Thursday 31 May 2012

[Fiction] Once Upon a time...Six



Title -:- Once Upon a time...Six

Writer -:- Nalikakeaw

Rate -:- Not Sure

Pairing -:- HaruYuya



 ในฟิคเรื่องนี้มีตัวละครชื่อยูยะสองคนนะคะ  ถ้าใครงง ให้ย้อนกลับไปอ่านตอนก่อนหน้านั้น เพราะว่ามันมีที่มาที่ไปค่ะ



















ท้อแท้  .... ความสิ้นหวัง ....  ความเกลียดชัง ..... ความโลภหลง  ความรู้สึกอันรุนแรงของมนุษย์  ล้วนดึงดูดให้ปีศาจเข้าหา  พวกมันล่อลวง ช่วงชิง  ชักนำจิตใจที่กำลังตกอยู่ในวังวนของความอ่อนแออันชั่วร้าย ให้ทำในสิ่งที่พวกมันต้องการ ฉ้อโกง ทำลาย เข่นฆ่า ชักจูงให้มอบสิ่งสำคัญล้ำค่าแก่มัน



ชีวิต...และวิญญาณ



ทีละน้อย... มนุษย์ไม่เคยรู้ตัวว่าทุกครั้งที่ตนได้ทำชั่ว วิญญาณของตนได้ถูกมอบให้แก่ปีศาจ และเมื่อใดที่หัวใจได้ตกเป็นทาสของมันโดยสมบูรณ์...



ชีวิตและวิญญาณของตนจะถูกกักขังอยู่ในห้วงเหวแห่งไฟมรณะ  ถูกเผาไหม้ ทุกข์ทรมานเจียนตายไปชั่วนิรันดร์



วงล้อแห่งความชั่วร้ายยังคงหมุนไป..



"เขา" ผู้เฝ้าดูนั้นมองสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องธรรมดาที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป  สำหรับเขา "มนุษย์"  ไม่ใช่เหยื่อ  แต่เป็น"ผู้ให้"  ที่ทำให้ร่างกายต้องสาปนี้อยู่รอด



และเขาก็มี"กฏ" ของตนเอง



ไม่ช่วงชิงชีวิต...จากผู้ที่ต้องการมีชีวิต



บัดนี้... ในคืนพระจันทร์เต็มดวง  เขาสัมผัสได้ถึงความทุกข์ตรม สิ้นหวัง ของใครสักคนที่อยากทิ้งชีวิตตน ทอดกายหลับไหลไปชั่วนิรันดร์  มันล่องลอย ปะปนอยู่กับความทอดอาลัยในชีวิตของผู้ป่วยนับร้อยในอาคารสีขาวแห่งนี้ หากแต่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจ ไม่ใช่เพียงแต่ความรู้สึกทุกข์ทนที่ว่า แต่เป็น "พลัง" ที่แฝงเร้นอยู่กับมัน



พลังปีศาจ...ที่ทั้งเหมือนและแตกต่างจากพลังของเขา ราวกับว่าในตัวตนของปีศาจผู้นั้น มีพลังที่ขัดแย้งและต่อต้านกันเอง เหมือนเปลวไฟและสายน้ำ  เขาไม่เคยพบกับปีศาจที่มีพลังเช่นนี้มาก่อนเลย



แต่เขากลับไม่สามารถบอกได้ว่าพลังนั้นมาจากที่ใด ผู้ใดก็ตามที่เป็นเจ้าของพลังนั้นถูกบดบังไปจากเขาด้วยเวทมนตร์ของพ่อมดที่จัดได้ว่าแข็งแกร่งหาได้ยาก



เหตุใดพ่อมดจึงปกป้องปีศาจเขาไม่อาจรู้ 



สิ่งที่รู้มีเพียงว่า..หากเขายังไม่พบที่มาของพลังนั้นภายในสามวันนี้  ก็จะต้องรอให้ถึงคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไป  เพราะเมื่อพ้นสามวันนี้  พลังปีศาจจะจางหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






"ปีศาจชั้นต่ำ"



สามวันหลังจากนั้น...ฮารุมะคืนร่างกลับเป็นมนุษย์  สิ่งแรกที่ทำคือกอดยูยะให้สมกับแรงปรารถนา  หลังจากที่โถมกายใส่ร่างในอ้อมแขนจนพอใจแล้ว เขาจึงรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่ปะปนอยู่กับกลิ่นเหงื่อและกลิ่นกายของยูยะ  กลิ่นอายของปีศาจนั้นไม่เหมือนกลิ่นทั่วไป มันไม่ลบเลือนไปง่ายๆจนกว่าจะถูกลบล้างจากปีศาจที่มีพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่า



"ถูกทำร้ายตอนเลิกกองน่ะ"



ยูยะเหนื่อยจนแทบจะไม่มีแรงอธิบาย ได้แต่นอนนิ่งๆให้อีกฝ่ายประทับริมฝีปากลงตรงต้นแขนที่พี่ชายได้รักษาแผลให้จนหายสนิท  เสียงคำรามต่ำๆของฮารุมะบ่งบอกถึงชะตาชีวิตของปีศาจตนนั้นว่าถึงฆาตอย่างแน่นอน  ยูยะพยายามฝืนเปลือกตาหนักอึ้งไม่ให้หลับ เพราะยังมีเรื่องที่อยากจะรู้



"นายเปิดเผยตัวเองทำไม?"



ปลายจมูกโด่งที่กำลังรุกรานซอกคอของยูยะชะงัก มนุษย์หมาป่าเงยหน้าขึ้นสบตาคนในอ้อมแขนด้วยความแปลกใจ



"นายพูดถึงเรื่องอะไร?"



"ยูมะบอกว่าที่เจ้าปีศาจนั่นหนีไป เป็นเพราะมันสัมผัสได้ถึงพลังของนายที่ติดอยู่บนตัวฉัน นายทำแบบนั้นทำไม?"



"ก็ไม่ทำไม"



"เดี๋ยวฮารุ นายต้องตอบฉันมาก่อน"



ยูยะรั้งร่างหนาที่หลบเลี่ยงการตอบคำถามด้วยการลุกจากเตียง หากเป็นเรื่องอื่นที่ฮารุมะทำ ยูยะจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง  ไม่แม้แต่จะถาม  แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับความปลอดภัยของยูมะ  ซึ่งเขายอมไม่ได้



"นายก็รู้ว่าเพราะอะไรเราต้องมาอยู่ในเมืองนี่ ถ้าหากว่าเจ้าพวกนั้นตามรอยมาจนเจอน้องล่ะ ฮารุ!-"



คำพูดที่เหลือถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวรุนแรง  ยูยะดิ้นรนออกจากอ้อมแขนแกร่งที่กำลังจะทำให้ร่างของเขาหลอมละลายขึ้นมาอีกครั้ง แต่ฝ่ามือร้อนที่ลากไล้ไปตามแผ่นหลังกับปลายลิ้นอุ่นชื้นที่แตะริมฝีปาก ก็ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้.....



ไฟปรารถนาดับลงเมื่อใกล้รุ่ง  ยูยะหลับไปแล้ว แต่อีกคน..ยังคงพรมจูบไปบนแผ่นหลังชื้นเหงื่อของยูยะ  ด้วยอารมณ์แบบที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ 



..เขาหวงยูยะ  ตั้งแต่แรกพบจนกระทั่งได้ครอบครอง ความรู้สึกหลงใหลหวงแหนนั้นไม่เคยลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกวันจนบางครั้งไม่อาจระงับได้ ที่เขาทำให้กลิ่นอายปีศาจติดตัวยูยะ ก็เพราะว่าเขารู้ว่ารอบตัวของยูยะ มีพวกชั้นต่ำที่มุ่งหมายอยากได้ร่างกายนี้มากเพียงใด แต่ฮารุมะไม่ได้นึกถึงผลร้ายที่จะตามมา



มนุษย์หมาป่าถอนหายใจ...ดวงตาคมมองสำรวจร่างในอ้อมแขน ร่างกายนี้เขารู้จักดี หากมีสิ่งใดที่ผิดแปลกไปแม้เท่ารอยเข็ม เขาย่อมรู้...



ทำไมถึงปล่อยให้คนพวกนั้นรังแกนายได้ล่ะ...ยูยะ...




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






วันแรกที่ฮารุมะกลับมาทำงาน ทุกคนในกองถ่ายรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย กับพฤติกรรมตามติดยูยะทุกฝีก้าวของนักแสดงหนุ่ม



ฮารุมะดูแลยูยะทุกอย่าง เสื้อผ้าที่สวมเข้าฉากฮารุมะต้องสำรวจทุกฝีตะเข็บก่อนที่ยูยะจะใส่ รองเท้าก็แทบจะดึงพื้นออกมาสำรวจก่อนจะได้สวม สำรวจรอบฉากก่อนที่ยูยะจะแสดง หรือกระทั่งอาหารฮารุมะต้องชิมก่อนที่ยูยะจะได้กิน



"มาเป็นผู้จัดการแทนฉันเลยมั๊ยล่ะไหนๆก็ดูแลซะขนาดนี้แล้ว"



ยาบุถามอย่างเอือมระอาระหว่างที่ฮารุมะพยายามรื้อพื้นรองเท้าของยูยะออกมาสำรวจ



"ก็ดีว่ะ รับรองว่าฉันดูแลยูยะได้ดีกว่านายร้อยเท่า"



"ฉันดูแลยยูยะไม่ดีตรงไหน?"



ยาบุชักของขึ้น ว่าประชดมันแทนที่จะสำนึก กลับมาว่าเขาซะอีก



"แผลที่ปาก รอยบาดที่คอกับนิ้วมือทั้งสองข้าง รอยถลอกสามรอยที่หลัง รอยช้ำที่เข่ากับเท้า นายบอกฉันมาซิว่าตามตัวของยูยะมีรอยพวกนี้ได้ยังไง. ทั้งที่สามวันที่ผ่านมาไม่มีฉากต่อสู้เลย"



ผู้จัดการคนเก่งตะลึงอ้าปากค้าง นี่ฮารุมะสายตาดีถึงขนาดนี้ทั้งที่บางรอยเล็กกว่าเส้นผมด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ปัญหาคือ เขาจะบอกได้ยังไงว่าทุกแผลที่ยูยะได้มา เกิดจากการกลั่นแกล้งเล็กๆน้อยๆที่เขายังจับตัวคนทำไม่ได้



เสียชื่อจริงๆ



"ที่ปากแตกนั่นไม่ใช่เพราะฮารุมะจูบรุนแรงไปเหรอ?"



มิอุระ โชเฮ พยายามทำตลกกลบเกลื่อนแต่ไปไม่รอดเลยต้องชิ่งหนีสายตาเย็นชาไปตามเสียงเรียกของผู้กำกับ



"ที่ยูยะไม่ค่อยได้หลับได้นอน เป็นเพราะถูกตรวจร่างกายทั้งคืนล่ะสิ"



"ฉันทำตอนที่ยูยะหลับไปแล้ว"



ยาบุละเหี่ยใจแท้ นอกจากจะเป็นหมาบ้าแล้วมันยังหน้าด้านด้วย ฮารุมะไม่สนใจเสียงหัวเราะคิกคักของพนักงานสาวๆ เสียงหัวเราะดังลั่นของนักแสดงร่วมฉาก สนแต่เสียงไอค่อกแค่กของยูยะเท่านั้น



"อะไรในน้ำมีอะไร?"



"น้ำเปล่ามันจะมีอะไรวะ ยูยะแค่สำลักน้ำแค่นั้นแหละ"



ยังไม่รู้ตัวอีกว่าที่ยูยะสำลักมันเป็นเพราะใคร



"บอกฮารุไปเถอะ ถึงนายไม่บอก ฮารุก็รู้อยู่ดี นายก็รู้นี่ยาบุ ว่าฉันโกหกไม่เก่ง"



ยูยะทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้แล้วก็เดินไปเข้าฉาก ยาบุเริ่มเหงื่อแตกกับสายตากับรังสีอำมหิตของฮารุมะ



ให้ตาย! ทำไมเวลาฮารุมะจ้องเขานิ่งๆแบบนี้ น่ากลัวกว่าเวลาโกรธวะ!




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++







กองถ่ายหยุดถ่ายทำตอนเวลาสองนาฬิกาของวันใหม่ โลเคชั่นในการถ่ายทำวันต่อไปคือโรงพยาบาล ทีมงานทั้งหมดต้องช่วยกันขนย้ายอุปกรณ์ใส่รถคอนเทนเนอร์สำหรับขนย้าย ส่วนเสื้อผ้าของนักแสดง ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบในรถตู้ที่จอดไว้ข้างกัน



เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย คนขับรถนั่งประจำที่เตรียมสตาร์ท แต่อยู่ๆก็เกิดรู้สึกง่วงและก็หลับไปซะเฉยๆเหมือนมีใครมาปิดสวิชท์



ร่างเงาของใครบางคนปรากฏตัวขึ้นจากความมืด เง่าร่างของมนุษย์แต่การเคลื่อนไหวก็ดูแปลกพิกล เหมือนคนไม่สมประกอบ และในความมืดมิดนั้นก็มีใครอีกคนคอยจับตามองร่างที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปบนรถตู้อยู่อย่างเงียบเชียบ



จากด้านนอก. มนุษย์หมาป่ามองเห็นร่างมนุษย์ หญิงสาวรูปร่างเล็ก บอบบาง กำลังไล่นิ้วไปตามราวแขวนเสื้อผ้าของนักแสดง และหยุดลงที่เสื้อแขนยาวสีดำสนิท



เสื้อนักเรียนมัธยมปลายที่ยูยะใส่เข้าฉากเป็นประจำ



ไม่ว่าจะมืดสักแค่ไหน มนุษย์หมาป่าอย่างเขาก็สามารถมองเห็นได้.  สิ่งมีชิวิตเล็กๆค่อยๆไต่ไปตามเรียวนิ้วขาวซีดไร้สีเลือด ขาทั้งแปดพาตัวมันเองเคลื่อนเข้าไปในเสื้อ รอเวลา...ที่มันจะฝังเขี้ยวลงบนมือใครสักคนที่พบมันเป็นคนแรก



พิษของมันร้ายทีเดียว



ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมยาบุถึงตามจับไม่ได้ ถึงผู้จัดการของเขาจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ก็คงรับมือกับปีศาจไม่ไหวแน่



ฮารุมะยิ้มหยันอยู่ในความมืด



"วิธีการต่ำชั้นสมกับที่เกิดเป็นปีศาจชั้นต่ำจริงๆ"



มนุษย์หมาป่าเคลื่อนไหวว่องไว ไร้เสียง กว่าที่ปีศาจตนนั้นจะรู้ตัว ฮารุมะก็มายืนดักอยู่ที่ประตูรถเสียแล้ว  ร่างสูงยืนสบายๆในท่าพิงประตูรถ แต่สายตาคมกริบทรงอำนาจนั้นทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหวาดกลัวจับใจ



"ค-คุณ มิอุระซัง"



แม้จะตื่นตกใจอย่างสุดขีด แต่ปีศาจที่มีร่างด้วยการช่วงชิงมา ก้อนเนื้อเท่ากำปั้นตรงอกซ้ายที่ทำให้เลือดสูบฉีดได้จะทำหน้าที่ของมันได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าของร่างที่แท้จริงได้ตายไปแล้ว



"ฉันจะไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลานะ ทำแบบนี้ทำไม?"



"คุณหมายถึงเรื่องอะไรค-"



คำพูดที่เหลือถูกกักไว้ในหลอดลมเพราะลำคอเรียวระหงอย่างมนุษย์ถูกมือหนารวบไว้ แค่ออกแรงมากอีกหน่อย กระดูกของเจ้านี่ก็จะแหลกคามือ



"อย่ามาทำเสแสร้งหน่อยเลย รีบๆพูดมาก่อนที่ฉันจะฉีกร่างที่แกอาศัยออกเป็นชิ้นๆ"



คำขู่เรียบๆนั้นได้ผลชะงัด ปีศาจชั้นต่ำพยักหน้าเร็วๆตอบรับ ก่อนที่ร่างจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระลงไปกองอยู่แทบเท้าฮารุมะ



มนุษย์หมาป่ามองอย่างสมเพช  เจ้านี่เป็นปีศาจชั้นต่ำที่เพิ่งเกิดใหม่ไม่นาน เพราะนอกจากจะสวมบทบาทอย่างมนุษย์ได้ไม่แนบเนียนแล้ว ยังใจเสาะกลัวแม้กระทั่งคำขู่กลวงๆ ทั้งๆที่เขายังไม่ได้แสดงพลังปีศาจด้วยซ้ำ



"บอกมา! ทำไมต้องคิดร้ายกับยูยะ"



"ม-มนุษย์จ้างมา พวกแฟนคลับ"



"ตกต่ำเหลือเกินนะ "



ฮารุมะแค่นยิ้มเยาะ นึกอยากฉีกร่างเจ้านี่ออกเป็นส่วนๆ แล้วโยนให้ปีศาจตนอื่นกินเป็นอาหารนัก เป็นปีศาจแท้ๆแต่กลับไปรับใช้มนุษย์เพียงเพื่อเงิน เสียชาติเกิดแท้ๆ แต่เขาได้คำตอบในสิ่งที่อยากรู้แล้ว และเจ้านี่ก็เป็นปีศาจไร้พิษสง จะทำไปก็เปลืองแรงเปล่า..



"วันนี้ฉันจะไว้ชีวิตแกไปก่อน แต่จำไว้ว่าอย่าได้แตะต้องยูยะหรือแม้แต่เข้าใกล้กองถ่ายอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้แกกลับไปเป็นเศษฝุ่นเหมือนอย่างที่แกเคยเป็น"




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






"ใจดีผิดปกติไปนะ"



คุณหมอยูยะพูดขึ้นเรียบๆ หลังจากที่ฮารุมะนำข่าวมาบอกสามพี่น้องที่โรงพยาบาลในเช้า มนุษย์หมาป่าให้ยูยะมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนที่จะไปตามล่าเจ้าปีศาจนั่น เพราะอย่างน้อยเขาก็ไว้ใจมากกว่าปล่อยให้อยู่คนเดียวที่ห้อง



"ปีศาจอ่อนแอแบบนั้น ถึงฉันไม่ฆ่า อีกไม่นานมันจะถูกปีศาจอื่นฆ่าเองนั่นแหละ"



สายตาคมมองไปที่โต๊ะข้างเตียงคนไข้.  บนโต๊ะนั้น. กุหลาบสีแดงช่อใหญ่ยังคงถูกส่งมาให้ยูยะอย่างสม่ำเสมอ ส่งได้ถูกที่ทุกครั้งไม่ว่ายูยะจะอยู่ที่ไหน



มันน่าหงุดหงิดที่เขาตามรอยไปหาคนที่ส่งมาไม่ได้เลย ใครก็ตามที่เป็นคนส่ง ใช้บริการจากร้านส่งดอกไม้ทั่วๆไปไม่ซ้ำกันสักร้าน ให้ยาบุไปสืบก็ได้คำตอบแค่ว่าคนส่งไม่ได้บอกชื่อ สั่งแค่ว่าให้ส่งให้ถึงมือยูยะก็เท่านั้น



"เดี๋ยวน้องจะเอาดอกไม้นี่ไปเยี่ยมคนไข้ไม่มีญาติที่ชั้นสามเอง"



ยูมะรีบคว้าช่อกุหลาบไว้ก่อนที่มันจะลงไปอยู่ในถังขยะ



"แล้วนายจะทำยังไงกับพวกแฟนคลับที่ใช้ปีศาจนั่นมาล่ะ"



"อยากให้ฆ่ามั๊ยล่ะ?"



ฮารุมะย้อนถามอย่างหงุดหงิด เขายังอารมณ์ไม่ดีเรื่องที่ยูยะปิดบังเขาเรื่องที่ถูกกลั่นแกล้ง



"ยังเด็กอยู่เลยนะ ที่พวกเขาทำไปก็เพราะชอบนายมาก เลยทำอะไรไม่ยั้งคิด"



"ฉันไม่สนใจ!!! ถ้ามันแตะต้องนายอีกเมื่อไหร่ ฉันจะส่งพวกมันลงนรก!!!"



ยูมะหูอื้อเพราะเสียงคำรามอาฆาตของมนุษย์หมาป่า  ถ้าหากว่าพี่ชายทั้งสองไม่ได้เสกคาถาเก็บเสียงไว้ตามกำแพงห้อง ตึกทั้งหลังคงสะเทือนไปแล้ว



"นายทำแบบนั้นไม่ได้นะฮารุ"



"ถ้าไม่อยากให้ทำก็หัดตอบโต้คนพวกนั้นซะบ้างสิยูยะ!!!"



"โอ๊ย!!! พอที!!! "



ยูมะตะโกน ก่อนที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะได้เอ่ยปาก  ตอนนี้หูของยูมะอื้ออึงจนแทบไม่ได้ยินอะไรแล้ว ขนาดว่ายกมือปิดหูไว้ทั้งสองข้าง เสียงของตะเบ็งของฮารุมะยังแทรกเข้ามาได้ มันทำให้ยูมะโกรธขึ้นมาเสียแล้ว



"เลิกทะเลาะกันสักที หนวกหู!!!"



น้องเล็กของบ้านฟาดสายตากราดเกรี้ยวไปทางคนนั้นทีคนนี้ที  พอเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรอีก ก็เดินปึงปังออกไปจากห้องไม่ลืมคว้ากุหลาบสีแดงช่อใหญ่ติดมือไปด้วย



"พี่ว่าที่ฮารุพูดก็ถูกนะยูยะ"



คุณหมอยูยะเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน ยูยะคนน้องหันไปมองพี่ชายอย่างไม่เข้าใจ



"พี่ไม่เคยสอนให้นายใช้เวทย์มนตร์รังแกคนอื่น แต่พี่ก็ไม่เคยสอนให้นายอยู่เฉยเวลาที่ถูกรังแกนะ"



"พี่จะบอกว่าฉันควรทำอย่างที่ฮารุทำเหรอ?"



"ตอบโต้! ยูยะ  เพื่อสั่งสอนไม่ใช่ทำร้าย  ลองคิดดูสิ ถ้านายไม่ทำให้พวกเขาสำนึกว่าสิ่งที่พวกเขาทำมันรุนแรงแค่ไหน ต่อไปพวกเขาอาจทำในสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่า แล้วจุดจบเด็กพวกนั้นจะเป็นยังไงล่ะ"



ยูยะนิ่งคิดตามคำของพี่ชาย  ทั้งห้องเงียบไปจนกระทั่งฮารุมะเดินออกจากห้องไปอีกคน  แต่ก่อนที่ประตูห้องจะปิดลงมนุษย์หมาป่าก็หันกลับมา พูดกับยูยะประโยคหนึ่ง 



"ฉันไม่สนใจเหตุผลบ้าบอของพวกนาย แต่จำไว้นะยูยะ ถ้านายยังยอมให้คนพวกนั้นรังแกนายได้ ฉันก็จะปกป้องนายด้วยวิธีการของฉันเอง"





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++







"ฉันก็จะปกป้องนายด้วยวิธีการของฉันเอง"



ทำไมคำพูดนี้ถึงได้วนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลากันนะ ตั้งแต่ไอ้หมาบ้านั่นพูดออกมา เขาก็ลืมมันไม่ได้เลย



เหมือนมีบางอย่างคาใจอยู่อย่างนั้นแหละ



"โอ๊ย!!! คิดไม่ออก"



"พี่เป็นอะไรน่ะ?"



ยูมะทำตาโตใส่พี่ชายตัวเองที่ขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเป็นรังนก  นางพยาบาลที่เดินผ่านไปมาก็มองด้วยความตกใจ  เป็นที่รู้ๆกันว่าคุณหมอยูยะน่ะ ให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองไม่น้อย เพราะต่อให้ต้องรักษาคนไข้สามวันสามคืนติดต่อกัน  ทรงผมของคุณหมอก็ไม่กระดิกจากเดิมเลยจนนิดเดียว



แล้วนี่อะไร? นอกจากจะทำให้หัวตัวเองยุ่งเหยิงแล้ว ยังไม่สนใจจะทำให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกต่างหาก



"พี่มีเรื่องให้คิดน่ะ  น้องหายโกรธแล้วเหรอ?"



ยูมะอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า  วางสองแขนทาบลงบนราวระเบียงชั้นสองของโรงพยาบาล ข้างล่าง..ทีมงานกำลังเตรียมตัวเพื่อถ่ายฉากต่อไป



"มนุษย์หมาป่าก็ขี้โมโหแบบนี้แหละ"



คุณหมอพยักหน้าว่าเข้าใจ เขาไม่เคยถือโทษน้องเพราะเข้าใจดีว่ามนุษย์หมาป่านั้นเป็นปีศาจเจ้าอารมณ์และมีความดุร้ายในนิสัย  แต่ในกรณีของฮารุมะ  เขาไม่เข้าใจว่ามันจะหวงอะไรกันหนักหนา หวง..แบบที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นเป็นบ้า



"เพราะว่า..สำหรับพี่ฮารุ  พี่ยูยะมีคนเดียวในโลกมั้ง"



"น้องหมายความว่าไง?"



ยูมะขมวดคิ้วใส่พี่ชาย  เขาเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน เวลาที่ฮารุมะแสดงออกถึงความหวงแหนที่มีต่อพี่ชายคนรองของบ้าน  แต่บางอย่างที่แฝงเร้นอยู่ในการกระทำนั้น...เขารู้สึกได้ 



"พี่เคยเห็นพี่ฮารุมีคนอื่นนอกจากพี่ยูยะไหม?"



"ตอนอยู่ในป่าคงหาคนนอนด้วยไม่ได้หรอกมั้ง  แต่นี่เราอยู่ในเมือง  แถมเจ้านั่นยังเป็นนักแสดงหนุ่มหล่อที่เพิ่งได้ตำแหน่งหนุ่มเจ้าเสน่ห์แห่งปีด้วย จะหาใครมานอนด้วยตอนที่ยูยะไม่อยู่ก็คงไม่ยากหรอกมั้ง"



"ไม่มีเลยต่างหาก"



ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว  ยูมะมีประสาทสัมผัสดีเยี่ยมอย่างเดียวกับฮารุมะ   ทุกครั้งที่เจอกัน  ยูมะจะรับรู้ได้จากกลิ่นที่ติดตัวมาด้วย ว่าฮารุมะไปพบใครบ้าง กลิ่นที่เข้มข้นหรือเจือจางทำให้รู้ว่าพวกเขาสนิทสนมหรือมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมากแค่ไหน



"เหมือนที่พี่ยูยะมีแต่กลิ่นพี่ฮารุติดตัว  พี่ฮารุก็มีแต่กลิ่นของพี่ยูยะคนเดียวเหมือนกัน  บางทีนะ..กลิ่นปนกันจนน้องคิดว่าเป็นคนคนเดียวกันด้วยซ้ำ"



"ไอ้หมาหื่นนั่นน่ะเหรอ? ไม่น่าเชื่อ"



คุณหมออุทานเสียงเบา  แต่ก็ดังกว่าตอนที่กระซิบคุยกันก่อนหน้านี้  ทำให้คนที่ถูกนินทาเงยหน้าขึ้นมามองจากชั้นหนึ่ง  ยูมะเลยต้องทำเป็นโบกมือทักทายกลบเกลื่อน  หวังว่าเสียงพูดคุยของเหล่าแฟนคลับที่มาคอยให้กำลังใจจะทำให้ฮารุมะไม่ได้ยินเรื่องที่คุยกันเมื่อกี๊



"ฮารุมะคุงงงงงงงงงงงงงงง"



นางพยาบาลคนหนึ่งพุ่งเข้าหาฮารุมะ  เร็วพอๆกับแรดเวลาที่วิ่งเข้าชาร์จศัตรู  แต่ดูเหมือนเธอคนนี้จะมีทักษะอื่นนอกเหรือจากนั้นด้วย เพราะแค่วินาทีเดียวเธอก็เกาะแขนนักแสดงหนุ่มเอาไว้แน่น ทำเป็นพูดคุยสนิทสนมทั้งๆที่ฮารุมะยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน  หรือว่าเคยเจอกันเมื่อไหร่



"ยายนี่อีกแล้ว"



คุณหมอยูยะถอนหายใจเฮือก.. หน้าทนจริงๆยายคนนี้  คราวก่อนที่ถูกเขาสั่งสอนด้วยวาจาและสายตา ไม่ทำให้เข็ดสินะ



ชายเสื้อกาวน์สีขาวสะบัดเบาๆเมื่อร่างบางก้าวเดินจากตรงนั้น เดินไปทางระเบียงอีกฝั่งหนึ่งเพื่อลงบันไดไปชั้นล่าง  ตามหลังน้องชายคนเล็กที่เดินนำไปก่อนแล้ว



บรรยากาศตรงโถงกว้างด้านหน้าเคาท์เตอร์ให้บริการข้อมูลที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้เป็นที่นั่งพักสำหรับผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยเงียบสนิท  ทีมงาน และนักแสดง แฟนคลับ รวมถึงทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตะลึงจนพูดไม่ออก  เสียงซุบซิบจากกลุ่มของผู้ป่วยและญาติๆเรื่องพฤติกรรมไม่เหมาะสมของพยาบาลสาวคนนี้ดังขึ้นทุกที   แต่แล้วสายตาของทุกคนก็เลื่อนไปจับจ้องคนที่ดูเหมือนจะไม่รับรู้อะไรนอกจากการตั้งอกตั้งใจเซ็นลายเซ็นลงบนกระดาษสี  จนกระทั่งแฟนคลับที่ยืนอยู่ใกล้ๆกระซิบบอก



พยาบาลสาวเกาะแขนฮารุมะไว้แน่น  เบียดหน้าอกอวบๆชิดกับแขนของฮารุมะยิ่งกว่าเดิม เชิดหน้าส่งสายตามองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของนักแสดงหนุ่มอย่างท้าทาย



บางคนในที่นั้นกลั้นหายใจ...



แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น... พยาบาลสาวแทบกรี๊ดเมื่อยูยะไม่ได้มองเธอเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีอำพันคู่นั้นมองผ่านเธอไปราวกับว่าเป็นอากาศที่ว่างเปล่า  ไปหยุดที่นักแสดงหนุ่มที่หล่อนเกาะแขนอยู่ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มจะยกยิ้มน้อยๆ



"ฮารุ มานี่หน่อยสิ"



เสียงเรียกเรียบๆ พร้อมกับรอยยิ้มทำให้มนุษย์หมาป่ากลายเป็นหมาบ้านทันที  คุณหมอยูยะเกือบลื่นไถลตกบันได เพราะนึกว่าตัวเองตาฝาดที่มองเห็นฮารุมะกลายร่างเป็นพูเดิ้ลกระดิกหางดิ๊กๆวิ่งไปหาเจ้าของ  ยูมะที่กำลังลงบันไดไปครึ่งทางก็กระพริบตาปริบๆเพราะคิดอย่างเดียวกัน



ทุกคนมองภาพคู่รักที่กำลังคุยกันระหว่างที่แจกลายเซ็นให้แฟนคลับจนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นไปเลย  นักข่าวที่เก็บภาพฮารุมะกับพยาบาลสาวคนนั้น ก็หันไปกดชัตเตอร์รูปคู่ของทั้งสองคนจนแทบล้นเมมโมรี



"พี่ฮารุ!!!!!"



ส่งเสียงใสๆมาไม่พอ ยูมะยังกระโดดกอดคอพี่เลี้ยงซะจนอีกฝ่ายเซไปชนกับแฟนคลับ  แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไรเพราะมัวแต่มองรอยยิ้มร่าเริงของผู้มาใหม่   ทุกคนรู้ว่ายูยะมีน้องชาย แต่ไม่มีใครเคยเจอตัวจริงเพราะเจ้าตัวไม่ค่อยพูดถึงนัก



"พักเที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน พี่ยูยะ-"



ยูมะเบี่ยงตัวหนีมือพี่ชายที่ยื่นมาหา เพราะรู้ว่าจะต้องโดนเขกหัวแน่ๆ ฮารุมะเองก็เบี่ยงตัวหนีเพื่อให้น้องอยู่ห่างมือของยูยะเช่นกัน



"พี่ทำงานอยู่นะ น้องวิ่งเข้ามาทำไมกัน รบกวนทีมงานคนอื่นนะ"



"ก็ทีคุณพยาบาลคนนั้นยังวิ่งเข้ามาได้เลยนี่"



ประโยคนี้เองที่ทำให้ทุกคนนึกขึ้นได้ว่ายังมีวัตถุหนึ่งที่ไม่มีใครสนใจถูกวางอยู่ตรงนั้น  แต่วินาทีต่อมาก็ไม่มีใครสนใจมันอีก เพราะมีมือยาวๆของใครอีกคนหนึ่งยื่นเข้ามาเขกหัวยูมะดังโป๊ก



"เฮ้ย!! ตีน้องทำไม"



คนโวยวายกลับไม่ใช่ยูมะ  แต่เป็นฮารุมะที่ขึ้นเสียงใส่คุณหมอแทน อีกฝ่ายก็ตะเบ็งเสียงสู้แบบไม่ยอมแพ้



"ยูยะพูดถูกแล้ว เวลางานก็ต้องทำงาน ฉันไม่อยากให้ใครมาว่ายูมะได้ว่าไม่มีกาละเทศะ นายน่ะ หัดหาเรื่องดีๆมาสอนน้องซะบ้าง "



"แล้วฉันเคยสอนอะไรไม่ดีให้น้อง? ห๊ะ!!!"



ยูมะมองพี่ชายกับพี่เลี้ยงแง่งๆใส่กันอย่างอ่อนใจ หนวกหูมากๆเข้าก็กระโดดลงจากหลังของฮารุมะแล้วไปอ้อนพี่ชายคนรองแทน ยูยะขยี้ผมน้องชายเล่น ยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู



และแค่นั้นก็ทำให้เหล่าแฟนคลับกรี๊ดสนั่นจนสะเทือนไปทั้งโรงพยาบาล



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






เด็กหนุ่มผมทองเท้าแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะกระจก  ก้มลงมองภาพถ่าย "ครอบครัวแสนสุข"  ตามที่ทุกคนเรียกกัน  น่าเบื่อจริงๆ  พวกสื่อไม่ว่าหน้าไหนก็เหมือนกันหมด  พอมีอะไรที่เด่นดังขึ้นมาหน่อย ก็พากันประโคมข่าวซ้ำๆจนคนดูเอียน แล้วค่อยไปหาข่าวอื่นมาเล่น



แล้วตอนนี้ภาพครอบครัวของนักแสดงหน้าสวยที่ชื่อทาคาคิ ยูยะ   ก็ออกมาเต็มทุกหน้าสื่อ ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์  นิตยสาร  จนเขาเบื่อจะเห็นแล้ว



"นายก็เล่นข่าวที่ว่าพี่ชายของยูยะ กับฮารุมะไม่ถูกกันสิ"



บุคคลที่ฮิคารุเรียกว่าลูกพี่อยู่เสมอแนะนำ  แต่คนฟังกลับปฏิเสธ บอกว่าข่าวนี้นิตยสารซุบซิบดาราเล่มหนึ่งเคยลงไปแล้ว แต่ถูกคนอ่านด่ากลับมาจมหู ที่ดันไปร้าวฉานครอบครัวคนอื่น



"ข่าวอะไรดีพี่ " ฮิคารุยิ้มเจ้าเล่ห์  "ข่าวว่าไอดอลชื่อดัง   ยามาชิตะ โทโมฮิสะ บุคคลลึกลับที่คอยส่งกุหลาบให้ยูยะดีมั๊ยล่ะ?"



เด็กหนุ่มก้มหลบนิตยสารเล่มหนาที่ถูกปามาได้อย่างรวดเร็ว  พร้อมกับคำสบถเล็กๆที่เขาคุ้นชิน  ใครจะรู้ว่า นักแสดงหนุ่มที่ได้ชื่อว่าสุภาพและอ่อนโยนอย่าง ยามาชิตะ โทโมฮิสะ  ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขานี่  จะมีแง่มุมที่ร้ายกาจอย่างที่คนอื่นไม่เคยได้รู้



และจะไม่มีใครได้รู้  ว่าคนคนนี้แหละที่คอยหาข่าวเด็ดๆ ฉาวๆ ของคนในวงการมาให้ฮิคารุไปตามเก็บภาพเอามาขายได้ราคางามๆทุกครั้ง



"ลองทำดูสิ ฉันเล่นงานแกตายแน่!"



"โอ๊ย! ใครจะกล้า  ทุกวันนี้ก็โดนตามเล่นงานจนหนีหัวซุกหัวซุนแล้วพี่"



"ใครตาม? ยาบุ โคตะ คนนั้นเหรอ?"



ฮิคารุพยักหน้าหงึกๆ ด้วยสีหน้ากลุ้มใจเต็มแก่ แต่โทโมฮิสะกลับระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น  ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าคนที่รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง  เรื่องใหญ่แค่ไหนก็เอาตัวรอดมาได้ตลอดจะกลุ้มใจเพราะกำลังถูกไล่ต้อนจนเกือบจะจนมุมอยู่รอมร่อ



"มีอะไรน่าหัวเราะวะลูกพี่  คนกำลังกลุ้ม "



"หน้าตานายตอนกลุ้มนี่มันฮาสุดๆไปเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ เคยเตือนแล้วนี่หว่าว่าอย่าไปลองดีกับเจ้านั่น แล้วไง เจออะไรมาบ้างวะ"



"กัดไม่ปล่อย"



นิยามคำเดียวที่เหมาะกับหมอนั่น  ไม่น่าไปดูถูกมันเลยให้ตายเถอะ  ตั้งแต่ยึดอาชีพปาปารัสซี  เด็กหนุ่มไม่เคยเจอใครที่ไล่ตามเขาเหมือนหมาล่าเหยื่อแบบนี้มาก่อน



ยาบุ โคตะ  เป็นปีศาจแยกร่างได้หรือไง ถึงได้คอยตามเขาไปได้ทุกที่



ตอนแรกเขาก็ไม่รู้  แค่รู้สึกเหมือนมีใครคอยมองอยู่ แต่พอหันกลับไปทีไรก็จะได้เห็นแผ่นหลังของใครคนหนึ่งหลบวูบออกไปจากสายตาเหมือนไม่อยากถูกพบ  เป็นแบบนี้บ่อยๆจนเขานึกออกว่าผู้ที่เป็นเจ้าของแผ่นหลังนั้นคือใคร



ขับรถไปไหน ก็มีคนขับตาม ต่อให้เขาไม่ใส่ใจ  แต่เห็นบ่อยๆก็จำรายละเอียดของรถคันนั้นได้หมด  สี ยี่ห้อ ทะเบียนรถ  ซึ่งเขาสืบได้ไม่ยากเลยว่ารถคันนั้นเป็นของใคร



ยาบุ โคตะ..



ไปนั่งหาข่าวในผับที่เคยไปประจำ  ก็เจอไอ้ผู้จัดการหน้าเหลี่ยมนั่งจิบเหล้าสบายใจอยู่ที่มุมโปรดของเขา  แม้แต่จะกินข้าวยังต้องซื้อกลับมานั่งกินที่ห้องพัก เพราะไม่อยากหันเจอหน้าไอ้คนเดิมที่เห็นแล้วพาลจะอ้วก



มันไม่มีงานการทำรึไง ให้ตายเถอะ!!!



เมื่อวาน.. เจ้านั่นก็ขับรถปาดหน้าเขา ฮิคารุโกรธจนเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้ เงื้อหมัดจะต่อยซักทีอยู่แล้ว  แต่...



"เป็นไงบ้างล่ะ  ความรู้สึกที่รู้ว่ามีคนคอยจับตามองอยู่ทุกฝีก้าวแบบที่ไอดอลเขารู้สึกกัน สนุกดีใช่ไหม?"



แค่ประโยคนี้ ...ก็ทำให้ฮิคารุพูดอะไรไม่ออก  ได้แต่ยืนมองยาบุคนนั้นเร่งเครื่องจากไป



วันนี้เขาถึงได้เลือกจักรยานเป็นพาหนะคู่ใจแทนรถยนต์ลัดเลาะไปตามเส้นทางแคบๆที่รถยนต์ตามไปไม่ได้ถึงจะสลัดพ้นการติดตามมาถึงที่นี่ได้



ห้องนี้...  ฮิคารุใช้ชื่อปลอมๆเช่าเอาไว้เป็นที่เก็บรูป  เขาไม่เสี่ยงเก็บรูปที่ทำเงินได้งามๆไว้ที่ห้องพักเด็ดขาด  เพราะปาปารัสซีบางคนชอบขโมยผลงานของคนอื่นไปขายมากกว่าไปตามถ่ายเองให้ลำบาก  กรณีนี้ถ้ารูปถูกขโมยไปแล้วก็จะกลายเป็นผลงานของคนอื่นโดยที่ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย



ฮิคารุเคยเจอกับตัวมาแล้วครั้งหนึ่ง  ...และก็จำไปจนวันตาย



คนที่เขาไว้ใจ   คนที่สอนเขาเรื่องการถ่ายภาพ  คนที่ให้กล้องตัวแรกแก่เขา  คนที่ทำให้เขาได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของการถูกทรยศหักหลัง....



"แล้วไงต่อ? เจอแบบนี้แล้วอยากจะเลิกเป็นปาปารัสซีแล้วรึยัง"



คำถามของโทโมฮิสะ ดึงฮิคารุออกจากเรื่องในอดีต เด็กหนุ่มเชิดริมฝีปากอย่างไม่ยอมแพ้



"ไม่มีทาง!! แค่..อาจจะเลิกตามสองคนนั้น"



"หมายความว่าจะยอมแพ้?"



"ไม่ใช่น่า!! แค่คิดว่าสองคนนั่นไม่มีอะไรน่าสนใจให้ตามแล้วต่างหาก"



"แล้วข่าวลือที่ว่าสองคนนั้นเป็นคู่รักลวงโลกล่ะ ไม่สนใจแล้ว?"



ฮิคารุถอนใจ..



"สองคนนั่นไม่ได้แสดงออกเหมือนคู่รักทั่วๆไปก็จริง แต่ก็ดูไม่เหมือนหลอกลวงตรงไหน"



ยิ่งความหึงหวงที่ฮารุมะมีต่อยูยะนั่นน่ะ  ของแท้แน่นอน!!!



"แบบนี้ก็ยิ่งสนุก"



"ไม่มีใครแยกสองคนนั้นออกจากกันได้หรอกลูกพี่ เลิกคิดเหอะ  แย่งแฟนคนอื่นเสียภาพพจน์หมดนา"



"ก็ไม่ได้อยากแย่งหรอกน่า"



ไม่ได้อยากแย่งมาตั้งแต่แรกแล้ว   แค่อยากรู้ว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อยูยะมีอะไรดี  อีกคนถึงได้หวงมากมายนัก  หวงเสียจนเขาอยากได้...  แต่ดอกกุหลาบที่ส่งไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรนอกจากทำให้ฮารุมะกลายเป็นคนขี้โมโหขึ้นมาเป็นครั้งคราว  ส่วนยูยะก็เย็นชาเป็นปกติ



ยิ่งเป็นแบบนี้...ยิ่งอยากได้



ระหว่างที่ใช้ความคิด.. สายตาก็หยุดอยู่ตรงใบหน้าของใครคนหนึ่งในภาพครอบครัวแสนสุขของยูยะ  รอยยิ้มอ่อนโยนของคนที่สวมเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด  มันช่างดูเข้ากันและทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้เลย



ราวกับเป็นนางฟ้า...



"อย่าบอกนะว่าจะเปลี่ยนใจ"



"ไม่ได้เหรอ? ยังไม่มีแฟนไม่ใช่รึไง?"



"ไม่มี! แต่ลูกพี่ไม่สงสัยเหรอ ว่าหน้าตาน่ารักขนาดนี้ทำไมถึงยังไม่มีแฟน"



ระหว่างที่ตามปาปารัสซี ฮารุมะและยูยะ  ฮิคารุเคยไปเลียบๆเคียงๆถามข้อมูลของคุณหมอจากนางพยาบาล  ได้ความว่าคนมาจีบคุณหมอน่ะเยอะ  แต่ก็ถูกปฎิเสธอกหักกลับไปทุกราย 



รายไหนมาดีอาจจะมีรอยยิ้มแถมกลับไปพอให้อาการช้ำในทุเลา แต่ถ้าคนไหนตื๊อไม่ยอมเลิกรา  จะถูกคุณหมอแกล้งจนหัวปั่น



"หืมม์"



ฟังแบบนี้แล้วโทโมฮิสะเริ่มมองเห็นภาพเดวิล ที่ซ่อนอยู่ใต้รูปของนางฟ้าแสนสวย



"เรารึอุตส่าห์เตือนด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่ฟังกันเล้ยยยย  ไปดีกว่า ไว้เจอกันนะลูกพี่"



โทโมฮิสะหัวเราะหึๆกับคำเตือนของฮิคารุ



เก็บความห่วงใยไว้ให้ตัวเองจะดีกว่าละมัง  นายไม่รู้หรอกหรือ ฮิคารุ  ว่าคนอย่างยาบุ โคตะ  น่ะ  หมายตาใครไว้แล้วไม่เคยปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆหรอก!!





To be Con...

2 comments:

  1. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    พาร์ทนี้เกสต์เยอะอ๊าาาาาาา >///<

    บทหมาหื่นมีน้อยนิด พาร์ทนี้ไม่เห็นหื่นเลย จิ๊ =3=

    แอบสะดุดกึก!! กับคำว่า "อยากได้" ว๊ากกกกกกกกกก ลัทธินี้ท่านได้แต่ใดมา ตกใจ 55555555+

    สุดท้าย มะพีใจง่าย โว๊ะ!!

    zig_gaza

    ReplyDelete
  2. CeciliaKwang17/10/2012, 13:27

    ขอเม้นท์ที่นี่เลยนะ
    จะบอกว่า เราชอบเพ้ออ่ะหนิง ฮารุยูยะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
    ฮารุเป็นหมาบ้า แอร๊ยยยยย ยูยังพ่อมดคนสวยแสนเย็นชา โอยยยย เหมาะกันมากๆ
    แล้วยูมะนี่คือเป็นพ่อมดหรือว่าเป็นมนุษย์หมาป่ากันแน่อ่ะ แล้วเนื้อคู่ยูมะยังไม่เกิดหรือเปล่า 555+
    อ่ออ ไอ้เจ้าของช่อกุหลาบคือยามะพีนี่เอง ขอแนะนำให้ไปจีบคุณหมอแล้วกันนะ
    ลุ้นคู่บุฮิคอ่ะ มันจะต้องมีอะไรน่าตื่นเต้นมากกว่านี้แน่ๆ แอร๊ยยยยยยยยยยยย

    ReplyDelete