Tuesday 31 January 2012

[SF]✪~Rabbit on the Moon ~✪ [On The Moon part]


Title       :               [Fiction] Rabbit on the Moon [ On the moon Part ]


Writer   :               Nalikakeaw


Pairing  :               Yamayuma, Koyashige








ตอนก่อนหน้านี้จ๊ะ กันงง








ตอนนี้..ผมอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่ง รอบตัวล้อมด้วยทุ่งหญ้ากว้างไกล สุดขอบเขตของทุ่งหญ้าคือต้นไม้สูงใหญ่ขนาดหลายคนโอบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต ทะเลสาบที่ผิวน้ำราบเรียบ ไร้ระลอกคลื่นและใสเหมือนกระจก ที่ริมทะเลสาบนั้นมีบ้านแบบโบราณที่หาได้ยากนักในสมัยนี้  บ้านทรงสูง มีสี่ชั้น   หลังคามุงจากฟางข้าวหนาและสูงชันลาดจากชั้นบนสุดจนเกือบถึงชั้นหนึ่ง ดูคล้ายบล็อกไม้สามเหลี่ยมตั้งอยู่บนพื้น




คุณอาจไม่เห็นว่ามันแปลกตรงไหน?... คุณคงคิดว่าผมคงอยู่ในหมู่บ้านโบราณแห่งใดแห่งหนึ่งในชนบท




แต่เชื่อผมเถอะ..ที่ที่ผมอยู่นี่ แปลกประหลาดกว่าที่คุณคิด  เพราะทุกสิ่งที่ผมเอ่ยมานั้น ล้วนเป็นสีเงินเรืองรองราวกับว่าทุกสิ่งสามารถเปล่งแสงได้ด้วยตัวเอง  ทั้งต้นไม้ใบหญ้า น้ำในทะเลสาบ หรือก้อนหินทุกก้อนที่อยู่บนทางเดินนี้




"บ้านฉันสวยใช่มั๊ยล่ะ ชวนมาเที่ยวตั้งหลานหนแล้วก็ไม่ยอมมา"




ผมหันไปมองเด็กหนุ่มร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆกันด้วยความประหลาดใจ แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ก็คือตัวของผมเอง ผมสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงยืนสองขา ใส่เสื้อผ้า สวมรองเท้า ทั้งๆที่เมื่อห้านาทีก่อน ผมยังเดินเท้าเปล่า สี่ขา สวมแค่ปลอกคอหนังธรรมดาๆ วิ่งตามน้องๆอยู่เลย




"งงอะไรเนี่ยยามะ ยูมะก็บอกแล้วไง ว่าถ้าขึ้นมาที่นี่แล้วจะกลายเป็นคนน่ะ ซื่อบื้อ"




ดูมัน!! ผมละอยากจะยื่นขาหน้า เอ๊ย!! มือทั้งสองข้างไปเขกหัวไอ้สองแสบนี่ซะจริง คนมันไม่ชินนี่หว่า ใครจะเหมือนายสองคนพอขึ้นมาถึงนี่ปุ๊บก็วิ่งพล่านจนต้นหญ้าสูงเกือบท่วมหัวราบไปแถบหนึ่ง




"ก็มันตื่นเต้นนี่ ได้ขึ้นมาอยู่บนดวงจันทร์ทั้งที เนอะแฮมทาโรเนอะ"




น้องสองตัว เอ๊ย!! คน  หันไปพยักเพยิดสนับสนุนกันเอง เฮ้อ~ เด็กหนอเด็ก  ทั้งชี่น้อยและแฮมทาโรอาจคิดว่าการมาที่นี่เหมือนได้ออกไปเที่ยวนอกบ้าน  แต่สำหรับผม .. การที่ได้มาเหยียบบนดวงจันทร์นี่ มันเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิต ผมขาสั่นตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบย่างลงบนทางแสงจันทร์  แสงสีเงินส่องสว่างทอดยาวจากดวงจันทร์ลงบนบ่อน้ำ เส้นทางที่ไม่เคยมีใครล่วงรู้




แต่ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ? ..




ก็เมื่อหลายเดือนก่อนมีกระต่ายจากดวงจันทร์ตัวหนึ่งตกลงในสระน้ำบ้านผมน่ะสิ พาไปให้ป๋ากับมี๊เลี้ยงได้หนึ่งเดือน ก็มีแมวขายาวตาตี่มาแสดงตัวว่าเป็นพ่อกระต่าย จากนั้นไม่นานป๊ะป๋าแมวตัวนั้นก็พาลูกๆอีกสี่ตัวลงมาจากดวงจันทร์ มาก่อวีรกรรมให้ป๋ากับมี๊ของผมใจหายเล่น




แล้ววันนี้..ผมก็อาจจะต้องทำให้ป๋ากับมี๊ใจหายอีก  ถ้าหากว่ากลับลงไปบนโลกไม่ทันเวลา ถ้าป๋ากลับมี๊กลับมาถึงบ้านแล้วไม่เจอแมวขาวตัวอ้วน กระรอกน้อยกับแฮมสเตอร์ละก็..




"ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงเราก็กลับไปบนโลกก่อนที่ทุกคนจะกลับถึงบ้านแน่ๆ เพราะฉันเองก็ต้องกลับไปรับหน้าเรียวซังกับฮิโระจังเหมือนกัน"




ผู้ชายตัวสูง ตาตี่ ผมทองที่เดินตามหลังมาบอกให้ผมคลายกังวล ชายคนนี้ เมื่ออยู่บนโลก เขาคือแมวที่มีชื่อว่าโคโค่ หรือไอ้โคะของเจ้านายเรียว คนข้างบ้านของป๋ากับมี๊ของผมเอง แต่พอได้มาอยู่บนดวงจันทร์ เวทมนตร์บนนี้ก็ทำให้แมวกลายเป็นคนได้เฉยเลย




ผมเองก็ด้วย.. จากแมวสีขาวตัวกลมๆ ก็กลายเป็นมนุษย์  ผมจำไม่ได้เหมือนกันว่าทำได้ยังไง รู้แค่ว่าพอก้าวขาพ้นจากทางแสงจันทร์ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป  กระต่ายห้าตัว กระรอกน้อยกับแฮมสเตอร์ที่วิ่งนำไปก่อน กลายร่างเป็นเด็กหนุ่ม ทุกคนสวมกิโมโนลวดลายแตกต่างกัน แต่ก็คุ้นตา เพราะสีและลายอย่างเดียวกับสีของแต่ละคนเมื่อยามเป็นสัตว์เลี้ยงอยู่บนโลกมนุษย์ทุกประการ อย่างผมที่เป็นแมวสีขาวก็สวมชุดกิโมโนสีขาว ยูมะกับป๊ะป๋าโคโค่สวมกิโมโนลายทางแบบลายเสือสีดำเทาสลับกัน เพราะเวลาที่อยู่บนโลก พ่อลูกคู่นี้เป็นแมวกับกระต่ายที่มีสีและลายแบบเดียวกันเป๊ะ




อย่าถามนะครับ ว่าแมวมีลูกเป็นกระต่ายได้ยังไง เพราะผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน..




"เด็กๆ ไปหาหม่ามี๊ก่อนแล้วค่อยไปเล่นกันนะ"




"คร๊าบบบบ"








+++++++++++++++++++++++++++++++++



หม่ามี๊งั้นเหรอผมคิดอย่างตื่นเต้น ผมกำลังจะเข้าไปในบ้านริมทะเลสาบ เพื่อไปพบกับแม่ของยูมะและพี่น้องเป็นครั้งแรก ผมรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย จากที่ได้ฟังมา หม่ามี๊ของยูมะเป็นกระต่ายที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ เป็นผู้ที่ใช้เวทมนต์บันดาลให้คำขอที่มีความตั้งใจแน่วแน่ ไม่ว่าจะเป็นคำขอของใครก็ตามให้เป็นจริง




"หม่ามี๊~!!!"




ขบวนลูกกระต่ายในร่างมนุษย์แข่งกันวิ่งโครมครามเข้าไปในบ้าน เคนโตะวิ่งนำหน้าน้องๆเข้าไปในห้องด้านในพลางส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว ชี่น้อยกับแฮมทาโรมาเกาะแขนผมคนละข้างด้วยความตื่นเต้น เราสามคนเคยคุยกันว่าหม่ามี๊ของยูมะจะต้องเป็นคนที่ดุและเข้มงวดมากแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงจะดูและกระต่ายแสนซนทั้งหลายไม่ได้




พอป๊ะป๋าโคะพาเราทั้งสามเข้าไปในห้อง ทุกเสียงก็เงียบลงทันที ป๊ะป๋าโคะก้าวยาวๆเข้าไปประคองร่างของใครคนหนึ่งที่สวมชุดกิโมโนสีเงิน ที่นอนอยู่บนฟูกสีขาวกลางห้องให้ลุกขึ้นนั่ง  พลางหันไปดุลูก




"อย่ากระโดดใส่หม่ามี๊แบบนั้นสิ"




ลูกๆทั้งห้าคนกลิ้งลงจากฟูก ลงไปนอนเท้าคางบนพื้นเสื่อเรียงกันตามลำดับอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เฝ้ามองป๊ะป๋าประคองหม่ามี๊ไว้ในอ้อมแขนด้วยความรักใคร่




"หม่ามี๊~ เมื่อไหร่พวกเราจะได้เห็นหน้าน้องล่ะ"




เคนโตะ ลูกคนโตในบรรดาพี่น้องกระต่ายถามขึ้น อ่ะ..ยูมะเคยบอกว่ากำลังจะมีน้องนี่นะ มิน่าล่ะ หม่ามี๊ชิเงะท้องโตเชียว แต่ว่า นี่มันก็หลายเดือนมาแล้วทำไมไม่คลอดสักทีล่ะ




"คงอีกไม่นานแล้วล่ะ"




หม่ามี๊ชิเงะยิ้มอย่างใจดี เผื่อแผ่ยิ้มหวานมาให้ผมกับน้องๆทำให้ผมใจชื้นขึ้น เริ่มมองสำรวจไปรอบๆห้อง ห้องนี้ไม่เหมือนห้องนอนเลย มีแค่โต๊ะตัวเล็กๆวางของเพียงไม่กี่ชิ้น กับฟูกเท่านั้น




"ปกติชิเงะนอนชั้นบนสุดน่ะ แต่พอท้องก็เดินไม่สะดวกเลยต้องนอนข้างล่างนี่"




"แล้วทำไมไม่ใช้เวทมนต์เหาะขึ้นไปล่ะ"




แฮมทาโรโพล่งสวนคำป๊ะป๋าโคะด้วยความอยากรู้ จนผมกลัวว่าหม่ามี๊ชิเงะจะใช้เวทมนต์ดีดน้องผมกลับไปบนโลก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น




"เวทมนต์บนดวงจันทร์นี้ มีไว้ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเองหรอก แฮมสเตอร์น้อย"




ผมเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนั้นเองว่าทำไมป๊ะป๋าโคะถึงได้รักหม่ามี๊ชิเงะหนักหนา จนถึงกับยอมทิ้งบ้านบนโลกมาอยู่ที่นี่เป็นเดือน  เพราะกระต่ายบนดวงจันทร์นี้ไม่ได้มีแค่ความน่ารักน่าเลี้ยงเหมือนกระต่ายทั่วไป หม่ามี๊ชิเงะเป็นคนที่นุ่มนวลอ่อนหวาน ใจดี และพร้อมจะแบ่งปันความรักให้กับทุกคนแม้กระทั่งคนแปลกหน้าอย่างผมและน้องๆ




ยิ่งมอง..ทุกสิ่งรอบตัวก็ยิ่งเหมือนภาพฝัน




"โอ๊ย!!"




อยู่ดีๆภาพฝันอันแสนสุขก็สลายหายวับ ผมรู้สึกเพียงแค่ว่าโดนอะไรหนักๆตีเข้าที่หัว พอกระพริบตาเพื่อมองชัดๆ ก็เห็นยูมะอยู่ข้างๆกำลังทำตาดุใส่ผม




"นายเอาหมอนมาตีหัวฉันทำไมเนี่ย?"




"ห้ามมองหม่ามี๊อย่างงั้นนะ"




เสียงหัวเราะใสๆเหมือนเป็นระฆังห้ามทัพก่อนที่หมอนในมือยูมะจะทุบลงมาบนหัวผมอีกรอบ หม่ามี๊ชิเงะมุดหน้ากับอกป๊ะป๋าโคะเพื่อกลั้นหัวเราะ มองผมด้วนแววตารู้ทันยังไงพิกล




"เด็กๆออกไปเล่นข้างนอกเถอะ หม่ามี๊ง่วงแล้วล่ะ"




"เย้~!"







+++++++++++++++++++++++++++++++++






"ทำไมห้ามมองล่ะยูมะ"




"ไม่รู้ล่ะ!! ยังไงก็ห้ามมอง"




"แม่นายน่ารักดีออก ทำไมมองไม่ได้"




ยูมะหันกลับมาทำตาเขียวใส่ผม ตอนที่เรากำลังเดินตัดทุ่งหญ้าสีเงิน เพื่อไปให้ถึงป่าสนพันปีที่อยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ หม่ามี๊ชิเงะบอกว่าพี่เลี้ยงสองคนของแก๊งกระต่ายพักผ่อนอยู่ที่นั่น พี่ๆน้องๆของยูมะรวมทั้งไอ้สองแสบของผมวิ่งแข่งกันไปจนถึงชายป่าแล้ว เหลือแต่ยูมะที่ดูจะอารมณ์ไม่ค่อยดีกับผมที่คอยเดินตามแบบมึนๆ




"ก็ไม่ชอบนี่"




"แล้วทำไมถึงไม่ชอบล่ะ?"




"ไม่รู้"




กรรมของแมว ยูมะน่ะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นโกรธใคร ถูกพี่น้องแกล้งยังไงก็ไม่เคยจะเคืองซัดนิด แล้วทำไมวันนี้แจ็คพ็อตมาลงที่ผมได้หว่าดูซิเนี่ย พูดอะไร..ถามอะไร ก็ตอบว่า"ไม่"คำเดียว  เดี๋ยวปั๊ดจัดไม้ตายแมวเหมียวให้ซักดอก




พลั่ก!!!




"โอ๊ยยยยยยยยย!!!"




ยูมะร้องลั่น ล้มไปบนผืนหญ้าสีเงินเพราะถูกผมกระโดดทับ




"เหมียวบ้า!! ลงไปเลยนะ!! หนัก!!"




"บอกก่อนซิ ว่าทำไมถึงไม่ชอบ ไม่งั้นไม่ลง"




วิธีการนี้เสี่ยงต่อการกลายเป็นแมวหัวขาดอย่างยิ่ง ถ้าเกิดป๊ะป๋าโคะหรือหม่ามี๊ชิเงะมาเห็นเข้า ผมคงโดนดีดลงไปบนโลกแบบสายฟ้าแลบ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงนั่งมองยูมะโวยวายฟาดแขนขากับพื้นหญ้าต่อไป ผอมๆแบบนี้เดี๋ยวก็หมดแรงไปเอง




แต่ผมคิดผิด!!




ยูมะไม่โวยวายแล้วก็จริง แต่ร้องไห้แทน ..




"เฮ้ยย!!"




ผมร้องลั่น ดึงยูมะให้ลุกขึ้นนั่งอย่างลนลาน แกล้งลูกเขาจนร้องไห้ ไม่ตายคราวนี้จะไปตายคราวไหน ยูมะปาดน้ำตาป้อยๆ บอกว่าเจ็บหลัง ผมลืมไปว่าพอเป็นมนุษย์ร่างกายสูงใหญ่ขึ้น น้ำหนักก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา ยูมะตอนเป็นกระต่ายก็ผอมจะแย่ ตอนเป็นคนก็ไม่ต่าง ถูกผมกระโดดนั่งทับหลังไม่หักก็บุญแล้ว




"โอ๋ๆๆ อย่าร้องๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ไม่ร้องแล้วนะ ขอโทษ เมี๊ยวๆๆๆๆ"




ผมกอดยูมะ ถูแก้มตัวเองกับแก้มเนียนเหมือนที่เคยพันแข้งพันขาอ้อนป๋ากับมี๊  แป๊บเดียว ยูมะก็หายโกรธแล้ว




"เหมียวเนี่ย อ้อนเหมือนปะป๊าเวลาที่ง้อหม่ามี๊เลย"




"ก็เป็นแมวเหมือนกันนี่นา"




"เหรอ?"



ยูมะพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไป ส่วนผมก็ได้แต่เกยคางบนไหล่บาง ทำตาปริบๆคอยฟัง


 

"แล้ว- แมวนี่ ต้องชอบทุกอย่างเหมือนกันมั๊ย"




"หืมม์ ทำไมถามแบบนั้นล่ะ"




"ก็" ยูมะเอียงหัวเหมือนไม่แน่ใจว่าจะถามดีไหม "ก็เมื่อกี๊อ่ะเหมียวมองหม่ามี๊เหมือนที่ปะป๊ามองเลย"




เหอ?.. นี่ใช่ไหมครับสาเหตุที่ทำให้ยูมะโกรธผม ที่แท้ก็หวงหม่ามี๊แทนป๊ะป๋าหรอกเรอะ?




"ก็คงหวงมั้ง..ฉันคิดแต่ว่า ถ้าเกิดนายชอบหม่ามี๊ขึ้นมาแล้วฉันจะทำยังไงดีอ่ะ"




"ฮะๆๆๆ ยูมะนี่น๊า~ " ผมลงไปหัวเราะกลิ้งบนพื้นหญ้า ยูมะหน้าแดงแล้วแดงอีกด้วยความอาย "หม่ามี๊ของนายน่ารักดีอยู่หรอก แต่ฉันไม่ได้ชอบแบบนั้นซักหน่อยนี่"




"จริงนะ ไม่ได้ชอบหม่ามี๊แบบเดียวกับปะป๊าจริงๆนะ"




"จริงสิ"




ชอบได้ไงละครับ เดี๋ยวแมวขายาวจะได้กระโดดฟรีคิกประไร




"เย้!!! งั้นไปเล่นกันเถอะ"




เผลอแป๊บเดียว ยูมะก็วิ่งนำผมไปไกลแล้ว แต่อย่านึกว่าผมจะยอมแพ้นะ ยังไงซะ แมวก็วิ่งเร็วกว่ากระต่ายอยู่วันยังค่ำ










+++++++++++++++++++++++++++++++++









"เหนื่อยยย!!!"




ผมนอนตายท่ามกลางป่าสน หลังจากที่วิ่งตามยูมะมาได้สักสิบกิโลเมตร ขาแข้งมันก็เริ่มล้าจนก้าวต่อไปไม่ไหว ให้ตามทันก็ทำได้อยู่แต่ยูมะจะวิ่งเร็วไปไหนเนี่ย




"ทำไมยอมแพ้แล้วล่า~ วิ่งแค่นี้เอง"




"สมน้ำหน้า ตอนอยู่ที่บ้านเอาแต่นอนนี่นา"




เสียงของชี่น้อยดังมาจากที่ไหนสักแห่งเหนือตัวผม แต่เมื่อผมมองขึ้นไปก็เห็นแต่กิ่งก้านต้นสนสั่นไหวรุนแรง เหมือนกับว่ามีฝูงลิงสักฝูงปีนป่ายอยู่บนนั้น แต่ก่อนที่จะได้รู้แน่ชัดว่าคืออะไร เสียงดุๆที่ผมไม่คุ้นหูก็ดังมาจากด้านหลัง




"ขึ้นไปบนนั้นอีกแล้ว! ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ"




ร่างของคนสองคนเดินพ้นจากร่มเงาสีเงินเข้ามาหา คนหนึ่งคือน้องชายผม แฮมทาโรในร่างมนุษย์ กับใครอีกคนที่ผมไม่รู้จัก ผมสีดำ รูปร่างผอมสูง สวมชุดกิโมโนสีเขียวอมฟ้าเหมือนสีของน้ำทะเล กำลังเงยหน้าพูดกับกิ่งสนที่ส่องแสงสีเงินวูบวาบไปตามแรงไหว ครู่หนึ่งก็มีร่างเด็กหนุ่มอีกสามคนกระโดดตุ๊บลงมาจากต้นไม้




"บ่นมากจริงน๊า~ นายเนี่ย"




เด็กหนุ่มฟันกระต่าย พูดออกมาอย่างเบื่อๆ เขาวสวมชุดสีน้ำตาลอ่อนๆที่ดูเหมาะกับบุคลิกร่าเริง ไม่อยู่นิ่ง




"ไม่บ่นได้เหรอ มีหน้าที่คอยดูแลเด็กแท้ๆ แทนที่จะห้ามกลับไปวิ่งเล่นด้วยกันอยู่บนต้นไม้โน่น"




"เป็นพี่เลี้ยงก็ต้องเล่นกับเด็กๆด้วยสิ ดูแลไปด้วยเล่นไปด้วยไง"




เด็กหนุ่มหน้าหวานสวมกิโมโนสีดำปนเทาพูดออกมาบ้าง แล้วหันไปพยักเพยิดขอความเห็นจากเด็กหนุ่มฟันกระต่ายที่ยืนอยู่ข้างกัน แล้วก็ต้องหลบสายตาดุๆที่จ้องกลับมาด้วยการมองพื้นแทน




"มัวแต่เล่นจนลืมดูแลน่ะสิ ถ้าเกิดมีใครตกลงมาบาดเจ็บจะทำยังไง"




"ยาบุคุงงงง เล่นมาตั้งนานแล้วไม่เคยเห็นมีใครตกซ๊ากกกที"




เด็กหนุ่มตัวสูงอีกคนพูดขึ้นบ้าง เขาดูเด็กกว่าใครทั้งหมดในบรรดาพี่เลี้ยงแต่ก็ตัวสูงกว่าใครเช่นกัน เขาสวมกิโมโนสีเขียวอ่อน ร่าเริงแจ่มใส  เด็กหนุ่มฟันกระต่ายสวมกิโมโนสีน้ำตาล ส่วนหนุ่มหน้าหวานอีกคนนั้นสวมกิโมโนสีเทา ดูจากหน้าตาแล้ววัยน่าจะใกล้เคียงกับบรรดาแก๊งกระต่าย ทั้งสามคนไม่น่าจะมาเป็นพี่เลี้ยงได้เลย เป็นหัวโจกน่าจะเหมาะกว่า




"ว๊ากกกก!!!"




เสียงจากเบื้องบนดึงความสนใจของพวกเราให้มองหน้าขึ้นไปมองพร้อมกัน ใครสักคนกำลังตกผ่านกิ่งก้านสนลงมาอย่างรวดเร็ว ทำใบสนร่วงกราวๆ ไม่ใช่แค่ยูโกะแต่ชี่น้อยก็ร่วงลงมาด้วย




เด็กหนุ่มในชุดกิโมโนสีเขียวถลาไปข้างหน้ารอรับร่างของชี่น้อย เพื่อนอีกสองคนก็ไปคอยรับยูโกะให้ลงถึงพื้นโดยสวัสดิภาพ แต่ดูเหมือนจะพึ่งไม่ได้เอาซะเลยเพราะดันวิ่งเอาหัวโหม่งกันเองคนละโป๊ก ก่อนจะหงายหลังลงไปนอนนับดาวบนพื้น ส่วนผม ยูมะ กับแฮมทาโรยืนมองเฉยๆ ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงชี่น้อยหรอกครับ ถ้าคุณเป็นผม คุณจะรู้ว่าไม่มีอะไรน่าห่วงสักนิด ตอนอยู่ที่บ้านก็ห้อยโหนโจนทะยานระหว่างเชือกถักบนเพดานกับพื้นอยู่บ่อยไป ไม่เห็นตกลงมาเข้งขาหักซักที  ตอนเป็นคนก็คงเหมือนกันแหละ



 
ยูโกะหล่นลงมาดังตุ๊บ แต่ไม่เจ็บไม่ปวดตรงไหน เพราะหล่นลงบนหลังพี่เลี้ยงที่นอนกองบนพื้นอยู่ก่อนแล้ว ส่วนน้องชายผม ตีลังกาเกลียวสามตลบลงสู่พื้นได้อย่างสวยงาม ปานนักยิมนาสติกดีกรีเหรียญทอง




พอหายตะลึง ยาบุก็เอ่ยปากบ่นขึ้นมาเป็นคนแรก แล้วแก๊งกระต่ายที่เหลือก็ถูกเรียกตัวให้ลงจากต้นไม้แบบไม่มีข้อแม้








+++++++++++++++++++++++++++++++++






พวกเรามาล้อมวงกินข้าวกันไม่ไกลจากที่เดิมนัก ตอนแรก พอรู้ว่าจะได้กินข้าว ผมก็เกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาทันที จะอะไรละครับ ก็แก๊งค์กระต่ายกะไอ้สองแสบของผมน่ะ เป็นมังสวิรัติกันทั้งนั้น แล้วผมเคยกินผักได้ซะที่ไหน?
 



โชคยังดีที่ยาบุคุงเห็นสีหน้าผะอืดผะอมของผมแล้วเกิดเห็นใจ ยื่นกล่องข้าวใบหนึ่งให้ผม ข้างในมีปลาที่ถูกหั่นเป็นชิ้นๆวางซ้อนกันอยู่เต็มกล่อง บนตัวปลาสีเงินที่ถูกนึ่งจนสุกแล้วยังมีมีร่องรอยของเกล็ดเล็กๆที่ถูกแล่ออกไป ผมรู้ว่ามันกินได้ แต่ผมไม่เคยเห็นปลาพวกนี้มาก่อนเลย กลิ่นก็ไม่คุ้นด้วย




"นี่น่ะ เรียกว่าปลานวลจันทร์ทะเล รสชาติดีใช้ได้ แต่ก้างเยอะไปหน่อย ระวังด้วยก็แล้วกัน"


 

ผมพยังหน้าหงึกๆหยิบชิ้นปลาใส่ปากเคี้ยวด้วยความหิวจัด บรรดาแก๊งกระต่ายกับพี่เลี้ยงทำจมูกย่นใส่ผม บอกว่าเหม็น แล้วก็หันไปแทะแท่งแครอทกัน



 
"เอ๊ะ! ยาบุคุงกินเนื้อด้วยเหรอ ?"  ผมถามขึ้นเพราะเห็นยาบุคุงกินปลากล่องเดียวกับผมแบบไม่มีบ่น




"ตอนอยู่บนโลกฉันก็กินปลานี่"




"แอ๊ว ออน อู่ อน โอก อาอุอุง อิน"ไอ อ๊ะ?"




เสียงอ้อแอ้คล้ายคนลิ้นจุกปากเรียกความสนใจเราสองคนจนลืมหัวข้อสนทนา ผมแทบสำลักก้างปลาตอนที่หันไปเจอแฮมทาโรกำลังทำแก้มพองจนแทบจะแตก เพราะดันเอาผักที่กัดๆเคี้ยวๆไปเก็บไว้ในแก้ม ไม่ยอมกลืน




"แฮมทาโร ชี่น้อย ตอนนี้เป็นคนแล้วเอาของกินไปเก็บที่แก้มแบบนั้นไม่ได้นะ ต้องกลืนลงไปสิ"




สองแสบทำตาแบ๊วใส่กัน แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี สำลักค่อกแค่กอยู่หลายยกกว่าจะกลืนหมด




"ทำไมเก็บไม่ได้อ๊ะ? ก่อนจะขึ้นมานี่ก็เก็บเม็ดทานตะวันไว้ตั้งเยอะ เอาไว้กินเวลาหิว"




ผมก็จนปัญญาจะอธิบายเหมือนกัน ปล่อยให้คนที่ฉลาดกว่าอธิบายน่าจะดี




"นี่ๆๆ เราเล่นทายปัญหากัน" ฮิคารุ เด็กหนุ่มฟันกระต่ายในชุดกิโมโนสีน้ำตาลโพล่งขึ้น ทุกคนสบตากันแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที




"แล้วจะทายอะไรละ"




"คำถาม .. พวกเราเป็นอะไร ตอนที่อยู่บนโลก เฉพาะพวกเรานะ "

 


ฮิคารุชี้ไปที่ตัวเองกับเพื่อนๆอีกสามคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน ส่วนพี่น้องกระต่ายที่รู้คำตอบอยู่แล้วมีหน้าที่เป็นคนดูอย่างเดียว




"โหย!! แบบนี้ใครจะไปรู้ฟะ!! สัตว์บนโลกมีตั้งเยอะ"




"พวกเราสองคนทายง่ายที่สุดแล้วน๊า~ นายน่าจะเคยเห็นบ่อยๆ ในหนังสารคดีบนโลกน่ะ"




เคย์ หนุ่มหน้าหวานบอกใบ้ให้ แต่คำใบ้แบบนี้วันหลังไม่ต้องก็ได้ สรรพสัตว์ในสารคดีมีเป็นล้าน ตั้งแต่หนอนไส้เดือนไปจนถึงไดโนเสาร์ ใครทายถูกผมจะขอเลขไปให้ป๋ากะมี๊ซื้อหวย




"ดูที่อาหารสิ"




"อ๋อ!! ลิง!!"




ชี่น้อยสมองใสทายถูกทันทีที่ยาบุคุงบอกคำใบ้ที่สอง อ้อ~ มิน่าถึงสามารถปีนป่ายวิ่งเล่นบนต้นไม้กับแก๊งลูกกระต่ายครึ่งแมวได้




"จริงน่ะ ทั้งสองคนเป็นลิงเหรอ? ทำไมสีเสื้อไม่เหมือนกันล่ะ"




แฮมทาโรถาม เพราะเคย์สวมชุดกิโมโนสีดำล้วน แต่ฮิคารุเป็นสีน้ำตาล




"ก็เป็นลิงคนอย่างกันนี่ ฉันน่ะเป็นลิงสีดำล่ะ"




เคย์ยิ้มแป้นใส่หน้าตางงงวยของชี่น้อยกับแฮมทาโร ผมก็เพิ่งรู้นี่แหละครับว่าลิงมีหลายประเภท สำหรับผมแมว กระรอก หนูถึงแต่ละตัวจะหน้าตาหรือสีไม่เหมือนกัน แต่ก็แมวก็คือแมว กระรอกคือกระรอก และหนูก็คือหนูอยู่ดี




"ลิงสีดำ ที่หน้าขาวๆใช่ป่ะเคย์"




"โย่ว!! ถูกต้อง"




แล้วคู่หูฮิกเคย์ก็เริ่มปอกกล้วยใส่ปากสบายใจ ยูโตะ เด็กหนุ่มตัวสูงสวมกิโมโนสีเขียวชี้นิ้วที่ตัวเองบ้าง ผมนึกไม่ออกเลยครับว่านอกจากต้นไม้ บนโลกยังมีอะไรที่เป็นสีเขียวอีก




"กบ!!"




ตอนที่อยู่บ้านชี่น้อยชอบไปเกาะไหล่ป๋ากับมี๊เวลาที่ทั้งสองคนดูโทรทัศน์ และรายการโปรดที่ดูกันบ่อยๆคือสารคดีครับ ผมรับรองว่าหนนี้ชี่น้อยทายถูกล้านเปอร์เซนต์ ถ้าดูจากหน้าตาบูดๆเบื่อๆของยูโตะแล้วละก็นะ




"ไม่สนุกเลย ชี่น้อยเก่งเกินไปแล้ว"




"มันง่ายเกินไปต่างหาก ตัวสีเขียว แขนขายาว แล้วก็กินแมลงเป็นอาหาร"
 
 
 
  
"กบหรอกเหรอ? เห็นตัวยาวๆก็นึกว่าเป็นงูเขียวซะอีก"




แฮมทาโรถามทำตาปริบๆ จากนั้นเราก็หันเหความสนใจไปที่คำถามสุดท้าย ดูเหมือนคำถามนี้จะยากจนชี่น้อยทำคิ้วยุ่งเป็นนานสองนานก็ยังทายไม่ถูก




"ขอคำใบ้"




ถึงจะพูดจาห้วนๆไปบ้าง แต่ท่าทางเกาะขาจ้องตาอ้อนๆแบบนั้นมันได้ผลทุกทีเวลาที่เจ้าแฮมอยากได้อะไร




"ฉันอยู่ในทะเล"




ช่วยได้มาก! คำตอบแคบลงมาเกือบครึ่งโลก ชี่น้อยยิ่งขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีก แฮมทาโรตะกายขึ้นไปบนตัก วางมือทั้งสองลงบนไหล่ของยาบุคุงด้วยความสงสัย น้องคงลืมตัวว่าตอนนี้เป็นคนไม่ใช่แฮมสเตอร์จะไปนั่งตักทำอยากรู้อยากเห็นเหมือนเวลาอยู่กับมี๊ได้ที่ไหน  แต่ยาบุคุงก็ใจดีเกินคาด นอกจากจะไม่ไล่แล้วยังยิ้มให้อีก




"นึกออกมั๊ยแฮมทาโร"




อย่าว่าแต่เจ้าแฮมเลยครับ กระรอกฉลาดอย่างชี่น้อยยังส่ายหน้า ยูมะเลยบอกคำใบ้เพิ่มให้อีกหน่อย




"ฉลาดแล้วก็เป็นมิตรที่สุดในท้องทะเลไงล่ะ"




"เอ่อ~ ปลา- ปลาโลมา"




ชี่น้อยตอบแบบไม่แน่ใจ แต่แก๊งกระต่ายกับพี่เลี้ยงเฮลั่น ระหว่างนั้น แฮมทาโรยังคงนั่งอยู่ที่เดิม สองมือเลื่อนจากไหล่ไปที่แก้มของยาบุคุง




"ปลาโลมา? หน้าตาอย่างงี้ น่าจะเป็นปลากระเบนมากกว่า!"









+++++++++++++++++++++++++++++++++










กินข้าวอิ่ม เคนโตะ ก็นำทีมน้องๆอย่างฟูมะ โฮคุโตะ ยูโกะ และชี่น้อย ไปหาเรื่องซนต่อ โดยมีพี่เลี้ยงตามไปดูแล (?)ห่างๆ  ฮิคารุ เคย์ ยูโตะ ฉวยโอกาสตอนที่ยาบุคุงกำลังตอบคำถามแฮมสเตอร์ช่างซักแอบหลบไปอีกด้านหนึ่งของป่าสน สงสัยจังว่าจะไปสรรหาอะไรมาเล่นกันอีก




"ไม่ไปเล่นกับเค้าล่ะ ยูมะ?"
 



"ไม่เอาอ่ะ อยากไปหาหม่ามี๊ "




"ก็ดีเหมือนกัน ฉันมีเรื่องอยากถามปะป๊ากับหม่ามี๊ของนายเยอะเลย แฮม-"




ผมไม่ทันรู้ตัวว่าเสียงถามแจ้วๆนั้นเงียบลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หันไปอีกทีแฮมสเตอร์น้องผมก็หลับอุตุอยู่ในอ้อมแขนของยาบุคุงซะแล้ว 




"ไปกันเถอะ ฉันจะดูแลแฮมทาโรให้เอง"




เป็นพี่น้องกันมานานผมก็รู้ดีหรอกว่าแฮมทาโรน่ะน่ารัก แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าปลาโลมาติดใจอะไรแฮมสเตอร์ตัวนี้ถึงขนาดที่ลืมว่าตัวเองมีหน้าที่ต้องดูแลพี่น้องกระต่ายครึ่งแมวที่กำลังตีลังกาห้อยโหนเป็นลิงค่างอยู่บนยอดสนพันปีโน่นต่างหาก












ยูมะพาผมเดินออกจากป่าสน ลัดทุ่งหญ้าสีเงินที่เอนไหวเบาๆโดยไม่มีแรงลม ใบหญ้าเย็นเฉียบปัดถูกเราตอนที่เดินผ่าน บนดวงจันทร์นี้ไม่เคยมีกลางวัน มีแต่ท้องฟ้าสีดำกับดวงดาวอยู่ตลอดเวลา ไม่มีแสงตะวันคอยให้ความอบอุ่น ที่นี่จึงมีแค่ฤดูหนาวเท่านั้น




"เราไม่ไปที่บ้านกันเหรอ?"




"หม่ามี๊อยู่ที่บ่อน้ำแหละ"




เราเดินผ่านบ้านออกไปไม่ไกลก็เจอบ่อน้ำที่ว่า เป็นบ่อน้ำเล็กๆเหมือนบ่อปลาของเจ้านายเรียว คนข้างบ้าน มีแนวต้นไม้ใหญ่ที่ดูเหมือนจะอยู่มานานพอๆกับพระจันทร์ดวงนี้ ดูเก่าแก่ แล้วก็มีพลังมากกว่าต้นไม้ต้นอื่นๆบนดวงจันทร์ ใต้ต้นไม้นั้น หม่ามี๊ชิเงะกับป๊ะป๋าโคะนั่งพิงกันกำลังจ้องมองลงไปในบ่อน้ำนั้น ระหว่างที่เราสองคนกำลังจะเดินไปถึง ก็มีแสงสว่างจ้าวาบขึ้นมาจนผมตาพร่าเกือบเดินสะดุดหัวทิ่ม





"หม่ามี๊กำลังทำให้คำอธิษฐานของใครซักคนบนโลกเป็นจริงอยู่ล่ะ"




ยูมะวิ่งไปอ้อนแม่ทิ้งให้ผมยืนเอ๋ออยู่คนเดียว ผมยืนลังเลอยู่ซักพักถึงค่อยเดินตามไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ไปนั่งลงตรงโคนไม้ใหญ่อีกต้นหนึ่ง มองลงไปยังบ่อน้ำเล็กๆนั้นด้วยความสงสัย มันก็เป็นบ่อปลาธรรมดาๆนี่เอง แค่มันไม่มีปลาเลยสักตัว แล้วน้ำในบ่อก็ใสสะอาดส่องแสงสีเงินเรืองรองเมือนทุกอย่างรอบตัวผม สงบนิ่งจนดูเหมือนกระจกบานใหญ่




"ถ้าหากว่าน้ำในบ่อนี้ไม่สงบ ก็เป็นสัญญาณว่า กำลังมีคำอธิษฐานที่รอให้ฉันช่วยให้สมหวังอยู่ ฉันถึงต้องมานั่งอยู่ข้างๆบ่อนี้ทุกวันไงล่ะ"




"คงเหนื่อยน่าดูเลยเนอะ"




ผมว่าบนโลกน่ะ คงมีคำอธิษฐานล้านแปดยิ่งกว่าดาวบนท้องฟ้าซะอีก




"ก็จริง  แต่ถ้าหากว่าอธิษฐานแล้วรอคอยให้สมหวังอย่างเดียว คำขอนั้นจะไม่มีทางส่งมาถึงที่นี่ได้เลย ต้องมีความมุ่งมั่นพยายามด้วยตนเองเท่านั้น คำอธิษฐานจึงจะมาถึงดวงจันทร์นี้ได้"




ผมพยักหน้าหงึกๆพยายามทำความเข้าใจกับคำพูดของหม่ามี๊ชิเงะ  ระหว่างนั้นยูมะก็เอาหูแนบท้องหม่ามี๊แล้วอยู่ๆก็สะดุ้งตกใจร้องลั่น




"หม่ามี๊!!! อะไรไม่รู้ถีบลูกกกกก"




"ก็คงเป็นน้องนั่นแหละยูมะ ท่าทางจะซนน่าดู"




ป๊ะป๋าโคะหัวเราะอารมณ์ดี แต่ผมรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นึกภาพไม่ออกเลยว่าแก๊งกระต่ายครอกสองจะซนระเบิดระเบ้อขนาดไหน พี่เลี้ยงสี่คนจะไหวเร้อ~




"ก็คิดอยู่ว่าจะหาพี่เลี้ยงเพิ่ม แต่ว่าไม่ค่อยมีใครอยากมาอยู่บนนี้ตลอดไปหรอก"




"ทำไมล่ะ"




"ก็มันน่าเบื่อน่ะสิ ตอนที่ฉันอยู่คนเดียวน่ะ เหงามากเลยนะ ได้แต่นั่งอยู่ข้างๆบ่อน้ำนี่ คอยมองความเป็นไปบนโลก"




มิน่า ถึงได้มองจนหล่นลงไปให้แมวงาบจนมีลูกด้วยกันตั้งห้าตัว




"ตั้งแต่มีลูก ชีวิตฉันก็ไม่เหงาอีกเลยล่ะ วันๆต้องคอยวิ่งตามไม่ให้ไปทำโน่นหักนี่หัก วันดีคืนดีก็ตัดหญ้าในทุ่งหญ้าซะเตียนโล่ง เมื่อเดือนก่อนเพิ่งทำต้นสนพันปีโค่นไปอีกสองต้น อ่ะ"




น้ำในบ่อเริ่มสั่นไหว แล้วค่อยๆหมุนวนขึ้นเป็นภาพของสัตว์คู่หนึ่ง หน้าตาเหมือนแมวแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ เพราะดูเป็นสัตว์ที่ทรงพลังกว่าแข็งแรงกว่า ตัวหนึ่งเป็นสีขาวมีลายสีดำพาดตามลำตัวเป็นริ้วๆ ส่วนอีกตัวเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหมือนสีใบไม้แห้ง แต่มีลายแต้มเป็นจุดๆอยู่ตรงหน้าผาก ทั้งคู่ดูเหงาเศร้านอนเคียงกันอยู่ในกรงมืดๆแคบๆที่ไหนซักแห่งบนโลก ยูมะละจากท้องของหม่ามี๊จ้องมองลงไปในบ่อน้ำบ้าง




"ลูกจะทำอย่างหม่ามี๊ได้มั๊ย?"




"ได้สิ แต่ต้องตั้งใจให้ดีนะ คอยฟังเสียงว่าพวกเขาอธิษฐานว่าอะไร แล้วเราถึงจะช่วยเขาได้"




ยูมะหลับตาลง หายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ มีป๊ะป๋ากับหม่ามี๊คอยให้กำลังใจอย่างเงียบๆ แต่ผมสิตื่นเต้นจนหัวใจจะระเบิดอยู่แล้ว 




แล้วบ่อน้ำนั้นก็เปล่งแสงสีเงินสว่างวาบอีกครั้ง แม้จะไม่สว่างจนทำให้ตาพร่าเหมือนครั้งก่อน แต่ก็ไม่ได้อ่อนแสงเหมือนดวงไฟที่ใกล้ดับ แล้วน้ำในบ่อที่ปั่นป่วนสั่นไหวก็ค่อยกลับมานิ่งสงบดังเดิม




"เหนื่อยจังเลยหม่ามี๊~"




หม่ามี๊ชิเงะลูบหัวลูกอย่างเอ็นดู ยูมะหาวปากกว้างขนาดนี้ก็ยังน่ารักเนอะ พอป๊ะป๋าบอกให้ไปนอนยูมะก็งัวเงียมานอนซบตักผมเหมือนว่าผมเป็นเบาะนอนประจำตัวงั้นแหละ แล้วก็หลับปุ๋ยไปเลย น่าเป็นห่วงจัง




"แค่ใช้พลังมากไปเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรน่าห่วง"




หม่ามี๊บอกอย่างนั้นผมก็โล่งอก อีกหน่อยยูมะก็คงต้องรับหน้าที่นี้ต่อจากหม่ามี๊สินะ คิดแล้วกลุ้ม~




แล้วเสียงประหลาดทำให้ผมหลุดออกจากความคิดของตัวเอง เงยหน้าขึ้นสบตาป๊ะป๋ากับหม่ามี๊ที่ทำคิ้วขมวดใส่กัน เสียงที่ได้ยินมาจากไกลๆนั่น... มันลั่นเอี๊ยดอ๊าด ตามด้วยเสียงครืนสนั่น แล้วผืนดินที่ผมนั่งอยู่ก็สะเทือน




"สงสัยว่าเด็กๆจะทำต้นสนพันปีโค่นอีกแล้วละมั๊ง"




เอ่อ..ป๊ะป๋าครับ หม่ามี๊ครับ ถ้าลูกกระต่ายครอกต่อไปคลอดออกมา ป่าสนบนนี้จะเหลือเหรอครับ?






End...................................

Sunday 22 January 2012

[SF]✪~Rabbit on the Moon ~✪ [Family part]


Title   -:-   Rabbit on the Moon [ Family Part ]




Writer  -:-   Nalikakeaw




Pairing   -:-  Yama + Yuma,Koyashige,chibichii,hamtaro and B.I.Shadow Gang








ตอนก่อนหน้านี้คะ






เช้าอันแสนสงบสุข....


"ไอ้โคะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"


น้ำเสียงแหบห้าวทรงพลังอันเป็นเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวของชายผู้มีนามว่า เรียว นิชิกิโด ดังสะท้านสะเทือนไปทั้งหมู่บ้าน ทำนกกาแตกตื่นขวัญผวาส่งเสียงร้องราวกับหวาดกลัวภัยพิบัติอันตราย


แต่ผมยังคงหลับตานอนต่อ....


"นี่ ตื่นเถอะ"


เสียงเล็กๆใสๆดังอยู่ข้างหู...ปลุกแบบนี้จ้างให้ก็ไม่ตื่นล่ะครับ ขนาดป๋าใช้เท้าเขี่ยปลุกทุกเช้ายังไม่ค่อยจะตื่นเลย เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าแล้วด้วย ขอนอนต่ออีกหน่อยละกันน่า


"แต่ฉันหนักอ่ะเหมียว"


ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา ภายใต้แสงอาทิตย์อ่อนๆยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านในห้องนั่งเล่น ผมเห็นอะไรยาวๆหนึ่งคู่โบกไหวไปมาอยู่ข้างหน้า  แล้วผมก็พลิกตัวจากหมอนอุ่นๆขนฟู หูยาว ลงไปนอนตุ๊บบนเบาะของผมเอง


"นอนดิ้น ตัวหนัก แล้วก็ขี้เซาด้วยอ่ะ เสียงดังขนาดนี้ยังไม่ยอมตื่นอีก"


กระต่ายสีเทาลายแปลกบ่นไปด้วย ยกสองขาหน้าขึ้นทำความสะอาดใบหน้า หัว แล้วก็หูยาวๆของตัวเอง ส่วนผมก็นอนขดตัวเพื่อจะหลับต่อ แต่ประตูห้องนอนของป๋ากี้กับมี๊สึก็เปิดออกมาพอดี


"ไอ้เรียวมันเป็นบ้าอะไรแต่เช้า"


ป๋าบ่นพลางปิดปากหาว แต่มี๊กลับตาสว่างเพราะสังเกตเห็นแขกผู้มาใหม่แต่คุ้นตานั่งทำตาใสอยู่บนเบาะของผม


"เอ๊ะ! กระต่ายตัวนั้น? นี่โคโค่เอามาฝากเลี้ยงอีกแล้วเหรอ?"



มี๊เดินเข้ามาทักทาย อุ้มกระต่ายน้อยไว้ในอ้อมแขน ท่าทางจะดีใจไม่น้อยที่ได้เจอกระต่ายขนฟูอีกครั้ง เพราะมี๊ลืมทักทายผมเหมือนเคยจนผมต้องร้องเหมียวๆให้มี๊หันมาสนใจ แต่มี๊ก็ลูบหัวผมแค่สองสามทีแล้วก็หันไปสนใจกระต่ายขนฟูต่อ  ส่วนน้องๆอีกสองชีวิตที่ยังนอนอยู่ในกรงนั้นลืมไปได้เลย ชี่น้อยกับแฮมทาโร่ขี้เซากว่าผมซะอีก ถ้าไม่ถึงเวลาอาหารเช้าจ้างให้ก็ไม่ตื่น


"ถ้ามาอยู่ด้วยกันบ่อยๆต้องมีชื่อแล้วนะเรา จะตั้งชื่อว่าอะไรดี"




"ชื่อยูมะ"


กระต่ายน้อยตอบ แต่ผมอ้าปากค้าง ปกติมนุษย์จะไม่ได้เสียงที่บรรดาสัตว์อย่างเราคุยกันหรอกครับ แต่ทำไมวันนี้มี๊ถึงพยักหน้าเออออแล้วก็เรียกกระต่ายตัวนั้นว่ายูมะล่ะ


"มี๊ได้ยินเราพูดกันด้วยเหรอ?"



"หือ?..หิวแล้วเหรอยามะ"


แง้ว~ คนละเรื่องกันเลยอ่ะมี๊ แสดงว่าไม่ได้ยินล่ะสิเนี่ย


"อยากไปหาปะป๊า"



"ฉันจะไปดูเรียวมันหน่อยนะ"


"อื้อ~ ไปกัน"


บังเอิญใช่ไหมครับ? ที่ป๋ากับมี๊เกิดอยากจะไปเยี่ยมเพื่อนบ้าน  พร้อมๆกับที่ยูมะอยากจะไปหาปะป๊าโคโค่พอดี  แล้วจะไปกันทั้งๆที่หน้าไม่ได้ล้าง ฟันไม่ได้แปรงเนี่ยนะ?


ผมกระโดดขึ้นไปเกาะบนไหล่ป๋า ทำเอาป๋าตัวเอียงไปหน่อยนึงก่อนหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าเคืองๆว่า


"ชักอ้วนไปแล้วนะเรา"






++++++++++++++++++++++++++++++






เมื่อคืน ผมไปนั่งข้างๆบ่อเลี้ยงปลารอแมวขายาวกลับมาจากดวงจันทร์เพื่อรอฟังข่าวของยูมะอย่างเคย และเมื่อทางแสงจันทร์ปรากฏขึ้น...


"ยะฮู้ววว!!!!"

ผมทำหูตั้ง ตาเขม้นมองก้อนกลมๆเหมือนลูกบอล หลายลูกกลิ้งหลุนๆลงมาตามลำแสงสีเงินที่ทอดยาวจากฟากฟ้าสะท้อนลงมาบนผิวน้ำ  ลังเลว่าจะกระโดดหลบให้พ้นทางดีรึเปล่า แต่พลันสายตาก็ไปหยุดอยู่ตรงลูกบอลที่กลิ้งนำลงมาเป็นลูกแรก


ไม่ใช่ลูกบอลซักหน่อย หรือจะเป็นม้วนไหมพรมมากกว่า แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมมันถึงมีลาย


กว่าผมจะนึกออก ลูกบอลลูกนั้นก็กลิ้งมาชนผมพอดี ผมรีบก้มลงใช้หัวดันลูกบอลสีเทาลายเสือของผมให้พ้นทางลูกบอลอีกสี่ลูกที่กลิ้งตามมา ต่อให้ตกน้ำก็ช่าง ผมห่วงแต่กระต่ายของผมแหละครับ


"ขอบใจนะเหมียว"


ยูมะบอก พยายามสะบัดหัวเพื่อให้ลูกกะตากลับมาสามัคคีกันอย่างเคย ส่วนผมหันไปมองข้างหลัง ลูกบอลขนฟูสี่ลูกที่เหลือไม่ได้ตกน้ำแต่อย่างใด แต่มันกลับกลายเป็นกระต่ายน้อยสี่ตัวนั่งมองเขาตาแป๋ว ถ้าจำไม่ผิด ยูมะเคยบอกว่ามีพี่น้องนี่นะ


อยากรู้จริงๆว่าตัวไหนที่ผลักยูมะลงมาเมื่อคราวที่แล้ว


ไม่ใช่อะไร...จะขอบคุณซักหน่อยที่ทำให้ผมมีกระต่ายขนฟูเป็นหมอนข้างให้กอดอยู่ตั้งเดือน


"เคนจัง ปะป๊าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าแกล้งน้อง"



แมวอีกตัวหนึ่งกระโดดตุ๊บลงมายืนอยู่ข้างหน้าพวกเรา ใครๆก็เรียกแมวตัวนี้ว่าแมวประหลาดไม่เว้นแม้แต่คนเลี้ยงเอง ด้วยหน้าตาที่ดูแปลก มีโครงหน้าและดวงตาเรียว รูปร่างเพรียวยาวและขายาวกว่าแมวทั่วไป สีขนเป็นสีเทาสลับด้วยลายริ้วสีดำเหมือนลายของเสือโคร่ง


เหมือนลายบนตัวกระต่ายที่นั่งตาแป๋วข้างๆผมเป๊ะ..


ป๊ะป๋าโคโค่ของยูมะ   หรือไอ้โคะของเจ้านายเรียว คนข้างบ้านของป๋ากับมี๊ผมเอง


"เปล่าน๊า เราเล่นกันต่างหาก ลูกไม่ได้ผลักยูมะซักหน่อย"



"จริงเหรอยูมะ?"



ป๊ะป๋าโคโค่หันมาคาดคั้นเอาคำตอบ แล้วกระต่ายข้างๆผมนี่ก็พยักหน้าหงึกๆสนับสนุน


"เคนจังไม่ได้ผลักหรอกปะป๊า เคนจังถีบลูกต่างหาก"




++++++++++++++++++++++++++++++



นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ยูมะต้องระเห็จมานอนที่บ้านผมแทนที่จะนอนกับพ่อและน้องๆ เพราะปะป๊าโคโค่กลัวว่าลูกๆจะเถียงกันไม่หลับไม่นอน เลยไปจนถึงหาเรื่องซุกซนจนทำให้เจ้าของบ้านตื่นมาอาละวาดก่อนเวลาอันควร


ก็แค่ช่วยยืดเวลาไปอีกหน่อยเท่านั้น


เมื่อป๋ากี้กับมี๊สึเดินเข้าไปในบ้านของเจ้านายเรียวในตอนเช้า ก็พบว่าเจ้าของบ้านกำลังตะเบ็งเสียงใส่แมวขายาวตาตี่ที่นั่งไม่รู้ร้อนอยู่ตรงปลายเท้าแบบเอาเป็นเอาตาย


คนบ้ากับแมวประหลาด...


"แกจะทำบ้านฉันให้เป็นสวนสัตว์รึไงห๊ะ!!!!"


"เมี๊ยวว!!"



ดูท่าแล้ว เจ้านายเรียวคงอยากจะบีบคอแมวตัวเองให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้ ติดที่ว่าแมวตัวนี้ไม่ได้มีเจ้านายแค่คนเดียว


"ไม่เป็นไรนี่นาเรียวจัง โคโค่คงเหงาใช่มั๊ยล่ะ ถึงได้พากระต่ายพวกนี้มาอยู่ด้วย เนอะ~"


ฮิโรกิก้มลงทักทายแมวตัวโปรดใช้ปลายนิ้วถูจมูกยาวๆนั่นเล่นอย่างที่เคยทำเป็นประจำ โคโค่เอาตัวยาวๆพันแข้งขาออดอ้อนเจ้านาย ร้องเหมียวๆเป็นการขอบคุณ ทำให้เรียวไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไป ได้แต่หันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ข้างบ้านที่เพิ่งเดินเข้ามา


ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย


"เอ๋? โคโค่ไปเอากระต่ายจากไหนมาอีกเนี่ย น่ารักดี"


"เปิดบ้านเป็นฟาร์มแล้วเหรอไอ้เรียว"


"ไม่ตลกน่ะพี่ เยอะขนาดนี้เลี้ยงไม่ไหวหรอก"


"อย่าซีเรียสน่า ก็น่ารักดีออก อีกอย่างโคโค่คงพามาอยู่ที่นี่ไม่กี่วันเหมือนเดิมนั่นแหละ"


สึบาสะวางกระต่ายน้อยในอ้อมแขนลงบนพื้น กระต่ายน้อยวิ่งดุ๊กดิ๊กไปซุกอยู่ใต้ท้องแมวลายขายาวปล่อยให้ปะป๊าเหมียวเลียหน้าเลียตาทักทายเป็นปกติ


แต่แปลกในสายตามนุษย์ยิ่งนัก


"ท่าทางโคโค่จะมีลูกเป็นกระต่ายจริงๆแล้วละมั้ง ดูรักกันจัง"


"บ้าน่าฮิโระ แมวที่ไหนจะมีลูกเป็นกระต่าย"


คนสวยตวัดสายตาขวับทำให้คนพูดต้องหุบปากทันที ทักกี้ตบไหล่รุ่นน้องเบาๆเป็นเชิงบอกให้ทำใจ เพราะยังไงซะ คนสวยก็เป็นใหญ่เสมอ






++++++++++++++++++++++++++++++






และด้วยความเห็น (ไม่) เป็นเอกฉันท์  วันนี้ทั้งสองบ้านเลยต้องหอบสัตว์เลี้ยงของตัวเองมาเล่นด้วยกัน ที่สนามหญ้าเล็กๆหน้าบ้านของเรียว และไหนๆวันนี้ก็เป็นวันพักผ่อนแล้ว  มนุษย์ทั้งสี่คนก็เลยตกลงใจว่าจะจัดปาร์ตี้เล็กๆด้วยซะเลย

"เย้~"

กระต่ายน้อยทั้งห้าวิ่งตามกันเป็นพรวนเข้าไปในสนามหญ้า  ชี่น้อยกับแฮมทาโรที่เพิ่งตื่นก็กระโดดจากมือป๋าวิ่งตามไป  ปิดท้ายขบวนด้วยแมวสีเทาร่างเพรียวขายาวลายเสือโคโค่ และแมวสีขาวตัวกลม คือผมเอง


"ไม่ไปเล่นกับเขาล่ะยามะ"



ผมส่ายหน้า เกิดมาไม่เคยเล่นกับกระต่าย ตอนที่ยูมะมาอยู่ที่บ้านก็เล่นกับชี่น้อยและแฮมทาโร ส่วนผมมีหน้าที่กล่อมกระต่ายนอนอย่างเดียว


ป๊ะป๋าโคโค่เรียกลูกๆเข้ามาแนะนำให้ผมกับน้องรู้จัก  ตัวแรกเป็นพี่คนโต ชื่อเคนโตะ  เป็นกระต่ายขนสีน้ำตาลอ่อนทั้งตัวฟันหน้ายาวกว่าตัวอื่นๆ  ตัวสีขาวล้วนชื่อฟูมะตัวนี้ขนฟูเป็นพิเศษตัวเลยดูพองๆ ป๊ะป๋าโค่บอกว่าตัวนี้เกิดหลังเคนโตะแค่ไม่กี่นาทีเลยเป็นลูกคนรอง ส่วนลูกคนกลางคือยูมะกระต่ายตัวบางตาใสขนสีเทามีลายพาดกลอนตามตัวเหมือนป๊ะป๋าโคโค่ไม่ผิดเพี้ยน   ต่อจากยูมะเป็นโฮคุโตะกระต่ายสีเทาแต่มีขนสีขาวรอบคอเหมือนเป็นสร้อยคอ  และน้องเล็กกระต่ายขนสีขาวแซมเทายูโกะ ตัวนี้แปลกว่าพี่น้องตรงที่มีใบหูยาวแต่ลู่ไปข้างหลัง ผมไม่รู้หรอกว่ากระต่ายแบบนี้มนุษย์เค้าตั้งชื่อสายพันธุ์ว่าอะไร


แต่ที่ผมสงสัย...


ทุกตัวก็ดูเรียบร้อยดีนี่นา ไม่เห็นมีตัวไหนดูทีท่าว่าจะซนอลหม่านอย่างที่ป๊ะป๋าแกเล่าให้ฟังเลย


"ไปเล่นกันเถอะ"



กระต่าย กระรอก และหนูแฮมเสตอร์วิ่งตามกันไปอย่างร่าเริง ส่วนแมวสองตัวก็ล้มตัวนอนบนพื้นหญ้า เหยียดแข้งเหยียดขาสบายอารมณ์ จนมนุษย์นายหนึ่งค่อนขอดเอาว่าเป็นแมวขี้เกียจ


"เมี๊ยววว"



สองแมวประสานเสียงแทนคำตอบ ทำเอามนุษย์นายนั้นต้องแยกเขี้ยวใส่  ฮิโรกิหัวเราะ บอกว่าสมน้ำหน้า อยู่ดีๆไปหาเรื่องแมว


"เราจะกินเนื้อย่างกันล่ะ เรียวจังไปยกเตาปิคนิคมาให้หน่อยสิ"


มนุษย์เค้าจะกินเนื้อย่าง แมวสองตัวคงได้ลาภปากเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ๆแน่เลย ผมทำจมูกฟุดฟิดไปทางกล่องพลาสติกที่มี๊สึยกมา แต่โดนป๋าสกัดดาวรุ่งมาอย่างรวดเร็ว


"ยังไม่ถึงเวลากินน่ะยามะ ไปวิ่งเล่นกะน้องไป๊  นอนได้ทั้งวันเดี๋ยวก็อ้วน"


"แมวอ้วนเพราะเจ้าของเลี้ยงดีหรอก ผิดด้วยเหรอ"


ฮ่าๆๆๆ คุณๆเข้าใจคติที่ว่า "ลูกข้าใครอย่าแตะ" มั๊ยครับ  ผมว่าคนที่เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวทั้งโลกนี้คงเป็นเหมือนกันคือ  ห้ามด่า ห้ามติอะไรทั้งนั้น  หมาแมวของฉัน ฉันด่าได้คนเดียว มี๊ก็คงคิดแบบนี้ด้วยเหมือนกันแหละครับ  มี๊น่ะรักผมจะตาย เพราะมี๊เป็นคนอุ้มผมเข้าบ้านเหมือนที่ฮิโระจังพาป๊ะป๋าโคโค่เข้าบ้านเจ้านายเรียวนั่นแหละ


"โธ่เอ๊ย สึบาสะ ก็ให้ลูกมันวิ่งเล่นตอนกลางวันซะ กลางคืนจะได้นอนอยู่กับบ้านไม่ออกไปเที่ยวที่ไหนไง"


"ตอนนี้ยามะก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนแล้วนี่ ต้องยกให้เป็นความดีของยูมะเลยนะ"


ก็แหงล่ะสิครับ ตั้งแต่ยูมะมานอนที่บ้านผม ผมก็กลายเป็นแมวติดหมอนข้างขนฟูไปเลย แต่พอยูมะไม่อยู่ผมก็ไม่ได้เที่ยวไกลไปกว่าบ่อน้ำข้างบ้าน


"นี่โคโค่ ฉันขอยูมะมาอยู่ที่บ้านตลอดไปเลยไม่ได้เหรอ"


"........"


แป่ว.. แมวไม่มีคำตอบ  ป๊ะป๋าโคโค่ทำหูทวนลมไม่ได้ยินซะอย่างนั้น  เลยโดนมี๊บ่นเอาว่าหวงลูก


"ลองยกให้ ฉันจะโดนชิเงะฆ่าเอาน่ะสิ"



ชิเงะคือหม่ามี๊ของกระต่ายทั้งห้าตัวที่กำลังวิ่งไล่จับอยู่กับกระรอกน้อยชี่จังและเจ้าหนูแฮมทาโร  แต่จนป่านนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าหม่ามี๊กระต่ายชิเงะกับป๊ะป๋าโคโค่แต่งงานมีลูกได้ยังไง


"อธิบายยากแฮะ เวลาเราอยู่บนดวงจันทร์น่ะเราไม่ได้เป็นกระต่ายแต่เป็นมนุษย์ แล้วก็ที่มีลูกด้วยกันได้ คงเพราะเวทมนต์ละมั้ง"




"เวทมนต์"




"ใช่ บนดวงจันทร์น่ะ มีเวทย์มนต์ที่ทำให้สมปรารถนาในสิ่งที่หวัง เป็นเพราะฉันอยากเจอกระต่ายที่อยู่บนดวงจันทร์มากๆถึงได้เจอชิเงะ พอได้อยู่ด้วยกันแล้วอยากมีลูก ชิเงะก็ท้อง และก็มีลูกๆทั้งห้าตัวนี่แหละ"

มันเข้าใจยากพอๆกับที่อธิบายยากเลยแฮะ


"แล้วหม่ามี๊ของยูมะขึ้นไปทำอะไรบนดวงจันทร์ล่ะ"




"อืมม์  ก็คล้ายๆกับเป็นร่างทรงหรือมิโกะละมั้ง บนโลกนี้น่ะมีคำอธิษฐานอยู่มากมาย ที่รอคอยให้สมหวัง ถ้าคำขอใดมีความตั้งใจจริงมากๆชิเงะก็จะได้ยิน แล้วก็จะใช้เวทมนต์ทำให้คำขอนั้นสมปรารถนาไงล่ะ"




"ถ้างั้น สมมุติว่าผมขอให้ผมมีลูกกับยูมะก็ได้เหมือนกันสินะ"



ป๊ะป๋าโคโค่กระดิกหู  หางยาวกวัดแกว่งไปมา จ้องมองผมเหมือนกำลังไม่ไว้ใจ  เหมียว?...ผมพูดอะไรผิดไปเหรอครับ?


"ชี่น้อยขี้โกงงงงงงงงงงงง"



แมวสองตัวหันขวับไปทางต้นเสียง ดูเหมือนว่าลูกๆของป๊ะป๋ากับน้องๆของผมกำลังวิ่งไล่จับกันอยู่ แต่ชี่น้อยกลับไต่ขึ้นไปบนพุ่มไม้เตี้ยๆ ที่บรรดากระต่ายเอื้อมไม่ถึง แฮมทาโรก็เข้าไปอยู่ในพุ่มไม้ที่ไม่มีช่องกว้างพอให้กระต่ายมุดตามไปได้ ผมเลยได้เห็นกระต่ายสามตัวกระโดดหยองแหย็งพยายามจะเอื้อมให้ถึงชี่น้อย กระต่ายอีกสองตัววิ่งรอบพุ่มไม้หาทางเข้าถึงตัวแฮมทาโรให้ได้


ขี้โกงจริงๆด้วย...


แต่พริบตาเดียวกระต่ายน้อยเคนจังก็กระโดดขึ้นไปบนพุ่มไม้ เตะกระรอกน้อยที่กำลังงงลงมาให้โฮคุโตะวิ่งไล่ต่อ สุดท้ายชี่น้อยก็ถูกฟูมะกระโดดตะปบแบนติดพื้น เอ่อ..ดูๆแล้วเหมือนตอนที่ผมวิ่งไล่จับชี่น้อยเลยอ่ะ  ส่วนแฮมทาโรก็ถูกยูโกะคาบออกมาจากพุ่มไม้จนได้ แฮมเสตอร์น้อยดิ้นรนหัวเราะก๊ากๆเพราะจั๊กจี้  ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าทั้งห้าตัวนี้เป็นกระต่าย


"ถึงจะเป็นลูกกระต่ายแต่ครึ่งหนึ่งก็เป็นลูกแมวด้วยเหมือนกันนะ ตอนอยู่บนดวงจันทร์น่ะเด็กๆเค้าวิ่งไล่กันอยู่บนต้นไม้โน่นแน่ะ พี่เลี้ยงต้องไปฟ้องให้ไปเรียกลงมา ไม่งั้นถ้าชิเงะมาเห็นจะโดนดุกันหมด"


เหมียว~ แต่ว่าถ้ามนุษย์สี่คนแถวนี้มาเห็นเข้า คงพากระต่ายปีนต้นไม้ไปออกทีวีแหงๆ


เล่นไปได้ซักพัก ยูมะก็วิ่งเข้ามาหาเราด้วยท่าทีที่ดูจะเบื่อๆ ผมมองไปที่สนามหญ้า ชี่น้อยกำลังปิดตานับเลขอยู่


"ไม่เล่นแล้วเหรอ?"




"ไม่เอาอ่ะ" ยูมะส่ายหัว  "เล่นซ่อนหาทีไรต้องเป็นคนหาตลอดเลย แล้วฉันก็หาไม่เก่งด้วย คราวก่อนกว่าฉันจะหาเจอครบทุกคนก็เกือบสามวัน ฟูจังกับยูโกะจังบ่นจนหูชาเลยแหละ"

กระต่ายตาใสบ่นแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆผม ผมวางขาเกยหัวลงบนลำตัวผอมๆนั้นอย่างเคยชิน แต่ป๊ะป๋าที่นอนข้างๆกันกลับจ้องเขม็ง แง้ว~ ผมทำอะไรผิดอีกเนี่ย?


"ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่ามองแล้วเหมือนมองเห็นตัวเองกำลังกอดชิเงะอยู่ยังไงยังงั้นเลย ยูมะ มานอนกับปะป๊าซิ"



ยูมะทำตามอย่างว่าง่าย กระโดดไปซุกกับอกแมวลายขายาว ป๊ะป๋าโคโค่เลียหน้าเลียตาลูกน้อยอย่างเอ็นดู แล้วยูมะก็หลับปุ๋ย


เป็นครอบครัวที่มีความสุขจริงๆน๊า~






++++++++++++++++++++++++++++++







ในที่สุดก็ถึงเวลากิน ผมทำจมูกฟุดฟิดเดินตามกลิ่นเนื้อย่างหอมฉุยไปทางมนุษย์สี่คนที่ขมักเขม้นย่างเนื้ออยู่หน้าเตา


"เรื่องกินนี่ไวเชียวนะยามะ"


ผมร้องเหมียวๆตอบ ป๋ากี้เลยเอานิ้วจิ้มหน้าผากผมไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้  แต่ก็ยังคีบเนื้อจากเตาใส่ในจานเล็กๆให้ผม แต่ผมกินไม่ได้อ่ะ


"เมี๊ยววว~"


"เป่าให้ลูกด้วยสิ"


"เหมียว~ รักมี๊จังน๊า~"  ผมเดินไปคลอเคลียอยู่บนตักมี๊ ระหว่างที่รอให้ป๋ากี้เป่าเนื้อให้เย็น ผมโชคดีที่วันนั้นมี๊อุ้มผมขึ้นมาจากกรงในร้านขายแมวนะเนี่ย ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าผมมาเป็นแมวบ้านเจ้านายเรียวแล้วจะเป็นยังไง


"เรียวจัง อย่ากินหมดสิ เหลือไว้ให้โคโค่บ้าง"


"ไอ้โคะมันไม่หิวหรอก ยังนอนอยู่เลยดูสิ"


ใช่ที่ไหนละครับ  ป๊ะป๋าแกไม่ลุกมากินเพราะว่ากลัวว่าจะทำยูมะตื่นต่างหาก  แต่ในเมื่อเจ้านายเรียวไม่สนใจอะไรอื่นนอกจากเนื้อย่าง ฮิโระจังคนสวยเลยเป็นคนคีบเนื้อใส่จานไปให้ป๊ะป๋าโคโค่ซะเอง


"โคโค่นี่ใจดีจังเลยเนอะ เอากระต่ายมาเลี้ยงตั้งห้าตัว ไม่เหมือนคนแถวนี้ นอกจากจะตัวดำแล้วยังใจดำอีกต่างหาก"


เจอประชดแบบนี้เจ้านายเรียวถึงกับสำลักเนื้อติดคอ นั่งมองแฟนตัวเองฉีกเนื้อให้แมวกินตาละห้อย


"สมน้ำหน้า"


รุ่นพี่ทั้งสองซ้ำเติมอีกต่างหาก


ส่วนผม...ก็ก้มหน้าก้มตากินของโปรดอย่างสุขใจ






++++++++++++++++++++++++++++++








เล่นกันจนถึงเย็น ป๊ะป๋าก็เรียกลูกๆมากินข้าว ฮิโระจังหยิบแครอทจากในตู้เย็นมาหั่นเป็นแท่งๆให้บรรดากระต่ายน้อยทั้งหลายกิน บางส่วนก็หั่นเป็นแว่นบางๆเตรียมไว้ในชามแก้ว เพื่อเอาไว้ผัดสำหรับมื้อเย็น แต่ไม่แน่อาจจะเป็นมื้อค่ำหรือมี้อดึกก็ได้  เพราะป๋ากี้กับเจ้านายเรียวยังนอนแผ่อยู่บนโซฟาด้วยความอิ่มจัด


"เอ๊ะ ! ชี่น้อยกับแฮมทาโรหายไปไหน?"


เมี๊ยว~ ผมก็ว่าแหละครับมี๊  ปกติถ้าเป็นเรื่องกินผักละก็ น้องสองตัวของผมจะวิ่งแข่งกันมาหามี๊เลยแหละ แต่นี่..ไม่เห็นแม้แต่เงา เรียกแล้วก็ยังไม่มาซะด้วย


"นี่ทักกี้! มาช่วยกันหาลูกสิ นอนอยู่ได้"


ป๋ากี้ของผมรีบกระเด้งตัวลุกจากโซฟาตามคำสั่งของสุดที่รัก เพราะรู้ว่าขืนช้าแม้แต่วินาทีเดียวเป็นอันต้องผิดใจกัน  เจ้านายเรียวเองก็ต้องลุกขึ้นมาแม้ว่าจะอิ่มจนจุกแค่ไหน เพราะสายตาของฮิโรกิคนสวยเริ่มจะเปล่งรังสีอำมหิตอยู่รอมร่อ


แต่หาแล้วหาเล่าก็ยังไม่เจอ เรียกแล้วเรียกเล่าก็ยังไม่มา


"โดนตัวอะไรคาบไปรึเปล่าเนี่ยพี่-"


ปากนะปาก สมควรแล้วครับที่ป๋ากี้จะประเคนฝ่ามือเข้าให้เต็มกระหม่อม  พูดอะไรไม่เกรงใจมี๊สึของผมเลย


"หุบปากแล้วก็หาไป  อย่าพูดมาก เดี๋ยวจะไม่ได้พูด"


ป๊ะป๋าโคโค่ก็มาช่วยหาด้วย  เราสองตัวช่วยกันดมกลิ่นตามพื้นตรงสนามหญ้า ตามรอยไปจนถึงในห้องครัว แต่ไหงกลิ่นของชี่น้อยไปสิ้นสุดตรงห้องเก็บของเล็กๆหลังบ้านละเนี่ย


"เมี๊ยว"


"ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นหรอกน่า เมื่อกี๊ฉันเพิ่งเอาของไปเก็บ ไม่เห็นอะไรวิ่งเข้าไปซักตัว"


"แง๊วววววววววว!!!!"


แต่เราสองตัวเริ่มร้องดังขึ้นจนเจ้านายเรียวต้องยอมแพ้ เปิดประตูห้องเก็บของเข้าไป ป๊ะป่าโคโค่กระโดดเข้าไปสำรวจตามกองข้าวของข้างในอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็คาบชี่น้อยออกมาในสภาพที่...


แน่นิ่ง..


"ชี่น้อย..."


มี๊สึของผมยื่นมือสั่นๆออกมารับกระรอกแสนรัก แม้แต่ป๋ากี้ก็ยังนิ่งไป  แต่ป๊ะป๋าโคะกลับลากผมไปตามหาแฮมทาโรต่อ และสุดท้ายเราก็เจอแฮมเสตอร์แสนซนในถังขยะสด ใต้กองผักที่ถูกคัดทิ้ง และ... อยู่ในสภาพเดียวกับชี่น้อยไม่มีผิด


ผมแทบไม่กล้ามองหน้ามี๊เลยตอนที่คาบแฮมทาโรมาวางตรงหน้า ข้างๆกับชี่น้อย  น้องน้อยทั้งสองนอนแผ่หงายไม่กระดุกกระดิก ทั้งห้องเงียบสนิท ได้ยินเพียงลมหายใจของมนุษย์ทั้งสี่คน  ส่วนผม..


ผมพยายามใช้เท้าเขี่ยปลุกน้องเหมือนที่เคยทำ แต่คราวนี้มันกลับไม่ได้ผล  ไม่ว่าจะเรียกสักเท่าไหร่ทั้งสองตัวก็ไม่ยอมตื่น  สุดท้ายแล้วผมก็ยอมแพ้ ร้องเหมียวๆหันไปมองหน้าป๋ากับมี๊ ป๋าลูบหัวผมที่นอนหมอบลงข้างๆน้อง


"ยูมะ! มาหาปะป๊าซิ"


เสียงเข้มๆดุๆ ของป๊ะป๋าโคโค่นั้นผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย มันทำให้กระต่ายน้อยทั้งห้าตัวหูตกแล้วก็หงอยด้วยความตกใจ  แม้แต่ผมยังอดกลัวไม่ได้  ยูมะกระโดดเข้ามาหาเราช้าๆแล้วก็มาอยู่ข้างๆผม มองไปทางป๊ะป๋าอย่างตื่นๆ


"ปลุกเพื่อนขึ้นมา"



ยูมะกระโดดตุ๊บไปข้างหน้า ใช้จมูกดันร่างเล็กๆของชี่น้อยกับแฮมทาโร แวบหนึ่งผมเห็นแสงอะไรบางอย่างวาบขึ้นมาแถวๆนั้น แต่ป๋ากับมี๊  เจ้านายเรียวกับฮิโระจังคงจะไม่เห็นแน่ๆ เพราะทุกคนมัวแต่อึ้งกันอยู่


และแล้ว....


ชี่น้อยกับแฮมทาโรก็ลืมตา  แล้วก็พลิกตัวขยับ ลุกขึ้นนั่งบนสองขาหลังใช้สองขาหน้าลูบหน้าลูบหัวตัวเองเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำหลังจากตื่นนอน จากนั้นก็ทำตาแป๋วแหววมองคนนั้นที คนนี้ที เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็พร้อมใจกระโดดขึ้นไปบนตักมี๊ที่กำลังตะลึงกับสิ่งที่เห็น


"มี๊ๆๆๆๆ ลูกหิวแล้ววว"



ผมเองก็ตาค้างไปเหมือนกันครับ  ตอนผมคาบน้องมา ผมไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าร่างน้อยๆนั้นมีลมหายใจอยู่


"ยูมะ ทำได้ไงน่ะ?"


กระต่ายน้อยส่ายหัวอย่างตื่นๆพลางมองไปทางป๊ะป๋าโคโค่ที่กำลังทำหน้าเครียด






++++++++++++++++++++++++++++++






"ไอ้โคะมันเป็นอะไรน่ะ"


เจ้านายเรียวถามขึ้นหลังจากที่ทุกอย่างกลับเข้าสู่ปกติ ไม่มีใครติดใจสงสัยว่าทำไมกระต่ายกับแฮมสเตอร์ถึงได้หลับได้หลับดี  และไปนอนอยู่ในห้องเก็บของกับในถังขยะได้อย่างไร ป๋ากับมี๊นั่งมองลูกๆกินผักอย่างมีความสุข  เจ้านายเรียวกับฮิโระจังก็นั่งดูโทรทัศน์จนกระทั่งหันไปเห้นแมวตัวเองกำลังจ้องหน้ากระต่ายน้อยทั้งห้าตัวอย่างเอาเป็นเอาตายถึงได้สงสัย


เอาเป็นว่ามนุษย์อย่ารู้เลยครับ ว่าป๊ะป๋าแกกำลังสอบสวนลูกๆอยู่ ผมเพิ่งรู้เหมือนกันว่าป๊ะป๋าที่แสนจะใจดีนั้นเวลาโกรธก็น่ากลัวสุดๆ


"ใครเป็นคนทำ"


ป๊ะป๋าโคโค่ถามลูกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่กระต่ายน้อยก็กลัวหนักหนาแล้ว ทั้งห้าตัวนอนหมอบหูตกอยู่แทบแท้าแมวลายตัวโคร่งผู้ให้กำเนิด ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมา


"ยูมะ บอกปะป๊าซิว่าใครเป็นคนทำ"




"ลูกไม่รู้"




"อย่าโกหกปะป๊า"


เงียบกันไปหมด ผมละสงสารยูมะจริงๆ เล่นก็ไม่ได้เล่นกับเค้าซักหน่อย ทำไมต้องถูกดุด้วยละเนี่ย


"ตกลงจะไม่บอกใช่ไหม ว่าใครเป็นคนทำ"




"ปะป๊า~ ทำไมต้องดุด้วยล่า~ ชี่น้อยกับแฮมทาโรก็ไม่เป็นไรซักหน่อยนี่"


กระต่ายน้อยฟูมะพยายามส่งสายตาอ้อนอย่างที่เคยทำแล้วได้ผล  แต่หนนี้ปะป๊าแมวเหมียวโกรธมากเสียจนไม่ใส่ใจ


"ไม่เป็นไรหรือ ถ้าปะป๊าหาชี่น้อยไม่เจอชี่น้อยอาจจะอดข้าวตายในห้องเก็บของ หรือแฮมทาโรอาจจะถูกเอาไปทิ้งในกองขยะที่อื่น ถ้าไม่อดตายก็ถูกแมวตัวอื่นคาบไปกิน แล้วยังจะมาแก้ตัวอีก ปะป๊าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าใช้เวทมนต์แกล้งคนอื่น"


กระต่ายห้าตัวหูตกแล้วตกอีก ยูมะแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว ผมก็ห่วงยูมะจะแย่แล้วเหมือนกัน  แต่เกรงว่าถ้าไปคาบยูมะพาหนีออกมา ป๊ะป๋าโคโค่คงตามมางับหัวขาด


"ดีละ ในเมื่อปกป้องกันดีนัก ปะป๊าก็จะไม่ถาม แต่ลูกๆต้องกลับไปบนดวงจันทร์วันนี้เลย แล้วปะป๊าก็จะไม่ไปหาอีกแล้ว"


คราวนี้ยูมะน้ำตาร่วงจริงๆ แล้วผมที่มองอยู่ก็ใจจะขาด แว้กกกกก!!! ป๋า!!!! แล้วยังงี้ผมจะได้เจอยูมะอีกมั๊ยเล่า!!!!!


"ปะป๊า~ อย่าทำอย่างงั้นนะ ลูกเป็นคนทำเอง น้องๆไม่เกี่ยวนะปะป๊า ก็ชี่น้อยกับแฮมทาโรซ่อนเก่งนี่นาวิ่งก็เร็วด้วย ลูกก็เลยทำให้หลับจะได้หาเจอง่ายๆ แต่ว่าลูกไม่รู้ว่าสองตัวนั้นไปอยู่ในห้องเก็บของกับถังขยะได้ยังไง"



กระต่ายสีน้ำตาลน้ำตาคลอ กลัวก็กลัว แต่ก็ยอมสารภาพ  ผมฟังเห็นแล้วก็สงสาร นึกถึงตัวเองตอนที่เห็นชี่น้อยกับแฮมทาโรนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก ผมถึงได้รู้ว่าผมรักน้องมาแค่ไหน  กระต่ายน้อยห้าตัวนี้ถึงจะซน ถึงจะแกล้งกันถึงขั้นเตะตกลงมาบนพื้นโลกนี่ แต่ที่สุดแล้วพี่น้องก็รักกันมากนี่นาทุกตัวรู้ว่าเคนจังเป็นคนทำแต่ก็ไม่พูด และเคนจังก็ยอมสารภาพเพราะไม่อยากให้น้องถูกลงโทษไปด้วย


"งั้นเคนจังก็กลับไปคนเดียว ถ้าหม่ามี๊ถาม ก็ไปหาข้อแก้ตัวเอาเองก็แล้วกัน"


เคนโตะคอตกรับคำทั้งน้ำตา ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของน้องๆที่ไม่ยอมให้พี่ไป แต่ป๊ะป๋าก็ใจแข็งบอกว่าก่อนกลับให้ไปขอโทษชี่น้อยกับแฮมทาโรซะด้วย ยูมะวิ่งมาทางผมร้องไห้แล้วก็ขอร้องให้ผมช่วยพูดกับป๊ะป๋าให้หน่อย แต่ใครจะกล้าละครับ


"ยามะใจร้าย แง๊~"


กรรมของแมว เกิดมาไม่เคยทำใครร้องไห้ซะด้วย แล้วทีนี้จะปลอบยังไงละเนี่ย






++++++++++++++++++++++++++++++





แล้วสุดท้ายผมก็ต้องยอม ระหว่างที่รอให้เคนโตะไปขอโทษชี่น้อยกับแฮมทาโร ผมก็หมอบคลานเข้าไปทีละนิดจนป๊ะป๋าโคโค่ที่นั่งหันหลังให้หันกลับมามอง


"ถ้าจะมาช่วยพูดให้เคนโตะละก็ ไม่ต้องพูดจะดีกว่า"


แป่ว.. แมวเบรกแทบไม่ทัน  ป๋าง่ะ ยังไม่ทันจะอ้าปากเลย



"ฉันก็ไม่อยากทำหรอก แต่ต้องให้ถูกลงโทษซะบ้างจะได้เข็ด"


พูดแล้วก็ถอนหายใจหนัก ผมมองแล้วก็ไม่เข้าใจนัก รู้แต่ว่าป๊ะป๋าแกสงสารลูกเหมือนกันแต่ก็ยังให้ลูกกลับไป

"ปะป๊า~ "



"ขอโทษแล้วก็กลับไปได้แล้ว ปะป๊าไม่ไปส่งหรอกนะ"




"ปะป๊า~  แต่ว่า-"




"ไม่มีข้อแม้อะไรอีกแล้วนะเคนจัง เฮ้ย!!!!"


พอหันกลับมามองลูกแล้วตาตี่ๆก็โตเท่าไข่ห่าน  เคนโตะไม่ได้มาตัวเดียว แต่มีชี่น้อยกับแฮมทาโรงับหูติดมาด้วยข้างละตัว มีกระต่ายน้อยอีกสี่ตัวตามหลังมาด้วย


"ลูกไปขอโทษมาแล้ว แต่ว่า-"



 ป๊ะป๋าโคโค่ยกอุ้งเท้าตบหน้าผากตัวเอง พยายามขอให้กระรอกน้อยกับหนูแฮมสเตอร์ปล่อยจากหูของเคนโตะซะไม่งั้นจะกลับไปไม่ได้  แต่คงจะยากละครับ เพราะผมเตี๊ยมกับน้องไว้แล้วว่าถ้าผมไม่บอกสองตัวนั้นก็จะไม่ปล่อย ก็จนกว่าป๊ะป๋าแกจะใจอ่อนสงสารลูกนั่นแหละครับ






++++++++++++++++++++++++++++++








"ขอบใจนะเหมียว ชี่น้อยกับแฮมทาโรด้วยนะขอบใจมากๆเลย"



ตอนนี้เราออกมาอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้านท่ามกลางแสงจันทร์สว่างสไว กระต่ายน้อยสี่ตัววิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ส่วนป๊ะป๋าโคโค่..ก็ขึ้นไปหากระต่ายสุดที่รักบนดวงจันทร์โน่นแน่ะ  ทิ้งลูกๆไว้ให้เจ้านายและป๋ากับมี๊ผมดูแลซะงั้น


ผมนั่งอยู่ข้างสระน้ำเล็กๆสำหรับเลี้ยงปลาในบ้านเจ้านายเรียวเหมือนเคย มีชี่น้อยกับแฮมทาโรเกาะอยู่บนหัว


"ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็ไม่อยากให้เคนจังกลับไปเหมือนกัน ไม่มีเพื่อนเล่นเหงาจะตาย"




"ใช่ๆ แล้วตอนที่เคนจังทำให้หลับนะ ฉันฝันดีด้วยล่ะ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลยเนอะชี่น้อย"


ฟังแล้วมันน่าปล่อยให้อยู่ในห้องเก็บของกับถังขยะซักคืนจริงๆ  ไม่ได้เห็นหน้าป๋ากับมี๊ตอนนั้นก็พูดได้ล่ะสิ  แต่ผมจะไม่รื้อฟื้นมันก็แล้วกัน เพราะผมยังมีเรื่องอื่นที่อยากรู้ ยูมะเคยบอกว่าที่จริงแล้วทางที่จะไปสู่ดวงจันทร์นั้นจะเป็นที่ไหนก็ได้ แค่ขอให้แสงจันทร์สะท้อนลงบนพื้นน้ำได้ก็เพียงพอแล้ว แต่ผมไม่เคยเห็นป๊ะป๋าโคโค่ลงมาตามทางที่สระน้ำบ้านผมเลยนี่นา


"ก็คราวก่อนโน้นฉันก็หล่นลงมาในสระน้ำบ้านเหมียวนี่"




"ไม่ได้เดินลงมาซักหน่อย เคนจังเตะลงมาต่างหาก  ถ้าทางมันเยอะแยะขนาดนั้นทำไมคนอื่นถึงไม่รู้กันล่ะ"




"เพราะว่ามันต้องใช้เวทมนต์เป็นกุญแจเปิดทางน่ะสิ ที่ป๊ะป๋าขึ้นไปได้ก็เพราะหม่ามี๊ที่อยู่ข้างบนคอยเปิดทางให้ไงล่ะ"




"แล้วยูมะทำไม่ได้เหรอ?"




"ไม่ได้อ่ะ หม่ามี๊บอกว่ายังไม่โตพอ"




"ว๊า~"


ทั้งแมว กระรอกและหนูแฮมสเตอร์ร้องเป็นเสียงเดียวกันด้วยความเสียดาย


"แต่ฉันก็ใช้เวทมนต์ทำอย่างอื่นได้นะ  ดูนี่สิ"


ยูมะชี้ให้ดูน้ำในบ่อ


"ไม่เห็นมีอะไรเลย"




"ดูเงาในน้ำสิ"


ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆผิดน้ำ แต่แทนที่จะเห็นเงาสะท้อนของตัวเอง กลับเห็นมนุษย์สี่คนที่ผมไม่คุ้นหน้ามาก่อนเลย คนหนึ่งมีใบหน้าผอมแต่ตาโตกลมใส อีกคนหน้ากลมเป็นซาละเปา มีเด็กฟันกระรอกน่าตาน่ารักกับเด็กตาแบ๊วอีกคนเกาะอยู่บนหัว


"นี่คือหน้าตาของเหมียว ชี่น้อยแล้วก็แฮมทาโรตอนเป็นมนุษย์ไงล่ะ"




"เอ๋?"


ผมก้มลงมองเงาในน้ำอย่างไม่เชื่อสายตา ยื่นขาออกไป เงาสะท้อนในน้ำกลับกลายเป็นเงาของมืออวบๆป้อมๆ เอียงหัวไปทางขวาเงาสะท้อนก็เอียงตาม  อืม... พอเป็นมนุษย์แล้วก็ดูหล่อเหมือนกันเนอะ


ระหว่างที่ผมชื่นชมหน้าตาอันหล่อเหลาของตัวเองอยู่นั้น อะไรบางอย่างก็กลิ้งมาทางด้านหลัง  ชนพวกเราทั้งสี่ตัวกระเด็นหล่นลงไปในสระ


"สไตรค์~!!!!"


กระต่ายน้อยอีกสี่ตัวกระโดดโลดเต้นดีใจ ขณะที่ผม ยูมะและน้องๆกำลังตะเกียกตะกายขึ้นจากสระ  เมี๊ยว~..บนดวงจันทร์นี่มีลานโบว์ลิ่งด้วยเหรอครับ? โยนกันแม่นเหลือเกิน


"เคนจัง ฟูจัง ฮคจัง  ยูโกะจัง!!!!"


เสียงดุๆก้องสะท้อนมาจากดวงจันทร์ ทำให้กระต่ายสี่ตัวที่กำลังเย้วๆกันอยู่หูตูบในทันใด


"หวาย~ หม่ามี๊"


หม่ามี๊เรอะ!?  ผมมองซ้ายมองขวาทันที แต่ยูมะบอกว่าหม่ามี๊ชิเงะไม่ได้อยู่แถวนี้หรอก


"คงมองมาจากสระน้ำบนดวงจันทร์แหงๆเลยล่ะ"


"นี่ยูมะ ถามจริงๆเถอะทำไมพวกนายต้องลงมาอยู่ข้างล่างกันล่ะ ถ้าอยู่บนดวงจันทร์ก็จะได้อยู่กันพร้อมหน้าไม่ใช่เหรอ"




"ช่วยไม่ได้นี่นา" ยูมะทำหน้ามุ่ย "อยู่ข้างบนน่ะไม่มีคนดูแล พวกพี่เลี้ยงต้องไปดูแลหม่ามี๊"


"แม่นายไม่สบายเหรอ?"




"ปะป๊าบอกว่าหม่ามี๊กำลังจะมีน้องอะ  เห็นปะป๊าว่าท้องโตกว่าตอนที่หม่ามี๊ท้องพวกเราอีก สงสัยว่าจะมีน้องมากกว่าห้าตัวแน่ๆเลยล่ะ ดีใจจังจะมีน้องอีกแล้ว"

ยูมะยิ้มกว้าง  แต่ผมน่ะ แอบอธิษฐานในใจแล้วว่า ต่อให้หม่ามี๊ของยูมะจะมีลูกอีกกี่ตัว ก็ขอให้ป๊ะป๋าโคโค่อย่าพาลงมาบนโลกนี้เลย  แมวเหนื่อย~







END++++