ชื่อเรื่อง -:- ด้วยแรงอธิษฐาน~ [ ภูติแห่งเรือดำ ]
ผู้แต่ง -:- นาฬิกาแก้ว [ Nalikakeaw
]
คำนำเรื่อง -:-
ฟิคเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังแนวแฟนตาซีหลายๆเรื่อง
เพราะงั้นถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าเจออะไรคุ้นๆล่ะก็ อย่าแปลกใจค่ะ
เพราะอย่างน้อยเรือไข่มุกดำแห่งท้องทะเลย่อมจะมาจากหนังเรื่องที่มีป๋าเด็ปป์เป็นโจรสลัดสุดฮาแน่นอน
ส่วนชื่อเรื่อง ขอบอกว่าได้มาจากบทเพลงของพี่แหม่ม พัชริดา
จำได้ว่าเป็นเพลงประกอบละครเมื่อนานมาแล้ว โดยส่วนตัวชอบเสียงพี่แหม่มมาก
และเนื้อเพลงก็เข้ากับพล็อตพอดี ก็เลยเอามาเป็นชื่อเรื่องมันซะดื้อๆนี่แหละ
เคย์ยังจำได้...
หลายครั้งที่แคลแอบหนีออกไปเที่ยวข้างนอก แล้วมักจะกลับมานั่งเพ้อฝันถึงพิธีแต่งงานกับชายหนุ่มรูปงามและชีวิตแสนสุขชั่วนิรันดร์ดังเช่นตอนจบในนิทาน
และเขาก็หวังให้พี่สาวได้มีชีวิตดั่งที่ฝัน
แต่โชคชะตาพลิกผัน เคย์กลับเป็นผู้ที่ได้แต่งงานก่อน....
บนเรือสีดำที่ล่องไปในทะเลทั้งวันทั้งคืนดั่งไร้จุดหมาย ชีวิตหลังคืนวิวาห์ของเคย์ไม่แตกต่างจากเมื่อครั้งที่อยู่ในคฤหาสน์ของบิดาเลย เป็นนกน้อยไม่อาจบินหนีจากกรงทอง รายรอบด้วยคนคอยรับใช้ ทุกวันได้แต่เฝ้ามองท้องฟ้าและทะเลจากระเบียงยาว ไม่เคยได้ก้าวพ้นจากกำแพงคฤหาสน์
แต่บนเรือสีดำนี้
เขาได้แต่เข้าๆออกระหว่างดาดฟ้าเรือกับบริเวณห้องพักเท่านั้น เพราะพื้นที่สองส่วนนั้นก็กว้างขวางกว่าคฤหาสน์ของบิดาสิบหลังรวมกันแล้ว อีกประการหนึ่งคือเคย์ยังไม่สามารถหาทางลงไปยังชั้นอื่นๆของเรือได้เลย
แม้จะลองสำรวจทุกซอกทุกมุมบนดาดฟ้าเรือแล้วก็ตาม
อาหารก็มีพร้อมสรรพและตรงเวลาอยู่เสมอ เอ่ยปากอยากได้สิ่งใดไม่เคยผิดหวัง แต่ผู้ที่คอยจัดหามาให้ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นแม้เงา ทำให้เคย์อยู่ไม่เป็นสุขไปหลายคืน
เมื่อนึกได้ว่าเรือนี้เป็นเรือปีศาจย่อมจะมีบรรดาภูตผีอาศัยอยู่ นับร้อย แต่นั่นไม่ทำให้เคย์หวาดกลัวได้เท่าปีศาจ
ผู้เป็นนายแห่งเรือลำนี้ ที่จะปรากฎตัวแต่ในยามค่ำคืนและพันธนาการร่างกายเขาด้วยอ้อมแขนที่ร้อนแรงดุจไฟ และจากไปเมื่อรุ่งสาง
เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนกระทั่งถึงวันหนึ่ง ที่ความกลัวกดดันจิตใจ ทำให้เคย์กระทำเรื่องโง่เขลาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
เขาจะหนี....
แผนการค่อยๆเป็นรูปร่างขึ้นมาในความคิด
แม้จะมีเสียงเล็กๆในหัวคอยค้านตลอดเวลาว่ามันเสี่ยงตาย ชั่วร้าย
และบ้าระห่ำเกินไป
แต่เคย์ก็เลือกที่จะเพิกเฉยต่อเสียงนั้นและรอคอยโอกาส ...
จนกระทั่งคืนหนึ่ง .....
เมื่อเปลวไฟแห่งแรงปรารถนาจบลง จอมปีศาจพักผ่อนหลับใหล เคย์ขยับตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งดังเช่นที่เคยทำ แต่คราวนี้เขาฝืนตัวเองไม่ยอมให้หลับ เพราะมีเพียงช่วงเวลานี้ ที่เคย์จะได้ปลดปล่อยตัวเองจากพันธะสัญญาที่เขาไม่เคยเต็มใจ
มือเรียวค่อยๆสอดเข้าใต้หมอน เมื่อปลายนิ้วสัมผัสกับด้ามมีด ความเย็นเฉียบก็แล่นเข้าสู่ใจจนยะเยือกหนาวไปทั้งร่าง เคย์กัดฟันข่มใจค่อยยันกายขึ้นนั่งช้าๆ มือหนึ่งกำมีดเงื้อสูง ...
ชั่ววินาทีก่อนที่ปลายมีดสั้นจะปักลงตัดขั้วหัวใจของจอมปีศาจ
แสงดาวลอดผ่านหน้าต่างสะท้อนใบมีดเงินคมปลาบ วาบดุจศรพุ่งเข้าปักหัวใจร่างบาง
เปิดทางให้เสียงเล็กๆที่เคย์บังคับปิดกั้นมาตลอดให้ดังสะท้อนขึ้นมาอีกครั้ง
เขามีความผิดอันใดเจ้าถึงต้องการให้เขาตาย? มันจู่โจมเขาด้วยคำถามเดิมซ้ำๆ เป็นเจ้าเองที่เลือกจะเป็นเจ้าสาวของปีศาจ
นั่นเพราะข้าไม่มีทางเลือก!!! ปีศาจตนนี้เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ เขารู้ดีว่าข้ายินดีกระโดดน้ำตายเสียดีว่าจะต้องไปอยู่กับอาซากะ!!!
แต่เจ้าก็มิได้ยอมตาย
.... กลับเลือกเดินทางนี้ แล้วเจ้าจะโทษว่าเป็นเพราะปีศาจตนนี้ได้อย่างไร
ใครกัน?
ที่แอบอ้างนามจ้าวแห่งเรือดำออกปล้นสะดมจมเรือสินค้า
ผู้ใดกันสร้างคำเล่าลือให้ชาวเกาะหวาดกลัว จนต้องรวมตัวกันไปพบพ่อเจ้า
แล้วใครกันเล่า..?..
ที่ยอมจำนนง่ายๆ
ส่งลูกสาวตนไปเป็นเครื่องสังเวย
คำถามเดิมซ้ำๆกระหน่ำใส่เคย์
ดุจสายฝนเย็นเฉียบ ร่างบางสั่นโคลงหนาวยะเยือกดั่งเรือเดียวดายแล่นฝ่าคลื่นลมพายุโหม
ไม่ว่าด้วยเหตุใด
สุดท้าย ผู้ที่ตัดสินใจก็คือเจ้า ไฉนจึงโยนความผิดไปให้ผู้อื่น
การกระทำเช่นนี้จะต่างจากอาซากะที่เจ้าชังหนักหนาอย่างไรกัน
คำถามสุดท้ายไม่ต่างกับคลื่นกระแทกซัด เหตุผลใดๆที่ใช้หลอกตัวเองให้กล้า พังทลายอับปางในพริบตา เคย์สั่นสะท้านไปทั้งร่างเมื่อตระหนักว่าจิตใจมนุษย์นั้นซ่อนความเห็นแก่ตัวชั่วร้ายไว้ได้ถึงเพียงนี้
เพียงเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
ก็พร้อมจะหาเหตุกล่าวโทษผู้อื่นได้อย่างไร้สำนึก
ไม่ใช่อาซากะ .... แต่เป็นใจของตนเอง
แพ้แล้ว ...
แพ้พ่ายต่อทุกสิ่ง เคย์ปล่อยให้ตนเองจมดิ่งลงในเหตุผลร้อยพัน
ในใจเนิ่นนาน
ไม่รู้สึกตัวแม้กระทั่งว่ามีดสั้นถูกปลดออกไปจากมือเมื่อใด เมื่อลืมตาขึ้น
ก็พบว่าจอมปีศาจกำลังพลิกดูมีดสั้นอย่างสนอกสนใจ กระทั่งรู้สึกว่าเคย์มองอยู่จึงเอ่ยถาม
“ในเมื่อมีโอกาสแล้ว เหตุใดจึงไม่ลงมือ”
น้ำเสียงเรียบนิ่งนั้น
ทำให้คนฟังตื่นตระหนกนัก
จนป่านนี้แล้วถึงคิดได้
ว่ามีดสั้นเล่มเท่านี้หรือจะสามารถปลิดชีพปีศาจผู้ทรงอำนาจตรงหน้าได้ ต่อให้ทำได้จริงมนุษย์ธรรมดาเช่นตนเองจะสามารถหลบหนีไปจากเรือลำนี้ได้อย่างไร อย่างมากก็ถูกปล่อยให้อดตายกลายเป็นวิญญาณเฝ้าเรืออีกหนึ่งตนก็เท่านั้น
“เจ้ายังไม่ตอบข้า?”
“เพราะข้าโง่เขลา ... และขี้ขลาด” เคย์ถอนใจ
เขารู้ดีแล้วว่าชะตาชีวิตของตนจะจบลงเช่นไร จึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับ เสียดายเพียงความปรารถนาที่จะได้พบพี่ชาย
พี่สาวและเพื่อนรักอีกสักครั้ง
ไม่มีวันเป็นจริง
ไฟปีศาจผุดขึ้นจากความว่างเปล่า ส่องแสงสว่างเรืองอยู่กลางห้อง เมื่อยูยะโบกมือ
ถ้วยมีเชิงสีเงินใบหนึ่งเลื่อนลอยช้าๆมาหยุดอยู่ตรงหน้า เคย์ สบตาอีกฝ่าย นัยน์ตาสีทองคู่นั้นสงบนิ่ง ไม่มีความโกรธเกรี้ยว
แต่ก็ไร้แม้เศษเสี้ยวของความปราณี
“ สำหรับเจ้า”
เคย์จ้องมองของเหลวสีแดงใสในถ้วย แม้ว่าจะเตรียมใจยอมรับสิ่งนี้ ทว่าเมื่อความตายเยื้องกรายมาถึง ทั้งร่างกลับสั่นสะท้าน ขณะที่ยื่นมือออกไปรับถ้วยใบนั้นมา ใจก็คิดเพียงว่าเมื่อดื่มมันลงไป
ยาพิษนั้นจะทำให้เขาทุรนทุรายนานสักเพียงใดก่อนที่ลมหายใจจะสิ้นสุด
แต่เมื่อบังคับตัว กลั้นใจดื่มลงไปแล้ว กลับพบว่าพิษนั้นมีรสหวานแหลม และฉุนจัดจนแสบคอ
เมื่อดื่มลงไปจนหมด ความอบอุ่นก็แผ่ซ่าน รู้สึกร่างกายเบาหวิว ผ่อนคลายไร้กังวล
ความตายเป็นเช่นนี้หรือ?
ไม่ใช่!!! แม้ไม่เคยเฉียดใกล้แต่เขามั่นใจว่า ความตายไม่ได้เป็นเช่นนี้
ความตาย ...
ไม่อาจทำให้ดวงตาคู่นี้มองเห็นทุกสิ่งกระจ่าง นวลตาอย่างนี้
ความตาย ... ไม่อาจทำให้สองหูนี้ได้ยินทุกเสียงชัดเจนกระทั่งเสียงหัวใจของจอมปีศาจ
ความตาย ... ไม่อาจทำให้เขาลืมความตื่นตระหนกเมื่อทั้งร่างถูกรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของปีศาจเช่นนี้
“น- นี่ ไม่ใช่ยาพิษหรอกหรือ?”
คำตอบที่ได้รับคือริมฝีปากที่ประทับลงมา เคย์รับรู้สัมผัสนั้นด้วยสติอันแจ่มชัดยิ่ง ไม่ตอบรับ ไม่ผลักไส ปล่อยให้อีกฝ่ายเก็บกลืนความหอมหวานที่ยังเหลืออยู่บนริมฝีปากจนพอใจ
“ใครพูดกันเล่า .. ว่าจะให้เจ้าตาย”
นัยน์ตาสีทองชวนให้คนมองหลอมละลายจับจ้องร่างบางในอ้อมแขน
“เพียงแต่ถ้าหากมีครั้งหน้า .. ข้าจะไม่ใจดีอย่างนี้อีก”
เพราะเหตุใดกัน...
แม้ในหัวมีคำถามอื้ออึง แต่กลับโอนอ่อนให้อีกฝ่ายครอบครองทั้งกายโดยไม่ปัดป้อง เพียงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดก็ชวนให้วาบหวาม จนหลงลืมทุกสิ่ง ณ เวลานี้ เคย์รู้แต่เพียงว่าอ้อมแขนนี้
ร้อนรุ่ม ทว่านุ่มนวลยิ่งกว่าครั้งใดที่เคยได้รับ
ทุกสัมผัสบนผิวกาย ตอกย้ำว่าเขาไม่อาจหนีพ้นจากปีศาจตนนี้ได้ตลอดกาล
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“เลิกคิดที่จะฆ่าข้า แต่ก็ยังไม่เลิกคิดหนีสินะ”
ผู้เป็นนายแห่งเรือถามขึ้นในค่ำคืนหนึ่ง เมื่อกลับมาที่เรือ แล้วพบว่าเคย์ป่วยหนัก เพราะกระโดดลงไปในทะเลที่หนาวจัด จึงทำให้เป็นไข้สูงนอนซม เหล่าภูติรับใช้ในเรือ
ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยป่วย จึงไม่รู้จะรักษาเช่นไร ได้แต่วิ่งวุ่นคอยดูแลอยู่รอบเตียง จนกระทั่งผู้เป็นนายมาถึง
“ผิดแล้ว !!
ข้ายังไม่เคยเลิกคิดทั้งสองประการ
แต่คราวนี้ข้าไม่ได้จะหนี”
ส่วนคนป่วย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษไข้หรือโมโหที่ถูกทิ้งให้นอนป่วยข้ามวันข้ามคืน จึงได้ลืมความกลัว โพล่งออกไปเช่นนั้น เหล่าภูติรับใช้แม้ไม่ปรากฏกาย
แต่ก็แอบอยู่ตามพื้นกระดานคอยฟังอยู่ด้วยใจระทึก ความผิดที่ปล่อยให้เคย์กระโดดลงทะเล ทั้งป่วยแล้วไม่หาทางรักษา ก็เพียงพอให้ผู้เป็นนายบันดาลโทสะได้แล้ว ซ้ำเคย์ยังกล่าววาจาท้าทาย ไม่รู้ว่าความโกรธจะทบทวีสักเท่าใด
“ถ้าเช่นนั้นเจ้ากระโดดลงไปทำไม?”
“ข้าถูกลวง!!”
สองคืนก่อน
ขณะที่เคย์กำลังชื่นชมกับเส้นทางแห่งดวงดาว ที่พาดขาวอยู่บนผืนฟ้า จู่ๆก็มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ดังขึ้น
... ดังขึ้น ยิ่งได้ยินชัดเจน
ยิ่งรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นมีมากกว่าหนึ่งคน ซ้ำยังเป็นคนที่เขาคุ้นเคยที่สุด ...
คิดถึงมากที่สุด
หลังจากที่วิ่งวุ่นอยู่บนดาดฟ้าเรือหาที่มาของเสียงนั้นครู่ใหญ่
ในผืนทะเลยามราตรีไกลออกไปจากเรือไม่มากนัก ปรากฏร่างของคนสามคนลอยคออยู่ในทะเล ทั้งหมดพยายามว่ายเข้าใกล้เรือแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงถูกคลื่นซัดไกลออกไปอีก ร่างที่พยายามตะเกียกตะกายอยู่ในทะเลนั้น คือพี่ชาย พี่สาว และเพื่อนรัก เคย์ไม่หยุดคิด ไม่สงสัยเลยสักนิดเดียวว่าในค่ำคืนที่มีเพียงแสงดาว ตนมองเห็นชัดเจนถึงเพียงนั้นได้อย่างไร
กว่าจะรู้ว่าเป็นกลลวง ก็กระโดดลงไปในทะเลเสียแล้ว ทันทีที่ร่างกระทบผิวน้ำ ยังไม่ทันจะได้โผล่ขึ้นมาสูดอากาศ ก็ถูกลากให้จมลึกลงไปอีก ดิ้นรนทั้งเตะทั้งถีบก็ไม่อาจหลุดได้โดยง่าย พอลืมตามอง
ก็พบว่าถูกล้อมรอบด้วยร่างกายขาวซีดราวกับศพจำนวนนับไม่ถ้วน ใบหน้าของพวกมันโปร่งแสง ดวงตากลวงโบ๋ ไร้ชีวิต มือของพวกมันจับยึดร่างของเขาไว้แน่น เคย์ตกใจจนไม่อาจกุมสติไว้ได้ เผลอสำลักน้ำทะเล
ทั้งปากทั้งคอแสบร้อนไปหมด
ถ้าหากไม่ได้น้องชายของยูยะช่วยไว้
คงไม่รอดมาได้
“”เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นน้องชายข้า”
“ก็เขาเรียกข้าว่าพี่สะใภ้นี่!!!!”
ทั้งๆที่ถูกช่วยไว้ แต่พอนึกถึงตอนนั้นเคย์ก็อดโมโหไม่ได้ ตอนที่กำลังถูกลากสู่ก้นทะเล
อยู่ๆน้ำทะเลที่เย็นเฉียบอยู่แล้วก็เริ่มจับตัวเป็นเกล็ด
จากนั้นน้ำทะเลทั้งก้อนก็ถูกยกลอยขึ้นมาทั้งๆที่ตัวเขายังติดอยู่ในนั้น ตอนที่เขาตะเกียกตะกายขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำแข็งได้
ปีศาจนัยน์ตาสีน้ำเงินเยือกเย็นตนนั้นก็มายืนค้ำอยู่ตรงหน้าแล้ว
“เหตุใดมนุษย์จึงมาอยู่ที่นี่ได้”
“ข้าตกจากเรือ”
พอกวาดตามอง
รอบตัวก็มีแต่ความมืดมิด ขณะที่ตื่นตระหนกว่าตนเองถูกฝูงศพลากมาไกลถึงเพียงนี้ ปีศาจผู้ใช้พลังน้ำแข็งก็กำลังจ้องมองไปอีกทาง ด้วยสายตาที่เห็นไกลกว่ามนุษย์ เขามองเห็นเมหานาวาแห่งราตรีกำลังเร่งความเร็วเข้ามาหา ผู้เป็นนายของเรือลำนั้นเขารู้จักดี ถ้าเช่นนั้นมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้านี่..
“พี่สะใภ้หรือนี่? ..” เพราะความมืดจึงไม่ได้สังเกตเห็นแต่แรก “ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องรีบกลับขึ้นเรือเดี๋ยวนี้”
สิ้นคำ
.. ร่างของเคย์ก็ลอยขึ้นแล้วพุ่งกลับเรือประหนึ่งว่าเป็นดาวตก และคงตกกระแทกพื้นเรือคอหักไปแล้วถ้าไม่มีใบเรือกับเชือกมารับไว้
“โทษเขาไม่ได้หรอก เขารู้ว่าเรือลำนี้เป็นของข้า
จะเข้าใกล้หรือขึ้นมาบนเรือได้เมื่อข้าอนุญาตเท่านั้น จึงต้องโยนเจ้ากลับขึ้นเรือ”
คนป่วยสะบัดหน้าหนี นึกในใจว่าตัวเขาไม่ได้ถูกโยนกลับมาเสียหน่อย แต่ถูกขว้างกลับมาเหมือนก้อนหินต่างหาก เดิมทีก็ตัวเปียกหนาวสั่นอยู่แล้ว
ยังถูกขว้างฝ่าสายลมอีก แล้วจะไม่ให้ป่วยได้อย่างไร
เงียบกันไปครู่ใหญ่ สุดท้ายเคย์ที่ถูกรบกวนพิษไข้และศพมือขาวซีดที่ติดตาทำให้ไม่อาจข่มตาหลับได้เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน “เจ้าพวกนั้นคืออะไรกันแน่”
“เหล่าวิญญาณของผู้ที่ตายในท้องทะเล พวกเขาตายตาไม่หลับ กลายเป็นภูติวนเวียนรอคอยชิงร่างกายผู้อื่นเพื่อให้กลับไปมีชีวิตได้ดังเดิม”
“แล้วทำได้จริงหรือ”
“สรรพชีวิตไม่อาจหนีพ้นความตาย สุดท้ายแล้ววิญญาณเหล่านั้นจะต้องเดินทางไปสู่จุดหมายที่ถูกกำหนดด้วยการกระทำของตน
เมื่อยามที่มีชีวิต
ส่วนพวกที่วนเวียนอยู่นี่
คงรู้ตัวดีว่าปลายทางของตนไม่ใช่สถานที่ที่สวยงามสุขสบาย จึงไม่ยอมไปไหน กลายเป็นวิญญาณร้าย เมื่อพบพวกมันจงอย่าได้ใจอ่อนสงสาร มิเช่นนั้นจะถูกลวงได้อีก”
เคย์รับฟังอย่างตั้งใจ ตัวเขามีเรื่องที่อยากรู้อีกมากมาย แต่ร่างกายอ่อนล้าเสียแล้ว จึงทำได้แค่พยักหน้าตอบรับ และในที่สุดก็หลับไป จากนั้นมหานาวาจึงมุ่งหน้าสู่น่านน้ำทะเล ที่ไม่เคยมีมนุษย์ใดเคยเดินทางไปถึง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ว่ากันว่าเหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นในชีวิต
มักจะมีทั้งเรื่องดีและร้ายอยู่ด้วยกันเสมอ เคย์อาจจะโชคร้ายที่ตกทะเลจนล้มป่วย แต่เรื่องดีก็คือทำให้เคย์มีข้ออ้างสำหรับหลบเลี่ยงช่วงเวลาค่ำคืนกับปีศาจแล้ว
ก่อนหน้านั้นเคย์เคยอยู่แต่ในคฤหาสน์
พอได้ก้าวเท้าออกมาทุกสิ่งที่ตนพบเห็นนั้นช่างแปลกใหม่ ตื่นตาไปหมด
สิ่งใดที่เขาไม่รู้จักก็เก็บความสงสัยไปถามกับยูยะ หลายคืนที่ปีศาจทำแค่เพียงเล่าเรื่องราวต่างๆที่เคย์ถามจนคนฟังหลับไป ไม่ต่างจากเล่านิทานกล่อมเด็กน้อย
แต่เล่ห์กลเพียงเท่านี้ มีหรืออีกฝายจะไม่รู้ ไม่กี่วันต่อมาเด็กน้อยก็ถูกต้อนให้จนมุมจนได้
“ข้าไม่ใช่ทาสของท่าน สิ่งใดที่ข้าไม่ปรารถนาข้าย่อมปฏิเสธได้!!!”
“อย่างนั้นรึ?”
ยูยะก้มมองคนในอ้อมแขน พลางคิดว่าจะปราบพยศแมวน้อยขี้โมโหตัวนี้อย่างไรดี
เคย์เป็นมนุษย์ที่น่าสนใจกว่าคนอื่นๆที่เขาเคยพบ ไร้พลังอำนาจ แต่รู้จักใช้ปัญญา ดูเหมือนอ่อนแอ แต่ยังไม่เคยเห็นเคย์ร้องไห้เลยสักครั้ง ถึงเขาจะไม่ได้อยู่บนเรือตลอดเวลา
แต่เหล่าภูติก็คอยรายงานทุกสิ่ง
ทุกวันที่ผ่านไปเคย์ไม่เคยอยู่นิ่ง
ถ้าไม่คิดหาทางหนี ก็จะคอยสำรวจพื้นเรือเพื่อหาทางลงไปยังชั้นอื่นๆ หากว่าเรือลำนี้ไม่ได้สร้างด้วยอาคมและพลังปีศาจ ไม่นานคงกลายเป็นเศษไม้กระดานลอยน้ำเป็นแน่
และเมื่อใดที่เคย์เริ่มเบื่อ ก็จะมายืนคุยกับรูปสลักตรงหัวเรือ ....
“ข้าเพิ่งรู้ว่ามนุษย์มีความสามารถพิเศษเช่นนี้”
“ก็เพราะท่านไม่ใช่หรือ
ที่สั่งไม่ให้พวกภูติปรากฏตัวออกมาพบข้า” เช่นนี้แล้วจะให้เคย์พูดคุยกับใครได้นอกจากรูปสลักของเทพี ถึงอีกฝ่ายจะโต้ตอบไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังได้เห็นตัว ดีกว่าพูดกับความว่างเปล่าเป็นไหนๆ
“พวกเขาไม่กล้าออกมาพบเจ้าหรอก”
“เพราะเหตุใดเล่า? ”
“หากว่าวันหนึ่งรูปร่างหน้าตาที่งดงามของเจ้า ถูกทำลาย
จิตวิญญาณน้อยนิดที่เหลือ อาศัยอยู่ในซากร่างที่เป็นเพียงเถ้าถ่าน
ไม่อาจคืนความงดงามได้ดังเดิม
เจ้าจะมีหน้าไปพบใครไหม?”
“ใครทำกับพวกเขาเช่นนั้น ? หรือเป็นท่าน?”
แม้ว่าจะเป็นนกน้อยในกรงทอง ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องราวภายนอก ภูติแห่งธรรมชาตินั้นคือจิตวิญญาณแห่งต้นไม้
กำเนิดจากต้นใด ก็ไม่อาจแยกจากต้นไม้นั้น ที่เหล่าภูติมาอาศัยอยู่ที่นี่ นั่นก็หมายความว่าเรือลำนี้ทั้งลำสร้างจากแหล่งกำเนิดของพวกเขา
แต่ที่ทำให้เคย์รู้สึกสยดสยองตั้งแต่วันแรกที่เริ่มสำรวจเรือ นั่นคือเรือไม่ได้เป็นสีดำเพราะถูกเคลือบด้วยยางไม้หรือทาสี แต่เป็นเพราะไม้ทุกชิ้นถูกเผาจนดำเป็นตอตะโก ต้องใช้เพลิงผลาญผืนป่าสักเท่าใดจึงจะสามารถนำไม้ดำมาสร้างเป็นมหานาวาลำนี้ได้ ความสงสัยข้อนี้รวมกับคำพูดของยูยะเมื่อครู่ ทำให้เคย์สงสารเหล่าภูติจับใจ การที่ต้องตกอยู่ในวงล้อมของเปลวไฟนั้นทุกข์ทรมานสักเท่าใดเขาไม่อาจคาดเดาได้เลย
“พวกเขามีความผิดอันใด
ท่านถึงได้กระทำการโหดร้ายเช่นนี้”
“หากข้ายอมบอกให้เจ้าคลายสงสัย เจ้าจะมีสิ่งใดตอบแทนข้า?”
ยูยะมองดวงตาของคนในอ้อมแขนที่วาวโรจน์ขึ้นมาทันใด สิ่งใดที่ตัวเขาปรารถนา มีหรือที่จะชิงมาไม่ได้ เขาเพียงอยากรู้ ว่าคราวนี้เคย์จะหาวิธีเอาตัวรอดไปได้อย่างไร
“โอ๊ะ!!!นั่น!!!” สิ้นเสียงร้อง
เคย์ก็ก้มตัวลอดออกไปจากอ้อมแขนของปีศาจ วิ่งไปเกาะหน้าต่างห้องนอนอย่างตื่นเต้น ข้างนอกนั้น
ท้องทะเลยามค่ำคืนกำลังเรืองแสงเป็นสีน้ำเงินเข้ม จุดเล็กๆ
ค่อยแผ่กระจายเรื่อเรืองเป็นวงกว้าง
เคย์วิ่งออกจากห้องนอนเพื่อไปชื่นชมความสวยงามที่ตนไม่เคยพบเห็นมาก่อน จอมปีศาจเดินตามออกไปช้าๆ ที่ดาดฟ้าเรือ
เคย์กำลังเกาะกราบเรือเพื่อชะโงกมองผืนทะเลเบื้องล่างอย่างตื่นตาตื่นใจ
ระลอกคลื่นซัด
แสงสีน้ำเงินยิ่งกระจายแผ่ไพศาล บัดนี้มหานาวาลดใบเรือและทอดสมอ
ตระหง่านเหนือผืนน้ำ สง่างามท่ามกลางทะเลอัญมณีสีน้ำเงิน
แต่สิ่งที่งดงามยิ่งกว่าเรือปีศาจต้องมนตร์ ก็คือดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความอยากรู้คู่นั้น กำลังรอคอย
ให้ยูยะเล่าเรื่องราวให้ฟังดังเช่นคืนก่อนๆ
แม้รู้ว่าเป็นเล่ห์กลของเด็กน้อย แต่ความใคร่รู้ในดวงตาคู่นั้นจริงแท้เสียจนเขาต้องยอมหลงกลโดยดี
“ข้าบอกได้เพียงว่านี่คือสิ่งมีชีวิตที่เล็กยิ่งกว่าเม็ดทราย
แต่พวกมันมารวมตัวกันเปล่งแสงมากมายด้วยเหตุใด ข้าไม่อาจรู้”
“ข้าคิดว่าปีศาจจะล่วงรู้ทุกสิ่ง เสียอีก”
“แผ่นดินกว้างใหญ่เพียงใด ผืนน้ำนั้นไพศาลยิ่งกว่า โลกนี้ยังมีดินแดนอีกมากมายที่มนุษย์และปีศาจเช่นข้าไม่เคยได้เหยียบย่างเข้าไป ทะเลเรืองแสงนี่ก็เช่นกัน แม้ข้าท่องทะเลมานาน
ก็ยังได้พบเห็นเพียงไม่กี่ครั้ง เพราะฉะนั้นจงอย่าได้คิดกระโดดลงไปค้นหาความจริงด้วยตัวเองเป็นอันขาด!!!”
คำพูดนั้นเป็นคำเตือน ทั้งเป็นคำสั่ง
เฉียบขาดเสียจนเคย์ที่กำลังใจจดใจจ่อชะโงกหน้าดูทะเลเบื้องล่าง
สะดุ้งตกใจที่ถูกรู้ทัน “ท่านพูดเองว่าพวกมันเล็กกว่าเม็ดทราย
แล้วจะมีอันตรายได้อย่างไร?”
“ถ้าเช่นนั้น
เจ้าไม่ลองกระโดดลงไปพิสูจน์ด้วยตัวเองเล่า ข้าเองก็อยากรู้ว่าแท้จริงแล้วพวกมันคืออะไรกันแน่”
พอได้ยินว่าจะให้กระโดดลงไปในทะเล พลันรู้สึกหนาวเยือกไปทั้งกาย
ภาพฝูงศพตะเกียกตะกายในผืนน้ำดำมืดนั้นยังชัดเจน จนแทบจะมองเห็นมือซีดขาวนับร้อยโผล่ขึ้นมาจากทะเลเบื้องล่างจริงๆ เคย์ตกใจจนเข่าอ่อนลงไปนั่งกองกับพื้น
ครั้นพยายามจะลุกขึ้น กลับรู้สึกเหมือนผืนฟ้าด้านบนกลับลงไปอยู่ใต้ฝ่าเท้า
เมื่อซวนเซ ล้มลงอีกครั้ง
ก็พลันนึกได้ว่าตนยังไม่หายป่วยดี
“อย่างไร? กลัวจนไข้กลับเสียแล้วรึ?”
เคย์ดิ้นขลุกขลักเพราะถูกอุ้ม เขากลัวอ้อมแขนนี้จับใจ กลัวว่าไออุ่นที่ได้รับตอนนี้จะกลายเป็นความร้อนแรงในไม่ช้า
“เจ้าวางใจเถอะ
ข้าไม่คิดรังแกคนป่วยหรอก
เว้นแต่เจ้าจะไม่ได้ป่วยจริง
ถึงได้มีแรงดิ้นอย่างนี้”
คนป่วยนิ่งจนแทบกลายเป็นหิน พอถูกวางบนเตียงก็คว้าผ้าห่มมาพันตัวแน่นตั้งแต่หัวจรดเท้า
ไม่นานนักคนป่วยก็หลับสนิท
ยูยะมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกกึ่งประหลาดใจกึ่งขำ เสียงกระซิบกระซาบของเหล่าภูติดังขึ้นรอบกาย
เสียงทั้งหมดนั้นล้วนฟ้องถึงความซุกซนช่างสงสัยใคร่รู้ของเคย์ที่รบกวนความสงบสุขของเหล่าภูติยิ่งนัก จอมปีศาจเพียงรับฟังอย่างพอใจ
เจ้าช่างเป็นมนุษย์ที่น่าสนใจจริงๆ เคย์ ....
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++