้มอย่างใจเย็น "ผมเห็นว่าควรจะโอนให้เพียงครึ่งเดียวก่อน และในเมื่อเป็นของหมั้น ผมโอนให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าตัวก็เหมาะสมดีนี่ครับ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะโอนให้ ..หลังจากที่แต่งงาน"



เสียงไอค่อกแค่กของร่างบางดังขึ้นทันทีที่ฮิคารุพูดจบ เคย์เกิดสำลักน้ำชาที่กำลังจะยกถ้วยขึ้นดื่ม จนถูกนายฮอนดะซึ่งหงุดหงิดเพราะเงื่อนไขไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ดุเอาว่าเสียมารยาท



"แล้วยาโอโตเมะซังว่ายังไงบ้าง"



"คุณพ่อเห็นชอบกับเรื่องนี้แล้ว แต่ถ้าคุณไม่เห็นด้วยก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก"



ฮิคารุลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนนายฮอนดะแทบจะรั้งไว้ไม่ทัน รับเอกสารจากมือฮิคารุไปให้เคย์เซ็นโดยไม่ปริปากสักคำ ก่อนจะขอตัวกลับ



"ผมยังมีเรื่องจะต้องคุยกับเคย์ เป็นการส่วนตัว"



เน้นประโยคหลังเป็นเชิงไล่ แต่นายฮอนดะก็ยังนั่งเฉย ดื่มน้ำชาสบายอารมณ์



"ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอะไรหรอกครับ แค่คิดว่าผู้ใหญ่อาจจะรับไม่ได้กับบางเรื่องของหนุ่มๆ ก็เท่านั้น แต่ถ้าอยากจะอยู่ฟังผมไม่ว่าอะไร"



ฮิคารุยิ้มเย็น เคย์รู้ดีว่านั่นไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด ถ้าเปรียบเทียบกันระหว่างฮิคารุกับยูยะ คนตรงหน้านี่แหละที่เดาใจยากที่สุด และเขาก็ไม่อยากจะเดา



"ผมแค่อยากจะถามว่า ระหว่างผมกับเคย์ ใครจะเป็นฝ่ายรับ?"









"ไอ้เด็กบ้า!!! อยู่ๆมาพูดเรื่องแบบนี้จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกัน!!"



นายฮอนดะเอะอะอยู่ในรถมาตลอดทาง มือก็ปัดๆเช็ดๆสูทราคาแพงที่แต่งไปเต็มยศ แต่กลับต้องมาเปื้อนน้ำชาร้อนๆเสียเกือบครึ่งตัว เพราะทำถ้วยน้ำชาหลุดมือ  อย่าว่านายฮอนดะจะตกใจเลย เคย์เองก็พูดอะไรไม่ออก ตั้งแต่ตอนที่พูดถึงเรื่องแต่งงานแล้ว



นี่คงไม่คิดจะแต่งงานกับฉันจริงๆใช่ไหม? ฮิคารุ



"ไอ้เด็กนั่น!! มันเหลี่ยมจัดนัก โอนหุ้นให้เป็นชื่อเคย์เพื่อเป็นของหมั้น อีกครึ่งที่เหลือจะโอนให้ตอนแต่งงาน นึกว่าฉันโง่หรือไง แบบนี้หุ้นที่ได้มาทั้งหมดก็จะกลายเป็นสินสมรส เท่ากับว่าฉันไม่ได้อะไรเลยน่ะสิ!! เวรเอ๊ยยย!!!"



บางที เคย์ก็คิดว่านายฮอนดะคนนี้เป็นนักธุรกิจที่ไม่ได้เก่งกาจอะไร เพราะสร้างตนจากการยึดกิจการของคนอื่น จึงไม่ได้รู้จักเล่ห์เหลี่ยมในวงการธุรกิจเท่าที่ควร  ฮิคารุนั้นถึงจะไร้ประสบการณ์ในวงการนี้ แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังฮิคารุนั้นล้วนแต่เป็นมือระดับพระกาฬ ผ่านสมรภูมิการช่วงชิงโอกาสและผลประโยชน์มานับครั้งไม่ถ้วน มีหรือจะยอมให้ฮิคารุเอาหุ้นของโรงแรมมาเป็นของหมั้นตามข้อเสนอของนายฮอนดะได้ง่ายๆ



หุ้นจำนวนที่จะทำให้นายฮอนดะเปลี่ยนสถานะจากผู้ถือหุ้นอันดับสาม ขึ้นมามีสิทธิ์ในการบริหารเป็นอันกับสองเท่ากับพ่อของฮิคารุ



แล้ววันนี้นายฮอนดะก็ถูกฮิคารุหักหน้าถึงสองครั้งสองหน เรื่องหุ้นก็หนึ่งล่ะ เรื่องที่ตกใจจนทำน้ำชาหกรดตัวเองนั่นก็อีก เขาก็ไม่นึกจริงๆว่าฮิคารุจะถามเรื่องนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย



นายนี่บ้าไม่เคยเปลี่ยนจริงๆนะ... ฮิคารุ







ฮิคารุนอนขำกลิ้งอยู่บนเสื่อทาทามิ หมดมาดคุณชายสุขุมเยือกเย็น อยู่ในเรือนรับรอง หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียวด้วยความสะใจ



"ได้แกล้งคนนี่มันสะใจจริงๆโว้ย!!"



สีหน้าของนายฮอนดะตอนที่เขาถามเคย์ว่าใครจะเป็นฝ่ายรับนั่นน่ะ ตลกสุดๆ หน้าตาเหมือนลิงตกต้นไม้  เสียดายน่าจะเอากล้องวิดีโอติดมือมาด้วย จะได้ถ่ายไปอวดคนที่โรงแรม



แต่พอนึกถึงหน้าตาของอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆนายฮอนดะแล้ว ความรู้สึกอยากจะหัวเราะก็เหือดหายไป



ถึงจะพยายามไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่มองตาฉันอย่างจับผิดสงสัยแบบนั้นน่ะ นายอยากจะรู้ใช่ไหมว่าฉันจะแต่งกับนายจริงๆรึเปล่า..



นายคิดว่าคำตอบคืออะไรล่ะ..เคย์



เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายคือยูยะที่โทรฯมาเรียกฮิคารุให้กลับไปช่วยงานที่โรงแรม



"คร๊าบบบบ!! ไปเดี๋ยวนี้แล้วไอ้คุณชาย!!"








เสียงฝีเท้าวิ่งตึ๊กตั๊กจากไปแล้ว ในเรือนรับรองมีเพียงความว่างเปล่าและเงียบสงัด...



"นี่นาย!! จะเบียดอะไรนักหนาเนี่ย ร้อน!!"



"ก็ที่มันแคบนี่หว่า อย่าบ่นมากได้มั๊ย"



"รู้งี้ฉันไม่มาหรอก หลงนึกว่าจะพามาเลี้ยงข้าว ที่ไหนได้ดันพามายัดอยู่ในตู้แคบๆแอบฟังความลับของชาวบ้าน"



ความลับเหรอ..



"แล้วเราควรจะทำยังไงกับความลับนี้ดีล่ะ ริวทาโร"



เด็กหนุ่มอีกคนเงียบไป แสงสลัวๆที่ลอดผ่านประตูกระดาษเข้ามาจางๆ ทั้งสองคนถอนหายใจพร้อมกัน  จะให้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็ได้อยู่หรอก หากว่าทั้งสองคนไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกับฮิคารุและเคย์ล่ะก็



ยิ่งไปกว่านั้น.. ไดกิรู้เรื่องนี้หรือยัง ถ้าหากว่ารู้แล้ว.. จะรู้สึกอย่างไร  ที่เพื่อนรักและคนรักกลายเป็นคู่หมั้นกันไปแล้ว



"อย่าเพิ่งถามได้มั๊ย ออกไปจากตู้นี่ก่อนเถอะ ฉันหายใจไม่ออก จะตายอยู่แล้ว!!"



กรอบประตูไม้กรุด้วยกระดาษสาบางๆเลื่อนเปิดออก ทั้งสองคนล้มแผละออกมาพร้อมกัน ขายังพาดอยู่กับขอบประตู  นอนแผ่กางแขนกางขาอยู่บนเสื่อ ก่อนหน้านั้นทั้งยามาดะวิ่งหนีพี่สาวตัวเองมาหลบในเรือนนี้เพราะคิดว่าไม่มีใครใช้ แต่พอชะโงกหน้าออกไปดูอีกทีก็เห็นยูคาริเดินนำฮิคารุพามุ่งตรงมาทางนี้  ยามาดะก็ลากริวทาโรเข้าไปหลบในตู้เก็บของ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่หลบพี่สาวได้ แต่กลับต้องมารับรู้เรื่องนี้



แต่ยังไม่ทันสูดหายใจให้เต็มปอด เสียงเดินก็ดังแว่วมา ยามาดะลุกพรวดคนข้างๆเลยพลอยตกใจไปด้วย แต่ไม่มีเวลาได้ถามยามาดะก็ดึงอีกคนให้ตามไปด้วย ทั้งสองคนไปหลบอยู่หลังประตูอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเปิดกว้างออกไปสู่สวนเล็กๆเขียวขจี ที่ผู้ออกแบบให้สวนนี้สามารถบดบังผู้มาเยือนจากสายตาคนภายนอกได้อย่างแยบยล



"นายหลบพี่สาวตัวเองทำไมเนี่ย"



ริวทาโรถาม หลังจากที่ยามาดะ ยูคาริ เข้ามาสำรวจภายในห้องไม่พบใคร และเดินจากไปแล้ว



"ฉันเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันรวมญาติน่ะสิ ขืนถูกเจอโดนลากเข้าไปร่วมงานด้วยแน่ๆ"



"อ๋อ~ นายไม่ชอบงานแบบนี้สินะ"



ริวทาโรทำเสียงล้อเลียน ไม่อยากถูกเอาไปเปรียบเทียบกับพวกญาติๆที่เรียนเก่งกว่า หัวดีกว่าล่ะสิ



"นายชอบหรือไง พาลูกหลานมาอวดความสามารถ อวดถ้วยรางวัล เหมือนจูงหมามาเดินประกวด"



ริวทาโรส่ายหน้า พอได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดของอีกคนแล้ว ความคิดที่อยากจะตะโกนดังๆให้ยูคาริรู้ว่าน้องชายอยู่ตรงนี้ก็หายไป  เพราะเขาเองก็ไม่ชอบ ถึงที่บ้านจะไม่ได้เข้มงวดเรื่องมารยาทหรือผลการเรียน แต่เวลาไปอยู่ร่วมกับญาติแล้วเขาก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกลายเป็นส่วนเกินเหมือนกัน










แล้วสุดท้าย..ข้าวที่ยามาดะบอกว่าจะเลี้ยงก็คือ แฮมเบอร์เกอร์เนื้อกับน้ำอัดลม ณ บรรยากาศทางลาดสนามหญ้าริมแม่น้ำยามค่ำ เป็นที่เดียวที่ทางบ้านไม่สามารถตามตัว ยามาดะ เรียวสุเกะได้   ริวทาโรนั่งชันเข่าลงบนพื้นหญ้า วางศอกบนหัวเข่าเท้าคางนั่งมองแสงสีส้มอ่อนที่กำลังจางหายไปจากฟ้า คิดอะไรเรื่อยเปื่อยระหว่างที่รอยามาดะ



แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องไปร้านหรูๆ ไม่ต้องรักษามารยาท..



"แล้วทำไมฉันต้องหลบๆซ่อนๆตามหมอนั่นด้วยล่ะ!!"



บ้าเอ๊ย!! ไม่ได้เห็นแก่กินขนาดนั้นซักหน่อย!!  ริวทาโรคิดอย่างขุ่นเคือง ล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า



"กลับไปกินข้าวที่บ้านก็ได้นี่นา เรื่องอะไรจะต้องรอกินพร้อมหมอนั่น กะอีแค่แฮมเบอร์เกอร์"



แต่ว่า..ที่หมอนั่นบอกว่าจะเลี้ยงก็เพราะเขาบ่นกรอกหูยามาดะบ่อยๆว่าชอบมาแย่งข้าวนี่นา ถ้ากลับมาไม่เจอคง...



"อยู่ก็ได้ นี่เพราะไม่อยากให้นายหาเรื่องมาทะเลาะกับฉันหรอกนะ"



"บ่นอะไรของนาย"



ยามาดะเดินเข้ามา ในมือถือโคล่าแก้วใหญ่สองแก้ว แต่ถุงกระดาษใบใหญ่ที่หอบมาในอ้อมแขน ทำให้ริวทาโรสงสัยว่าแฮมเบอร์เกอร์ที่ยามาดะซื้อมา น่าจะเป็นปริมาณสำหรับคนสิบคนแน่ๆ



"ซื้อเผื่อคนที่บ้านเหรอ?"



"พูดมาก!! จะกินมั๊ย!! อุตส่าห์ไปยืนรอตั้งนานกว่าจะได้"



รอนานเพราะซื้อเยอะมากกว่าคนเยอะละมั้ง ริวทาโรรับแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นหนึ่งมาแกะด้วยความหิวจัด แต่คนข้างๆไวกว่า ยัดแฮมเบอร์เกอร์เข้าปากไปแล้วครึ่งชิ้น พอริวทาโรกัดคำที่สองยามาดะก็เริ่มแกะแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นที่สองแล้วเหมือนกัน



"ชีวิตนี้ไม่คิดจะกินอย่างอื่นนอกจากเนื้อใช่มั๊ยเนี่ยนาย ระวังเถอะ! กินมากๆเดี๋ยวก็กลายเป็นวัว"



ไม่มีเสียงตอบ อาจเป็นเพราะมีเนื้ออยู่เต็มปากก็เป็นได้ แต่คนอย่างยามาดะมีหรือจะยอมแพ้ ไอ้ที่เคี้ยวๆจนเต็มแก้มก็กลืนลงไปแบบเร่งด่วนเพราะกลัวเถียงไม่ทัน สุดท้ายไม่ทันจะได้พูดซักแอะก็สำลักจนพูดไม่ออก ริวทาโรหัวเราะก๊ากด้วยความสะใจ แต่ยังมีน้ำใจยื่นแก้วโคล่าให้คนข้างๆ



"สมน้ำหน้า ตอนนี้ไม่เหมือนวัวแล้วแต่เหมือนหมาที่บ้านตอนกระดูกติดคอมากกว่า"



ยามาดะสำลักยิ่งกว่าเดิม ริวทาโรยิ่งได้ทีหัวเราะเสียงใส มื้อค่ำวันนี้อร่อยสุดๆไปเลยน๊า~










"ทำอารายยย กานนอยู่"



เช้าวันนี้ยูยะเดินละเมอเข้ามาในห้องครัว ไม่หรอก..ที่จริงยูยะตื่นแล้วแต่เดินหลับตาต่างหาก แต่ด้วยความสามารถอันหายากยิ่ง ขนาดว่าเดินหลับตายังเดินไปหายาบุที่กำลังเคาะกระทะก๊องแก๊งอยู่หน้าเตาได้ พอไปถึงก็เอาคางไปเกยแหมะอยู่ตรงไหล่ผอมๆแบบไม่สนใจว่าใครจะมอง



"หอม"



ฮิคารุอยากประเคนรางวัล "จอมเนียนดีเด่น" ให้เพื่อนซี้ด้วยลูกถีบหนักๆสักสองสามที  อยากรู้นัก ไอ้ที่ว่าหอมน่ะ ของกินในกระทะหรือคนกันแน่!! แต่ตัวฮิคารุเองก็มีสภาพไม่ต่างจากยูยะ เมื่อคืนมีงานเลี้ยงต้อนรับกลุ่มสัมนาจากต่างประเทศ แขกทุกคนดื่มกินกันเต็มที่ พอเมาแล้วก็ไม่อยากจะกลับห้อง พนักงานหลายคนก็ต้องอยู่รอส่งแขกจนคนสุดท้าย รวมทั้งตัวเขากับยูยะด้วย



เขาออกจะชื่นชมเพื่อนอยู่ไม่น้อยว่าเมื่อคืนกว่าจะได้นอนตั้งตีสาม ยูยะยังสามารถขุดตัวเองออกจากเตียงได้ตอนแปดโมงเช้า  ส่วนตัวเขา ถ้าไม่ได้ยาบุคอยสะกิดด้วยปลายเท้าทุกห้านาทีละก็ป่านนี้คงยังมุดอยู่ในกองผ้าห่มนั่นแหละ



"หิว"



"หิวก็ไปนั่งรอกับฮิคารุโน่น อย่ามายืนตรงนี้ เกะกะ"



ยูยะเบี่ยงตัวหลบตะหลิวร้อนๆในมือยาบุ มานั่งตรงโต๊ะเล็กๆในมุมหนึ่งของห้องครัว ที่แยกส่วนไว้สำหรับพนักงานโดยเฉพาะ



"ทำไมต้องตื่นเช้าขนาดนี้ด้วยวะ? แค่เรื่องอาหารเช้าปล่อยให้คนอื่นดูแลไปก็ได้"



"ไม่ได้ว่ะ กรุ๊ปนี้เป็นกรุ๊ปใหญ่มาก แขกจะทยอยเข้าตลอดเดือนนี้ทั้งเดือน ถ้าทำได้ดี ปีหน้าคนจัดงานก็อาจจะเลือกที่นี่อีก ฉันไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด"



ตั้งแต่ทำงาน ยูยะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ไม่เหมือนฮิคารุที่วันๆเอาแต่เที่ยวเล่นสนุกสนาน ทั้งยาบุและไดกิก็ด้วย ฮิคารุก็เลยไม่อยากยอมแพ้



อย่างน้อย...สักวันหนึ่งพ่อก็คงจะมองเขาด้วยสายตาชื่นชมบ้าง



"ยาบุ~ทำอะไรกิน ฉันหิวแล้ว"



ยาบุสวมผ้ากันเปื้อนสีขาว หันหลังละสายตาจากกระทะ เท้าสะเอว มองกลับมาด้วยอารมณ์ประมาณว่า ถ้าถามมากไปกว่านี้อาจจะมีกระทะแถมมาด้วย ยูยะเลยต้องหุบปากนั่งรอเงียบๆ



รอจนกระทั่งยาบุถือจานใบใหญ่ รองด้วยกระดาษไขสำหรับซับน้ำมันฉลุลายลูกไม้ มีของทอดหน้าตาแปลกๆวางจนพูนจาน



"แซนวิชจากงานเมื่อคืน เหลืออยู่เยอะ อุ่นไมโครเวฟแล้วไม่อร่อยเลยเอามาชุบไข่แล้วทอดดู ลองกินดูซิ"



"อร่อยดี ถ้าทำให้ดูน่ากินอีกหน่อย น่าจะเอามาจัดเป็นค็อกเทลได้นะ"



ยูยะออกความเห็นไปด้วยเคี้ยวไปด้วย  เดิมไปอีกมุมหนึ่งของครัว หยิบแซนด์วิชที่เหลือกับแม่พิมพ์อันเล็กๆไปทำอะไรซักอย่าง แล้วก็หันกลับมาอวดผลงานด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่งบานพอๆกับจานในมือ



ฮิคารุชะโงกหน้าเข้าไปดูแซนวิชรูปหัวใจที่กองอยู่เต็มจานแล้วเกิดอาการจุกพูดไม่ออก ไม่รู้อะไรดลใจให้ยูยะใช้แม่พิมพ์รูปนั้น แถมยังเอาไม้อันเล็กๆเสียบหัวใจทั้งสองดวงซ้อนกันไว้เป็นคู่ๆ เหมือนรูปหัวใจคู่มีลูกศรปัก จากนั้นก็หันไปมองหน้ายาบุที่กำลังอึ้ง  ฮิคารุอยากรู้ว่ายาบุเจอไม้นี้แล้วจะทำยังไง



เขาไม่เชื่อหรอกว่ายาบุจะไม่รู้ความในใจของยูยะ ขนาดพนักงานยังรู้กันทั้งโรงแรม แล้วทำไมยาบุถึงยังเฉยอยู่ได้อีก



"ก็เข้าท่าดีนะ เอาไปใช้ในวันวาเลนไทน์น่าจะดี"



ยาบุรับจานไปแล้วเทแซนวิชรูปหัวใจทั้งหมดลงไปในชามไข่ที่ตีเอาไว้ก่อนหน้า ก่อนจะหยิบลงไปทอดในน้ำมันที่กำลังร้อนได้ที่ ยูยะเองก็กลับมานั่งที่โต๊ะ หยิบแซนด์วิชที่เหลือเข้าปากเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ



บรรยากาศในห้องครัวเล็กๆเงียบลง ได้ยินเพียงเสียงตะหลิวกับกระทะ ฮิคารุเลยต้องหาเรื่องคุยเพื่อทำลายความรู้สึกอึดอัดแปลกๆนี่



"มีใครรู้บ้างว่าไดจังอยู่ไหน?"








คนที่ฮิคารุถามถึง กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟาในห้องพักห้องหนึ่งภายในโรงแรมเดียวกัน และในห้องนั้นมีใครอีกคนที่กำลังนั่งมองใบหน้ายามหลับด้วยความรุ้สึกขุ่นใจนิดๆ



เรารึอุตส่าห์เป็นห่วง ไม่อยากให้นอนพักในห้องทึบๆแคบๆให้เสียสุขภาพ ทั้งเคี่ยวเข็ญบังคับกว่าจะยอมมานอนในห้องนี้ได้ กลับหนีไปนอนที่โซฟาแทนที่จะเป็นเตียงที่อุ่นสบายกว่า



ดื้อจริงๆ...



นี่ถ้าไม่ขู่ว่าจะไปอุ้มมา  ก็คงไม่ยอมมาใช่ไหม



เคย์โตะเลื่อนตัวลงจากเตียง มองร่างบางนอนเอามือซุกอยู่ระหว่างอก ตัวงอเพราะหนาวแรงลมจากเครื่องปรับอากาศ ผ้าห่มที่ให้ถูกเอามาห่มคืนให้ตัวเขาแล้วตัวเองก็ทนหนาวห่มผ้าห่มผืนบางๆ ทั้งๆเสื้อผ้าของตัวเองก็ไม่ได้ช่วยให้อุ่นขึ้นเลย



ร่างสูงสอดแขนเข้าไปใต้ร่างบาง สัมผัสได้ถึงผิวกายเย็นๆ แล้วยิ่งนึกโมโหในความดื้อดึงของอีกฝ่าย



"จะทำอะไรน่ะ"



ไดกิลืมตาตื่นทันที ตกใจที่อยู่ๆตัวเองก็ถูกอุ้ม พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ดิ้นสุดกำลัง แต่คนอุ้มไม่ใช่แค่ตัวสูงกว่าเขา แต่ยังแข็งแรงกว่ามากด้วย ถ้าเทียบกับกล้ามเนื้อของเคย์โตะที่เขาเห็นบ่อยๆตอนที่หมอนี่เดินออกจากห้องน้ำแล้วพันตัวด้วยผ้าเช้ดตัวผืนเดียวละก็  กล้ามที่ไดกิเคยภูมิใจหนักหนาก็กลายเป็นไม้จิ้มฟันไปเลย



"โอ๊ย!!"



ร่างบางร้องออกมา ไม่ใช่ว่าเจ็บ แต่ตกใจมากกว่าที่อยู่ๆก็ถูกโยนลงบนเตียง



"ทำไมถึงดื้อนัก! บอกให้มานอนบนเตียง ก็หนีไปนอนบนโซฟา ให้ห่มผ้าก็เอามาคืน อยากจะเป็นหวัดมากนักรึไง!"



น้ำเสียงเรียบๆแต่แฝงความจริงจังทำให้ไดกิไม่กล้าแม้แต่จะโวยวายที่ถูกแกล้ง มีแต่จะหลบตาอ้อมแอ้มตอบกลับไปว่ากลัวจะรบกวนเจ้าของห้องเท่านั้น



"นายเป็นแฟนฉันนะ! นอนเตียงเดียวกันจะต้องกลัวอะไร ฉันไม่ได้คิดจะปล้ำนายซักหน่อย"



ประโยคหลังทำคนฟังสะดุ้ง แล้วแก้มป่องๆก็เริ่มแดงเหมือนถูกแดดเผา ร่างสูงงงกับอาการเขินจนแทบจะกัดหมอนของแฟนตัวเองอยู่ชั่วครู่ แล้วก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา



"ฉันไม่คิด แต่นายคิดใช่ไหม? ลามกนี่นาไดจัง"



ไดกิทำตาเขียวใส่น้ำเสียงล้อเลียนของเคย์โตะ แต่แล้วก็ต้องตาเหลือกเพราะร่างสูงล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมๆกับที่รวบตัวร่างบางลงนอนเคียงข้างกันด้วย ไดกิหลับตาแน่น รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆรินรดพวงแก้ม



"ไดจัง"



น้ำเสียงทุ้ม ลุ่มลึกนั้นกระซิบอยู่ข้างหู หัวใจของไดกิเต้นระรัว ร่างบางสูดหายใจลึก พลางนึกในใจว่าจูบครั้งนี้จะยาวนานจนเขาขาดใจตายหรือเปล่า



"อาทิตย์หน้าไปเดทกันนะ"



หา? ไดกิร้องถามตัวเองอยู่ในความมืดอย่างไม่แน่ใจ เขายังคงหลับตาแน่นสนิท แต่ในเมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้นอีกนอกจากคำถามเมื่อครู่ เขาจึงลืมตาขึ้นมองใบหน้าของร่างสูงที่นอนหนุนหมอนใบเดียวกัน และกอดเขาเอาไว้



เห็นแววขำขันที่ปิดไม่มิดในดวงตาเรียวคู่นั้นแล้วก็ทำให้โมโหตัวเองขึ้นมา  นี่คิดไปได้ไงว่าอีกฝ่ายจะจูบ? บ้าจริง!!!



"นายยังไม่ตอบฉันเลย"



"ไม่ว่าง!! ฉันไม่ได้รวยแบบนายนะจะได้มีเวลาไปเที่ยวเล่น"



"อาทิตย์หน้านายหยุดไม่ใช่เหรอ?"



ไดกิมองคนข้างๆด้วยความประหลาดใจ



"รู้ได้ไง?"



"ก็ดูจากโทรศัพท์ของนาย"




โทรศัพท์มือถือของไดกิใช่ว่าจะเป็นรุ่นใหม่นำสมัย หรือตามสมัยอย่างคนอื่นๆ ก็แค่โทรศัพท์มือถือธรรมดา ราคาไม่แพงมาก ที่ตัวเจ้าของโทรศัพท์เองก็ใช้ฟังก์ชั่นเสริมอยู่ไม่กี่อย่าง ไม่มีออร์แกไนซ์เซอร์ ดังนั้นตารางการทำงานของไดกิ ทั้งเวลาเข้างาน เลิกงาน รวมทั้งวันหยุด อัดแน่นอยู่ในฟังก์ชั่นปฏิทิน




วูบหนึ่งไดกินึกโกรธที่อีกฝ่ายแอบดูเรื่องส่วนตัวของเขาโดยไม่บอกกล่าว  แต่พอนึกไปว่าในโทรศัพท์ ยังมีบางสิ่งที่เขายังอยากจะเก็บไว้ แต่ไม่อยากให้เคย์โตะได้เห็น




ภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ ยังคงเป็นรูปไดกิ..กับใครอีกคนที่จากไปนานแล้ว  ไดกิไม่เคยคิดจะเปลี่ยน เหมือนหัวใจตัวเอง ที่ไม่เคยเปลี่ยน




ความโกรธจึงแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิด และเห็นใจร่างสูงที่นอนอยู่ข้างๆ  ถึงเคย์โตะจะทำเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไร แต่รอยยิ้มเมื่อครู่ก็เลือนหายไปแล้ว




"เคย์โตะ"




"ไม่เป็นไรนี่ ฉันเข้าใจว่ามันคงจะลืมยาก พวกนายคบกันมาตั้งนาน บอกแล้วนี่ว่ายังไงฉันก็รอได้"




ไดกิยังคงมีสีหน้าไม่สบายใจ  ร่างสูงจึงเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือจากข้างเตียง แขนอีกข้างสอดเข้าไปใต้แผ่นหลังรั้งร่างบางเข้ามาใกล้ๆ




"จะทำอะไรน่ะ?"




"ถ่ายรูปไง เอ้า! ยิ้มหน่อย"




ไดกิยิ้มใส่กล้องอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าอยู่ๆเคย์โตะนึกสนุกอะไรขึ้นมา




"เป็นแฟนกันแล้วก็ต้องมีรูปคู่บ้างสิ เก็บไว้ในนี้ ไว้วันไหนที่นายอยากจะเปลี่ยนรูป ก็ใช้รูปนี้ก็แล้วกัน"




ความรู้สึกเสียใจ ดีใจ และซาบซึ้งแล่นขึ้นมาจนร้อนผ่าวในอก มันสับสนปนเปจนไดกิไม่อาจจะเอ่ยคำใดออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นคำว่าขอโทษ หรือขอบคุณ  เคย์โตะยิ้มอ่อนโยนให้กับดวงตาใสๆรื้นน้ำของคนข้างกาย ก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากสั่นระริก คลอเคลียแผ่วเบาอยู่ไม่นานก่อนจะถอนริมฝีปาก และยิ้มให้อีกครั้ง




ความรู้สึกเมื่อครู่ ทั้งน้ำตาหายไปแล้ว แทนที่ด้วยความเขินอายจนแก้มแทบไหม้ ไดกิไม่อยากมองตาคู่นั้น ยิ่งมองหัวใจยิ่งเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้ เขารู้ว่าร่างสูงจะไม่พอใจกับจูบเพียงแค่นี้  เพราะแขนแข็งแรงนั้นกอดเขาแน่นขึ้น ใบหน้าหล่อเหลานั้นก็ชิดใกล้ลงมาอีกแล้ว




"ไหน-ไหนบอกว่าจะรอไงล่ะ"




"ก็จะรอ แต่ระหว่างที่รอ ก็ขอกำลังใจบ้าง คงไม่มากเกินไปใช่ไหม"




ฟังแล้วต่อให้ใจแข็งแค่ไหนก็ไม่อาจจะทนได้  ไดกิหลับตาลงอย่างสับสน เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนที่กอดเขาอยู่นี้ เป็นสุภาพบุรุษแสนดี หรือปีศาจเจ้าเล่ห์จอมขโมยจูบกันแน่









ยามาดะเคาะนิ้วกับโต๊ะเรียนอย่างกังวลใจ  ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง เพื่อนๆเกือบทั้งห้องยกขโยงกันลงไปที่โรงอาหาร เหลือเพียงเขา ยูริและยูโตะ...




กับบรรดาแฟนคลับสาวๆที่แสนจะหนวกหูวุ่นวายซะจนยามาดะอยากจะโทรฯเรียกไดกิมาจัดการซะให้รู้แล้วรู้รอด  เขาอยากคุยกับยูริ แต่ก็รู้ดีว่าถ้ายูโตะได้รู้เรื่องนี้ด้วยเรื่องต้องไปถึงหูไดกิแน่ๆ ถึงยูโตะไม่ใช่คนปากพล่อย แต่ก็ไม่เคยเก็บความลับได้นาน ยูริเองก็พอจะเดาออกว่ายามาดะคงมีธุระสำคัญ แต่ติดที่อุปสรรคร่างสูง คนข้างกายยูริเองนี่แหละ




"ยูริ~อ้ามมมม~"




ยูริจำเป็นต้องอ้าปากรับชิ้นปลาที่ยูโตะป้อนให้  ทั้งๆที่อายแสนอายกับสายตาของบรรดาแฟนคลับสาวๆของยามาดะ แต่คนอย่างยูโตะ ไม่เคยคิดถึงใครให้เปลืองเนื้อที่สมอง เพราะพื้นที่ในหัวและหัวใจของยูโตะมีแต่ยูริคนเดียว




เพราะรู้แบบนี้แหละ ยามาดะถึงไม่อาจเอ่ยปากได้สะดวก ขืนเดินเข้าไปบอกว่าเขามีธุระจะคุยกับยูริเป็นการส่วนตัว ยูโตะคงโวยวายว่าเขาคิดจะแย่งแฟนมัน ไม่พอมันคงก้านคอให้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาลมาเป็นของแถม




"ยามาดะคุง ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้วล่ะ"




หิวก็ไปกินสิแม่คุณ!! ท้องติดกันหรือไงวะ!! ยามาดะคิดอย่างหงุดหงิด นี่ก็ตามอะไรกันนักหนา ลองเป็นแบบนี้เขาจะได้คุยกับยูริเมื่อไหร่กัน!!




"ยามาดะ!!!!"




ประตูห้องเปิดผางเสียงดังสนั่น  ทุกคนหันไปมองผู้มาเยือนเป็นตาเดียว ริวทาโรทำหน้าถมึงทึง เดินตึงๆมุ่งตรงไปยังโต๊ะของยามาดะ ก่อนจะกระชากคอเสื้อเจ้าของโต๊ะ




"ทำไมนายถึงไม่รับโทรศัพท์ฉันห๊า!!!!"




ยามาดะทำตาปริบๆ แม้แต่บรรดาแฟนคลับที่เคยยืนรายล้อมโต๊ะก็ถอยกรูดออกไปให้พ้นระยะมือของริวทาโร




"โทรศัพท์? อ๋อ ในชั่วโมงเรียนฉันปิดเสียงไว้น่ะ"




"งั้นเรอะ!!! ไม่ใช่เพราะมัวแต่คุยกับยายพวกนี้จนไม่สนใจจะรับสายหรือไง?"




"ถ้าเป็นอย่างงั้นแล้วจะทำไมล่ะ?"




ยามาดะถามหน้าซื่อๆ วิธีนี้ได้ผลทุกครั้งเวลาที่นึกอยากจะยั่วให้อีกฝ่ายโกรธเล่นๆ แต่วันนี้ยามาดะคงยังไม่รู้ตัวว่าชะตาอาจถึงฆาต เพราะตอนนี้ริวทาโรกำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว




"แล้วจะทำไม..จะทำไมงั้นเหรอ?"




ริวทาโรเข่นเขี้ยวถามเสียงเย็น กระชากยามาดะลุกขึ้นจากโต๊ะ แล้วลากร่างหนาที่ยังไม่รู้ว่าตัวทำอะไรผิดออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว











"ริวทาโร! ฉันไปทำอะไรให้นายโกรธเนี่ย!!!!"




กว่าจะรู้ตัวว่าถูกโกรธเข้าจริงๆ ยามาดะก็ถูกลากมาจนถึงสวนหลังโรงเรียน แล้วก็เกือบจะถูกหมัดเหวี่ยงใส่หน้าหล่อๆถึงสามครั้งสามหน ยังดีว่าไหวตัวทัน รวบข้อมือบางเอาไว้ได้




"อย่ามาตีหน้าซื่อ!! นายกล้าดียังไงถึงมาขู่ฉัน ตายซะ!!"




มือจะไม่เป็นอิสระ แต่ขายังว่าง แต่ลูกเตะของริวทาโรก็วืดผ่านอากาศอย่างน่าผิดหวัง ยามาดะกระโดดหลบไปได้ และหลังจากเล่นกระต่ายขาเดียวอยู่ไม่ถึงนาที ยามาดะก็รวบกอดร่างบางไว้ได้




"ปล่อยฉัน!!!"




"ปล่อยให้โง่สิ!! ฉันยังไม่อยากตายนี่หว่า"




ริวทาโรดิ้นจนหอบ แต่ก็ดิ้นไม่หลุด ยามาดะปล่อยให้ร่างบางดิ้นจนหมดแรงก่อน จึงค่อยๆถามหาต้นสายปลายเหตุ




"เหนื่อยแล้วล่ะสิ ทีนี้ก็บอกมาซิ ว่านายโกรธเรื่องอะไร"




ริวทาโรพยายามหันไปเล่นงานคนที่กอดอยู่ด้านหลัง แต่อ้อมแขนก็รัดแน่นขึ้นอีกจนต้องยอมแพ้เป็นหนที่สอง




"นายส่งเมลล์นั่นมาแกล้งฉันทำไม!?"




"เมลล์อะไร"




"อย่ามาโกหก วันนั้นที่นายบอกว่าจะเลี้ยงข้าว ที่แท้ก็หาเรื่องแกล้งฉันใช่มั๊ย?"




ยามาดะงุนงงกับความเกรี้ยวกราดของริวทาโร เขาเคยส่งเมลล์ไปแกล้งร่างบางให้โกรธเล่นๆวันละหนสองหนก็จริง แต่วันนี้เขาครุ่นคิดแต่เรื่องที่จะหาทางคุยกับยูริได้ยังไงจนลืมเรื่องนี้เสียสนิท




ริวทาโรโกรธจนอยากจะร้องไห้




"ก็ไม่รู้เรื่องจริงๆนี่โว้ย!! คนไม่ได้ทำจะให้ยอมรับได้ยังไง เอามาดูซิ!!"




โทรศัพท์มือถือแทบจะถูกปาใส่หน้ายามาดะทันทีที่ร่างบางหลุดจากอ้อมกอด ยามาดะรับมาเปิดข้อความดู แล้วสีหน้าขุ่นใจก็กลายเป็นตกใจจนอ้าปากค้าง




เมลล์ฉบับนั้นมีรูปของเขาที่กำลังสำลักแฮมเบอร์เกอร์กับริวทาโรที่ยื่นแก้วน้ำให้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นสุข กับข้อความสั้นๆ




ยังอยากให้เรื่องนี้เป็นความลับอยู่มั๊ย?




"นายยังอยากจะแก้ตัวอะไรอีกมั๊ย"




"ฉัน-ฉันไม่รู้เรื่อง!!!"




"ยังจะปากแข็ง วันนั้นเราไปกันแค่สองคน ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นฝีมือใคร"





ริวทาโรถามเสียงเย็น แต่เป็นเสียงชวนสยองที่สุดเท่าที่ยามาดะเคยได้ยินมา ในวินาทีเฉียดตายนั้นเอง เสียงใสๆของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นเหมือนเป็นระฆังช่วยชีวิต





"พวกนายไปไหนกันสองคนเหรอ?"













ยูริตามเพื่อนสองคนมาถึงสวนหลังโรงเรียนด้วยความเป็นห่วง เขามาทันได้ยินทั้งคู่ทะเลาะกันตั้งแต่ต้น ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังแต่ก็ไม่รู้จะแทรกตรงไหน พอได้ยินว่ายามาดะเลี้ยงข้าวริวทาโรเท่านั้นก็ตาโต ยิ่งรู้ว่าไปกันสองคนไม่มีชินทาโรไปด้วยยิ่งสงสัย




"พวกนายไปเดทกันมาเหรอ?"




ริวทาโรตกใจกับคำถามตรงๆของยูริจนลืมความโกรธ หันไปสบตากับยามาดะราวกับจะขอความช่วยเหลือ แต่ยามาดะยังอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ริวทาโรเลยเรียกสติให้ด้วยการเหยียบเท้าร่างหนาแรงๆหนึ่งที




"โอ๊ย!! เอ๊ย!! คือไม่ใช่ เรื่องนี้แหละที่ฉันอยากจะคุยกับนาย มะ-ไม่ใช่เรื่องเดทนะ อย่าเข้าใจผิด เราแค่บังเอิญไปเจอกัน"




ยูริขมวดคิ้วเข้าหากัน มองทั้งคู่อย่างจับผิด ริวทาโรพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของยามาดะอย่างหนักแน่น ส่วนยามาดะก็ค่อยๆหย่อนโทรศัพท์มือถือของริวทาโรลงกระเป๋ากางเกงอย่างเงียบๆ  จากนั้นเรื่องราวที่ทั้งสองคนได้ไปแอบฟัง เอ๊ย!! รับรู้มาก็พรั่งพรูออกมาอย่างรวดเร็ว




"อะไรนะ? พี่ฮิคารุหมั้นกับเคย์จัง!!!"




ยูริร้องด้วยความตกใจ ทั้งริวทาโรทั้งยามาดะต้องคอยจุ๊ปากให้เงียบเป็นระยะๆ กว่าจะเล่าจบ คิ้วสวยๆของยูริก็พันกันยุ่งยิ่งกว่าตอนสอบแก้โจทย์คณิตศาสตร์




"ตอนแรกเราสองคนก็ไม่เชื่อเหมือนกันแหละ แต่มันก็เป็นไปแล้ว"




"แล้วเราจะทำยังไงกันดี"




"ไม่รู้สิ"




ตอบได้เท่านั้นจริงๆ สำหรับยูริตอนนี้ ให้ไปทำข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยสุดหินยังจะง่ายซะกว่า




"ยูริจ๋าาาาาาาาา!!!"




ยูโตะวิ่งเข้ามาด้วยสภาพสะบักสะบอม เพราะถูกยูริใช้ให้คอยกันบรรดาแฟนคลับของยามาดะไว้ในห้อง สงสัยว่าความสูงของยูโตะคงไม่ช่วยอะไรได้มากถึงได้วิ่งมานี่




"ยูริใจร้าย!! ปล่อยให้ฉันโดนสาวๆพวกนั้นรุมทึ้งได้ยังไง ดูสิหมดหล่อเลย~ ถ้าคืนนี้ไม่ได้กอดยูริต้องนอนฝันร้ายแน่ๆเลย"




ยามาดะกับริวทาโรทำท่าเหมือนอยากจะอ้วก แต่ยูริหันมาเห็นซะก่อนเลยเสมองไปทางอื่นเสีย




"เรื่องนี้น่ะเหรอที่ทำให้นายสองคนทะเลาะกันเมื่อกี๊"




"อื้อๆๆ ก็ยามาดะไม่มีโอกาสบอกนายซะที ก็เลยต้องหาเรื่องให้ยูริวิ่งตามมานี่ไง ใช่ไหม? ยามาดะ"




ยูริเอือมระอาเล็กๆกับอาการแถแต่ไม่เนียนของริวทาโร กับยามาดะที่พยักหน้ารัวๆสนับสนุนเหมือนกิ้งก่า




ยามะจัง ริวจัง แผนนายก็เข้าท่าดีหรอกนะ แต่นายสองคนคิดกันบ้างไหม ว่าทำแบบนี้  จะทำให้ชีวิตในรั้วโรงเรียนที่แสนจะเงียบสงบของพวกนายไม่สงบอีกต่อไป...