Wednesday 31 August 2011

[Fiction] Once Upon a time...T้hree


[Fiction] Once Upon a time...Three



Title -:- Once Upon a time...Three

Writer -:- Nalikakeaw

Rate -:- Not Sure

Pairing -:- HaruYuya



ในฟิคเรื่องนี้มีตัวละครชื่อยูยะสองคนนะคะ  ถ้าใครงง ให้ย้อนกลับไปอ่านตอนก่อนหน้านั้น เพราะว่ามันมีที่มาที่ไปค่ะ

[Fiction] Once Upon a time...Intro
[Fiction] Once Upon a time...one
[Fiction] Once Upon a time...Two






จิตใจมนุษย์นั้น อาจเป็นสิ่งเดียวในโลกที่ไม่อาจหาคำนิยามได้  บางครั้งมันล้ำลึกกว่าห้วงเหวที่ลึกที่สุดในท้องทะเล บางครา..ผกผันปรวนแปรได้รวดเร็วกว่าพายุหมุน  มันอาจเป็นได้ทั้งไฟนรกแผดเผาให้ทรมานเจียนตายและเป็นสายน้ำที่มอบความเย็นฉ่ำ  คนเคยรักสุดหัวใจ..อาจเกลียดกันได้ภายในช่วงเวลาอันแสนสั้น

ยาบุเพิ่งรู้ว่าตอนนี้นักแสดงในสังกัดของเขากำลังตกเป็นเป้าหมายของความรู้สึกที่ทั้งรักและเกลียดในเวลาเดียวกัน จากกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าแฟนคลับ ที่แตกแยกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งชื่นชม รักและสนับสนุนพวกเขาทั้งสองทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว กับอีกกลุ่มหนึ่งที่รักและสนับสนุนฮารุมะหรือยูยะคนใดคนหนึ่ง แต่ไม่ต้องการให้ทั้งสองคนรักกัน  และอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่เชื่อว่าทั้งคู่รักกันอย่างสุดหัวใจ หากว่าวันใดที่ทั้งสองคนต้องมีงานคู่กัน ยาบุต้องปวดหัวกับการปะทะคารมกันของบรรดาแฟนคลับทั้งหลาย จนบางครั้งต้องขอให้รปภ.ไล่ออกไปให้หมด เท่านั้นยังไม่พอเรื่องราวยังเลยเถิดถึงขั้นกลั่นแกล้งด้วย วันก่อนฮารุมะได้รับจดหมายจากผู้ไม่ประสงค์ออกนามเกือบยี่สิบฉบับ ทุกฉบับมีข้อความในทำนองเดียวกันว่าให้เลิกคบกับยูยะเสีย ไม่อย่างนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัย แต่ฮารุมะไม่ได้สนใจ

"ฉันชักจะหมดความอดทนแล้วนะ!!!"

ฮารุมะตะโกนใส่ยาบุกลางสตูดิโอ ท่ามกลางสายตาทีมงานและนักแสดงร่วมคนอื่นๆที่มองมาด้วยความตกใจ ไม่มีใครเคยเห็นนักแสดงหนุ่มอารมณ์ร้อนแบบนี้มาก่อนเลย

แต่ยาบุนั้นชินแล้ว  ความจริงคือฮารุมะเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้โมโหอย่างร้ายกาจ แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพจึงไม่ค่อยแสดงออกมาให้ใครเห็น  ยกเว้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับยูยะ  ...

ฮารุมะหวงแหนคนข้างกายยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด แม้บางครั้งอาจเกินเลยจนอาจทำร้ายความรู้สึกของยูยะ แต่ยูยะกลับไม่ได้ถือสาเพราะเข้าใจนิสัยของอีกฝ่ายดี ดูอย่างตอนนี้สิ แค่รอยข่วนเล็กๆบนแขนของยูยะที่ได้มาตอนฝ่าคลื่นแฟนคลับนับร้อยเข้ามาในสตูดิโอ

"ฮารุ ฉันไม่เป็นไร"

"ฉันไม่ต้องการให้ใครมาแตะต้องตัวนายทั้งนั้น บอกมาเดี๋ยวนี้ว่ามันเป็นใคร"

"ตอนเราเดินเข้ามามีแฟนคลับรออยู่เป็นร้อยนะ ฉันไม่รู้หรอก"

ยูยะตอบเรียบๆ ไม่สะทกสะท้านกับพายุลูกเพลิงที่อยู่ตรงหน้า  นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมยาบุถึงเชื่อมั่นหนักหนาว่าสองคนนี้รักกัน ฮารุมะไม่เคยทำร้ายยูยะไม่ว่าจะโกรธสักแค่ไหน แต่อันที่จริงเรื่องที่ทำให้โกรธนั่นก็ไม่ใช่ความผิดของยูยะเลยสักนิด

แล้วไอ้ข่าวลือบ้าๆว่าทั้งสองคนเป็นเพียงคู่นอนนั้นมันมาจากไหนกัน

"มีดอกไม้มาส่งครับ"

พนักงานส่งดอกไม้หยุดอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตรงเข้ามายังมุมที่ฮารุมะ ยูยะ และยาบุนั่งอยู่ วางดอกไม้ลงบนโต๊ะเล็กๆตรงหน้าทั้งสามคน

"แฟนคลับส่งให้นายสองคนละมั้ง"

"ไม่ครับ ดอกไม้นี่ ส่งให้ทาคาคิซังคนเดียว"

ฮารุมะจ้องมองช่อดอกไม้ตรงหน้าราวกับจะฉีกให้เป็นชิ้นๆ


............................................



........................




...............



...



"โว้ยยยย!!!!!"

นักแสดงหนุ่มเตะช่อดอกไม้ที่วางอยู่หน้าห้อง ปลิวไปกระแทกผนังด้วยความหงุดหงิดเกินจะทน แม้แต่ที่ห้องก็ไม่เว้น  ฮารุมะก้าวเข้าห้องแล้วปิดประตูเสียงดังสนั่น

ดอกกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ส่งมาให้ยูยะทุกๆที่  ที่เขาไป ในช่อดอกไม้ไม่มีการ์ด หรืออะไรสักอย่างที่ทำให้เขารู้ได้ว่าใครเป็นคนส่ง  ไม่อย่างนั้น...

ยูยะยังยืนอยู่ที่เดิม มองช่อดอกไม้นั้นด้วยสายตานิ่งสงบอยู่นานก่อนจะตัดสินใจหยิบมันขึ้นมา เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าหญิงสาวเพื่อนบ้านกำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง มองมาทางเขาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

"ไม่มีอะไรหรอกครับ เขาแค่..หงุดหงิดนิดหน่อยเท่านั้น"

"จะไม่เป็นไรแน่เหรอคะ"

เธอถามเมื่อยูยะกำลังจะเดินเข้าห้อง เธอก็เหมือนอีกหลายๆคนที่ไม่เคยเห็นฮารุมะในแง่มุมอื่น นอกจากนักแสดงหนุ่มที่สุภาพใจดี ยูยะเพียงแต่ยิ้มตอบเพียงว่าไม่เป็นไรเท่านั้น เพราะไม่ว่ายังไง ฮารุก็ไม่เคยทำร้ายเขา...

ไม่ว่าร่างกาย...หรือหัวใจที่ไร้ความรู้สึกนี้





"นายเก็บเข้ามาด้วยทำไม!!!"

ตะคอกใส่ทันทีที่เห็นช่อดอกไม้วางอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น เอื้อมมือหมายจะหยิบดอกไม้นั้นขยี้ให้แหลกคามือ แต่ยูยะกลับคว้าช่อดอกไม้ไว้ได้ก่อน

"ทำไม!! หรือกลัวไอ้คนส่งมันจะเสียใจ รู้สินะว่ามันเป็นใคร บอกฉันมา!!!!"

"ฉันไม่รู้"

"อย่ามาโกหก!!! ส่งดอกไม้นั่นมา!!"

"ดอกไม้มันไม่มีความผิดนะฮารุ ถ้านายไม่พอใจทำไมไม่ไปจัดการคนที่ส่งมาล่ะ"

"ฉันไม่รู้น่ะสิว่ามันเป็นใคร กลิ่นที่อยู่บนดอกไม้นั่นอาจจะไม่ใช่คนส่ง หรือนายอยากให้ฉันไปเล่นงานพนักงานส่งดอกไม้กับคนจัดดอกไม้แทน?"

ไม่มีคำตอบ... ความเงียบของยูยะทำให้อารมณ์ของฮารุมะเย็นลงได้บ้าง แต่พอเห็นดอกกุหลาบสีแดงสดนั่น ก็ทำให้ความโกรธปะทุขึ้นมาอีก แขนแกร่งตวัดกอดเอวร่างที่ยืนหันหลังให้เข้ามาแนบอก กระซิบคำสั่งที่ข้างหู...คำสั่ง ที่ไม่ว่ายังไง ยูยะต้องยอมทำตาม

"กำจัดดอกไม้นั่นไปซะ"

แต่บนโต๊ะกลับมีแจกันดอกไม้สีขาวปรากฏขึ้นมาจากอากาศที่ว่างเปล่า แล้วดอกกุหลาบสีแดงในมือยูยะ ก็ไปจัดเรียงอยู่ในแจกันนั้นอย่างสวยงาม

"ฉันบอกให้ทำลายมัน!!!"

เพียงดีดนิ้วครั้งเดียว แจกันก็หายวับไป พร้อมๆกับอารมณ์เกรี้ยวกราดของฮารุมะ

"นายส่งดอกไม้นั่นไปไว้ที่ไหน"

"ในห้องน้ำสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ๆนี่แหละ พอใจรึยัง?"

"ยัง!

ลมหายใจร้อนรินรดต้นคอ หากแต่สัมผัสที่กดลงมานั้นผ่าวร้อนยิ่งกว่า  ยูยะหลับตาลงช้าๆปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นผู้นำพาอารมณ์และร่างกายให้เป็นไปอย่างทุกครั้ง นุ่มนวล...แช่มช้า... เพื่อให้ร่างงามตอบสนองฮารุมะได้อย่างถึงใจ

แม้ว่าหัวใจที่ซ่อนอยู่ในร่างกายนี้...

จะไม่ยินดีก็ตาม...



............................................



........................




...............



...



"น่าเบื่อจัง"

ยูมะเท้าคางกับกรอบหน้าต่างจากห้องผู้ป่วยบนชั้นแปดของโรงพยาบาล จ้องมองลงไปในความมืดและแสงไฟจากถนนเบื้องล่าง ค้นหาใครสักคนที่จะมาเป็นเหยื่อที่จะทำให้ชีวิตผู้ป่วยในโรงพยาบาลนี้มีสีสันขึ้นมาอีกหน่อย

แต่มองแล้วมองเล่าก็ไม่มีปาปารัสซี่คนไหนมาให้ยูมะแกล้งเล่นเลยแฮะ~

"สงสัยจะไม่มาแล้ว"

เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ข่าวของฮารุมะและยูยะทำให้โรงพยาบาลเต็มไปด้วยช่างภาพปาปารัสซี่ มันมากเสียจนยูมะเลือกไม่ถูกว่าจะแกล้งคนไหนก่อนดี พวกมือใหม่ก็จะโดนพอเบาะๆเพราะแค่นั้นก็ทำให้ใจเสาะไปหาเป้าหมายอื่นแล้ว ส่วนพวกมืออาชีพก็จะโดนมากน้อยไปตามลำดับ แล้วแต่ว่าพวกนั้นจะเข้ามายุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัวของพี่ชายเขา และรบกวนผู้ป่วยคนอื่นๆแค่ไหน

อย่างดีก็ถูกถังน้ำหล่นใส่บ้าง หรือกระถางต้นไม้บ้าง ส่วนใหญ่แล้วยูมะจะเล็งกะให้หล่นลงบนเครื่องมือทำมาหากินของเจ้าพวกนั้นมากกว่า  หนักหน่อยก็เหยียบตะปู ลื่นตกบันได แต่วันก่อนยูมะคงโมโหมากไปหน่อย  ปาปารัสซี่คนหนึ่งเลยเข้าไปอยู่ในเตาเผาขยะของโรงพยาบาลแบบที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าเข้าไปอยู่ในนั้นได้ยังไง วุ่นวายกันไปพักใหญ่ แต่เจ้าหมอนั่นก็ปลอดภัยดีถึงจะมีอาการหวาดผวาบ้างนิดหน่อยก็เถอะ แต่รายสุดท้ายนี่ ยูมะไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆนะ แค่ทำให้รถของหมอนั่นหายไปทั้งคันเท่านั้นเอง

ใจจริงแล้วยูมะอยากจะจัดการให้คนพวกนั้นเจ็บหนักอาการโคมา นอนพะงาบๆหยอดน้ำเกลืออยู่ในโรงพยาบาลซักเดือนอย่างที่ฮารุมะทำมากกว่า

แต่พวกปาปารัสซี่ไม่โผล่หัวมาให้เห็นแล้วนี่สิ..

เซ็งเป็นบ้า..

"คงไม่ได้คิดทำอะไรแผลงๆอีกนะ ยูมะ"

คุณหมอยูยะ พี่ชายคนดีของยูมะเดินเข้ามาในห้อง ถือหนังสือเล่มเล็กๆสองสามเล่มมาด้วย พอเดินเข้ามาใกล้ สันหนังสือบางๆเล่มหนึ่งก็เคาะลงมาบนหน้าผากของยูมะ

"ผิดคำพูดนะเรา ไหนว่าจะไม่ใช้เวทมนต์อีกแล้วไงล่ะ"

"ก็มันอดไม่ได้นี่"

ยูมะแก้ตัวง้องแง้งไปเรื่อย มือก็ยกขึ้นปิดหน้าผาก เผื่อว่าพี่ชายคนดีจะแถมมะเหงกมาให้ด้วย

"รู้ไหมยูมะ ว่าตอนนี้ทุกคนเขาลือกันว่ายังไง  เขาว่ากันว่าโรงพยาบาลนี้มีผีสิงหรือไม่ก็มีอาถรรพ์ ญาติบางคนก็กลัวจนพาคนไข้ย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลอื่นแล้วนะ"

"ไหงเป็นงั้น? น้องแกล้งแต่พวกปาปารัสซี่ ไม่ได้ไปยุ่งกับคนไข้ซักหน่อย"

"มนุษย์น่ะ มักจะกลัวในสิ่งที่ตนเองมองไม่เห็นหรือพิสูจน์ไม่ได้ ถ้าหากว่าพวกเขากลัวจนทนไม่ได้ก็จะหาเหตุผลขึ้นมาสักข้อแล้วก็ปิดหูปิดตาตัวเองเสีย นั่นก็ไม่เป็นไร  แต่ถ้าพวกเขากลัวจนลุกขึ้นมาค้นหาความจริง เราจะลำบากนะยูมะ ถึงแม้ว่ามนุษย์ จะไม่ได้มีพลังอำนาจหรือเวทมนต์เหมือนเรา ก็จงอย่าได้ประมาท "

ยูมะแอบเบ้หน้าใส่คำสั่งสอนยาวเป็นกิโลฯของพี่ชาย แต่พอถูกพี่ชายจ้องก็หันกลับไปพยักหน้าหงึกๆพอเป็นพิธี คุณหมอยูยะเลยโยนหนังสือในมือใส่หัวน้องเสียเลย

"อะไรนี่? หนังสือนิทาน? น้องไม่ใช่เด็กแล้วนะจะได้อ่านนิทานก่อนนอน"

"ไม่ใช่ของน้อง ของจิโนะจังที่อยู่ชั้นสามต่างหาก เด็กคนนั้นได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยกันเรื่องผี เรื่องอาถรรพ์ จนเก็บเอาไปฝันร้ายมาหลายคืนแล้ว วันนี้คุณอาของจิโนะจังมาเฝ้าไม่ได้ ต้องมีใครสักคนไปอยู่เป็นเพื่อน"

อาโออิ จิโนะ เด็กอายุเก้าขวบที่เป็นโรคภูมิแพ้อย่างหนักจนต้องออกจากโรงเรียนมาอยู่โรงพยาบาลได้ปีกว่า พ่อแม่ก็ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมารักษา นานๆถึงจะมาหาได้สักครั้ง  มีแต่อาที่คอยมาเยี่ยมเและนอนค้างด้วยเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่บ่อยนัก

เด็กคนนั้นมักจะเฝ้ามองคนไข้ที่มีญาติมิตรมากมายมาเยี่ยมด้วยดวงตาหม่นหมองอยู่บ่อยๆ ทำให้ยูมะนึกสงสารเข้าไปคุยด้วย ถ้าไม่นับเวลาที่อาการกำเริบขึ้นมาละก็ จิโนะก็เป็นเด็กที่มีสุขภาพดีพอสมควร

"แล้วทำไมพี่ไม่ไปเองน่ะ จิโนะจังรักพี่มากกว่าน้องซะอีก"

"เพราะพี่ต้องไปช่วยท่าน ผอ. หาคำอธิบายว่าทำไม วันก่อนถึงได้มีปาปารัสซี่คนหนึ่งหลงเข้าไปนอนในตู้เก็บศพได้น่ะสิ"


............................................



........................




...............



...


"ทำไมต้องมาโทษเราคนเดียวด้วยน๊า~"

จริงอยู่ว่าที่พี่ชายคนโตของบ้านพูดนั่นก็ถูก แต่จะโทษเขาฝ่ายเดียวได้ยังไง  ถ้านักข่าวพวกนั้นไม่เขียนข่าวใส่ร้ายพี่ฮารุกับพี่ยูยะ ไม่ตามมารังควานถึงที่นี่ ก็คงไม่โดนยูมะแกล้งเอาหรอก

เบื่อจริงๆ...

ยูมะเคาะประตูห้องเบาๆ แต่ไร้เสียงตอบรับ แปลกจัง? ปกติแล้วเวลานี้เป็นเวลาที่จิโนะจะต้องกินยา อย่างน้อยก็ต้องมีพยาบาลอยู่สิ

"จะเข้าไปละนะ"

ในห้องสว่างจ้า ไฟทุกดวงถูกเปิดเอาไว้ แต่ภายในห้องกลับดูทึบทะมึน อึดอัด  ร่างที่อยู่บนเตียงนั้นนอนนิ่ง ไม่กระดุกกระดิก ลมหายใจแผ่วช้าราวกับว่ามันจะหมดไปในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง แต่ที่น่ากังวลยิ่งกว่า คือกลุ่มหมอกสีเทาที่ล้อมรอบร่างนั้นอยู่

กลุ่มพลังเล็กๆที่มนุษย์ไม่อาจมองเห็นได้ มันก่อร่างขึ้นจากจิตใจอันชั่วร้าย ซ่อนร่างอยู่ในมุมมืด สกปรก อับชื้น ดูดกลืนพลังอื่นๆรอบตัว ทีละเล็กทีละน้อย เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และเมื่อมีพลังมากพอ มันก็จะกลายเป็นปีศาจที่มีรูปร่าง ปกติแล้วพวกมันจะไม่มาข้องเกี่ยวกับมนุษย์ตราบเท่าที่ยังเป็นกลุ่มพลังเล็กๆอยู่ เพราะถ้าหากเข้าใกล้มนุษย์ที่มีพลังใจที่แข็งแกร่งกว่า  ตัวมันเองก็อาจถูกทำลายได้ง่ายๆ

แต่ไม่ใช่กับเจ้านี่!

มันไม่ใช่แค่พยายามจะดูดพลังชีวิต... แต่มันกำลังจะยึดเอาร่างเด็กคนนี้ไปเลยต่างหาก

"ถอยออกไปนะ"

ยูมะจ้องลงไปในกลุ่มเมฆหมอกสีเทาที่พยายามจะแทรกตัวเองเข้าไปร่างที่นอนอยู่ มันชะงัก...  และถ้าหากว่ามันมีตา มันก็คงจะจ้องมองมาที่เขา  และถ้ามันมีสมอง มันก็คงจะสงสัยว่า..มนุษย์ที่อยู่ตรงนี้มองเห็นมันได้อย่างไร

แต่มันไม่ยอมหยุด กลุ่มควันสีเทายังคงแทรกร่างลงตามผิวหนัง ทุกลมหายใจของเด็กน้อย ยิ่งเข้าไปในร่างมากเท่าไหร่ เด็กน้อยก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ

"ออกไป!!!"

ดวงตาของยูมะที่เคยเป็นสีอำพัน วาวจ้าขึ้นมาด้วยความโกรธ อำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็นแผ่ออกมากจากร่างผอมบาง ไร้รูป..ไร้เสียง  แต่มีพลังมหาศาล กดดัน สั่นสะเทือนไปในทุกอณูของอากาศ

ยิ่งยูมะเดินเข้าไปใกล้ กลุ่มหมอกเหล่านั้นยิ่งสีอ่อนและมีขนาดเล็กลงทุกที มันล่าถอยจากร่างเด็กน้อยบนเตียง  สั่นระริกเหมือนจะร้องไห้  หากว่ามันไม่คิดจะแย่งชิวิตและร่างกายของจิโนะไป ยูมะก็คงจะนึกสงสารมันอยู่เหมือนกัน

"ไปซะ!! ถ้าฉันยังเห็นแกมาอยู่ใกล้ๆเด็กคนนี้อีก คงรู้นะกว่าฉันจะทำอะไรแกได้บ้าง"

มันค่อยๆล่าถอยออกไปทางหน้าต่าง ละลายหายไปกับความมืดยามราตรี

ยูมะยืนหอบหายใจเหนื่อยหนัก เม็ดเหงื่อผุดซึมไปทั้งร่าง เด็กหนุ่มพยุงร่างตัวเองด้วยการเกาะกับเตียงผู้ป่วยเอาไว้

....แค่ใช้พลังเล็กน้อย ร่างกายยังปั่นป่วนถึงเพียงนี้ ช่างเป็นพลังที่ไร้ประโยชน์เสียจริง...

"พี่ยูมะ"

จิโนะลืมตาตื่นด้วยใบหน้าซีดเซียว เหงื่อเปียกชุ่มไปตามไรผมไม่ต่างจากยูมะ ดูอ่อนเพลียแต่นอกนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

"ผมฝันร้าย มันมืดแล้วก็น่ากลัวไปหมดเลย นึกว่าจะตายซะแล้ว"

"แค่ฝันน่ะ อย่าคิดมากเลย นอนต่อเถอะ"

จิโนะหลับตาลงและผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว พอๆกับที่ร่างของยูมะล้มลงไปบนพื้น ... และแน่นิ่ง ...





............................................



........................




...............



...



"ไม่บอกซะอาทิตย์หน้าเลยล่ะ?"

ฮารุมะโวยวายอยู่ข้างเตียงของยูมะ ก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาลก็โวยยาบุไปแล้วครั้งหนึ่งแล้วที่รู้แล้วไม่ยอมบอกเขา

"น้องไม่สบายตั้งแต่เมื่อคืน ทำไมเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้"

คุณหมอยูยะนั่งทำหน้าเมื่อย ชักสับสนว่ายูมะเป็นน้องเขา หรือเป็นน้องไอ้หมาบ้าตัวนี้กันแน่ ตั้งแต่มาถึง..มันยังไม่ยอมหยุดเห่าเลยให้ตายเถอะ

"บอกแกแล้วช่วยอะไรได้ นอกจากจะมายืนเห่าให้ฉันหนวกหูเนี่ย"

"ว่าไงนะ!!!"

"เงียบซะทีได้ไหม ทั้งสองคน"

ยูยะอีกคนเอ่ยปรามเรียบๆ จ้องมองคู่วิวาทวาทะด้วยสายตาตำหนิ คุณหมอยักไหล่ไม่สน แต่ฮารุมะปิดปากเงียบทันที ทำให้คนที่ยืนมองอยู่ตรงมุมห้องหัวเราะก๊ากขึ้นมาอย่างสุดกลั้น

"หัวเราะอะไรวะ"

"โทษทีๆ พอดีนึกถึงข่าวที่อ่านเมื่อเช้าแล้วมันอดไม่ได้ว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ"

คนที่เหลือในห้องขมวดคิ้วยุ่ง ทุกวันนี้ทั้งยูยะและฮารุมะมีข่าวออกมาแทบจะทุกชั่วโมงเลยก็ว่าได้ มันมากเกินกว่าจะจดจำไหว ทั้งสองคนเลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ยาบุที่จะต้องรับรู้ข่าวพวกนั้นแทน ส่วนคุณหมอยูยะนั้นไม่ได้ใส่ใจข่าวพวกนี้มาตั้งแต่ต้น ถึงจะแวบผ่านตาไปบ้างแต่ก็ไม่สนใจจะจำ

"ก็ข่าวที่บอกว่านายสองคนเป็นคู่รักลวงโลกไงล่ะ อยากให้คนเขียนข่าวนั่นมาเห็นบรรยากาศครอบครัวแบบนี้จริงๆ แต่ว่า..ถ้ามาเห็น เจ้านั่นคงได้ข่าวใหม่ไปเขียนแทนแน่ๆ"

"ข่าวอะไร?"

"ก็ข่าวว่าฮารุมันกลัวเมียน่ะสิ"

ผู้จัดการคนเก่งหัวเราะลั่น และก่อนที่ฮารุมะจะคว้าตัวยาบุมาหักคอได้ทัน เขาก็คว้ากระเป๋าคู่กายแล้วก็ออกจากห้องไปพร้อมเสียงหัวเราะบันเทิงใจแบบสุดๆ

และเมื่อยาบุจากไปแล้ว ทั้งห้องก็เงียบสนิท ต่างคนต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเองโดยไม่มองหน้ากัน

"พี่ฮารุกลัวพี่ยูยะจริงเหรอ?"

"เฮ้ย!!! ตื่นแล้วเหรอ?"

"พวกพี่เสียงดังกันขนาดนี้ไม่ตื่นได้ไง อย่ามาเฉไฉ ตอบน้องมาซะดีๆน่ะ"

ดวงตาใสๆฉายแววล้อเลียน ฮารุมะเลยผลักหัวน้องเบาๆด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ถูกยูยะจ้องและปรามด้วยน้ำเสียงเรียบๆเหมือนเคย

"น้องไม่สบายอยู่นะ"

ฮารุมะย่นจมูกใส่ยูมะที่ยิ้มมุมปากอย่างมีชัย แล้วก็โผเข้าหาพี่ชายคนกลางหลบกำปั้นที่กำลังจะทุบลงบนหัวพลางหัวเราะร่า

คุณหมอยูยะมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสน เดิมทีแล้วเขาเกลียดฮารุมะ เพราะเขายอมรับไม่ได้กับวิธีการที่หมอนี่ได้ตัวน้องชายคนกลางของเขาไป และความรู้สึกเกลียดนั้นก้ไม่ได้ลดน้อยถอยลงตั้งแต่เมื่อวันที่พบกันครั้งแรก

ถึงจะเกลียด..แต่ในใจเขาก็ต้องยอมรับว่า ฮารุมะรักยูมะเหมือนเป็นน้องแท้ๆ พอๆกับที่ยูยะทั้งสองคนรัก ถ้าเป็นเรื่องใดก็ตามที่เกี่ยวกับยูมะต่อให้เสี่ยงแค่ไหนหมอนั่นก็ไม่ปริปากบ่น  นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้คุณหมอยูยะยอมรับฮารุมะได้

แต่ถ้า....ฮารุมะกับยูยะ จะสามารถผูกพันกันด้วยความรักที่แท้จริงได้  มันจะดีซักแค่ไหนกันนะ...







............................................



........................




...............



...


"ยูมะหลับแล้วเหรอ?"

ฮารุมะเอ่ยถามทั้งที่ยังหันหลัง ตอนนี้เขายืนอยู่บนดาดฟ้าของโรงพยาบาล สำรวจบริเวณรอบๆด้วยประสาทสัมผัสทั้งหมด ทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวในความมืดมิด  กลิ่นที่อยู่ในสายลม  คลื่นเสียงที่อยู่ในอากาศ และความสั่นสะเทือนจากพื้น

แค่เสียงฝีเท้า น้ำหนักที่กดลงบนพื้น และจังหวะย่างก้าว ก็ทำให้เขารู้แล้วว่าเป็นใคร

"ฉันจะอยู่ดูแลน้องที่นี่ พี่จะได้พักบ้าง"

ฮารุมะหันกลับดึงเจ้าของประโยคเมื่อครู่นี้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนได้อย่างรวดเร็ว  ยูยะไม่ได้ประหลาดใจ และไม่ได้ขัดขืนกับสัมผัสร้อนๆที่ริมฝีปาก ฮารุมะร้อนแรงอยู่เสมอ และยูยะ..ก็มีหน้าที่ตอบสนองจนกว่าอีกฝ่ายจะพอใจ

"ฉันจะอยู่ด้วย"

"ที่จริง..นายกลับไปก็ได้"

"แล้วก็ปล่อยให้เจ้าของกุหลาบแดงนั่นมาแย่งนายไปงั้นเหรอ ไม่ล่ะ"

แค่กลิ่นเพียงนิดเดียว เขาก็รู้ว่ากุหลาบสีแดงนั่นถูกส่งมาให้ยูยะอีกแล้ว  มันน่าหงุดหงิดนัก เมื่อไหร่ที่รู้ว่ามันเป็นใครละก็...

"นายจะทำอะไรกับเขา"

"ห่วงมันหรือไง"

"คนที่ส่งดอกไม้มาจะเป็นใคร หรืออะไรไม่เกี่ยวกับฉัน ถามเพราะอยากรู้เท่านั้น"

คำตอบเย็นชา  แต่น่าพอใจจนฮารุมะต้องประกบริมฝีปากร้อนๆลงไปที่ริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง ยูยะเผยอริมฝีปากตอบรับสัมผัสรุ่มร้อนอึดอัดนั้นอย่างรู้งาน เพียงครู่เดียวสัมผัสนั้นก็ผละจาก ทิ้งไว้เพียงริมฝีปากเจ่อช้ำดูเย้ายวนยิ่งกว่าเดิม

"พอเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน ไว้ค่อยต่อกันวันหลัง นายลงไปอยู่กับน้องก่อนเถอะ"

"แล้วนาย?"

"ฉันจะอยู่ดูอะไรแถวนี้ซักพักแล้วจะตามไป.. ไม่ต้องห่วงหรอก แถวนี้ไม่มีอะไรนอกจากพวกสอดรู้"

ฮารุมะเสริมเมื่อเห็นแววสงสัยในดวงตาสีอำพัน หลังจากยูยะกลับไปที่ห้องแล้ว เขาจึงมองสำรวจไปรอบๆเพื่อความแน่ใจ

เขาต้องแน่ใจ...ว่าทุกอย่างเป็นปกติ หากว่ามีอะไรแปลกปลอมย่างกรายเข้ามาแม้แต่น้อยนิด เขาจะกำจัดมันซะ  เพราะมันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะปกป้องคุ้มครองพี่น้องทั้งสามคนนี้ให้ปลอดภัยอยู่เสมอ

หน้าที่...ที่ได้รับค่าตอบแทนอันเหมาะสม  สิ่งที่เขาปรารถนามาตลอดไม่เคยเปลี่ยน ...

ร่างกายที่งดงามของยูยะ...และความสุขสมที่ได้ครอบครอง


............................................



........................




...............



...


ไกลออกไปจากโรงพยาบาล ... ในห้องพัดสุดหรูของโรงแรมหลายดาว  ใครบางคนกำลังมองฉากพลอดรักของคู่นักแสดงสุดฮอตในเวลานี้ที่ดาดฟ้าของโรงพยาบาลด้วยความสนใจ

ข้างๆตัวมีนิตยสารหลายฉบับวางจากหลายสำนักพิมพ์อยู่บนโต๊ะเล็กๆ  หน้าปกล้วนเป็นภาพเดียวกัน  ภาพของยูยะในชุดกิโมโนแดงในอ้อมแขนของฮารุมะ

"ฉันคิดว่านายเลิกสนใจคู่นี้แล้วซะอีก ปกติพอได้ข่าวเด็ดๆทำเงินดีแล้วนายก็จะไปหาเป้าหมายใหม่ไม่ใช่หรือไง"

หนุ่มผมทองลดกล้องส่องทางไกลลง หันมายิ้มให้กับผู้ที่ถามคำถามมาจากในเงามืด

แน่ล่ะ!! ถ้าเป็นดาราคนอื่น เขาคงจะเบื่อตามข่าวแล้วไปหาใครคนอื่นที่น่าขุดคุ้ยมากกว่า ดาราที่เป็นข่าวแล้วก็จะมีพวกปาปารัสซี่รุมทึ้งจนไม่เหลืออะไรแล้วน่ะสิ แล้วเขาจะเอาเศษซากตรงไหนมาเป็นรายได้ล่ะ

"สองคนนี้มีอะไรน่าสนใจอยู่นะ  บางทีเราอาจจะได้ข่าวที่ทำเงินได้มากกว่าคราวที่แล้ว"

"หมายถึงข่าวที่บอกว่าเป็นคู่รักจอมปลอมน่ะเหรอ นายเชื่อเข้าไปได้ยังไง? ก็รู้อยู่ว่าไอ้คนเขียนมันนั่งเทียนเพราะแค้นที่ถูกยูยะทำให้ขายหน้าในงานแถลงข่าว"

"มันก็ไม่แน่หรอกน่าลูกพี่"

"เสียเวลาเปล่า"

"ลองเสี่ยงดูก็ไม่เสียหายนี่  ถ้าขุดคุ้ยอะไรไม่ได้จริงๆค่อยไปหาเป้าหมายใหม่ แต่ถ้าเรื่องนั้นจริงเราคงฟันกำไรคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม"

เสียงถอนหายใจหนักๆดังมาจากความมืดอีกครั้ง

"เอาเถอะ ตามใจนาย แต่ขอเตือนไว้อย่างหนึ่งก็แล้วกัน ถ้านายจะยุ่งกับสองคนนั่น ก็ระวังคนๆนั้นไว้ให้ดี"

เด็กหนุ่มผมทองขมวดคิ้วเป็นเชิงถาม

"ยาบุ โคตะ ผู้จัดการของนักแสดงสองคนนั่น  ได้ข่าวว่ากำลังตามตัวนายอยู่"

"รู้เร็วกว่าที่คิดแฮะ"

"ประมาทไปเถอะ หมอนั่นเคยกำจัดนักข่าวที่ให้ร้ายนักแสดงในสังกัดตัวเองมานักต่อนัก ไม่ได้ฆ่าหรอกแต่ก็ทำให้ต้องเปลี่ยนอาชีพทำมาหากินหรือไม่ก็หลบลี้หนีหน้าจากสังคมไปเลย แต่ดูเหมือนระยะหลังๆนี่จะเล่นแรงมากขึ้นเรื่อยๆซะด้วย"

"ลูกพี่กำลังจะพูดถึงข่าวลือเรื่องอาถรรพ์นั่นใช่ไหม  ที่ว่าใครไปยุ่งกับฮารุมะและยูยะต้องมีอันเป็นไป  อย่าบอกนะว่ากลัว นี่มันไร้สาระกว่าเรื่องที่ผมจะทำซะอีก"

"แล้วนายจะรู้เอง...ฮิคารุ"



............................................



........................




...............



...



To be con......

2 comments:

  1. ขอกรี๊ดแรงๆก่อน
    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด อร้ายยยยยยยยยยย อร้ากกกกกกกกก
    ในที่สุดฟิคลูกเมียน้อยเรื่องนี้ก็ได้รับการแต่งต่อ ปลื้มมมมมมเป็นที่สุด

    นี่ดราม่าที่คุณปี้ปวดหัวไปทั้งอาทิตย์ใช่ป่ะ?? แต่น้องว่ายังไม่ใช่เพราะฮารุมันยังไม่ทำอะไรยูจังเลย
    แต่เอ๊ะ เนื้อคู่อิบุออกมาแล้ว กร้ากกกก รอแต่เนื้อคู่คุณหมอยูยะก็พอ รอแล้วรอเล่าแต่ก็ยังรออยู่ ถึงจะเป็นฮารุยูยะก็อย่าลืมยามาโกชินะคะคุณปี้ ไม่งั้นได้อ่านสองเคย์ก่อนแน่นอน(ขู่)

    ReplyDelete
  2. เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้อย่างจริงจังไม่นาน ......
    โอ้ย มันดูมีความลับไปหมด แถมมีพลังอีกนะ มันช่างแฟนตาซีไซไฟ
    แต่ว่าๆๆ สงสัยในความสัมพันธ์ของฮารุยูยะ ซัมติงระหว่างกันนั่นคืออะไรหนอ ต้องอ่านตอนต่อไปสินะ 55+

    ทากะจัง มีสองคนด้วยอะ เริ่ดดด คุณหมอจะมีคู่มั้ย 555+
    ลูกมะล่ะ ยามะจังอยู่ไหน555+

    ReplyDelete