Friday 29 June 2012

[ Fiction ](¯`·._.·[ ❤The day we kissed❤ ]·._.·´¯) Eight


Title  -:-                (¯`·._.·[ The day we kissed ]·._.·´¯) Eight



Writer  -:-             Nalikakeaw



Pairing   -:-           Okadai, Takayabu, Nakachii, Yamaryu, Hikainoo




ฮิคารุทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มด้วยความเหนื่อยล้าแบบสุดๆ หนึ่งเดือนแล้วที่เขามาฝึกงานที่โรงแรม ได้เรียนรู้ ได้ทำอะไรหลายๆอย่างที่ไม่เคยทำ  งานบางอย่างเขาพอทำได้แต่บางอย่างก็ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย



สัปดาห์นี้เขากับอีกคนได้รับหน้าที่ให้ทำความสะอาดห้องพักหลังจากที่ลูกค้าเช็คเอาท์ออกไปแล้ว



ปกติแล้วแม่บ้านจะรับหน้าที่ทำความสะอาดเพียงคนเดียวต่อหนึ่งห้อง แต่ยูยะกลับให้เขาจับคู่กับคนที่เขาไม่อยากทำงานด้วยที่สุด



"ทำไมต้องเป็นหมอนั่นด้วยวะ"



"ยูยะคงมีเหตุผลนั่นแหละ"



ยาบุตอบมาแค่นั้น แต่ต่อมาฮิคารุก็เข้าใจได้ว่าทำไม



ยูยะคงไม่อยากให้แม่บ้านต้องเหนื่อยซ้ำสองเพราะต้องตามเก็บผลงานของเขาละมั้ง



เขาทำงานพวกนี้ไม่ได้เรื่องเลย แค่ดูดฝุ่นพรมในห้องยังไม่รู้ว่าเปิดสวิชต์เครื่องดูดฝุ่นตรงไหน งมหาอยู่นานจนอีกคนเดินมาเปิดให้   ดูดฝุ่นก็ไม่สะอาด  เคย์ต้องทำความสะอาดอีกรอบ



ปูเตียง ผ้าปูก็ยับย่นเหมือนมีคนนอนมาแล้วซักสามปี  ไม่เหมือนเคย์ที่ปูได้เรียบตึงชนิดที่โยนเหรียญลงไป เหรียญคงกระเด้งไปถึงเพดาน



ล้างห้องน้ำก็ไม่ค่อยสะอาด จนเคย์เห็นแล้วทนไม่ได้จะลงมือทำเอง  แต่เขาห้ามไว้



"ไม่ต้อง!!!  ไม่รู้ตัวเองหรือไงว่าแพ้สารเคมี ยืนอยู่ตรงประตูนั่นแหละ ตรงไหนไม่สะอาดก็บอกก็แล้วกัน"



ฮิคารุอารมณ์เสีย สภาพของเขาไม่ต่างจากคนใช้คอยให้อีกคนชี้นิ้วสั่ง. 



"ล้างเสร็จแล้วก็ต้องเช็ดให้แห้งด้วย"



ฮิคารุถอนหายใจเฮือก  เขาควรจะทำตัวเองให้แห้งซะก่อนน่าจะดีกว่า มองตัวเองที่เป็นยิ่งกว่าลูกหมาตกน้ำ  ทำให้นึกถึงแม่บ้านที่บ้านของเขาขึ้นมาทันที



เพิ่งรู้ว่างานบ้านมันหนักหนาขนาดนี้



ฮิคารุวางผ้าขนหนูแห้งลงบนพื้น เช็ดๆซับๆ พอให้เสร็จๆไป เพราะตอนนี้เขาเหนื่อยเต็มทีแล้ว แต่อีกคนกลับฉวยผ้าออกไปจากมือเขา ค่อยๆซับน้ำที่นองอยู่อย่างใจเย็น จนพื้นตรงนั้นแห้งสนิท



"งานนี้ผมทำเองก็ได้"



เคย์พูด หลบเลี่ยงที่จะไม่มองตาคนตรงหน้าเพราะรู้ว่าถูกจ้อง แต่ก็ต้องมีเหตุให้มองเพราะฮิคารุยังไม่ยอมขยับตัวไปไหน



"คุณออกไปก่อนเถอะ  ผมจะเช็ดพื้นให้เอง"



"เดี๋ยวก่อน! ฉันมีเรื่องอยากถาม เฮ้ย!!!!"



ทั้งๆที่เป็นคนรั้งอีกฝ่ายไว้ แต่ตัวเองกลับลื่นไปบนพื้นเปียกๆ  ไถลไปชนร่างบางอีกคนไถลไปด้วยกัน ด้วยความรวดเร็วฮิคารุยกแขนข้างหนึ่งโอบเอวเคย์รั้งเข้าหาตัว แขนอีกข้างยกขึ้นยันกับผนังไว้  เลยไม่ต้องเจ็บตัวกันทั้งคู่



ฮิคารุถอนหายใจโล่งอก...



แล้วใครบางคนก็โผล่หน้าเข้ามาพอดิบพอดี




 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ฮิคารุอยากรู้จริงๆว่านายฮอนดะให้เงินเดือนลูกจ้างของตัวเองสักเท่าไหร่  เพราะรู้สึกว่าจะทำหน้าที่เกินตำแหน่งงานอยู่มากโข



"คุณทำอะไรน่ะ!!"



"เปล่า"



"อย่ามาโกหก!! คุณคิดจะทำมิดีมิร้ายคุณเคย์ใช่ไหม?"



"หืมม์?"



ฮิคารุมองตัวเอง แล้วก็เพิ่งรู้สึกตัวว่ายืนอยู่ในท่าให้ชวนคิดแบบนั้นจริงๆเสียด้วย มือข้างหนึ่งของฮิคารุยังค้ำกับผนังห้องน้ำ  มืออีกข้างยังวางอยู่บนหลังของเคย์ ตัวแนบชิดกันจนดูเหมือนกอดกันอยู่  ถ้าไม่มีคนมาขัดจังหวะซะก่อน พระเอก-นางเอกอาจจะกำลังมองตากันอย่างสุดซึ้งในฉากต่อไป



แล้วเขาคิดอะไรอยู่ละเนี่ย?



"เอ่อ- ขอบคุณ"



เคย์เริ่มขยับตัวออกห่าง เพราะเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ  ฮิคารุไม่เคยเป็นแบบนี้  ไม่เคยยอมใคร หากมีใครทำให้รำคาญใจก็จะหาทางเอาคืนให้จงได้ และสีหน้าครุ่นคิดแบบนี้ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย



"ปล่อยคุณเคย์ซะ !! "



ยิ่งอีกฝ่ายแสดงความไม่พอใจมากเท่าไหร่ ฮิคารุยิ่งอยากแกล้งมากขึ้นเท่านั้น เพราะนอกจากจะไม่ยอมปล่อยอย่างที่ว่าแล้ว มืออีกข้างยังเลื่อนไปวางที่แก้มของเคย์ ก่อนจะหันไปมองคนขับรถจอมจุ้นอย่างท้าทาย



"ถ้าไม่ปล่อยแล้วจะทำไม  นี่คู่หมั้นของฉัน  มากกว่านี้..ฉันก็จะทำ!!!"



เคย์ถอนหายใจเบาๆเมื่อร่างกายถูกโอบแนบชิด  ใบหน้าที่มีรอยยิ้มเล่ห์ร้ายนั่นใกล้เข้ามา  จนริมฝีปากของทั้งสองคนเกือบจะสัมผัสกัน  ฮิคารุก็มองเห็นจากหางตาว่าคนขับรถจอมยุ่งที่เขาไม่เคยรู้จักชื่อสักทีกำลังผลุนผลันออกไปพร้อมเสียงบ่นงึมงัม จับความได้แค่ว่า "จะต้องกลับไปรายงานเจ้านาย" 



 "น่าสมเพช ทำเป็นแค่เห่าแต่ไม่กัด คนบ้านนั้นเป็นแบบนี้เหมือนกันหมดรึเปล่า"



 ไม่มีคำตอบ ... ฮิคารุมองคนที่เขากอดไว้อย่างนึกสงสัย บ้านของนายฮอนดะทำด้วยน้ำแข็งหรือไงนะ หมอนี่ถึงได้เย็นชาขนาดนี้ จะถูกจูบอยู่รอมร่อยังไม่มีท่าทีตกใจสักนิด



"ใจเย็นจริงนะ! ไม่กลัวฉันจะจูบหรือไง?"



ฮิคารุเลื่อนมือจากแก้มขาวลงไปที่แผ่นหลังบาง ออกแรงกอดให้มากขึ้นอีก ดูซิว่าจะทำเฉยได้นานแค่ไหน



"คุณปล่อยผมเถอะ มีงานต้องทำอีก"



"ตอบคำถามฉันก่อนแล้วจะปล่อย"



ฮิคารุยิ้มยียวนใส่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ในที่สุดก็ยอมมองหน้ากันตรงๆเสียที แต่ไม่ถึงนาทีก็มองเลยไป จนฮิคารุนึกหงุดหงิดอยากจะทุบกระเบื้องห้องน้ำที่เคย์มองอยู่ทิ้งเสียให้หมด



"ว่าไง? ที่เฉยอยู่เพราะคิดว่าฉันไม่กล้าใช่ไหม?"



"เปล่า แค่คิดว่าคุณคงไม่ทำ"



ฮิคารุขมวดคิ้วใส่เพราะไม่เข้าใจ แต่คำพูดต่อมาของเคย์ก็ให้ความกระจ่างแก่เขา



"กับคนที่คุณเกลียดน่ะ คุณไม่ทำหรอก"







 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++









ฮิคารุพลิกตัวอยู่บนเตียง เหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ก็หลับตาไม่ลง  คำพูดของเคย์ยังตรึงอยู่ในความคิดเหมือนถูกตอกตะปูลงไปซ้ำๆ  มันทำให้ฮิคารุยิ้มออกมาได้



อย่าคิดว่าจะได้อยู่อย่างสงบเลย..



เสียงโทรศัพท์ดังเตือนว่ามีข้อความเข้า  ฮิคารุคว้ามาเปิดดูแล้วก็ต้องระเบิดเสียงหัวเราะลั่นห้อง



ข้อความนั้นมาจากรุ่นน้องคนหนึ่งที่เขารู้จักสนิทสนมด้วยเป็นอย่างดี อาทิตย์ก่อนเขาส่งข้อความไปปั่นหัวแกล้งเล่นนิดหน่อย แต่คงจะก่อปัญหาให้เจ้านั่นไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ร้อนรนส่งข้อความมา



เลิกแกล้งกันแบบนี้สักที!! [ ยามาดะ เรียวสุเกะ ]



ถ้าฝากข้อความเสียงมาพร้อมกันได้ ฮิคารุอาจจะต้องหูหนวกเพราะเสียงตะโกนคูณร้อยของยามาดะ  และเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ฮิคารุกดเบอร์โทรศัพท์หาลูกชายคนกลางแห่งตระกูลยามาดะทันที



"ทำบ้าอะไรของพี่น่ะ!!!"



นั่นไงล่ะ! ยามาดะตะเบ็งเสียงผ่านโทรศัพท์แทนคำทักทายปกติ แสดงว่าเมลล์ที่ส่งไปทำให้ชีวิตของเจ้าตัวยุ่งเหยิงพอควร ไม่สิ! ต้องบอกว่าเจ้าของเมลล์อีกคนหนึ่งต่างหากที่ทำให้ยามาดะคลั่งได้ขนาดนี้



"ส่งเมลล์บ้าๆไปให้ริวทาโร เจ้านั่นอาละวาดจนผมจะบ้าอยู่แล้ว!!!"



"แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวน่า"



ปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์  ริวทาโรคงจะเอาเมลล์นั่นให้ยามาดะดูแล้ว  เจ้าตัวถึงได้ตามมาเฉ่งเขาได้ถูก



"ล้อเล่นแบบนี้นะ!! เจอกันเมื่อไหร่พี่ตายแน่!!!"



ยามาดะเข่นเขี้ยว  ฮิคารุฟังแล้วไม่นึกกลัวแต่อย่างใด



"แค่อยากให้นายสองคนปิดปากเงียบเรื่องวันนั้น"



วันที่เขาตกลงกับนายฮอนดะว่าจะหมั้นกับเคย์ โดยมีหุ้นของโรงแรมเป็นของหมั้น  ฮิคารุรู้ว่ายามาดะและริวทาโรซ่อนอยู่ในตู้เก็บเบาะรองนั่ง จะไล่ไปก็ไม่ทันเลยต้องทำเฉยไว้



"ตอนแรก ฉันกะว่าจะคุยกับนายหลังจากตอนที่ฮอนดะกับเคย์ออกไปแล้ว  แต่อยู่ๆก็เกิดสงสัยว่าพวกนายไปทำอะไรกันสองคน เลยตามไปเก็บภาพสวีทหวานส่งให้เป็นที่ระลึกไง"



"สวีทกะผีน่ะสิ!! เราแค่ไปกินข้าวด้วยกันนะ!!"



"เออ!! ก็นั่นแหละ ถ้านายสองคนเอาเรื่องวันนั้นไปบอกใครละก็ ฉันจะเอารูปนั่นแปะลงบอร์ดโรงเรียนรับรองว่าชีวิตนายจะยุ่งกว่านี้อีกร้อยเท่า"



ฮิคารุหัวเราะก๊าก เมื่อคิดถึงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นหากว่าแฟนคลับสาวๆของยามาดะได้เห็นรูปนั้น  ทว่า...คนที่ถือสายอยู่อีกฝั่งนั้นไม่ขำด้วย ซ้ำยังถอนหายใจแรงๆ ตาขวาของฮิคารุเริ่มกระตุกแปลกๆ



"ไม่ทันแล้วล่ะพี่"




  

 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++










"คุยอยู่กับใครน่ะ? ยามาดะ!"



โทรศัพท์แทบจะหลุดมือตอนที่เสียง และเจ้าของเสียงโผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัว   ยามาดะกระซิบเร็วๆใส่โทรศัพท์ก่อนจะกดวางสาย ไม่สนแล้วว่าฮิคารุจะกลายเป็นพายุหรือลูกระเบิด  เพราะตอนนี้คนตรงหน้าเขาน่ากลัวกว่าหลายเท่า



"ฉันถามว่านายคุยกับใคร!!!"



หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาแทบไม่ได้อยู่อย่างสงบสุข  ริวทาโรตามมาอาละวาดใส่เขาทุกครั้งที่มีเวลาว่าง  ประกาศว่าจะไม่ยอมเลิกราจนกว่ายามาดะจะสามารถหาตัวคนที่ส่งเมลล์มาได้ และก็ทำได้จริงๆเสียด้วย  ขนาดว่านี่บ้านของตัวเองแท้ๆ ยังต้องหนีออกจากห้องรับแขกมาคุยโทรศัพท์ในสวน  ให้ตาย!!!



"คุยโทรศัพท์แค่นี้ ไม่ต้องตามมาหึงก็ได้น๊า~ ริวจัง~"



นัยน์ตากลมใสวาวโรจน์อย่างเอาเรื่อง  แต่คนอย่างยามาดะ เรียวสุเกะ เคยกลัวซะที่ไหน  ไม่อย่างนั้นคงไม่หาเรื่องให้อีกฝ่ายโมโหโกรธาได้ทุกวันหรอก  แต่วันนี้ปะทะคารมกันมาทั้งวันแล้ว เขาเองก็อยากจะเคลียร์ให้เรื่องมันจบเร็วๆเหมือนกัน



"ล้อเล่นน่ะ  คุยกับคนที่ส่งเมลล์ให้นายไง"



"หมอนั่นเป็นใคร? อยู่ที่ไหน? ฉันจะส่งคนของพ่อไปเล่นงานมัน!!!"



ยามปกติก็เฉยๆ ไม่ค่อยยุ่งกับใคร  แต่ยามโมโหขึ้นมาก็ร้ายหัวฟัดหัวเหวี่ยง  นิสัยไม่เข้ากับหน้าตาเลยสักนิด  ตอนแรกที่เจอกันก็นึกว่าเป็นคุณหนูเรียบร้อยน่ารักซะอีก 



ที่ไหนได้...



ถูกยามาดะเตะบอลใส่หัวแค่ทีเดียวเท่านั้นแหละ  .... คุณหนูตาใสกลายร่างเป็นนักเลงขาโหดทันที



แต่เขาก็ชอบทำให้เป็นแบบนี้ซะด้วยสิ..



"ไม่บอก!"



"นาย!!!"



ยามาดะก้าวถอย พร้อมๆกับที่ริวทาโรย่างสามขุมเข้ามา  ทีละก้าว...  ทีละก้าว...



ตูม!!!!



ถอยได้สามก้าวร่างหนาก็หงายหลังลงไปในสระน้ำ  ริวทาโรหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ มองลูกหมาตัวโตตะกายน้ำหน้าตาตื่นมาเกาะขอบสระ 



เออ!! ลืมไปได้ยังไงวะ! ว่าตัวเองยืนอยู่ข้างสระน้ำ  ยามาดะแยกเขี้ยวใส่ร่างบางที่หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งแทบจะลงไปกองกับพื้น



"แกล้งกันนี่หว่า!!!"



"สมน้ำหน้า!!!"



เสียงหัวเราะหยุดลงกระทันหัน ริวทาโรเงี่ยหูฟังเสียงเดินเร็วๆบนทางเดินโรยกรวดใกล้เข้ามาแล้วขมวดคิ้ว  เสียงพึมพัมจับความไม่ถนัดที่ใกล้เข้ามานั้นเป็นเสียงผู้หญิง  ที่ทำให้ยามาดะยิ้มออกมาอย่างผู้ที่เหนือกว่า



"แม่ฉันกำลังมา  ถ้าแม่รู้ว่านายแกล้งฉันละก็ เจอดีแน่!!!"



ร่างบางเชิดหน้าใส่รอยยิ้มเยาะของคนที่อยู่ในน้ำ  แต่ในใจก็เริ่มหวั่นๆ  ร่างบางไม่เคยพบกับคุณนายยามาดะก็จริง แต่ก็เคยได้ยินคำร่ำลือว่าสมัยสาวๆเธอนั้นทั้ง "ห้าว" และ "เฮี้ยว" เหลือร้าย  เห็นว่านายยามาดะลำบากเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะสามารถปราบเธอคนนี้ให้มาเป็นแม่ของลูกได้



คุณนายยามาดะจะว่ายังไงถ้าเดินมาเห็นลูกชายตัวเปียกมะล่อกมะแล่กอยู่ในสระน้ำ?



ที่สำคัญ... คุณนายโมริโมโตะจะพูดอะไรกับเขาบ้าง ถ้ารู้ว่าเขามาก่อเรื่องที่นี่?



น้ำในสระแตกกระจายอีกหน  หนนี้แรงกว่าครั้งแรกที่ยามาดะตกลงไป ระลอกคลื่นลูกใหญ่ค่อยๆกระจายออกไปเป็นวงกว้าง  ยามาดะตาค้างที่อยู่ๆริวทาโรก็กระโดดลงมาแช่น้ำกับเขา



"ทำบ้าอะไรของนาย?"



ริวทาโรหันไปยิ้มให้ยามาดะอย่างอ่อนหวาน  จังหวะเดียวกับที่คุณนายยามาดะเดินมาถึงสระน้ำพอดี









 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++









ก็รู้มานานแล้วว่าเจ้าแฮมเสตอร์ตาใสมันร้าย  แต่ยามาดะก็ยังพลาด.. ถูกเล่นงานอีกจนได้



ไม่มีทางที่คุณนายยามาดะจะคิดว่าเด็กหนุ่มหน้าซื่อๆ ตาแบ๊วๆ ที่ลอยคออยู่ในสระ  จะเป็นฝ่ายกระโดดลงไปเองยกเว้นแต่จะเป็นฝีมือลูกชายจอมแสบของเธอ



"มันน่านัก!! แกล้งน้องแบบนี้ถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมาจะว่ายังไง"



ยามาดะทำหน้าเซ็งสุดชีวิต  อยากจะอธิบายเหลือเกินว่าเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกแกล้ง  แต่ดูจากสถานการณ์แล้วอธิบายไปคุณนายยามาดะคงไม่ฟังแน่ๆ 



"ไม่ได้กระหม่อมบางขนาดนั้นซักหน่อยน่าแม่"



ขนาดว่าโดนลูกบอลอัดใส่หัวเต็มแรง ยังลุกขึ้นมาวิ่งไล่เตะเขารอบสนามฟุตบอลได้อยู่เลย



คุณนายยามาดะตวัดสายตาขวับใส่ลูกชาย แล้วหันไปยิ้มหวานให้หนุ่มน้อยที่มาเป็นแขกของบ้าน  ยามาดะเห็นแล้วเกิดความอิจฉาขึ้นมาหน่อยๆ



"รับมาเป็นลูกชายอีกคนซะเลยดีมั๊ยล่ะแม่"



ประชด!! แต่เสียงเบาจนคุณนายยามาดะจับความไม่ได้ เธอมองลูกชายอย่างชั่งใจว่าจะลงโทษอย่างไรดี  ริวทาโรยืนตัวสั่นเพราะเริ่มหนาว ทั้งตัวเองและยามาดะยังอยู่ในชุดนักเรียนที่เปียกโชกยืนอยู่กลางห้องรับแขกของบ้านยามาดะ  แต่ใจนึกไปถึงอ่างน้ำร้อนกับผ้าห่มอุ่นๆเรียบร้อยแล้ว



โป๊ก!!!!



กำปั้นเล็กๆแต่ทรงพลังตวัดลงใส่หัวกลมๆของยามาดะ  ยังไม่ทันจะได้ร้องสักแอะคุณนายยามาดะก็ล็อคคอลูกชายแล้วตวัดกำปั้นซ้ำลงไปอีก



"โอ๊ย!! เจ็บๆๆๆๆ!!!"



เสียงร้องลั่นของยามาดะที่ถูกล็อกคอแน่นจนหายใจแทบไม่ออก กับเสียงกำปั้นที่กระทบหัวนั่น ทำให้คนที่มองอยู่ตกใจ ถลาเข้าไปยื้อมือของคุณนายยามาดะไว้พลางร้องห้าม



"พอเถอะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ได้โปรดหยุดเถอะ!!"



สองแม่ลูกยืนค้างอยู่ในท่าเดิม คุณนายยามาดะไม่รู้จะทำอะไรดีจึงปล่อยให้ริวทาโรจับแขนเธอไว้  แต่คนลูกกลับงงหนัก มองคู่กัดตลอดกาลอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง   สายตาและสีหน้าของทั้งสองคนทำให้ริวทาโรเริ่มรู้สึกตัวรีบปล่อยมือคุณนายยามาดะ ถอยออกไปยืนห่างๆด้วยความขัดเขิน



ริวทาโรหลบสายตาของยามาดะที่มองมาเหมือนจะขอคำตอบด้วยการมองพื้นแทน  อยู่ดีๆแก้มก็ร้อน มือไม้ก็พันกันจนไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน



"คือ- ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แล้ว-ยามาดะคุงก็ต้องตกน้ำเพราะผมเหมือนกัน ถือว่าเราหายกันแล้วก็ได้ครับ"



คุณนายยามาดะมองเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู นึกเปรียบเทียบกับลูกชายตัวแสบแล้วต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหว  ส่วนคนที่ถูกเปรียบเทียบนั่น..



ก็กำลังพยายามทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้กับอาการหัวใจพองโตแปลกๆที่เกิดขึ้นตอนที่ได้ยินริวทาโรเรียกเขาว่า "ยามาดะคุง"  แต่เมื่อรู้สึกตัวว่าถูกแม่มองอยู่ ก็ทำเป็นบ่นว่าไปเรื่องอื่นเสีย



"สรุปแล้วจะให้ทำยังไงเนี่ยแม่!? หนาว!!!"



คุณนายยามาดะทำตาเขียวใส่ลูกชาย  แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่ามีนัดดินเนอร์ครบรอบวันแต่งงานกับสามี เพราะงั้นวันนี้ถึงได้แต่งตัวสวยเป็นพิเศษ  แต่ชุดเก่งก็ดันมาเปียกซะนี่



"ก็ไปเปลี่ยนชุดสิคุณนาย"



"ไม่ทันแล้วย่ะ  อีกสิบห้านาทีจะถึงเวลานัดแล้ว ต้องไปก่อนล่ะ  ตามสบายนะจ๊ะโมริโมโตะคุง ดูแลน้องด้วยล่ะเรียวสุเกะ"



ประโยคสุดท้ายหันมาสำทับลูกชายเสียงเข้ม คว้ากระเป๋าถือวิ่งไปขึ้นรถที่คนขับสตาร์ทรออยู่แล้ว จากนั้นรถคันงามก็แล่นฉิวออกจากบ้านไป  ทิ้งลูกชายกับคู่กัดตลอดกาลให้ตัวเปียกหนาวสั่นอยู่ในห้องรับแขก








"ยามาดะ มีเสื้อตัวเล็กว่านี้มั๊ย"



ริวทาโรชี้ไปที่เสื้อตัวหลวมโคร่งที่ยามาดะเอามาให้ใส่แทนเสื้อนักเรียนที่เปียก



"ยามาดะ! หากางเกงที่มันขายาวกว่านี้ให้หน่อย"



ร่างบางก้มลงมองกางเกงตัวหลวมพอทน แต่ที่ทนไม่ได้คือขากางเกงตัวที่ยามาดะให้ยืมนั้นมันสั้นกว่าข้อเท้าของเขาไปสองนิ้ว



"ยามาดะ!!!"



"หนวกหูน่า!! เสื้อผ้าฉันมันก็มีเท่านั้นแหละ!! หรือนายอยากจะใส่ของพี่สาวฉัน จะได้ไปเอามาให้"



ริวทาโรพ่นลมหายใจ  ทิ้งตัวนั่งกอดเข่าบนพื้นห้องอย่างหงุดหงิด ส่วนเจ้าของห้องก็นอนอ่านการ์ตูนสบายใจอยู่บนฟูก ไม่ได้สนใจต้อนรับแขกสักนิด 



"ทำไมห้องนายไม่มีเตียงล่ะ"



"ฉันชอบนอนฟูกมากกว่า"



บ้านของครอบครัวยามาดะไม่เหมือนครอบครัวนักธุรกิจอื่นๆที่มีบ้านเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่  มีคนรับใช้มากมาย  มีรถหลายๆคันไว้เพื่ออวดบารมี  พวกเขาเลือกที่จะอยู่ในบ้านธรรมดาๆหลังหนึ่ง  มีห้องส่วนตัวของพ่อแม่ ลูกๆอีกสามคน ห้องพักสำหรับแขก  พื้นที่ใช้สอยที่จำเป็น  และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกเล็กน้อย  รถยนต์มีเพียงคันเดียวกับคนขับอีกหนึ่งคนที่ไม่ค่อยจะได้ใช้ยกเว้นแต่เวลาออกงานสังคม  และไปรับส่งบรรดาลูกๆเท่านั้น



และในห้องส่วนตัวของยามาดะ ลูกชายคนเดียวของบ้าน ก็ไม่มีเครื่องตกแต่งหรูหราที่บ่งบอกว่าเป็นห้องของลูกชายมหาเศรษฐีเลยแม้แต่น้อย  แถมเจ้าตัวยังบอกว่าชอบนอนฟูกมากกว่าเตียงซะอีก  จะมีบ้านไหนติดดินกว่านี้อีกมั๊ย



"บ้านนายไม่มีคนใช้เหรอ?"



"มีแต่แม่บ้านทำความสะอาดให้ตอนกลางวันน่ะ  พ่อกับแม่ไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามพื้นที่ส่วนตัว"



ร่างบางถอนหายใจอีกหน สุดท้ายแล้วเสื้อเปียกก็ไม่มีใครจัดการให้ และเขาต้องค้างที่บ้านยามาดะเพราะคนขับรถไปส่งและรอรับนายและคุณนายยามาดะซึ่งก็คงจะอีกนานกว่าทั้งคู่จะดินเนอร์ฉลองครบรอบวันแต่งงานจบ



"เซ็งชะมัด"



ริวทาโรจับเท้าตัวเองที่เริ่มเย็น  เขาเป็นคนที่มือเท้าเย็นง่ายกว่าปกติ เมื่อกี๊ตอนตกน้ำก็หนาวสั่นทั้งๆที่อีกคนไม่สะทกสะท้านกับอากาศเย็นด้วยซ้ำ  ได้แช่น้ำอุ่นก็ดีขึ้นพักหนึ่ง แต่ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกหนาวอีกแล้ว  ยามาดะมองท่าทางของคนข้างๆแล้วก็โยนหนังสือการ์ตูนให้เล่มหนึ่ง



"เสียใจด้วยนะ บ้านเราไม่มีวิดีโอเกมให้นายเล่น พ่อแม่ฉันไม่ชอบให้ลูกๆอยู่หน้าจอนานๆ"



"ดีเนอะ"



ริวทาโรรำพึงเบาๆ รู้สึกอิจฉาคนบ้านนี้ขึ้นมาจับใจ  บรรยากาศที่นี่ดูอบอุ่นผิดกับบ้านหลังใหญ่แต่ว่างเปล่าของเขาเหลือเกิน บ้านยามาดะมีเวลาให้กันเหลือเฟือ แต่เขาได้เจอหน้าพ่อกับแม่อาทิตย์ละสามครั้ง  บ้านใหญ่เหมือนคฤหาสน์แต่อยู่กันอย่างเหงาๆแค่สองคนพี่น้อง  เมื่อไหร่ที่โรงเรียนมีกิจกรรมจะได้เห็นครอบครัวยามาดะอยู่กันพร้อมหน้าเสมอ  แต่เขากับน้องล่ะ...



"ง่วงแล้วเรอะนาย? เช็ดผมให้แห้งแล้วค่อยนอนนะ เดี๋ยวฟูกกับหมอนขึ้นราหมด"



ยามาดะบอกห้วนๆ  แต่คนฟังกลับยกแขนขึ้นกอดเข่าไม่ต่อปากต่อคำเหมือนเคย  อารมณ์เหงาที่รู้สึกได้จากริวทาโรทำให้ยามาดะไม่ชอบใจเลย 



เงียบแบบนี้แล้วเขาจะคุยกับใครวะ!!!!



สุดท้ายแล้วก็ทำได้แค่โปะผ้าขนหนูแห้งลงบนหัวของริวทาโร ขยี้แรงๆจนเจ้าตัวโวยวายลั่นบ้าน  ทำให้ยามาดะเองก็หัวเราะลั่นบ้านเช่นกัน






 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++







"ริวจะนอนค้างที่บ้านยามะจัง?"



ชินทาโรร้องออกมาพร้อมกับส่ายหน้าเร็วๆเหมือนอยากจะสะบัดคำพูดที่ได้ยินก่อนหน้านี้ให้ออกไปจากหัว เพราะที่ได้ยินมานั่นเป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่สามารถเป็นไปได้



"แต่เป็นไปแล้ว!"



ยูริขมวดคิ้วมุ่น นึกภาพไม่ออกว่าคืนนี้สมาชิกครอบครัวยามาดะจะนอนหลับฝันดีได้อย่างไรในเมื่อมีลูกระเบิดปรมาณูอยู่ในบ้าน  แต่ที่น่าสงสัยยิ่งกว่า คือเรื่องที่ยามาดะเป็นฝ่ายโทรศัพท์มาบอกเขานี่แหละ



"แล้วทำไมริวไม่โทรฯมาบอกฉันล่ะ นัดกันซะดิบดีแล้วว่าวันนี้จะมาค้างบ้านนี้น่ะ"



ชินทาโรกระเง้ากระงอดทำท่าจะงอนพี่ชาย แต่คำตอบจากยูริทำให้ความคิดนั้นถูกเป่าหายไปทันที



"ยามะจังบอกว่าโทรศัพท์ของทั้งสองคนตกน้ำพังไปแล้ว ที่ไม่โทรฯบอกชินจังก็เพราะ ริวทาโรหลับไปแล้ว"



"เห?!!!!"



ยูริกับชินทาโรสะดุ้งสุดตัว เสียงร้องด้วยความตกใจไม่ใช่ของใครที่ไหน แต่เป็นยูโตะที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเรียบร้อยมายืนอยู่ข้างหลังทั้งคู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ซึ่งผิดวิสัยปกติของยูโตะเป็นที่สุด



"นี่ๆๆๆๆ จริงเหรอที่ริวทาโรไปนอนค้างบ้านยามะจังน่ะ เอ๋!!! สองคนนี้ญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?"



ยูริกับชินทาโรจนปัญญาจะตอบ แต่ก็รู้ๆอยู่ว่าพรุ่งนี้ยูโตะจะต้องวิ่งจี๋ไปถามคำถามนี้กับยามาดะและริวทาโรทันทีที่เจอหน้าแน่ๆ  แล้วทุกคนที่โรงเรียนก็จะได้รับรู้ไปพร้อมๆกัน



เรื่องที่ริวทาโรไปอาละวาดในห้องเรียนเพียงเพราะยามาดะไม่รับโทรศัพท์นั่นก็ยังไม่เลิกลือกันเลยนะ



"ยูริจ๋าาาา ง่วงนอนแล้ววว"



บางทีนะ ยูริก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้มีแฟน แต่มีลูกหมาตัวโตๆคอยวิ่งพันแข้งพันขาติดตามไปทุกหนทุกแห่ง  ดูๆไปมันก็น่ารักดี แต่บางทีก็น่าโมโห อยากจะมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้างก็ทำไม่ได้



"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ? ยูริคงไม่ได้รำคาญฉันใช่มั๊ย?"



ยูริไม่ตอบ ยูโตะเลยทำหน้าหงอยๆ ขยับตัวเข้าไปกอดยูริเหมือนกลัวว่าร่างเล็กๆนั่นจะละลายหายไปในพริบตา



"ถ้าบอกว่ารำคาญล่ะ"



"ฉันก็จะไปอยู่ห่างๆไม่มากวนใจ ไม่มาให้เห็นหน้าอีก"



ยูริไม่เชื่อหรอกว่ายูโตะจะทำได้ ปากพูดว่าจะไปแต่กลับกอดยูริแน่นขึ้นอีก และถ้าหากว่าทำได้อาจจะใช้ขายาวๆนั่นล็อกคอไว้กันยูริหายเป็นแน่ 



แล้วแบบนี้ยูริจะใจร้ายบอกว่ารำคาญได้ยังไง



"นั่นสิน๊า~ บางทีก็นึกอยากให้ยูโตะไปไกลๆเหมือนกันแหละ  แต่กลัวว่าถ้าไม่มีใครมากวนใจแล้วจะคิดถึงน่ะสิ"



ยูโตะยิ้มปากฉีก โถมกายทับยูริล้มลงไปบนโซฟา ร่างเล็กตกใจร้องลั่นบ้านยกมือสองข้างยันปลายคางยูโตะไว้สุดแรง



ชินทาโรยกมือขึ้นปิดตา แต่มืออีกข้างยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมารอถ่ายรูป  เผื่อว่าจะได้รูปเด็ดๆไปลงเว็บบอร์ดของโรงเรียนวันพรุ่งนี้






 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++










พนักงานทั้งโรงแรมแทบอยากจะทิ้งงานมาเกาะประตูแนบหูฟังสถานการณ์ภายในห้องทำงานของผู้บริหาร



เหตุเนื่องจากเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ฮิคารุวิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปหายาบุในห้องครัว บอกว่าอยู่ดีๆยูยะก็หงายหลังตกเก้าอี้แล้วก็แน่นิ่งไปเลย ยาบุตกใจจนหน้าซีด ทิ้งทุกอย่างที่อยู่ในมือวิ่งไปดูอาการยูยะทันที



แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหว  ไม่มีใครเรียกรถพยาบาล ไม่มีใครถูกหามออกจากห้อง  มีแต่ฮิคารุที่วิ่งวุ่นหากะละมังใส่น้ำร้อนกับผ้าขนหนูเอาไปให้คนในห้องแล้วก็เดินทำหน้าซีดออกมาโดยไม่พูดอะไรซักคำ



และแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าทิ้งงานเพราะความอยากรู้อยากเห็น ไม่อย่างนั้นอาจโดนผู้จัดการแก่ที่คอยจับผิดอยู่แล้วเล่นงานเอาได้   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องจึงไมีคนรับรู้แค่สองคนเท่านั้น



"โอ๊ย!!!!! ยาบุ!! อย่ามือหนักนักได้มั๊ย!! เจ็บๆๆๆๆ"



ยูยะประท้วงเพราะยาบุใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำกดลงบนหัวเขาเต็มแรง  แต่ยิ่งห้าม ยาบุยิ่งออกแรงหนักขึ้น  ปากก็บ่นไปด้วย



"บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่านั่งเอาเท้าพาดบนโต๊ะ ไม่เชื่อ!! แล้วเป็นยังไง? หงายหลังตกเก้าอี้หัวกระแทกพื้น คิดบ้างมั๊ยว่าถ้าไม่มีพรมปูอยู่บนพื้นจะเจ็บหนักกว่านี้"



ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห  ยาบุกดผ้าขนหนูอุ่นๆลงบนหัวของยูยะ มันปูดขึ้นมาจนเห็นได้ชัด  วินาทีแรกที่ฮิคารุบอกว่ายูยะหมดสติไป ยาบุตกใจแทบตาย  แต่พอวิ่งมาถึงห้องและได้รู้ว่าที่เจ้าตัวนอนนิ่งนั้นเพราะจุกต่างหาก ยาบุโกรธจนไม่รู้จะทำยังไง เลยพาลโทษว่าเป็นความผิดของยูยะไปเสียทั้งหมด



ยูยะร้องอู้อี้นอนคว่ำหน้าซบตักยาบุ   ในใจนึกขุ่นเคืองเพื่อนซี้สุดแสบที่หาเรื่องให้เขาต้องเจ็บตัวแถมยังโดนบ่นเป็นชุดๆแบบนี้   อยู่ดีๆเดินเข้ามาบอกว่าหมั้นกับเคย์แล้ว มีหุ้นของโรงแรมจำนวนหนึ่งเป็นของหมั้น  ไม่ให้เขาตกใจได้ยังไง!!!



ฮิคารุ!!! แกนะแก!!!!



แล้วยังมีหน้ามาขอร้องอีกว่าอย่าให้เรื่องนี้ถึงหูยาบุเป็นอันขาด  เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ไม่เคยรู้เลยรึไงว่าเขาเคยมีอะไรปิดบังยาบุได้ซะที่ไหน  ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญแบบนี้ ลองไม่บอกสิ!! ยาบุคงโกรธไปจนวันตาย โทษฐานสมรู้ร่วมคิด



แต่เขาจะบอกได้หรือ?... คนอย่างยาบุ ห่วงใยความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร  ตอนที่เคย์ออกจากบ้านไปก็เครียดจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ถ้าเขาไม่คอยกรอกหูว่ายังมีน้องอีกสามคนต้องดูแล  ยาบุคงปล่อยให้ตัวเองเครียดจนต้องเข้าโรงพยาบาล



ไหนจะความรู้สึกของไดกิอีกเล่า  ไดกิจะคิดยังไงถ้าได้รู้เรื่องนี้  ถึงยาบุจะเคยบอกว่าตอนนี้ไดกิคบคนใหม่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลืมความรู้สึกที่มีต่อเคย์ไปจนหมดหัวใจ   การที่"คนเคยรัก"กับ"เพื่อนรัก"กลายเป็นคู่หมั้น  จะทำให้ไดกิเจ็บปวดเพียงใด



และความเจ็บปวดเหล่านั้นจะสะท้อนกลับมาหายาบุ  ...  ยูยะจะทนเห็นยาบุเป็นทุกข์ได้หรือ?



"ถ้าหายเจ็บแล้วก็ลุกขึ้นซิ!! ฉันจะไปทำงาน"



คำพูดห้วนๆแต่น้ำเสียงอ่อนลงกว่าเมื่อครู่  ทำให้ยูยะตัดสินใจได้..



"นี่ยาบุ"



"อะไร?"



"ขออยู่อย่างนี้อีกซักพักได้รึเปล่า?"



ในน้ำเสียงนั้นมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ยาบุไม่สามารถปฏิเสธได้  แม้จะรู้สึกขัดใจอยู่บ้าง  แต่ก็ยังปล่อยให้ร่างหนานอนซบตักต่อไป 



"ยังเจ็บอยู่เหรอ?"



"นิดหน่อย"



บางที  ยูยะก็คิดว่าที่ตัวเองล้มหัวกระแทกพื้นนี่ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาไม่ต้องสบตากันให้ยาบุจับได้ว่ามีเรื่องปิดบัง และอีกอย่าง...ก็ทำให้ทั้งสองคนมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น



"ถ้าผู้จัดการโวยวายว่าฉันอู้งานล่ะ"



"ก็ถือซะว่าวันนี้นายไม่ได้มาทำงานสิ วันหยุดเหลืออีกตั้งเยอะ เก็บเอาไว้ก็ไม่มีดอกเบี้ยหรอกน่า"



ยาบุหัวเราะเบาๆ  คนอะไรเอาแต่ใจที่สุด  แต่เขาก็ชินซะแล้ว  ทั้งๆที่ไม่ชอบแต่ก็ไม่ได้เกลียด...  ถ้าหากว่าเป็นยูยะละก็นะ







 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++






"นึกยังไงถึงอยากจะมาสวนสัตว์?"



เคย์โตะเอ่ยถามคนข้างกายที่เอาแต่ชะเง้อชะแง้มองไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น  เหมือนเด็กๆที่พ่อแม่พาออกมาเที่ยวครั้งแรก 



ที่จริงก็ไม่แปลกที่ไดกิจะเลือกสวนสัตว์เป็นสถานที่เดทครั้งแรกของทั้งสองคน  เพราะมันเป็นสถานที่เดทติดอันดับหนึ่งในสิบอยู่แล้ว และเขาก็ให้ไดกิเป็นฝ่ายเลือกเองด้วย   แต่ที่ทำให้สงสัยก็คือแก้มแดงๆกับท่าทางอิดเอื้อนกว่าจะตอบออกมาได้ต่างหาก



"ก็อยากมา! ทำไม? มีปัญหาอะไรล่ะ!"



เคย์โตะไม่รู้จะบอกยังไงดี  ถ้าเป็นคนอื่นมากวนประสาทเขาแบบนี้ เขาอาจจะจับโยนลงกรงเสือซะ  แต่กับไดกิเขากลับไม่ถือสา  เพียงเพราะเขารู้ว่าท่าทางแบบนั้นมีไว้เพื่อปิดบังความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ข้างในต่างหาก



แต่เคย์โตะก็รู้จักไดกิมากพอที่จะหาทางบังคับให้เจ้าตัวพูดออกมาได้



"ทำอะไร?!!"



ไดกิร้องเสียงหลง  อยู่ดีๆก็ถูกรวบเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่งแบบไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางสายตานักท่องเมี่ยวที่มาเข้าแถวรอตรวจบัตรเข้าชมสวนสัตว์  ถึงวันนี้จะไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวที่พาลูกสาวลูกชายตัวเล็กๆมาดูสัตว์  สายตาของเด็กน้อยที่จ้องเอาๆ มันทำให้ไดกิอายจนอยากจะแปลงร่างเป็นหมีแล้วมุดหนีอ้อมแขนนี้ไปซ่อนตัวตามสุมทุมพุ่มไม้สักแห่ง



แต่เขาไม่ได้เป็นหมีนี่สิ...



"ทำอะไรบ้าๆ ปล่อยเดี๋ยวนี้!!"



"ตอบคำถามมาก่อนสิ แล้วจะปล่อย"



เห็นอีกคนไม่สะทกสะท้านกับสายตาหลายคู่ที่มองมาแล้วไดกิอยากจะด่าให้ว่าหน้าทน แต่ก็กลัวว่าเคย์โตะจะทำมากกว่ากอด เลยได้แต่ฮึดฮัดอยู่ในอ้อมกอดที่ดิ้นไม่หลุด



"มีคนต่อแถวอยู่นะ"



"ก็ให้พวกเขารอไปก่อน"



ไดกิอยากจะร้องไห้  ไม่น่าไปกวนโมโหหาเรื่องให้ถูกแกล้งคืนได้เลย ก็รู้อยู่ว่าคนตัวโตนี่เคยแคร์สายตาใครเสียที่ไหน แล้วทีนี้จะทำยังไงได้นอกจากจะรีบๆตอบแล้วจะได้รีบๆไปให้พ้นจากตรงนี้




"ก็-ตอนเด็กๆ เวลาพ่อกับแม่ถามว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ทุกคนก็โหวตว่าอยากจะไปสวนสนุกทุกทีเลยนี่"



"อย่างนี้เอง  เรื่องแค้นี้ไม่เห็นต้องปิดกันเลยนี่นา"



"สาบานได้มั๊ยล่ะว่าจะไม่เอามาล้อกันทีหลังน่ะ?"



ไดกิทำตาเขียวใส่คนตัวสูงที่ทำท่าเหมือนจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้  เคย์โตะเองก็ไม่อยากได้รอยเขียวๆม่วงๆที่ตาเป็นที่ระลึกในวันเดทแรก  เลยทำได้แค่ยิ้ม มองคนตัวเล็กที่พอเขาคลายอ้อมกอดก็วิ่งหนีหายเข้าไปในสวนสัตว์



เดทครั้งแรกของเขากับไดกิ.. กลายเป็นเด็กประถมเล่นซ่อนหาไปแล้วสินะ






 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++








แต่เคย์โตะไม่ได้เสียเวลาเกินห้านาที  เพราะเมื่อเดินเข้าไปในสวนสัตว์ ก็เจอไดกิยืนอยู่หน้ากรงสัตว์ที่อยู่ใกล้ๆกับประตูทางเข้า ร่างบางใจจดจ่ออยู่กับลิงตัวน้อยที่กระโดดว่องไวไปมาอยู่บนต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านเต็มกรง  พวกมันมองดูไดกิอย่างสนใจพอๆกับที่ไดกิสนใจพวกมัน  พอเห็นเคย์โตะเดินเข้าไปหา ร่างเล็กก็รีบอวดให้ดู ลืมความขุ่นเคืองที่ถูกแกล้งจนหมด



"ลิงตัวเล็กที่สุดในโลก น่ารักมั๊ย? ตัวมันเล็กจริงๆด้วย เคยเห็นแต่ในสารคดี ไม่นึกว่าจะตัวเล็กขนาดนี้"



ลิงตัวเท่าหัวแม่มือน่ารักก็จริง  แต่ตอนนี้เคย์โตะอยากอุ้มคนตัวเล็กนี่กลับไปเก็บที่บ้านมากกว่า  ท่าทางดีใจเหมือนเด็กประถมนี่น่ะ ขอให้เขาเก็บไว้คนเดียวได้ไหม  อย่ามาอวดให้ใครๆแถวนี้ได้ชื่นชมเลย



ไดกิยังคงเดินชี้ชวนให้ดูสัตว์ตรงโน้นตรงนี้ต่อไป ยิ่งเจ้าตัวมีความสุขเท่าไหร่  ยิ่งมีออร่าเปล่งประกายดึงดูดทุกสายตาให้หันไปมอง  เห็นแล้วเคย์โตะก็ไม่ชอบใจนัก  แต่จะห้ามไม่ให้ไดกิยิ้มก็ไม่ได้ด้วยสิ



"นี่! ดูคนนั้นสิ  น่ารักจังเลย เราไปขอถ่ายรูปกันเถอะ"



กลุ่มเด็กสาวที่เดินตามหลังเคย์โตะมาร้องวี๊ดว้ายตื่นเต้น แต่ก่อนที่พวกเธอจะได้วิ่งไปหาไดกิ  เคย์โตะก็หันกลับไปหาเด็กสาวเหล่านั้น  พูดอย่างสุภาพว่าเขาไม่อนุญาตให้พวกเธอถ่ายรูปกับไดกิ



"ผมหวงแฟนครับ"



เด็กสาวกลุ่มนั้นส่งเสียงครางอย่างเสียดาย แต่เคย์โตะไม่สนใจเดินไปหาไดกิที่กำลังมองมาอยู่พอดี



"ใครน่ะ? คนรู้จักเหรอ?"



"เปล่า  แค่เดินไปบอกว่าไม่อนุญาตให้นายถ่ายรูปด้วย เพราะฉันหวง"



ร่างสูงบอกหน้าตาเฉย แต่คนฟังหน้าร้อนวูบ  ทั้งโกรธทั้งอาย ไดกิไม่ชอบให้ใครมาแสดงความเป็นเจ้าของ เพราะเขาไม่ใช่สัตว์เลี้ยง  แต่ประโยคสุดท้ายของร่างสูงก็ทำให้เขาโกรธไม่ลง



หวงเหรอถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นเคย์.. เขาจะกล้าพูดแบบนี้ไหมนะ



ความคิดสะดุดลงเมื่อร่างสูงกุมมือไดกิแล้วพาเดินออกไปจากที่ตรงนั้น  ไดกิหันไปยิ้มให้เด็กสาวกลุ่มนั้นทั้งๆที่แก้มยังแดง  ทำให้สาวๆกรี๊ดไล่หลังมาโดยไม่ตั้งใจ



"ไม่ยุติธรรมนะ  ทีนายยังถ่ายรูปกับแฟนคลับสาวๆที่งานโรงเรียนได้เลย"



ไดกิประท้วง  ร่างสูงหยุดเดินหันมาเลิกคิ้วใส่



"นายหึงเหรอ?"



"เปล่า!! แค่อยากจะบอกว่าอย่ามาห้ามในเรื่องที่นายก็ทำเหมือนกัน"



ไดกิเชิดหน้า  แก้มยังแดงไม่หาย หัวใจเต้นโครมครามกับสายตาคมที่มองมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เขาเกลียดที่สุด  แต่ก็ไม่เคยหนีพ้นได้เลย



"ฉันจะไม่ถ่ายรูปกับสาวๆที่ไหนอีก เพราะงั้นห้ามนายถ่ายรูปกับใครที่ไม่ใช่ฉัน  ตกลงไหม?"



"ไม่!! อย่ามาพูดอะไรเป็นเด็กๆแบบนี้  ฉันไม่ชอบ"



ร่างบางถูกดันไปติดกับรั้วเหล็ก  สองแขนแข็งแรงกางคร่อมคนตัวเล็กไว้ไม่ให้หนี  เคย์โตะยิ้มใส่ดวงตาคู่สวยที่วาววับขึ้นมาอย่างเอาเรื่อง  เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้  กระซิบเสียงเบาพอให้คนฟังได้ใจสั่น



"แล้วฉันต้องทำแบบไหนถึงจะชอบล่ะ?"




จะกี่ครั้ง...ก็หลบไม่ได้    ไม่ว่าเมื่อไหร่....ก็ไม่เคยจะหนีพ้น



ไดกิหลับตาลง.. รับสัมผัสอุ่นๆที่พร่างพรมลงบนใบหน้า ปลายจมูกโด่งและริมฝีปากไล้ไปตามหน้าผาก  แก้มขาวอย่างช้าๆ ลมหายใจผ่าวร้อนรินรดกัน ริมฝีปากแตะกัน อ่อนหวานและเนิ่นนาน



หากว่าไดกิบอกว่าไม่พร้อม  เคย์โตะก็ไม่เคยฝืนใจเขา...แต่เขาก็ไม่ทำ  ไม่เคยปฏิเสธจูบจากเคย์โตะเลยแม้แต่ครั้งเดียว



โป๊ก!!!



อะไรบางอย่างเล็กๆ กลมๆ ถูกปาใส่หัวร่างสูง  ทั้งสองคนผละจากกันอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าแอปเปิ้ลลูกหนึ่งกลิ้งอยู่ใกล้ๆ



ไดกิขมวดคิ้ว หันไปมองด้านหลัง  เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าพวกเขามาจูบกันตรงลานแสดงช้างเอเชีย  ช้างพังตัวหนึ่งกับลูกช้างอีกสองตัวยืนอยู่กลางลานดินกว้าง  ลูกช้างทั้งสองยกงวงขึ้นปิดตาตัวเอง แต่แม่ช้างใช้งวงคว้าลูกแอปเปิลอีกลูกแล้วชูงวงขึ้นเหนือหัว



เคย์โตะคว้าตัวไดกิพาวิ่งออกจากตรงนั้นก่อนที่แม่ช้างจะตวัดงวงขว้างแอปเปิลใส่   ท่ามกลางเสียงหัวเราะลั่นของนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ และเสียงกรี๊ดของเด็กๆอนุบาลหมีน้อยที่ยกขบวนมาทัศนศึกษาในสวนสัตว์กันทั้งโรงเรียน









 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++









เป็นเดทที่ไดกิจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต...



ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น  เหตุการณ์ในวันนี้จะเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดสำหรับเขา



"เคย์โตะ  มาถ่ายรูปคู่กันหน่อย"



ไดกิขอตอนที่ทั้งคู่เดินจูงมือกันระหว่างทางกลับบ้าน  เคย์โตะยิ้มตอบรับคำขอนั้นด้วยความยินดีที่สุด



"ไม่ต้องยิ้มขนาดนั้นก็ได้น่า ก็แค่เผื่อไว้ถ้าวันไหนจะเปลี่ยนรูปบนหน้าจอมือถือแค่นั้นแหละ  รูปที่ถ่ายวันนั้นมันไม่สวย ฉันไม่ชอบ"



"รูปที่ถ่ายตอนอยู่บนเตียงนั่นเหรอ ก็ใช้ได้นะ ล้อเล่นน่า"



ร่างสูงยกมือยกขากันตัวเองไว้ก่อน เผื่อว่าไดกิจะเหวี่ยงอาวุธใส่เขา  แต่ร่างเล็กก็แค่ทำหน้าเซ็งๆ ถามด้วยสายตาว่า "จะถ่ายมั๊ย"



เคย์โตะเลื่อนตัวไปโอบร่างเล็กอย่างเอาใจ พลางยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาด้วย



"เอ้า! ยิ้มหน่อย"



รูปที่ถ่ายด้วยกันนั้นดูอบอุ่นอ่อนหวาน  เคย์โตะกดบันทึกให้รูปนี้เป็นรูปหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง และเฝ้าหวังว่าสักวันหนึ่ง ไดกิก็จะทำอย่างเดียวกัน  





To be  con~