Sunday 30 September 2012

[SF]✪~Rabbit on the Moon ~✪[ Babysister Part ]


Title   :   Rabbit on the moon  [ Babysister Part ]


Writer   :   Nalikakeaw


Pairing   :   YamaYuma, KoyaShige, HaruYuya





ตอนก่อนๆจ้าาา





                บลูมูน  คืนที่พระจันทร์จะเต็มดวงถึงสองครั้งในหนึ่งเดือน   แม้ว่าพระจันทร์จะไม่ได้เป็นสีน้ำเงินหรือสีฟ้าตามความหมายของมัน  แต่ว่ากันว่าคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งที่สอง  จะได้เห็นพระจันทร์ดวงโตส่องแสงสุกสว่างกว่าคืนไหนๆ


                แต่คืนนี้..ผู้คนบนโลก  ไม่มีโอกาสได้มองเห็นความงดงามของพระจันทร์ และแสงจันทร์ก็เกือบไม่ได้มีโอกาสส่องกระทบพื้นโลก  เพราะเมฆก้อนใหญ่เลื่อนเข้าบังพระจันทร์เสียมิดตั้งแต่พระจันทร์ยังไม่พ้นขอบฟ้า


                ราวกับว่าวันนี้.. พระจันทร์ไม่อยากอวดโฉมให้ใครเห็นอย่างนั้นแหละ



                เอ... หรือเป็นเพราะไม่อยากให้ใครบนโลกมองเห็นความอลเวงบนนั้นกันแน่?


                ...............


                ......


               
                บางที.. การที่ต้องหลบหนีการตามล่าของมนุษย์  อาจจะดีกว่าขึ้นมาอยู่บนนี้ก็ได้นะ


                บนดวงจันทร์นี่น่ะ...


                ได้อยู่ท่ามกลางทุกสิ่งทุกอย่างที่เปล่งประกายสีเงินเรืองรองสวยงามมันก็ดีอยู่หรอก


                แต่ชีวิตบนนี้มันช่างอลเวงเป็นบ้า   จนบางครั้งยูยะก็อดคิดถึง ต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวๆ  สีน้ำตาลของต้นไม้และใบไม้ร่วง  สีฟ้าของแม่น้ำ  ถนนและบ้านเรือนที่สร้างด้วยคอนกรีตอยู่เหมือนกัน


                “คิดอะไรอยู่เหรอ?”


                คำถามราวกับรู้ใจของคนคุ้นเคยร่างหนา ทำให้ยูยะละสายตาจากทะเลสาบสีเงินเบื้องหน้า  ฮารุมะนั่งลงเคียงกันอย่างเคย พลางมองมาด้วยความห่วงใย


                “คิดถึงชีวิตของพวกเราตอนที่ยังไม่ได้มาอยู่ที่นี่  ถ้าหากว่าเราหนีไปเรื่อยๆจะเหนื่อยเท่าตอนนี้หรือเปล่านะ?”


                “อยากกลับไปอยู่บนโลกเหรอ?”


                “ก็บางทีนะ?”


                อยู่บนนี้มันก็สบายดี มีที่ให้พักไม่ต้องคอยหลบหนีการตามล่า เพราะมนุษย์คงไม่ตามมาถึงบนนี้  มีอาหารให้กิน  มีอิสระ  ได้กลายเป็นมนุษย์  แต่ทุกสิ่งที่ได้มานั้นต้องแลกด้วยความสุขสงบที่ยูยะอยากจะมี


                ก้าวแรกที่เหยียบผืนทรายสีเงิน  ก็มีแต่เรื่องที่ทำให้ยูยะประหลาดใจทั้งนั้น  อยู่ดีๆตัวเองก็เปลี่ยนร่างจากลูกสิงโตกลายเป็นมนุษย์  ยูยะเกือบจะกัดฮารุเข้าให้เพราะอีกฝ่ายก็เปลี่ยนร่างจากเสือขาวเป็นมนุษย์เหมือนกัน


                หลังจากนั้นก็ได้รู้จักกับคนอื่นๆ  ที่เป็นเหมือนกักฮารุและยูยะ  ทุกคนล้วนเคยอาศัยอยู่บนโลก  ถูกพามาอยู่บนดวงจันทร์นี้ด้วยเหตุผลเดียวกัน


                มาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก


                วันแรกก็เจอศึกหนัก.. วันที่ยูยะกับฮารุถูกพามาที่นี่  ด้วยแสงสีเงินของดวงจันทร์จากเวทมนตร์ของใครคนหนึ่ง


                มันเป็นวันที่ยูยะเคยคิดว่าวุ่นวายที่สุดที่เขาเคยเจอ  แต่นั่นเป็นความคิดก่อนที่เขาจะได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กนะ


“ถ้าฉันจะกลับไปอยู่บนโลก  ไปเร่ร่อนเหมือนเดิม  นายจะไปกับฉันไหม? ฮารุ”


                “ถามแบบนี้จะทิ้งกันเหรอ? ฝันไปเถอะ!!


                ร่างหนาโถมตัวทับยูยะแบบทีเล่นทีจริง แต่ทำให้ยูยะจุกแอ้กจนเริ่มมีโมโห


                “ฮารุ!!!! บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาล้มทับกันแบบนี้ ฉันหนัก!!


                “ทีเมื่อก่อนนายไม่เห็นว่าอะไรเลย”


                “แล้วตอนนี้เราเป็นลูกเสือลูกสิงโตกันอยู่หรือไง? ลงไปเดี๋ยวนี้นะ!!!


                ถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ในร่างมนุษย์  ยูยะคงกางเล็บตะปบให้หัวทิ่ม แต่ทำไม่ได้เลยต้องปล่อยให้ร่างหนานอนทับอยู่อย่างนี้  เป็นมนุษย์ไม่เห็นจะดีตรงไหน  อ่อนแอ! กลับไปเป็นสิงโตอย่างเดิมดีกว่าอีก


                แต่อยู่ๆ  ใบหน้าหล่อเหลาของฮารุก็เปลี่ยนจากโหมดใจดีขี้เล่นกลายเป็นเคร่งขรึม จนยูยะไม่สบายใจ


                “นายอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมจริงๆเหรอ?”


                ยูยะนิ่งไป  ในใจสับสน  อยู่ที่นี่ย่อมดีกว่าอยู่บนโลกทั้งสุขสบายและปลอดภัย  แต่ยูยะไม่มั่นใจว่าจะทำหน้าที่พี่เลี้ยงของบรรดากระต่ายจอมซนได้ดีแค่ไหน  โดยเฉพาะกับลูกกระต่ายรุ่นสองที่ลืมตาดูโลกในวันเดียวกับที่พวกเขาขึ้นมาอยู่ดวงจันทร์นี่   


                กระต่ายที่ไหนซนได้ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากท้องแม่ ?  ยูยะไม่เคยเห็น  แถมยังวิ่งเร็วจนสัตว์นักล่าอย่างเสือและสิงโตวิ่งตามไม่ทัน  ไหนจะความดื้อรั้นตามประสาเด็กไม่รู้ความ  จนทำให้ยูยะที่มีนิสัยขี้โมโหอยู่แล้วนึกอยากจะงับให้รู้แล้วรู้รอด


                ไม่เหมือนฮารุ..ทั้งใจเย็น  ใจดี  จนบางทีน่าหมั่นไส้


                “ยูยะ”


                ฮารุกางศอกคร่อมร่างข้างใต้เอาไว้  พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังอย่างที่ยูยะไม่เคยได้ยินมาก่อน


                “ไม่ว่านายจะไปที่ไหน ฉันก็จะไปกับนาย”


                เพื่อย้ำคำพูดให้แน่นหนักขึ้นอีก  ฮารุก้มลงไปหายูยะช้าๆ  แตะปลายจมูกกันและกันเหมือนอย่างเคย  เหมือนเมื่อครั้งที่ทั้งสองยังเป็นลูกเสือขาวและลูกสิงโตที่ถูกมนุษย์จับใส่กรงเดียวกัน


                “นี่- พวกนายกำลังจะทำลูกกันเหรอ?”







+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
               





“ทำลูกคืออะไร?”


ทั้งฮารุและยูยะพร้อมใจกันถามออกมาอย่างงุนงง  เพื่อนใหม่ที่อยู่บนดวงจันทร์ก่อนหน้าทั้งสอง ฮิคารุกับเคย์จิ๊ปากอย่างอารมณ์เสีย


“ก็มีลูกกันไง ฉันเคยเห็นโคโค่กับชิเงะมิโกะนอนทับกัน เอาหน้าชนกันแบบเนี๊ยะ!!  แล้วชิเงะมิโกะก็ท้อง”


ได้ฟังคำตอบแบบนั้น ฮารุกับยูยะก็ดีดตัวออกจากกันรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ  มีลูกด้วยกันนี่นะ?


ชิเงะมิโกะคือร่างทรงที่คอยใช้เวทมนตร์ของดวงจันทร์ทำความหวังของสิ่งมีชีวิตบนโลกให้เป็นจริง  อย่างตอนที่ยูยะกับฮารุพยายามจะหาที่ไหนสักแห่งที่จะได้อยู่ด้วยกัน  พวกเขาก็ถูกพามาอยู่บนนี้ด้วยฝีมือของชิเงะมิโกะ


ส่วนโคโค่คือแมวประหลาด ตาตี่ขายาวผิดกับแมวทั่วไป  อาศัยอยู่บนโลก  แต่อยู่มาวันหนึ่งชิเงะก็ตกลงไปบนโลก  โดนแมวงาบจนมีลูกด้วยกันแปดตัว  รุ่นแรกห้าตัว  รุ่นที่สองสามตัว


แต่ละตัวซนหาที่เปรียบไม่ได้


ผู้ที่อาศัยบนดวงจันทร์นั้นมีร่างเป็นมนุษย์  แต่เมื่อใดที่กลับลงไปอยู่บนพื้นโลกก็จะคืนร่างเดิม  ส่วนลูกของชิงะมิโกะกับโคโค่  เวลาอยู่บนโลกจะมีร่างเป็นกระต่าย


“เด็กๆล่ะ?”


ยูยะถามถึงลูกๆรุ่นสองของชิเงะกับโคโค่  ที่อายุไม่ถึงสามเดือน แต่โตจนเกือบจะเท่าเด็กมนุษย์อายุห้าขวบ  ส่วนลูกๆรุ่นแรกห้าตัวโคโค่พาไปเลี้ยงบนโลก เพราะซนเหลือหลายพี่เลี้ยงรับมือกันไม่ไหว 


แต่ก็ใช่ว่าสามตัวที่อยู่บนดวงจันทร์นี่จะไม่ซนหรอกนะ


วันก่อนวิ่งหนีไปซ่อนตัวที่ภูเขาน้ำแข็งที่สุดขอบทะเลสาบ  ยูยะไม่รู้ว่าลูกกระต่ายไปที่นั่นได้ยังไง ทั้งๆที่ผืนน้ำสีเงินกว้างสุดหูสุดตาแบบนี้  กว่าที่บรรดาพี่เลี้ยงจะหาเจอก็หนึ่งวันเต็มๆ  ถ้าเด็กๆไม่หิวอาจจะใช้เวลาตามหานานกว่านั้น  ส่วนเมื่อวาน ...


จับพี่เลี้ยงโยนลงทะเลสาบ..


โชคยังดีที่ ยาบุ ฮารุ และยูยะ ไม่เคยโดน เด็กๆคงจะรู้อยู่บ้างว่าเวลาโกรธ ทั้งสามคนน่ากลัวแค่ไหน


“โฮ้ย!! โดนจนชินแล้ว แค่นี้ยังเบาะๆ”


“ใช่ๆ ตอนที่มาเป็นพี่เลี้ยงกระต่ายรุ่นแรก โดนแกล้งจนถอดใจ ร้องไห้จะกลับบ้านตั้งหลายทีแน่ะ”


“แล้วทำไมไม่กลับล่ะ? “


คำถามตามประสาซื่อของยูยะทำให้เคย์ค้อนกลับมาวงใหญ่ 


“ก็ไม่มีบ้านให้กลับน่ะสิ  ป่าที่ฉันกับฮิคารุเคยอยู่โดนมนุษย์ตัดซะโล่งเหลือแต่ตอไม้ แล้วฉันจะไปหาต้นไม้ที่ไหนทำเป็นบ้านล่ะ”


“ยูโตะก็ถูกพามาเหมือนกันสินะ”


“เปล่า”  ยูโตะส่ายหน้า ยิ้มปากจะฉีก “ฉันอยากขึ้นมาอยู่บนดวงจันทร์อยู่แล้ว ก็เลยเกาะหางสองตัวนี่ขึ้นมาน่ะ”


ยูยะยิ้มน้อยๆกับคำตอบ  ยูโตะก็เหมือนกับฮารุ  ไม่ค่อยทุกข์ร้อนกับเรื่องใดๆ ปรับตัวง่าย  ไม่เหมือนยูยะที่ภายนอกดูเข้มแข็ง แต่ข้างในใจหวั่นไหว  กลัวไปหมดทุดอย่าง


“อย่ามานั่งคุยกันอยู่เลย  ไปตามเด็กๆกันเถอะ อีกเดี๋ยวโคโค่จะขึ้นมาบนนี้แล้ว”


“เด็กๆไปไหนกันล่ะ”


“น่าจะอยู่ในทุ่งหญ้านี่แหละ พวกนายช่วยตามให้หน่อย เดี๋ยวฉันกับยูโตะจะไปคอยดักที่ริมทะเลสาบ แล้วฮิคารุกับเคย์จะไปอยู่ที่ชายป่าสน เผื่อว่าเด็กๆจะวิ่งหนีเข้าป่า”


ชิเงะมิโกะเลือกพี่เลี้ยงลูกๆได้เหมาะสมกับลูกๆเสียจริง  เสือขาวกับสิงโตนั้นวิ่งเร็วเมื่ออยู่บนพื้นราบ  ฮิคารุกับเคย์คล่องแคล่วยามที่อยู่บนต้นไม้  ส่วนยาบุกับยูโตะนั้นว่ายน้ำเก่ง  เด็กๆหนีไปซ่อนทางไหนก็ถูกดักทางได้หมด


ว่าแต่เด็กๆทั้งหมดนี่เป็นลูกกระต่ายแน่เหรอ?








+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
               







               
                “โอ๊ยยยย!!! เกือบไม่ทันแน่ะ!! คุณเมฆเนี่ย  ไม่รู้จะรีบไปไหน”


                ยูมะทำหน้าบูดใส่เมฆหมอกที่ลอยอย่างเร่งรีบเข้ามาบังทางแสงจันทร์  เส้นทางที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับดวงจันทร์  ที่จะเปิดขึ้นเมือแสงจันทร์สาดส่องลงบนพื้นโลกเวลาข้างขึ้นเท่านั้น  แต่วันนี้เส้นทางนั้นเกือบถูกปิดก่อนเวลาอันควร เพราะเมฆก้อนโตที่ลอยมาบังแสงจันทร์ซะดื้อๆ  ทำเอาขบวนกระต่ายน้อยห้าตัว กระรอกน้อย หนูแฮมเสตอร์ กับแมวอีกสองตัวที่กำลังเดินทางไปสู่ดวงจันทร์ต้องวิ่งกันหน้าตั้งก่อนที่แสงจันทร์จะจางหาย  ไม่อย่างนั้นจะหล่นกลับลงไปบนพื้นโลก


                แล้วมันสูงน้อยซะเมื่อไหร่!!!


                ตกลงไปแล้วจะเหลือซากอะไรไปให้ป๋ากี้กะมี๊สึของผมละครับ


                “เกิดอะไรขึ้นน่ะ? ชิเงะล่ะ?”


                แมวขายาวตาตี่เงยหน้าขึ้นถามก้อนเมฆ ขณะที่ตัวเองกำลังยืดตัวขึ้นสูงกลายร่างเป็นมนุษย์ด้วยเวทมนตร์ของดวงจันทร์   แต่คุณเมฆไม่ตอบ เพราะมัวแต่พองตัวขยายใหญ่จนเกือบเท่าพระจันทร์ทั้งดวง



                แต่คำตอบก็อยู่ตรงหน้าแล้ว


                พี่เลี้ยงทั้งหก  ยืนอยู่ตรงหน้า  ในสภาพที่เรียกได้ว่าสะบักสะบอม  ฮารุกับยูยะมีเศษหญ้าติดบนเส้นผมและชุดกิโมโน  ฮิคารุและเคย์มีสภาพเหมือเพิ่งตกต้นไม้มาหยกๆ   ยาบุอุ้มเด็กคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขน  ส่วนยูโตะเพิ่งจะแบกเด็กน้อยอีกสองคนขึ้นมาจากทะเลสาบ


                ลูกๆของโคโค่กับชิเงะ


                “โชริ  โช  มาริ  เล่นซนอีกแล้วเหรอ? บอกแล้วไงว่าอย่าซนให้มากนัก”


                ถึงยังไม่รู้ความ  แต่เด็กๆทั้งสามก็ทำหน้าง้ำเพราะรู้ว่าถูกปะป๋าดุ  จากนั้นโคโค่ก็ใช้แขนยาวๆอุ้มลูกทั้งสามไว้ในอ้อมแขน


                “เดี๋ยวฉันจะดูแลเด็กๆเอง พวกนายไปพักกันเถอะ”


                แต่พอเดินไปได้สามก้าว ก็หันกลับมาบอกบรรดาพี่เลี้ยงว่า


                “ช่วยดูแลเด็กๆที่เหลือด้วยนะ”


                แล้วก็เดินจากไป


                ทิ้งพี่เลี้ยงเด็กทั้งหกไว้กับลูกกระต่ายรุ่นแรกห้าตัว  กับบรรดาเพื่อนๆอีกสามที่ตามติดมาจากบนโลก


                แล้วมันจะได้พักตรงไหน?










+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
               




“นี่ๆๆๆ นายเป็นผู้หญิงใช่ป่ะ”


“ฉันเป็นผู้ชาย!!


“ไม่จริงอ่ะ  หน้าตาแบบนี้ต้องเป็นผู้หญิงดิ”


ฮารุขยิบตาส่งสัญญาณให้ยาบุมาพาแฮมทาโร่ไปห่างๆก่อนที่จะถูกยูยะงับหัวขาด  ตัวเองก็ต้องกลั้นหัวเราะไปด้วย  แต่มีหรือแฮมทาโร่จะยอมแพ้ง่ายๆ  หนูตัวน้อยที่กลายร่างเป็นมนุษย์แล้วตัวไม่น้อยตะกายกลับมาหายูยะ ดึงชายกิโมโนของยูยะขึ้นจนเกือบถึงเข่า 


“เฮ้ย!!!


ยูยะร้องเสียงหลง  ฮารุรีบจับแฮมทาโร่โยนคืนกลับไปให้ยาบุทันที พลางส่งสายตาขู่  แต่ไม่ได้ทำให้เจ้าแฮมนึกกลัวเลย


“ทำไมล่ะ  ถ้าเป็นผู้ชายก็ต้องมีเหมือนกันดิ ขอดูหน่อยเดียวเอง”


ลูกกระต่ายรุ่นแรกห้าตัวในร่างมนุษย์ นั่งเรียงตามลำดับ เคนโตะ, ฟูมะ, ยูมะ, โฮคุโตะ และยูโกะ ทำตาแป๋วมอง สิงโตกับแฮมทาโรวิวาทกัน  สลับกับมองบรรดาพี่เลี้ยงที่พยายามเก็บซ่อนรอยยิ้มไม่ให้ยูยะกับฮารุเห็น  เสือกับสิงโตร่วมกันอาละวาด หัวขาดศพไม่สวยแน่ๆ


“พวกเราไปว่ายน้ำกันดีไหม?”


ยาบุเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะเกิดศึก  ลูกกระต่ายรุ่นแรกโตแล้วจึงไม่ซนมาก  อย่างน้อยห้ามแล้วก็ฟัง  [ แต่ถ้าพี่เลี้ยงไม่เห็นก็อีกเรื่องหนึ่งนะ ]


“ไม่เอาอ่ะ”


ยามะส่ายหัวแรงๆ  ตอนอยู่บนโลกยามะเป็นแมวสีขาว  นิสัยแมวยังไงก็ไม่ชอบน้ำ พอๆกับเสือและสิงโต ฮิคารุกับเคย์ก็ไม่ชอบว่ายน้ำ  เพราะถนัดปีนต้นไม้มากกว่า


ทั้งหมดเลยนั่งเล่นอยู่ที่ริมทะเลสาบแทน  ส่วนลูกกระต่ายครึ่งแมวทั้งห้าพุ่งลงน้ำอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องให้บอกซ้ำ  เหลือแต่ยูโตะกับยาบุที่ค่อยๆเดินตามลงไป  แฮมทาโรกับกระรอกน้อยยืนลังเลอยู่ข้างหลัง


“ไม่ต้องกลัว  ทะเลนี่น่ะ ว่ายน้ำไม่เป็นก็ไม่จมหรอก”


“จริงเหรอ”


ชี่น้อยจดๆจ้องๆผืนน้ำใสแจ๋วจนเห็นผืนทรายสีเงินเบื้องล่างอยู่ครู่หนึ่งจึงยอมให้ยูโตะจูงมือพาลงไปในทะเลสาบ ทิ้งเจ้าแฮมให้ยืนทำหน้างออยู่ที่เดิมเพราะไม่มีใครสนใจ  กำลังจะหันหลังกลับ  ก็ถูกเรียกไว้ด้วยน้ำเสียงอบอุ่นของใครคนหนึ่ง

“ถ้ากลัว..ก็เกาะหลังฉันก็ได้นะ  ฉันว่ายน้ำเก่ง  ไม่ต้องกลัว”


“ใครกลัว? ไม่ได้กลัวซะหน่อย”  แฮมทาโรมองยาบุอย่างเคืองๆ  นึกอิจฉาที่ยาบุเป็นปลาโลมา ว่ายน้ำเป็นตั้งแต่เกิด  ส่วนเขาแค่ลงไปจุ่มตัวในชามใส่น้ำก็โดนมี๊ดุทุกที  “เอ้า!! จะให้เกาะหลังก็หันหลังมาดิ”


ยาบุหันหลังให้อย่างว่าง่ายไม่ถือสา  พอเจ้าแฮมกระโดดเกาะหลังแน่นดีแล้วก็กระโจนลงน้ำทันที



ปลากับน้ำเป็นของคู่กัน  ยาบุมีความสุขมากที่สุดเวลาที่ได้ว่ายน้ำ  แต่พอมาเป็นพี่เลี้ยงให้กับแก๊งกระต่ายแล้ว  เวลาที่จะมาเล่นน้ำเลยไม่ค่อยมี    เมื่อมีโอกาส ยาบุจึงดำผัดดำว่ายอยู่ในทะเลสาบอย่างสุขใจ


โดยลืมไปว่ามีแฮมน้อยเกาะหลังอยู่หนึ่งตัว ?


“ยาบุคุ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงง!!


ร่างที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำหยุดชะงัก  เสียงเรียกของดังมาจากเบื้องหลังห่างออกไป  เมื่อหันกลับไปมองชัดๆ  จึงรู้ว่าเป็นเสียงของยูโตะกับชี่น้อย  กับใครอีกคนหนึ่ง


ยูโตะพยายามพุ้ยน้ำเพื่อประคองตัวเอง ที่มีทั้งชี่น้อยเกาะอยู่บนหลัง  และเจ้าแฮมทาโรที่ทำหน้างอหน้าคว่ำเกาะแขนอยู่อีกข้าง  ทำให้ยาบุเพิ่งนึกได้ว่าเขามัวแต่ว่ายน้ำสนุกสนานจนลืมไปว่ามีแฮมทาโรเกาะอยู่บนหลัง  แล้วก็ยังเผลอดำน้ำลึกเสียอีก  ไม่แปลกเลยที่เจ้าหนูน้อยจะปล่อยมือจากเขา  ถึงน้ำในทะเลสาบนี้จะไม่ทำให้ใครจม แต่ถ้าทรงตัวในน้ำไม่ได้  ก็มีแต่จะพลิกคว่ำพลิกหงายสำลักน้ำเท่านั้น


ยาบุพุ่งตัวกลับไปหาทั้งสามอย่างรวดเร็ว แต่พอจะประคองแฮมทาโรกลับมา  เจ้าแฮมกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือ ปัดมือยาบุออกเคืองๆเพราะคิดว่าถูกแกล้งให้กลายเป็นตัวตลกต่อหน้าแก๊งกระต่ายที่ยังหัวเราะร่าไม่หยุด


“แฮมทาโร ฉันขอโทษ “


“จะขึ้นฝั่งแล้ว!!


แฮมทาโรหันไปบอกยูโตะ  แล้วตะกายๆจะขึ้นไปอยู่กับชี่น้อยด้วย ยาบุต้องพาตัวออกมาไม่อย่างนั้น กบที่ไม่เคยจมน้ำ  จะจมน้ำตายก็วันนี้


“วันนี้แฮมทาโรต้องแทะต้นสนหมดป่าแน่ๆเลย”


“ไหงเป็นงั้นอ่ะชี่น้อย”


“ก็เวลาแฮมทาโรถูกหม่ามี๊ดุน่ะ จะงอนแล้วแทะทุกอย่างที่ขวางหน้าเลยล่ะ”


“อ๋า~ แย่แล้วววว~









+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
               


และเป็นอย่างที่ชี่น้อยว่า  พอขึ้นมาถึงบนฝั่ง เจ้าแฮมก็วิ่งปรู๊ดลัดทุ่งหญ้าหายเข้าไปในป่าสน  ยาบุได้แต่ยืนมอง  เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี 


“ไปง้อให้เอาป่ะ”


ฮิคารุกับเคย์เสนอหน้าเสนอตัวมาทันที  ยาบุหันมามองแบบไม่ไว้ใจ  มันจะช่วยทำให้แย่ลงล่ะสิไม่ว่า


“ไปดูแลเด็กๆเถอะพวกนาย แค่นี้ฉันจัดการได้”


ร่างสูงก้าวฉับๆจากไป ทิ้งคู่หูที่แสบไม่แพ้แก๊งกระต่ายให้ทำหน้าม่อยด้วยความเสียดาย


ยาบุตามหาแฮมทาโรได้ไม่ยากนัก ไม่ไกลจากทางเข้า แฮมทาโรนั่งทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้อยู่ใต้ต้นสนใหญ่ ยกมือขึ้นกุมแก้มทั้งสองข้างเหมือนคนปวดฟัน


“แฮมทาโร ขอโทษนะ”


ได้ผล! เจ้าแฮมสะบัดหน้าพรืด ทำท่าจะวิ่งหนีด้วย แต่ยาบุไวกว่าคว้าตัวมานั่งบนตัก กอดเอวเอาไว้กันหาย


“นี่   คุยกันหน่อยน่า ไหนดูซิ เมื่อกี๊สำลักน้ำเหรอ?”


แฮมทาโรส่ายหน้า  แต่ยังไม่ยอมเอ่ยปากพูด และไม่ยอมลดมือที่กุมแก้มลงด้วย


“งั้นเป็นอะไรล่ะ ยังโกรธอยู่เหรอ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้นายสำลักน้ำหรอกนะ”


“ปวดฟัน”


“หา?”


แฮมทาโรชี้ไปที่ต้นสนต้นหนึ่ง ถามสาเหตุได้ความว่า พยายามจะหาอะไรแทะให้หายโมโหตามนิสัย แต่หาไม่ได้เลยไปแทะต้นสน  แต่กัดลงไปทีเดียวก็สะเทือนไปทั้งหัว นั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้นจนยาบุมาเจอ


“โธ่เอ๊ย! กัดเข้าไปได้ยังไง ดีนะที่ฟันไม่หัก”


“ก็ทีขาโต๊ะที่บ้านยังแทะได้เลยนี่!!!


เจ้าแฮมเถียงอย่างดื้อดึง ยาบุเองก็ไม่อยากทำให้แฮมทาโรอารมณ์บูดไปมากกว่านี้จึงเงียบเสีย  พอไม่มีคนคุยด้วยเจ้าแฮมก็เหงาปากเป็นฝ่ายชวนคุยเสียเอง  ซักพักก็ผล็อยหลับไป


ระหว่างที่ยาบุกำลังคิดว่าจะทำยังไงกับเจ้าหนูน้อยที่หลับอยู่ในอ้อมแขน  คู่หูฮิคเคย์ก็วิ่งพรวดเข้ามา โวยวายเสียงลั่น


“เงียบๆหน่อยได้ไหม แฮมทาโรหลับอยู่”


ทั้งสองหุบปากฉับ แล้วแข่งกันชี้มือไปทางทะเลสาบ ทำหน้าตาตื่นๆ ทำปากพะงาบๆไปด้วย


“อะไร? มีอะไรก็พูดมาสิ ทำท่าแบบนั้นฉันไม่เข้าใจ”


เคย์ร้องอ้าวถามว่าไหงเมื่อกี๊บอกให้เงียบๆไว้ แต่ฮิคารุชี้มือไปยังทิศเดิม แล้วกระซิบเบาๆว่า


“แย่แล้ว! เด็กๆไปทำอะไรไม่รู้ที่บ่อน้ำแห่งความสมหวังของชิเงะล่ะ”


“หา!!!









+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
               
ยาบุวิ่งหน้าตาตื่นไปยังบ่อน้ำแห่งความสมหวัง  บ่อน้ำเล็กๆใกล้ๆทะเลสาบ ที่ชิเงะมักจะมานั่งมองความเป็นไปบนพื้นโลก  คอยดูว่ามีคำอธิษฐานใดที่แรงกล้าจนส่งมาถึงบนดวงจันทร์นี้หรือไม่  หากมี  ชิเงะจะใช้เวทมนตร์ทำให้คำอธิษฐานนั้นเป็นจริง


แต่ตอนนี้ชิเงะมิโกะกำลังพักผ่อนเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเลี้ยงลูก หลับอยู่ในบ้านไม้ทรงสามเหลี่ยมที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ่อน้ำ  ระหว่างที่รีบเร่งอยู่นั้น ก็มีแสงสว่างสีเงินวาบขึ้นมาเป็นระยะ  ซึ่งต้องเป็นฝีมือเจ้ากระต่ายจอมซนทั้งห้าแน่ๆ เพราะเหล่าพี่เลี้ยงไม่มีเวทมนต์อย่างที่กระต่ายบนดวงจันทร์มี


เมื่อเข้าใกล้บ่อน้ำ  ยาบุก็มองเห็นทุกคนนั่งล้อมลงกัน  รอบบ่อน้ำที่เปล่งประกายสีเงินระยิบระยับ  ทั้งลูกกระต่ายครึ่งแมวทั้งห้า ชี่น้อย แม้กระทั่งพี่เลี้ยงเด็กอย่างยูโตะ ฮารุและยูยะก็ไปสุมหัวกับเขาด้วย


มันน่าโมโหนัก!!!!


“พวกนายทำอะไรกัน!!!


ทั้งหมดเงยหน้าตาแป๋วมองยาบุที่พรวดพราดเข้าไป  จะมีแต่ยูโตะที่ทำหน้าตาตื่นๆถอยห่างจากบ่อน้ำ


“ก็กำลังทำเหมือนที่หม่ามี๊ทำไง ช่วยให้คำอธิษฐานเป็นจริง”


“ช่ายๆๆ  ไม่เห็นต้องทำเสียงดุขนาดนี้เลย”


“แล้วใครอนุญาตพวกนายฮึ? “


ยาบุจ้องเคนโตะกับฟูมะที่ทำเหมือนไม่รู้ว่า ชิเงะสั่งห้ามหนักหนาไม่ให้เด็กๆมาเล่นแถวนี้ถ้าหากว่าไม่มีชิเงะอยู่ด้วย


“ก็หม่ามี๊บอกว่าอีกหน่อยพวกเราต้องช่วยหม่ามี๊ทำงานนี่   เน้อ~


ยาบุหรี่ตามองโฮคุโตะ กับยูโกะพยักหน้าเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย ชิเงะเคยพูดไว้อย่างนั้นจริง แต่นั่นมันต้องหลังจากที่เด็กๆใช้เวทมนตร์ได้คล่องแคล่วเป็นเรื่องเป็นราวกว่านี้


“หม่ามี๊เคยสอนแล้วนะ  หม่ามี๊บอกว่าให้คอยฟังเสียงอธิษฐานแล้วค่อยช่วย”


ยาบุมองยูมะอย่างชั่งใจ  ในบรรดาพี่น้อง ยูมะมีนิสัยซื่อตรงที่สุด  แต่ก็โดนพี่ๆน้องๆหลอกบ่อยที่สุดเพราะความซื่อนี่ละ


“งั้นบอกมาซิ ได้ช่วยใครแล้วบ้าง”


“ก็มีหมูตัวหนึ่ง อยากบินได้ ก็เลยเสกให้มันมีปีกล่ะ  ตอนนี้น่าจะบินไปถึงภูเขาฟูจิแล้วล่ะ”


ฟังเคนโตะว่าแล้วเข่าแทบทรุด  ยาบุนึกภาพหมูมีปีกแล้วหัวใจจะวาย  หากว่ามนุษย์สักคนมองเห็นเข้าไม่คิดกันไปว่าเอลี่ยนบุกโลกหรือนี่?


“นี่ๆๆ ฉันก็ช่วยไม่ให้ลูกนกถูกงูกินล่ะ  ก็เลยแปลงร่ายให้ลูกนกกลายเป็นงู งูมันจะได้ไม่กินพวกเดียวกันเองไงล่ะ”


คราวนี้ยาบุยืนไม่ไหว ฟูมะยิ้มร่าเริงแต่ยาบุปวดหัวเป็นที่สุด  นกกลายเป็นงู  อยู่ในรังนก  พ่อนกแม่นกกลับมาเห็นคงช็อคตาย


แล้วจากนั้นลูกกระต่ายครึ่งแมวก็อวดผลงานกันเจื้อยแจ้ว แต่ยาบุฟังแล้วลมจะใส่ ความดันจะขึ้น พาลจะเป็นลมอยู่รอมร่อ


แต่ก่อนที่จะได้แก้ไขอะไร น้ำในบ่อก็ไหวเป็นระลอก  นั่นหมายถึงว่า คำอธิฐานจากบนโลกได้มาถึงดวงจันทร์นี้แล้ว


เมื่อทุกคนกรูเข้าไปล้อมบ่อน้ำ ยาบุก็ลืมอาการปวดหัวชั่วครู่ วิ่งไปดูกับเขาด้วย


ภาพเงาที่สะท้อนในน้ำนั้น คือลูกสัตว์ตัวหนึ่ง กำลังแหวกว่าฝ่าคลื่นทะเลอย่างร้อนรนราวกับกำลังหลบหลีกจากอันตราย  สัตว์ตัวใหญ่ที่คอยโผขึ้นเหนือน้ำ ตามหลังเจ้าตัวน้อยนั้น


“นั่นมันลูกเพนกวินนี่ ! ฉันเคยเห็นในทีวีล่ะ”


ชี่น้อยอวด  ยาบุมองตามแล้วก็เห็นว่าเป็นลูกเพนกวินจริงๆ  เขาเองคุ้นเคยกับสัตว์ชนิดนี้ยามเมื่อครั้งที่แหวกว่ายอยู่ในทะเล  บางครั้งเขาก็ไปทักทายว่ายน้ำกับเพนกวินอยู่บ่อยๆ   พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีพิษภัย ไม่เคยทำร้ายใคร  แต่มักจะกลายเป็นผู้ถูกล่าอยู่เสมอ


อย่างเช่นตอนนี้


เพนกวินน้อยว่ายน้ำสุดกำลัง  เพื่อหนีให้พ้นจากคมเขี้ยวของฉลามร้ายแห่งท้องทะเล  แต่ให้พยายามสุดชีวิต  ก็ทำได้เพียงหลบหลีกได้ชั่วคราว  ไม่อาจหลบพ้นได้ตลอด


ที่สำคัญ ... เพนกวินน้อยกำลังจะหมดแรงเสียแล้ว


“พวกนายช่วยเจ้าเพนกวินหน่อยซี่!!


ชี่น้อยร้อง  ยาบุเองก็ยังลืมเรื่องก่อนหน้า  มาเอาใจช่วยเจ้าเพนกวินน้อยว่ายน้ำได้ช้าลงทุกที


“พวกเราเหนื่อยแล้วนี่นา”


“อะไรกันเล่า ช่วยๆกันหน่อยสิ  อีกครั้งเดียวเอง เนี่ย! เพราะมัวแต่เล่น พอถึงเวลาต้องช่วยจริงๆแล้วก็ทำไม่ได้”


ชี่น้อยเอ็ดแหว  ลูกกระต่ายทั้งห้าตัวทำหน้าม่อย หันไปขอความเห็นพี่ๆน้องๆ


“เร็วเข้าซี่!!


แล้วแสงสีเงินก็สว่างจ้ายิ่งกว่าทุกครั้ง  ไม่มีใครมองเห็นอะไรอีก จนกระทั่งแสงจางลง  บรรดาพี่เลี้ยงจึงได้เห็นภาพที่น่าตกใจสุดชีวิต


ลูกกระต่ายทั้งห้าตัวสลบไสลอยู่รอบบ่อน้ำ 


“ไม่เป็นไรหรอก แค่เหนื่อยจนหลับไปแค่นั้นเอง”


ฮารุที่เข้าไปถึงเด็กๆก่อนสำรวจอาการ แล้วถึงบอกให้พี่เลี้ยงคนอื่นสบายใจ  เขาเคยเห็นเด็กๆเป็นแบบนี้มาก่อนแล้วเมื่อครั้งที่อยู่บนโลก  ตอนที่ช่วยเขาและยูยะให้พ้นจากน้ำมือมนุษย์


“พาเด็กๆมานอนตรงนี้เถอะ”


ฮารุอุ้มลูกกระต่ายในร่างมนุษย์มานอนเรียงกันข้างๆยูยะ อย่างที่เคยทำ  แต่เมื่อถึงตายูมะ  ฮารุก็อุ้มไปวางข้างๆยามะแทน


“เดี๋ยวก็ถูกพี่ๆน้องๆกลิ้งทับอีก นายดูแลไปก็แล้วกัน”


หลังจากที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ยาบุก็นั่งลงใกล้ๆกับที่เด็กๆนอนเรียงกัน


“นายว่า  เจ้าเพนกวินตัวนั้นจะปลอดภัยมั๊ย”


ทั้งยามะ ยูโตะ ฮารุ ยูยะ และชี่น้อยพร้อมใจกันส่ายหน้า  ไม่มีใครมองเห็นว่าในแสงสีเงินนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง


เฮ้อ~


ยาบุคิดว่าเพนกวินน้อยคงจะรอดพ้นจากฉลามไปได้  แต่หลังจากนั้นจะไปตกระกำลำบากอยู่ที่ไหนนี่สิ.. ที่น่าห่วง


“ก่อนจะห่วงเพนกวิน ห่วงพวกฉันก่อนดีไหม”


เสียงที่ถูกลืมดังมาจากข้างหลัง ฮิคารุกับเคย์เดินข้ามาด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด ทั้งตัวมีแต่รอยฟันเต็มไปหมด


“พวกนายทะเลาะกันเหรอ?”


“ใช่ที่ไหน! เพราะยาบุนั่นแหละ ตะโกนลั่นป่าจนแฮมทาโรตกใจ ตื่นขึ้นมาอารมณ์เสียแล้วก็มาไล่งับพวกฉันเนี่ย”


“แล้วแฮมทาโรไปไหนล่ะ?”


“ไม่รู้!!!


ยาบุถอนหายใจรอบที่ล้านแปด  ชีวิตพี่เลี้ยงมันเหนื่อยจริงหนอ..







จบแล้วจ๊ะ- - - - - - - - - - -