Sunday 4 September 2011

[Fiction] Once Upon a time...Four






Title -:- Once Upon a time...Four

Writer -:- Nalikakeaw

Rate -:- Not Sure

Pairing -:- HaruYuya


ในฟิคเรื่องนี้มีตัวละครชื่อยูยะสองคนนะคะ  ถ้าใครงง ให้ย้อนกลับไปอ่านตอนก่อนหน้านั้น เพราะว่ามันมีที่มาที่ไปค่ะ

        [Fiction] Once Upon a time...Intro
     
        [Fiction] Once Upon a time...one

        [Fiction] Once Upon a time...Two

        [Fiction] Once Upon a time...Three









เด็กหนุ่มร่างสูงเดินก้าวเข้าสู่โถงทางเดินกว้างด้านหน้าของโรงพยาบาลอย่างคุ้นเคย หากแต่คนอื่นๆที่อยู่ ณ ที่ตรงนั้นด้วยกลับไม่คุ้นชินเท่าไรนัก  ผู้ป่วยที่มานั่งรอรับยาต่างมุ่งความสนใจไปที่เด็กหนุ่มผู้นั้นเพียงคนเดียว

เมื่อเด็กหนุ่มผู้นั้นก้าวเข้ามา เหมือนทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหว ความวุ่นวายและเสียงอันสับสนก็เงียบลงราวกับว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นร่ายมนต์สะกดทุกสิ่งเอาไว้  รูปร่างสูงเพรียว ผิวสีแทน ผมสีอ่อนและนัยน์ตาผลึกสีอำพันเย็นชาที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปตาเรียวนั้นดึงดูดความสนใจจากทุกสายตา

ทุกอย่างที่ผสมผสานรวมกันเป็นเด็กหนุ่มคนนั้น งดงามเสียจนทำให้คนมองลืมหายใจ

เมื่อเด็กหนุ่มผู้นั้นก้าวผ่านที่ตรงนั้นไป บรรยากาศเดิมๆก่อนหน้านั้นก็หวนกลับมา ตามด้วยเสียงถอนหายใจและเสียงชื่นชมจากผู้ที่ได้หลงอยู่ในความงดงามนั้นแม้เพียงชั่วครู่

และในความชื่นชมนั้น....ย่อมก่อให้เกิดแรงริษยา

"ก็สวยดีอยู่หรอกนะ แต่ยังไงซะก็เป็นผู้ชาย แล้วก็เย็นชาเป็นบ้า ไม่รู้ว่าฮารุมะคุงทนอยู่กับคนแบบนั้นได้ยังไง"

นางพยาบาลคนหนึ่งพูดขึ้นมาแบบไม่คิดจะออมเสียง ไม่สนใจสายตาของคนอื่นๆที่มองมาด้วยความสมเพช หล่อนมาฝึกงานที่นี่ได้เดือนหนึ่งแล้ว เหตุผลที่อยากมาก็เพราะอยากมาอยู่ใกล้ๆหนุ่มที่เพิ่งเดินออกไปจากที่ตรงนั้น  แต่นอกจากหล่อนจะได้เรียนรู้ว่านักแสดงหนุ่มหน้าสวยที่ชื่อ ทาคาคิ ยูยะ นั้น เป็นคนเย็นชาอย่างร้ายกาจแล้วยังไม่มีสายตาไว้เหลียวแลใครคนอื่นเสียเลย นอกจากพี่น้องและคนข้างกายที่ชื่อฮารุมะคนนั้น

หล่อนจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหานักแสดงหนุ่มอีกคนที่มีบุคลิกผิดกันลิบลับ มิอุระ ฮารุมะ นักแสดงหนุ่มที่มีรอยยิ้มอบอุ่นเจิดจ้า อ่อนโยนและเป็นมิตรกว่า แต่หล่อนก็ไม่ได้มีโอกาสได้ส่งยิ้มให้เขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว เพราะฮารุมะไม่เคยสนใจใครคนไหนนอกจากยูยะ แล้วจะไม่ให้หล่อนนึกเกลียดได้อย่างไร

"อิจฉาที่เขาสวยกว่าหรืออิจฉาที่ทาคาคิซังเค้าได้อยู่ใกล้ฮารุมะซังล่ะ"

เพื่อนนางพยาบาลประชดให้อย่างเอือมระอา วันๆไม่คิดจะหาความรู้ในวิชาชีพ ดีแต่คิดหาวิธียั่วยวนผู้ชายเท่านั้น ใครเตือนใครว่าก็หาได้สนใจไม่ คนรอบข้างก็หมดปัญญาจะทำให้ตาสว่าง ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยให้เจอดีเข้าสักวัน

"อิจฉาทำไม! ยังไงซะผู้หญิงอย่างฉันก็มีอะไรๆดีกว่าผู้ชายแบบนั้นอยู่แล้ว พนันกันมั๊ยล่ะ ว่าฉันจะใช้เวลาเท่าไหร่ที่จะจับฮารุมะคุงได้อยู่หมัด"

เสียงหัวเราะดังหึๆขึ้นจากด้านหลัง แม้แผ่วเบาแต่ฟังดูราวกับจะเย้ยหยันต่อคำพูดเมื่อครู่ยิ่งนัก เหมือนจะบอกว่าชาตินี้ทั้งชาติรวมทั้งชาติหน้าด้วยแล้วฮารุมะก็จะไม่มีวันสนหล่อน  อยากตบปากเจ้าของเสียงหัวเราะนี้ให้สาแก่ใจนัก

แต่เมื่อหันกลับไป นางพยาบาลสาวสวยกลับได้เผชิญหน้ากับดวงตาสีอำพันเช่นเดียวกับยูยะไม่ผิดเพี้ยน เพียงแต่ดวงตาคู่นี้เย็นเยียบลุ่มลึกกว่า มีอำนาจมากกว่า

"ฮารุน่ะ ถึงจะเป็นหมา แต่ก็เป็นหมามีเจ้าของ ไม่ใช่หมาจรจัดที่เที่ยวคุ้ยหาขยะกินไม่เลือกหรอกนะครับ อีกอย่างเจ้าของมันก็เลี้ยงดี มันคงไม่ออกนอกลู่นอกทางมาหาเศษหาเลยแถวนี้หรอก"

ดวงตาสีอำพันเลื่อนมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า  มันหยุดอยู่ตรงสาบคอเสื้อที่เจ้าของจงใจละเลยให้มันแหวกลึกกว่าเครื่องแบบของนางพยาบาลทั่วไป  แล้วริมฝีปากบางก็ผุดรอยยิ้มเหยียดหยาม ก่อนจะสะบัดชายเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดจากไป  ทิ้งนางพยาบาลผู้นั้นให้กรีดร้องเต้นเร่าๆด้วยความแสบร้อนราวกับสุนัขที่ถูกน้ำร้อนลวก

"เจอฤทธิ์ของคุณหมอยูยะเข้าให้แล้วมั๊ยล่ะ เตือนแล้วไม่เชื่อ"








"น้องเป็นยังไงบ้าง"

"ไม่เป็นไร น้องปกติดี"

ยูยะเอ่ยถามกับกำแพงห้องที่ว่างเปล่า  และกำแพงนั้นก็ตอบกลับมาเป็นเสียงของยูมะ ...

ไม่หรอก... ที่จริงแล้วภายในกำแพงนั้น เป็นห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นด้วยอำนาจเวทมนต์ของคุณหมอยูยะ และยูมะก็อยู่ข้างใน  ทั้งภายในและภายนอกห้องมีมนต์ป้องกันทุกประเภทที่คอยกันไม่ให้คนนอกเข้ามาได้   ป้องกันไม่ให้คนในออกมา..

และเขา..ก็มาเพื่อทำให้มนตราเหล่านั้นเพิ่มความแข็งแรงเป็นสองเท่า

"ขอโทษนะ..ยูมะ"

"ไม่ใช่ความผิดพี่ซักหน่อย .. น้องเข้าใจดีกว่ามันจำเป็น"

ยูมะหลับตาพิงกำแพงอยู่ในความมืดมิด  ฟังเสียงพี่ชายร่ายมนต์คาถาอยู่ด้านนอก ....  หากจะมีใครผิด ก็ต้องเป็นตัวเขาเองที่เกิดมาเป็นแบบนี้

"แล้วพี่ฮารุล่ะ"

"อยู่ที่ห้องน่ะ น้องไม่ต้องห่วง เขาอยู่ได้"

อยู่ได้ .... แต่จะเหงารึเปล่านะ  ยูมะน่ะ ถึงจะมีพี่ชายคอยอยู่ข้างๆแต่บางครั้งก็ยังรู้สึกเหงา โดยเฉพาะในเวลาแบบนี้ เวลาที่ต้องแยกออกจากโลกภายนอก ขังตัวอยู่ในห้องมืดๆ ต่อให้รู้ว่ามีใครสักคนคอยเป็นห่วงอยู่ข้างนอก ก็ยังรู้สึกเหงาอยู่ดี

"พี่"

"หืมม์"

"ถ้าหากว่าน้องไม่ได้เกิดมา  ทุกอย่างมันจะดีกว่านี้รึเปล่านะ"

"ยูมะ!!!"

"ถ้าไม่มีน้องซักคน พี่ก็ไม่ต้องอยู่กับพี่ฮารุทั้งๆที่ไม่ได้รัก พี่ยูยะก็ไม่ต้องทนอยู่ในเมืองที่แสนเกลียดนี่  จะได้ไม่ต้องมีใครเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องน้องด้วย"

ยูมะได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆผ่านกำแพงมนตราเข้ามา  แม้ว่าพี่ชายทั้งสองจะได้อธิบายเหตุผลที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ให้ฟังแล้ว แต่การที่ได้รู้ว่าตัวเองกลายเป็นภาระให้คนอื่นต้องคอยปกป้องดูแลนั้น   มันช่างเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจทนรับได้จริงๆ

"พี่เสียใจนะที่น้องคิดอย่างนี้  พี่ยูยะก็คงคิดเหมือนกัน เราไม่ได้ปกป้องและดูแลกันเพราะว่าเราเป็นพี่น้องกันหรอกหรือ?"

"แต่พี่ฮารุ-"

"ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ พี่ยอมรับว่าฮารุปกป้องน้องเพื่อแลกกับสิ่งตอบแทนตามคำสาบาน แต่ตอนนี้น่ะฮารุรักและตามใจน้องยิ่งกว่าพี่แท้ๆซะอีกนะ"

"ก็จริง..."

"พี่ยูยะน่ะ ถึงจะเกลียดสังคมเมือง แต่เขาก็ยอมรับว่าถ้าไม่มาอยู่ในที่แบบนี้ ความรู้ความสามารถที่มีก็คงไร้ประโยชน์ คงไม่มีคนไข้คนไหนลำบากลำบนไปหาหมอในป่าลึกหรอกจริงไหม กว่าจะไปถึงมือหมอคงตายพอดี"

ยูยะนิ่งเงียบไป .... ยูมะรู้ว่าพี่ชายไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องของตัวเองเท่าไหร่นัก เพราะไม่ว่าอย่างไร การที่ยูยะมอบร่างกายเป็นสิ่งตอบแทนเพื่อให้น้องปลอดภัยนั้นไม่ใช่เหตุผลที่ใครจะยอมรับได้ แม้แต่ตัวเอง..

"เรื่องระหว่างพี่กับฮารุ ทุกอย่างมันเป็นความผิดที่พี่จะต้องชดใช้ ก็เท่านั้นเอง.."

"แต่พี่ไม่มีความสุข"

"แต่ก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานหรอกนะ น้องอย่าห่วงเลย พี่ไม่เป็นไรหรอก"

ยูมะถอนหายใจเงียบๆอยู่ในความมืด  คำสาบานที่ฮารุมะและยูยะมีต่อกันนั้นไม่อาจลบล้าง  หากใครผิดคำสาบานต้องชดใช้ด้วยชีวิต... สิ่งที่พี่ชายเขาต้องแบกรับนั้นมากเกินไป

"พี่น่ะ ตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ ก็ยังเป็นน้องชายให้พี่ยูยะคอยบ่นคอยดูแลอยู่ดี เพราะงั้นน้องก็เหมือนกันนั่นแหละ"

เหมือนกัน... ต่อจากนี้ไปอีกร้อยปี มันก็จะต้องเป็นแบบนี้ต่อไปงั้นเหรอ

"พวกเราน่ะ ไม่ได้ดูแลน้องเพื่อให้น้องอ่อนแอตลอดไปหรอกนะ น้องจะต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อที่อนาคตข้างหน้า จะได้ปกป้องคนอื่นได้ไงล่ะ"

"ใครจะอยากให้ปีศาจแบบน้องดูแลกันล่ะ"

"ต้องมีสิ ซักวันหนึ่ง.."













เพราะรู้ว่าน้องคงนอนไม่หลับ ยูยะเลยหาเรื่องคุยไปเรื่อย จนกระทั่งล่วงเลยถึงเวลาหนึ่งนาฬิกาของวันใหม่

"พรุ่งนี้พี่ไม่มีงานเหรอ?"

"วันพักน่ะ  สามวัน"

"งานแทบล้นตาราง ละครก็เร่งถ่ายทำ  ยังมีเวลาพักได้ตั้งสามวัน  ถามจริงเถอะ ยาบุไม่สงสัยบ้างหรือไงที่ต้องงดรับงานในช่วงสามวันนี้ของทุกเดือนน่ะ"

"ไม่สงสัยเลยจนนิดเดียว"

เหตุผลแรก เพราะมันเป็นข้อตกลงที่ยูยะและฮารุมะขอไว้ตั้งแต่ต้น  ประการที่สองยูยะแอบร่ายมนต์ใส่ความทรงจำบางอย่างไว้ในสมองของยาบุ เหมือนตั้งโปรแกรมอัตโนมัติไว้ในคอมพิวเตอร์ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีงานตรงกับเวลาช่วงนี้ ยาบุจะปฏิเสธไปหรือไม่ก็เลื่อนเป็นวันอื่นเสีย

คุณหมอยูยะถอดเสื้อกาวน์ เสื้อนอก หูฟัง และรองเท้าทิ้งไว้รายทางก่อนจะล้มลงบนเตียงของยูมะ ปล่อยให้น้องชายคนกลางจัดการเก็บข้าวของของตัวเองให้เข้าที่เรียบร้อยด้วยเวทมนต์

"คนไข้ด่วนเหรอพี่?"

"เรียกว่าคนตายจะเหมาะกว่านะ"

คุณหมอบ่นอู้อี้อยู่กับหมอน

"ผู้ป่วยจิตเวช ทางโรงพยาบาลรับเข้ามาเมื่อวาน ไม่ทันได้รักษาก็ตายซะก่อน ส่วนสาเหตุการตายก็..ถูกสูบเลือดจนหมดตัว"

เป็นไปดังคาด น้องชายขมวดคิ้วด้วยความกังวลทันที ส่วนยูมะถึงไม่เห็นหน้าเขาก็รู้ว่าน้องก็คงกังวลไม่แพ้กัน

"ก็แค่แวมไพร์ธรรมดาน่ะ ก่อนเราจะมาที่นี่ก็มีเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว  ลำบากหน่อยตรงที่จะใส่สาเหตุการตายไว้ในรายงานนี่แหละ"

"เย็นชาไม่สมกับเป็นคุณหมอเลยนะ"

"พวกนั้นดื่มเลือดเป็นอาหารก็เหมือนกับเรากินหมูกินไก่นั่นแหละน่า"

เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะ ยูยะกดรับแล้วพบว่าปลายสายคือผู้ดูแลตึกที่เขากับฮารุมะอยู่

"ครับ ... จะไปเดี๋ยวนี้"

"ไอ้หมาบ้านั่นก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ"

"สงสัยว่าฉันจะลืมร่ายคาถาเก็บเสียงละมั้งพี่ เห็นผู้ดูแลบอกว่าได้ยินเสียงตัวอะไรอาละวาดอยู่ในห้อง ฉันคงต้องไปดูก่อน เดี๋ยวมีใครเปิดห้องเข้าไปแล้วจะตายกันหมด แล้วพี่จะรีบกลับมานะยูมะ"

สิ้นเสียงดีดนิ้ว เด็กหนุ่มร่างสูงก็หายวับไป  คุณหมอยูยะถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ได้ยินเสียงน้องชายคนเล็กบ่นมาจากด้านในกำแพง

"น้องไม่เชื่อหรอกว่าพี่ฮารุจะยอมปล่อยให้พี่ยูยะกลับมา"

"แน่ล่ะ เนื้อเข้าปากหมาไปแล้วมีหรือมันจะคาย จะกินไม่เหลือสิไม่ว่า"












ยูยะทำทีเป็นก้าวลงจากแท็กซี่ จ่ายเงินแล้วถึงจะเดินเข้าในตัวตึกอย่างรีบเร่ง ไม่มีใครสังเกตว่าแท็กซี่ที่แล่นออกไปแล้วนั้นค่อยๆเลือนหายไป เพราะทุกสายตาจ้องมองมาที่ยูยะ

ทั้งผู้ดูแล และคนอื่นๆที่พักอยู่ในชั้นเดียวกันต่างลงมายืนออกันข้างล่างหมด ทุกคนมีสีหน้าขุ่นเคืองและไม่สบายใจ  เด็กหนุ่มรีบเดินตรงไปหาหญิงวัยกลางคนที่รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลตึกทันที แต่อยู่ดีๆกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ก็โผล่เข้ามาตรงหน้า

ส่งดอกกุหลาบมาให้ในเวลานี้น่ะหรือ ยูยะเดินผ่านทั้งช่อดอกไม้และคนส่งอย่างไม่ไยดี แต่คนส่งดอกไม้กลับคว้ามือยูยะเอาไว้ เด็กหนุ่มร่างสูงสะบัดมืออกทันที สายตาเย็นๆแต่เอาเรื่องนั้นทำให้คนส่งดอกไม้หัวหดทันที

"ทาคาคิซัง ได้โปรดรับดอกไม้นี่ไว้ด้วยครับ ไม่อย่างนั้นเจ้านายเล่นงานผมแน่"

ยูยะคว้าช่อกุหลาบนั้นมา แล้วก็โยนมันกลับคืนสู่อ้อมแขนของคนส่ง

"ฝากเอาไปคืนเจ้านายคุณด้วย บอกเขากว่านับจากนี้ไปกรุณาอย่ามายุ่งกับผมอีก"

ทิ้งทั้งคนทั้งดอกไม้ไว้ตรงนั้น แล้วเดินมาหาผู้ดูแลตึกทันที

"เกิดอะไรขึ้นหรือครับ"

"ยังจะมาถาม พวกคุณเอาตัวอะไรมาเลี้ยงกันแน่ มันถึงได้อาละวาดจนคนตกใจกันแบบนี้"

คนตอบกลับเป็นยายแก่จอมสอดรู้ที่อยู่ถัดไปอีกสองห้อง เพิ่งย้ายเข้ามาแต่ก็เลี้ยงหมาแมวไว้เต็มไปหมด เห่าหอนพร้อมกันทีไรก็เดือดร้อนกันไปทั้งตึก  ยูยะแสร้งทำเป็นขมวดคิ้ว

"เราสองคนงานยุ่ง ไม่มีเวลาเอาตัวอะไรมาเลี้ยงอย่างที่คุณว่าหรอกครับ"

"ไม่จริง!!! มันต้องมีสัตว์น่ากลัวอยู่ในห้องนั้นแน่ ไม่อย่างนั้นหมาแมวของฉันจะกลัวจนเห่าหอนอาละวาดจนเดือดร้อนอย่างนี้ทำไม"

ผู้ดูแลเดินเข้ามากระซิบกับยูยะไขความกระจ่าง ว่าคืนนี้หมาแมวที่หล่อนเลี้ยงไว้อยู่ไม่เป็นสุข ทั้งหอน ทั้งร้อง พยายามจะหนีออกจากห้อง  พอผู้ดูแลเข้าไปเตือนหล่อนก็โทษว่ามีบางอย่างทำให้พวกสัตว์กลัว แล้วยังยืนยันให้ค้นดูทุกห้องเพื่อความบริสุทธิ์ใจ

"เหลือแต่ห้องของคุณสองคนนี่แหละค่ะ ดิฉันไปเคาะห้องเรียกฮารุมะคุงก็ไม่ขาน โทรไปที่ห้องก็ไม่มีคนรับ เลยต้องโทรหาทาคาคิคุง ขอโทษด้วยค่ะที่ต้องรบกวน"

"ฮารุไม่สบายน่ะครับ ทานยาแล้วก็หลับไปตั้งแต่เย็นแล้ว"

"ไม่ใช่กำลังพยายามเอาตัวประหลาดไปซ่อนอยู่หรอกนะ"

" เดี๋ยวผมจะขึ้นไปเปิดห้องให้ดูก็แล้วกัน เพื่อความสบายใจของทุกคน"

ยูยะยิ้มน้อยๆให้กับผู้ดูแลและสายตาเชิงขออภัยจากเพื่อนบ้าน เดินผ่านหน้าเชิดๆของหญิงชราตรงไปยังลิฟท์ทันที









ในห้องนั้นเงียบสงัด...และมืด  มีเพียงแสงไฟจากทางเดินที่ลอดผ่านประตูเข้าไป ไม่มีเสียงเห่าด้วยความดีใจต้อนรับเจ้านายของสัตว์เลี้ยงตัวไหนทั้งสิ้น

ยูยะเปิดไฟในห้องให้สว่าง... ปล่อยให้เพื่อนบ้านวัยชราเดินสำรวจภายในห้องจนกว่าจะพอใจ

"แล้วในห้องนอนล่ะ"

เพื่อนบ้านหลายคนแอบจิ๊ปากไม่พอใจในมารยาทอันดีของหญิงชรา

"จะดูก็ได้ครับ แต่กรุณาเงียบเสียงหน่อยก็แล้วกัน เพราะฮารุคงจะหลับอยู่"

"เราคงไม่รบกวนถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แบบนั้นจะเสียมารยาทเกินไป ฮารุมะคุงยิ่งไม่สบายอยู่ด้วย ทางที่ดีคุณกลับห้องไปแล้วหาวิธีให้สตัว์เลี้ยงของคุณอยู่อย่างสงบจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นดิฉันคงต้องเชิญคุณออกไปหาที่อยู่ให้พวกมันใหม่"

ผู้ดูแลตัดบทแล้วหันไปพูดกับคู่กรณี และหลังจากที่หญิงชราเดินกลับห้องตัวเองไปแล้วเธอก็ขอตัวกลับออกไปพร้อมกับคนอื่นๆ









ยูยะก้าวเข้าไปในห้องนอนอย่างระมัดระวัง เด็กหนุ่มรู้ว่าผู้ที่อยู่ในห้องคงจะหงุดหงิดไม่น้อยที่ถูกรบกวนในเวลาอย่างนี้

"ฮารุ!!!"

แวบหนึ่งที่ร่างกายถูกกระชากเหวี่ยงลงไปบนเตียงกว้าง ครู่หนึ่งที่มองเห็นดวงตาสีทองสะท้อนอยู่ในความมืด ยูยะก็ยังไม่ตกใจเท่ากับความจริงที่ว่า เมื่อกี๊เขาได้ถือดอกกุหลาบช่อใหญ่และคนส่งนั่นก็แตะต้องตัวเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

เจ้าของปลายจมูกโด่งที่กำลังกดลงบนข้อมือของยูยะนั้นต้องรับรู้ได้แน่!!!!

เสียงคำรามปานฟ้าผ่ากำลังบอกเขาอย่างนั้น

"ฮารุ!! เดี๋ยว-ฟังก่อน!!!"

เสื้อผ้าถูกฉีกกระชากออกจากตัวอย่างไร้ความปราณี ยิ่งปัดป้องกลับเหมือนยั่วยุให้อีกฝ่ายยิ่งโกรธมากขึ้น ข้อมือสองข้างถูกบีบด้วยแรงมหาศาลจนเจ็บร้าวไปถึงกระดูก   เขี้ยวคมๆกดงับไปทั่วร่างจนแสบร้อน มือหนาขย้ำบีบไปทุกตารางนิ้ว

ยูยะหลุดเสียงกรีดร้องเมื่อร่างกายถูกล่วงล้ำโดยไม่มีการเตรียมพร้อมใดๆ หมดแรงดิ้นรน ได้แต่หลับตาอดทนจังหวะที่โถมเข้ามารุนแรง รอคอยจนกว่าอีกฝ่ายจะพอใจ

"อื้อ!!!"

ยูยะกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้องเมื่อยามที่อีกฝ่ายถอนกายออกอย่างรุนแรง เขาหายใจหอบหนัก ร่างกายระบมช้ำจนขยับไม่ไหว แม้แต่จะลืมตายังทำได้ยากเย็น

ฮารุ....

ในความมืดสลัว .. ยูยะมองเห็นเพียงดวงตาที่เคยเป็นสีเข้มในยามปกติ แปรเปลี่ยนเป็นสีทอง เสียงคำรามดังก้องสั่นไหวไปทั้งร่าง ร่างของฮารุมะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปช้าๆ จมูกและใบหน้ายืดยาวออก  ใบหูชี้แหลม เขี้ยวและเล็บยาวคมกริบ ยูยะได้ยินเสียงเหมือนผิวเนื้อปริแตกเพราะกล้ามเนื้อของฮารุมะกำลังขยายออก และถึงจะมองไม่เห็นยูยะก็รู้ว่าตอนนี้ ฮารุมะคงไม่เหมือนเดิมแล้ว

"โอ๊ย!!!"

ร่างของยูยะถูกกระชากเข้าสู่อ้อมแขนแกร่งที่ปกคลุมด้วยขนหนา ไม่ใช่แค่ที่แขนเท่านั้น อก แผ่นหลังและขาของฮารุมะก็เช่นกัน  เสียงคำรามดุๆในลำคอเตือนให้รู้ว่าเขาไม่ควรจะขัดขืน จึงเพียงขยับตัวให้อยู่ในท่าที่สบายขึ้น ซบหน้าลงกับแผงอก ผ่อนลมหายใจช้าๆบังคับให้ตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราเพื่อลืมความเจ็บปวดในร่างกายนี้เสียให้สิ้น










"แกกัดน้องฉันอีกแล้วเรอะไอ้หมาบ้า!!!"

เสียงของพี่ชายคนโตของบ้านแผดดังสะท้อนไปทั้งห้อง จนฮารุมะต้องรีบท้วงกลัวว่าคนที่กำลังนอนอยู่จะตื่น วันนี้เป็นวันที่สามที่ได้พัก และฮารุมะก็คืนร่างกลับเป็นมนุษย์เหมือนเดิมแล้ว

ร่างสะท้อนของคุณหมอยูยะที่ส่งมาจากห้องทำงานที่โรงพยาบาลนั้นทำท่าอยากจะสาปฮารุมะให้หายไปจากโลกนี้

"นี่มันกี่ครั้งแล้วที่น้องฉันต้องเจ็บตัว ยามีทำไมไม่กิน"

ยาที่ช่วยระงับความดุร้ายเมื่อกลายร่าง ที่สองพี่น้องจะปรุงมันขึ้นมาเพื่อให้เขาดื่มโดยเฉพาะ แต่ระยะหลังๆนี่มันกลับไม่ได้ผล เมื่อคืนเขาดื่มมันลงไปจนหมดขวดแต่ก็ไม่อาจทำให้เขาระงับอารมณ์กราดเกรี้ยวได้เลย

"หึ ไม่นึกว่ามนุษย์หมาป่าก็ดื้อยาเป็นเหมือนกัน งั้นก็เอานี่ไป"

ขวดคริสตัลบรรจุน้ำยาสีม่วงอ่อนถูกส่งมาจากห้องทำงานของคุณหมอยูยะ มาวางอยู่บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา ฮารุมะมองสิ่งนั้นอย่างแปลกใจ

"ยาสูตรใหม่รึไง"

"เปล่า นั่นยาพิษ ในเมื่อยาขนานแรงที่สุดยังไม่ได้ผล ก็ต้องใช้ไม้นี้แหละ"

"คิดจะฆ่ากันหรือไง?"

"ถ้าคิดจะทำคงทำไปนานแล้ว ยานี่น่ะแรงมากสำหรับมนุษย์ แค่ถ้วยเดียวก็ทำให้ตายได้ แต่สำหรับหมาบ้าก็คงทำได้แค่ทำให้หมดแรงเท่านั้นละ แล้วนี่"

ขวดยาหลากสีในขวดคริสตัลอีกหลายขวดก็ปรากฏบนโต๊ะ ฮารุมะรู้จักมันดี สีแดงนั่นแก้ฟกช้ำ สีฟ้าแก้ปวด สีเหลืองรักษาแผล

"ทางที่ดี ฉันว่านายควรจะหัดจัดการกับอารมณ์ของตัวเองมากกว่าที่จะพึ่งยา ทั้งความหื่นและความโหดนั่นแหละ บอกตรงๆว่าฉันยอมให้น้องเจ็บมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว แล้วถ้ายูมะรู้ น้องคงจะยอมตายซะดีกว่าที่จะเป็นต้นเหตุให้ยูยะต้องทรมาน"

แล้วร่างเงาของคุณหมอยูยะก็หายวับไป

ฮารุมะถอนใจหนัก หยิบขวดยาทั้งหมดกลับเข้าไปในห้องนอน ยูยะยังคงหลับสนิทเพราะร่างกายที่บอบช้ำและความอ่อนเพลีย ฮารุมะกอดร่างนั้นไว้สองวันเต็มๆ ยูยะเอาแต่หลับไม่ได้กินข้าวหรือน้ำแม้แต่หยดเดียว

ห้ามใจงั้นหรือ... เมื่ออยู่กับยูยะ มันช่างทำได้ยากยิ่ง เขาไม่เชื่อว่าใครคนไหนจะอดใจไหวถ้าได้สัมผัสใกล้ชิดอย่างที่เขาเป็น เพราะรู้  เขาจึงหวงแหนยูยะจนแทบเป็นบ้าอย่างนี้ไงล่ะ

ฮารุมะหยิบขวดน้ำยาสีฟ้าขึ้นมา เทมันลงไปในถ้วย มืออีกข้างช้อนร่างที่หลับอยู่ให้อยู่ในท่านั่ง แต่คนกินยายากอย่างยูยะ แม้จะหลับก็ยังเบือนหน้าหนี ฮารุมะจึงต้องป้อนยาด้วยริมฝีปากของเขาเอง

ทันทีที่ริมฝีปากสัมผัสกัน รสขมจัดของยาก็หวานหอม ยูยะกลืนลงไปแล้วอย่างง่ายดายแต่กว่าที่ฮารุมะจักหักห้ามใจตัวเองถอนริมฝีปากได้นั้นกินเวลาเกือบนาที เขาดึงร่างนั้นมาซบไหล่ หยิบขวดยาสีแดงมาเทลงบนมือ ค่อยลูบไปตามเนื้อตัวคนป่วยแผ่วเบา ฤทธิ์ยาที่ทำให้รู้สึกสบายตัวทำให้ยูยะเบียดร่างเปล่าเปลือยเข้าแนบชิดยิ่งขึ้น ฮารุมะกัดฟันอดทนกับอารมณ์ที่กำลังพวยพุ่งเหมือนเปลวไฟ หลับหูหลับตาทายาให้มันเสร็จๆไปซะ ก่อนที่คนป่วยจะไม่ได้หายป่วย

หากต้องอยู่ใกล้กันแล้วต้องห้ามใจอย่างนี้  ... อีกไม่นานฮารุมะคงเป็นมนุษย์หมาป่าตนแรก ที่ต้องตายเพราะหัวใจวาย..




To Be con

3 comments:

  1. ยังไม่อ่าน ขอโฮกรูปประกอบฟิคแรงๆก่อน
    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    ReplyDelete
  2. เฮือก!!!! ฮารุโหดอ่า T[]T

    แต่โหดแล้วหล่อ ยอมค่ะ >//<

    อ๊ากกกกกกกกกก ชอบบบบบบ

    ReplyDelete
  3. ฮารุอย่างหื่นอ่าาา ก็เข้าใจนะว่า หมาป่าชอบกินเนื้อ
    เอ็นดูยูยะ ห้าห้าห้า
    รอตอนต่อไปน้าาาาา

    ReplyDelete