Title -:- Once Upon a time...Six
Writer -:- Nalikakeaw
Rate -:- Not Sure
Pairing -:- HaruYuya
ในฟิคเรื่องนี้มีตัวละครชื่อยูยะสองคนนะคะ ถ้าใครงง ให้ย้อนกลับไปอ่านตอนก่อนหน้านั้น
เพราะว่ามันมีที่มาที่ไปค่ะ
ท้อแท้
.... ความสิ้นหวัง ....
ความเกลียดชัง ..... ความโลภหลง
ความรู้สึกอันรุนแรงของมนุษย์
ล้วนดึงดูดให้ปีศาจเข้าหา
พวกมันล่อลวง ช่วงชิง
ชักนำจิตใจที่กำลังตกอยู่ในวังวนของความอ่อนแออันชั่วร้าย
ให้ทำในสิ่งที่พวกมันต้องการ ฉ้อโกง ทำลาย เข่นฆ่า ชักจูงให้มอบสิ่งสำคัญล้ำค่าแก่มัน
ชีวิต...และวิญญาณ
ทีละน้อย...
มนุษย์ไม่เคยรู้ตัวว่าทุกครั้งที่ตนได้ทำชั่ว วิญญาณของตนได้ถูกมอบให้แก่ปีศาจ
และเมื่อใดที่หัวใจได้ตกเป็นทาสของมันโดยสมบูรณ์...
ชีวิตและวิญญาณของตนจะถูกกักขังอยู่ในห้วงเหวแห่งไฟมรณะ ถูกเผาไหม้ ทุกข์ทรมานเจียนตายไปชั่วนิรันดร์
วงล้อแห่งความชั่วร้ายยังคงหมุนไป..
"เขา"
ผู้เฝ้าดูนั้นมองสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องธรรมดาที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป สำหรับเขา "มนุษย์" ไม่ใช่เหยื่อ
แต่เป็น"ผู้ให้"
ที่ทำให้ร่างกายต้องสาปนี้อยู่รอด
และเขาก็มี"กฏ" ของตนเอง
ไม่ช่วงชิงชีวิต...จากผู้ที่ต้องการมีชีวิต
บัดนี้... ในคืนพระจันทร์เต็มดวง เขาสัมผัสได้ถึงความทุกข์ตรม สิ้นหวัง
ของใครสักคนที่อยากทิ้งชีวิตตน ทอดกายหลับไหลไปชั่วนิรันดร์ มันล่องลอย
ปะปนอยู่กับความทอดอาลัยในชีวิตของผู้ป่วยนับร้อยในอาคารสีขาวแห่งนี้
หากแต่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจ ไม่ใช่เพียงแต่ความรู้สึกทุกข์ทนที่ว่า แต่เป็น
"พลัง" ที่แฝงเร้นอยู่กับมัน
พลังปีศาจ...ที่ทั้งเหมือนและแตกต่างจากพลังของเขา
ราวกับว่าในตัวตนของปีศาจผู้นั้น มีพลังที่ขัดแย้งและต่อต้านกันเอง เหมือนเปลวไฟและสายน้ำ เขาไม่เคยพบกับปีศาจที่มีพลังเช่นนี้มาก่อนเลย
แต่เขากลับไม่สามารถบอกได้ว่าพลังนั้นมาจากที่ใด
ผู้ใดก็ตามที่เป็นเจ้าของพลังนั้นถูกบดบังไปจากเขาด้วยเวทมนตร์ของพ่อมดที่จัดได้ว่าแข็งแกร่งหาได้ยาก
เหตุใดพ่อมดจึงปกป้องปีศาจ? เขาไม่อาจรู้
สิ่งที่รู้มีเพียงว่า..หากเขายังไม่พบที่มาของพลังนั้นภายในสามวันนี้
ก็จะต้องรอให้ถึงคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไป เพราะเมื่อพ้นสามวันนี้ พลังปีศาจจะจางหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
"ปีศาจชั้นต่ำ"
สามวันหลังจากนั้น...ฮารุมะคืนร่างกลับเป็นมนุษย์ สิ่งแรกที่ทำคือกอดยูยะให้สมกับแรงปรารถนา หลังจากที่โถมกายใส่ร่างในอ้อมแขนจนพอใจแล้ว
เขาจึงรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่ปะปนอยู่กับกลิ่นเหงื่อและกลิ่นกายของยูยะ กลิ่นอายของปีศาจนั้นไม่เหมือนกลิ่นทั่วไป
มันไม่ลบเลือนไปง่ายๆจนกว่าจะถูกลบล้างจากปีศาจที่มีพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่า
"ถูกทำร้ายตอนเลิกกองน่ะ"
ยูยะเหนื่อยจนแทบจะไม่มีแรงอธิบาย
ได้แต่นอนนิ่งๆให้อีกฝ่ายประทับริมฝีปากลงตรงต้นแขนที่พี่ชายได้รักษาแผลให้จนหายสนิท เสียงคำรามต่ำๆของฮารุมะบ่งบอกถึงชะตาชีวิตของปีศาจตนนั้นว่าถึงฆาตอย่างแน่นอน ยูยะพยายามฝืนเปลือกตาหนักอึ้งไม่ให้หลับ
เพราะยังมีเรื่องที่อยากจะรู้
"นายเปิดเผยตัวเองทำไม?"
ปลายจมูกโด่งที่กำลังรุกรานซอกคอของยูยะชะงัก
มนุษย์หมาป่าเงยหน้าขึ้นสบตาคนในอ้อมแขนด้วยความแปลกใจ
"นายพูดถึงเรื่องอะไร?"
"ยูมะบอกว่าที่เจ้าปีศาจนั่นหนีไป
เป็นเพราะมันสัมผัสได้ถึงพลังของนายที่ติดอยู่บนตัวฉัน นายทำแบบนั้นทำไม?"
"ก็ไม่ทำไม"
"เดี๋ยวฮารุ นายต้องตอบฉันมาก่อน"
ยูยะรั้งร่างหนาที่หลบเลี่ยงการตอบคำถามด้วยการลุกจากเตียง
หากเป็นเรื่องอื่นที่ฮารุมะทำ ยูยะจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่แม้แต่จะถาม แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับความปลอดภัยของยูมะ ซึ่งเขายอมไม่ได้
"นายก็รู้ว่าเพราะอะไรเราต้องมาอยู่ในเมืองนี่
ถ้าหากว่าเจ้าพวกนั้นตามรอยมาจนเจอน้องล่ะ ฮารุ!-"
คำพูดที่เหลือถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวรุนแรง
ยูยะดิ้นรนออกจากอ้อมแขนแกร่งที่กำลังจะทำให้ร่างของเขาหลอมละลายขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ฝ่ามือร้อนที่ลากไล้ไปตามแผ่นหลังกับปลายลิ้นอุ่นชื้นที่แตะริมฝีปาก
ก็ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้.....
ไฟปรารถนาดับลงเมื่อใกล้รุ่ง ยูยะหลับไปแล้ว
แต่อีกคน..ยังคงพรมจูบไปบนแผ่นหลังชื้นเหงื่อของยูยะ ด้วยอารมณ์แบบที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ
..เขาหวงยูยะ ตั้งแต่แรกพบจนกระทั่งได้ครอบครอง
ความรู้สึกหลงใหลหวงแหนนั้นไม่เคยลดลง
มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกวันจนบางครั้งไม่อาจระงับได้
ที่เขาทำให้กลิ่นอายปีศาจติดตัวยูยะ ก็เพราะว่าเขารู้ว่ารอบตัวของยูยะ
มีพวกชั้นต่ำที่มุ่งหมายอยากได้ร่างกายนี้มากเพียงใด
แต่ฮารุมะไม่ได้นึกถึงผลร้ายที่จะตามมา
มนุษย์หมาป่าถอนหายใจ...ดวงตาคมมองสำรวจร่างในอ้อมแขน
ร่างกายนี้เขารู้จักดี หากมีสิ่งใดที่ผิดแปลกไปแม้เท่ารอยเข็ม เขาย่อมรู้...
ทำไมถึงปล่อยให้คนพวกนั้นรังแกนายได้ล่ะ...ยูยะ...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันแรกที่ฮารุมะกลับมาทำงาน
ทุกคนในกองถ่ายรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
กับพฤติกรรมตามติดยูยะทุกฝีก้าวของนักแสดงหนุ่ม
ฮารุมะดูแลยูยะทุกอย่าง
เสื้อผ้าที่สวมเข้าฉากฮารุมะต้องสำรวจทุกฝีตะเข็บก่อนที่ยูยะจะใส่
รองเท้าก็แทบจะดึงพื้นออกมาสำรวจก่อนจะได้สวม สำรวจรอบฉากก่อนที่ยูยะจะแสดง
หรือกระทั่งอาหารฮารุมะต้องชิมก่อนที่ยูยะจะได้กิน
"มาเป็นผู้จัดการแทนฉันเลยมั๊ยล่ะไหนๆก็ดูแลซะขนาดนี้แล้ว"
ยาบุถามอย่างเอือมระอาระหว่างที่ฮารุมะพยายามรื้อพื้นรองเท้าของยูยะออกมาสำรวจ
"ก็ดีว่ะ
รับรองว่าฉันดูแลยูยะได้ดีกว่านายร้อยเท่า"
"ฉันดูแลยยูยะไม่ดีตรงไหน?"
ยาบุชักของขึ้น ว่าประชดมันแทนที่จะสำนึก
กลับมาว่าเขาซะอีก
"แผลที่ปาก
รอยบาดที่คอกับนิ้วมือทั้งสองข้าง รอยถลอกสามรอยที่หลัง รอยช้ำที่เข่ากับเท้า
นายบอกฉันมาซิว่าตามตัวของยูยะมีรอยพวกนี้ได้ยังไง.
ทั้งที่สามวันที่ผ่านมาไม่มีฉากต่อสู้เลย"
ผู้จัดการคนเก่งตะลึงอ้าปากค้าง
นี่ฮารุมะสายตาดีถึงขนาดนี้?
ทั้งที่บางรอยเล็กกว่าเส้นผมด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
ปัญหาคือ เขาจะบอกได้ยังไงว่าทุกแผลที่ยูยะได้มา
เกิดจากการกลั่นแกล้งเล็กๆน้อยๆที่เขายังจับตัวคนทำไม่ได้
เสียชื่อจริงๆ
"ที่ปากแตกนั่นไม่ใช่เพราะฮารุมะจูบรุนแรงไปเหรอ?"
มิอุระ โชเฮ พยายามทำตลกกลบเกลื่อนแต่ไปไม่รอดเลยต้องชิ่งหนีสายตาเย็นชาไปตามเสียงเรียกของผู้กำกับ
"ที่ยูยะไม่ค่อยได้หลับได้นอน
เป็นเพราะถูกตรวจร่างกายทั้งคืนล่ะสิ"
"ฉันทำตอนที่ยูยะหลับไปแล้ว"
ยาบุละเหี่ยใจแท้
นอกจากจะเป็นหมาบ้าแล้วมันยังหน้าด้านด้วย
ฮารุมะไม่สนใจเสียงหัวเราะคิกคักของพนักงานสาวๆ
เสียงหัวเราะดังลั่นของนักแสดงร่วมฉาก สนแต่เสียงไอค่อกแค่กของยูยะเท่านั้น
"อะไร? ในน้ำมีอะไร?"
"น้ำเปล่ามันจะมีอะไรวะ
ยูยะแค่สำลักน้ำแค่นั้นแหละ"
ยังไม่รู้ตัวอีกว่าที่ยูยะสำลักมันเป็นเพราะใคร
"บอกฮารุไปเถอะ ถึงนายไม่บอก
ฮารุก็รู้อยู่ดี นายก็รู้นี่ยาบุ ว่าฉันโกหกไม่เก่ง"
ยูยะทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้แล้วก็เดินไปเข้าฉาก
ยาบุเริ่มเหงื่อแตกกับสายตากับรังสีอำมหิตของฮารุมะ
ให้ตาย! ทำไมเวลาฮารุมะจ้องเขานิ่งๆแบบนี้
น่ากลัวกว่าเวลาโกรธวะ!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กองถ่ายหยุดถ่ายทำตอนเวลาสองนาฬิกาของวันใหม่
โลเคชั่นในการถ่ายทำวันต่อไปคือโรงพยาบาล
ทีมงานทั้งหมดต้องช่วยกันขนย้ายอุปกรณ์ใส่รถคอนเทนเนอร์สำหรับขนย้าย
ส่วนเสื้อผ้าของนักแสดง ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบในรถตู้ที่จอดไว้ข้างกัน
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย คนขับรถนั่งประจำที่เตรียมสตาร์ท
แต่อยู่ๆก็เกิดรู้สึกง่วงและก็หลับไปซะเฉยๆเหมือนมีใครมาปิดสวิชท์
ร่างเงาของใครบางคนปรากฏตัวขึ้นจากความมืด
เง่าร่างของมนุษย์แต่การเคลื่อนไหวก็ดูแปลกพิกล เหมือนคนไม่สมประกอบ
และในความมืดมิดนั้นก็มีใครอีกคนคอยจับตามองร่างที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปบนรถตู้อยู่อย่างเงียบเชียบ
จากด้านนอก. มนุษย์หมาป่ามองเห็นร่างมนุษย์
หญิงสาวรูปร่างเล็ก บอบบาง กำลังไล่นิ้วไปตามราวแขวนเสื้อผ้าของนักแสดง
และหยุดลงที่เสื้อแขนยาวสีดำสนิท
เสื้อนักเรียนมัธยมปลายที่ยูยะใส่เข้าฉากเป็นประจำ
ไม่ว่าจะมืดสักแค่ไหน
มนุษย์หมาป่าอย่างเขาก็สามารถมองเห็นได้.
สิ่งมีชิวิตเล็กๆค่อยๆไต่ไปตามเรียวนิ้วขาวซีดไร้สีเลือด
ขาทั้งแปดพาตัวมันเองเคลื่อนเข้าไปในเสื้อ
รอเวลา...ที่มันจะฝังเขี้ยวลงบนมือใครสักคนที่พบมันเป็นคนแรก
พิษของมันร้ายทีเดียว
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมยาบุถึงตามจับไม่ได้
ถึงผู้จัดการของเขาจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ก็คงรับมือกับปีศาจไม่ไหวแน่
ฮารุมะยิ้มหยันอยู่ในความมืด
"วิธีการต่ำชั้นสมกับที่เกิดเป็นปีศาจชั้นต่ำจริงๆ"
มนุษย์หมาป่าเคลื่อนไหวว่องไว ไร้เสียง
กว่าที่ปีศาจตนนั้นจะรู้ตัว ฮารุมะก็มายืนดักอยู่ที่ประตูรถเสียแล้ว ร่างสูงยืนสบายๆในท่าพิงประตูรถ
แต่สายตาคมกริบทรงอำนาจนั้นทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหวาดกลัวจับใจ
"ค-คุณ มิอุระซัง"
แม้จะตื่นตกใจอย่างสุดขีด
แต่ปีศาจที่มีร่างด้วยการช่วงชิงมา
ก้อนเนื้อเท่ากำปั้นตรงอกซ้ายที่ทำให้เลือดสูบฉีดได้จะทำหน้าที่ของมันได้อย่างไร
ในเมื่อเจ้าของร่างที่แท้จริงได้ตายไปแล้ว
"ฉันจะไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลานะ
ทำแบบนี้ทำไม?"
"คุณหมายถึงเรื่องอะไรค-"
คำพูดที่เหลือถูกกักไว้ในหลอดลมเพราะลำคอเรียวระหงอย่างมนุษย์ถูกมือหนารวบไว้
แค่ออกแรงมากอีกหน่อย กระดูกของเจ้านี่ก็จะแหลกคามือ
"อย่ามาทำเสแสร้งหน่อยเลย
รีบๆพูดมาก่อนที่ฉันจะฉีกร่างที่แกอาศัยออกเป็นชิ้นๆ"
คำขู่เรียบๆนั้นได้ผลชะงัด
ปีศาจชั้นต่ำพยักหน้าเร็วๆตอบรับ
ก่อนที่ร่างจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระลงไปกองอยู่แทบเท้าฮารุมะ
มนุษย์หมาป่ามองอย่างสมเพช เจ้านี่เป็นปีศาจชั้นต่ำที่เพิ่งเกิดใหม่ไม่นาน
เพราะนอกจากจะสวมบทบาทอย่างมนุษย์ได้ไม่แนบเนียนแล้ว
ยังใจเสาะกลัวแม้กระทั่งคำขู่กลวงๆ ทั้งๆที่เขายังไม่ได้แสดงพลังปีศาจด้วยซ้ำ
"บอกมา! ทำไมต้องคิดร้ายกับยูยะ"
"ม-มนุษย์จ้างมา พวกแฟนคลับ"
"ตกต่ำเหลือเกินนะ "
ฮารุมะแค่นยิ้มเยาะ
นึกอยากฉีกร่างเจ้านี่ออกเป็นส่วนๆ แล้วโยนให้ปีศาจตนอื่นกินเป็นอาหารนัก
เป็นปีศาจแท้ๆแต่กลับไปรับใช้มนุษย์เพียงเพื่อเงิน เสียชาติเกิดแท้ๆ
แต่เขาได้คำตอบในสิ่งที่อยากรู้แล้ว และเจ้านี่ก็เป็นปีศาจไร้พิษสง
จะทำไปก็เปลืองแรงเปล่า..
"วันนี้ฉันจะไว้ชีวิตแกไปก่อน
แต่จำไว้ว่าอย่าได้แตะต้องยูยะหรือแม้แต่เข้าใกล้กองถ่ายอีก
ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้แกกลับไปเป็นเศษฝุ่นเหมือนอย่างที่แกเคยเป็น"
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
"ใจดีผิดปกติไปนะ"
คุณหมอยูยะพูดขึ้นเรียบๆ
หลังจากที่ฮารุมะนำข่าวมาบอกสามพี่น้องที่โรงพยาบาลในเช้า
มนุษย์หมาป่าให้ยูยะมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนที่จะไปตามล่าเจ้าปีศาจนั่น
เพราะอย่างน้อยเขาก็ไว้ใจมากกว่าปล่อยให้อยู่คนเดียวที่ห้อง
"ปีศาจอ่อนแอแบบนั้น ถึงฉันไม่ฆ่า อีกไม่นานมันจะถูกปีศาจอื่นฆ่าเองนั่นแหละ"
สายตาคมมองไปที่โต๊ะข้างเตียงคนไข้. บนโต๊ะนั้น.
กุหลาบสีแดงช่อใหญ่ยังคงถูกส่งมาให้ยูยะอย่างสม่ำเสมอ
ส่งได้ถูกที่ทุกครั้งไม่ว่ายูยะจะอยู่ที่ไหน
มันน่าหงุดหงิดที่เขาตามรอยไปหาคนที่ส่งมาไม่ได้เลย
ใครก็ตามที่เป็นคนส่ง ใช้บริการจากร้านส่งดอกไม้ทั่วๆไปไม่ซ้ำกันสักร้าน
ให้ยาบุไปสืบก็ได้คำตอบแค่ว่าคนส่งไม่ได้บอกชื่อ
สั่งแค่ว่าให้ส่งให้ถึงมือยูยะก็เท่านั้น
"เดี๋ยวน้องจะเอาดอกไม้นี่ไปเยี่ยมคนไข้ไม่มีญาติที่ชั้นสามเอง"
ยูมะรีบคว้าช่อกุหลาบไว้ก่อนที่มันจะลงไปอยู่ในถังขยะ
"แล้วนายจะทำยังไงกับพวกแฟนคลับที่ใช้ปีศาจนั่นมาล่ะ"
"อยากให้ฆ่ามั๊ยล่ะ?"
ฮารุมะย้อนถามอย่างหงุดหงิด
เขายังอารมณ์ไม่ดีเรื่องที่ยูยะปิดบังเขาเรื่องที่ถูกกลั่นแกล้ง
"ยังเด็กอยู่เลยนะ
ที่พวกเขาทำไปก็เพราะชอบนายมาก เลยทำอะไรไม่ยั้งคิด"
"ฉันไม่สนใจ!!!
ถ้ามันแตะต้องนายอีกเมื่อไหร่ ฉันจะส่งพวกมันลงนรก!!!"
ยูมะหูอื้อเพราะเสียงคำรามอาฆาตของมนุษย์หมาป่า
ถ้าหากว่าพี่ชายทั้งสองไม่ได้เสกคาถาเก็บเสียงไว้ตามกำแพงห้อง
ตึกทั้งหลังคงสะเทือนไปแล้ว
"นายทำแบบนั้นไม่ได้นะฮารุ"
"ถ้าไม่อยากให้ทำก็หัดตอบโต้คนพวกนั้นซะบ้างสิยูยะ!!!"
"โอ๊ย!!! พอที!!! "
ยูมะตะโกน
ก่อนที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะได้เอ่ยปาก
ตอนนี้หูของยูมะอื้ออึงจนแทบไม่ได้ยินอะไรแล้ว
ขนาดว่ายกมือปิดหูไว้ทั้งสองข้าง เสียงของตะเบ็งของฮารุมะยังแทรกเข้ามาได้
มันทำให้ยูมะโกรธขึ้นมาเสียแล้ว
"เลิกทะเลาะกันสักที หนวกหู!!!"
น้องเล็กของบ้านฟาดสายตากราดเกรี้ยวไปทางคนนั้นทีคนนี้ที พอเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรอีก
ก็เดินปึงปังออกไปจากห้องไม่ลืมคว้ากุหลาบสีแดงช่อใหญ่ติดมือไปด้วย
"พี่ว่าที่ฮารุพูดก็ถูกนะยูยะ"
คุณหมอยูยะเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน
ยูยะคนน้องหันไปมองพี่ชายอย่างไม่เข้าใจ
"พี่ไม่เคยสอนให้นายใช้เวทย์มนตร์รังแกคนอื่น
แต่พี่ก็ไม่เคยสอนให้นายอยู่เฉยเวลาที่ถูกรังแกนะ"
"พี่จะบอกว่าฉันควรทำอย่างที่ฮารุทำเหรอ?"
"ตอบโต้! ยูยะ เพื่อสั่งสอนไม่ใช่ทำร้าย ลองคิดดูสิ
ถ้านายไม่ทำให้พวกเขาสำนึกว่าสิ่งที่พวกเขาทำมันรุนแรงแค่ไหน
ต่อไปพวกเขาอาจทำในสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่า แล้วจุดจบเด็กพวกนั้นจะเป็นยังไงล่ะ"
ยูยะนิ่งคิดตามคำของพี่ชาย ทั้งห้องเงียบไปจนกระทั่งฮารุมะเดินออกจากห้องไปอีกคน
แต่ก่อนที่ประตูห้องจะปิดลงมนุษย์หมาป่าก็หันกลับมา
พูดกับยูยะประโยคหนึ่ง
"ฉันไม่สนใจเหตุผลบ้าบอของพวกนาย
แต่จำไว้นะยูยะ ถ้านายยังยอมให้คนพวกนั้นรังแกนายได้
ฉันก็จะปกป้องนายด้วยวิธีการของฉันเอง"
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
"ฉันก็จะปกป้องนายด้วยวิธีการของฉันเอง"
ทำไมคำพูดนี้ถึงได้วนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลากันนะ
ตั้งแต่ไอ้หมาบ้านั่นพูดออกมา เขาก็ลืมมันไม่ได้เลย
เหมือนมีบางอย่างคาใจอยู่อย่างนั้นแหละ
"โอ๊ย!!! คิดไม่ออก"
"พี่เป็นอะไรน่ะ?"
ยูมะทำตาโตใส่พี่ชายตัวเองที่ขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเป็นรังนก
นางพยาบาลที่เดินผ่านไปมาก็มองด้วยความตกใจ เป็นที่รู้ๆกันว่าคุณหมอยูยะน่ะ
ให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองไม่น้อย เพราะต่อให้ต้องรักษาคนไข้สามวันสามคืนติดต่อกัน ทรงผมของคุณหมอก็ไม่กระดิกจากเดิมเลยจนนิดเดียว
แล้วนี่อะไร? นอกจากจะทำให้หัวตัวเองยุ่งเหยิงแล้ว
ยังไม่สนใจจะทำให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกต่างหาก
"พี่มีเรื่องให้คิดน่ะ น้องหายโกรธแล้วเหรอ?"
ยูมะอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า วางสองแขนทาบลงบนราวระเบียงชั้นสองของโรงพยาบาล
ข้างล่าง..ทีมงานกำลังเตรียมตัวเพื่อถ่ายฉากต่อไป
"มนุษย์หมาป่าก็ขี้โมโหแบบนี้แหละ"
คุณหมอพยักหน้าว่าเข้าใจ
เขาไม่เคยถือโทษน้องเพราะเข้าใจดีว่ามนุษย์หมาป่านั้นเป็นปีศาจเจ้าอารมณ์และมีความดุร้ายในนิสัย แต่ในกรณีของฮารุมะ เขาไม่เข้าใจว่ามันจะหวงอะไรกันหนักหนา
หวง..แบบที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นเป็นบ้า
"เพราะว่า..สำหรับพี่ฮารุ พี่ยูยะมีคนเดียวในโลกมั้ง"
"น้องหมายความว่าไง?"
ยูมะขมวดคิ้วใส่พี่ชาย เขาเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน
เวลาที่ฮารุมะแสดงออกถึงความหวงแหนที่มีต่อพี่ชายคนรองของบ้าน
แต่บางอย่างที่แฝงเร้นอยู่ในการกระทำนั้น...เขารู้สึกได้
"พี่เคยเห็นพี่ฮารุมีคนอื่นนอกจากพี่ยูยะไหม?"
"ตอนอยู่ในป่าคงหาคนนอนด้วยไม่ได้หรอกมั้ง แต่นี่เราอยู่ในเมือง
แถมเจ้านั่นยังเป็นนักแสดงหนุ่มหล่อที่เพิ่งได้ตำแหน่งหนุ่มเจ้าเสน่ห์แห่งปีด้วย
จะหาใครมานอนด้วยตอนที่ยูยะไม่อยู่ก็คงไม่ยากหรอกมั้ง"
"ไม่มีเลยต่างหาก"
ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว
ยูมะมีประสาทสัมผัสดีเยี่ยมอย่างเดียวกับฮารุมะ ทุกครั้งที่เจอกัน ยูมะจะรับรู้ได้จากกลิ่นที่ติดตัวมาด้วย
ว่าฮารุมะไปพบใครบ้าง
กลิ่นที่เข้มข้นหรือเจือจางทำให้รู้ว่าพวกเขาสนิทสนมหรือมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมากแค่ไหน
"เหมือนที่พี่ยูยะมีแต่กลิ่นพี่ฮารุติดตัว
พี่ฮารุก็มีแต่กลิ่นของพี่ยูยะคนเดียวเหมือนกัน
บางทีนะ..กลิ่นปนกันจนน้องคิดว่าเป็นคนคนเดียวกันด้วยซ้ำ"
"ไอ้หมาหื่นนั่นน่ะเหรอ? ไม่น่าเชื่อ"
คุณหมออุทานเสียงเบา
แต่ก็ดังกว่าตอนที่กระซิบคุยกันก่อนหน้านี้ ทำให้คนที่ถูกนินทาเงยหน้าขึ้นมามองจากชั้นหนึ่ง ยูมะเลยต้องทำเป็นโบกมือทักทายกลบเกลื่อน
หวังว่าเสียงพูดคุยของเหล่าแฟนคลับที่มาคอยให้กำลังใจจะทำให้ฮารุมะไม่ได้ยินเรื่องที่คุยกันเมื่อกี๊
"ฮารุมะคุงงงงงงงงงงงงงงง"
นางพยาบาลคนหนึ่งพุ่งเข้าหาฮารุมะ เร็วพอๆกับแรดเวลาที่วิ่งเข้าชาร์จศัตรู
แต่ดูเหมือนเธอคนนี้จะมีทักษะอื่นนอกเหรือจากนั้นด้วย
เพราะแค่วินาทีเดียวเธอก็เกาะแขนนักแสดงหนุ่มเอาไว้แน่น
ทำเป็นพูดคุยสนิทสนมทั้งๆที่ฮารุมะยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน หรือว่าเคยเจอกันเมื่อไหร่
"ยายนี่อีกแล้ว"
คุณหมอยูยะถอนหายใจเฮือก..
หน้าทนจริงๆยายคนนี้
คราวก่อนที่ถูกเขาสั่งสอนด้วยวาจาและสายตา ไม่ทำให้เข็ดสินะ
ชายเสื้อกาวน์สีขาวสะบัดเบาๆเมื่อร่างบางก้าวเดินจากตรงนั้น
เดินไปทางระเบียงอีกฝั่งหนึ่งเพื่อลงบันไดไปชั้นล่าง ตามหลังน้องชายคนเล็กที่เดินนำไปก่อนแล้ว
บรรยากาศตรงโถงกว้างด้านหน้าเคาท์เตอร์ให้บริการข้อมูลที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้เป็นที่นั่งพักสำหรับผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยเงียบสนิท ทีมงาน และนักแสดง แฟนคลับ
รวมถึงทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตะลึงจนพูดไม่ออก
เสียงซุบซิบจากกลุ่มของผู้ป่วยและญาติๆเรื่องพฤติกรรมไม่เหมาะสมของพยาบาลสาวคนนี้ดังขึ้นทุกที
แต่แล้วสายตาของทุกคนก็เลื่อนไปจับจ้องคนที่ดูเหมือนจะไม่รับรู้อะไรนอกจากการตั้งอกตั้งใจเซ็นลายเซ็นลงบนกระดาษสี จนกระทั่งแฟนคลับที่ยืนอยู่ใกล้ๆกระซิบบอก
พยาบาลสาวเกาะแขนฮารุมะไว้แน่น เบียดหน้าอกอวบๆชิดกับแขนของฮารุมะยิ่งกว่าเดิม
เชิดหน้าส่งสายตามองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของนักแสดงหนุ่มอย่างท้าทาย
บางคนในที่นั้นกลั้นหายใจ...
แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น...
พยาบาลสาวแทบกรี๊ดเมื่อยูยะไม่ได้มองเธอเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีอำพันคู่นั้นมองผ่านเธอไปราวกับว่าเป็นอากาศที่ว่างเปล่า
ไปหยุดที่นักแสดงหนุ่มที่หล่อนเกาะแขนอยู่ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มจะยกยิ้มน้อยๆ
"ฮารุ มานี่หน่อยสิ"
เสียงเรียกเรียบๆ
พร้อมกับรอยยิ้มทำให้มนุษย์หมาป่ากลายเป็นหมาบ้านทันที คุณหมอยูยะเกือบลื่นไถลตกบันได
เพราะนึกว่าตัวเองตาฝาดที่มองเห็นฮารุมะกลายร่างเป็นพูเดิ้ลกระดิกหางดิ๊กๆวิ่งไปหาเจ้าของ
ยูมะที่กำลังลงบันไดไปครึ่งทางก็กระพริบตาปริบๆเพราะคิดอย่างเดียวกัน
ทุกคนมองภาพคู่รักที่กำลังคุยกันระหว่างที่แจกลายเซ็นให้แฟนคลับจนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นไปเลย นักข่าวที่เก็บภาพฮารุมะกับพยาบาลสาวคนนั้น
ก็หันไปกดชัตเตอร์รูปคู่ของทั้งสองคนจนแทบล้นเมมโมรี
"พี่ฮารุ!!!!!"
ส่งเสียงใสๆมาไม่พอ ยูมะยังกระโดดกอดคอพี่เลี้ยงซะจนอีกฝ่ายเซไปชนกับแฟนคลับ
แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไรเพราะมัวแต่มองรอยยิ้มร่าเริงของผู้มาใหม่ ทุกคนรู้ว่ายูยะมีน้องชาย
แต่ไม่มีใครเคยเจอตัวจริงเพราะเจ้าตัวไม่ค่อยพูดถึงนัก
"พักเที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน
พี่ยูยะ-"
ยูมะเบี่ยงตัวหนีมือพี่ชายที่ยื่นมาหา
เพราะรู้ว่าจะต้องโดนเขกหัวแน่ๆ
ฮารุมะเองก็เบี่ยงตัวหนีเพื่อให้น้องอยู่ห่างมือของยูยะเช่นกัน
"พี่ทำงานอยู่นะ น้องวิ่งเข้ามาทำไมกัน
รบกวนทีมงานคนอื่นนะ"
"ก็ทีคุณพยาบาลคนนั้นยังวิ่งเข้ามาได้เลยนี่"
ประโยคนี้เองที่ทำให้ทุกคนนึกขึ้นได้ว่ายังมีวัตถุหนึ่งที่ไม่มีใครสนใจถูกวางอยู่ตรงนั้น แต่วินาทีต่อมาก็ไม่มีใครสนใจมันอีก
เพราะมีมือยาวๆของใครอีกคนหนึ่งยื่นเข้ามาเขกหัวยูมะดังโป๊ก
"เฮ้ย!! ตีน้องทำไม"
คนโวยวายกลับไม่ใช่ยูมะ แต่เป็นฮารุมะที่ขึ้นเสียงใส่คุณหมอแทน
อีกฝ่ายก็ตะเบ็งเสียงสู้แบบไม่ยอมแพ้
"ยูยะพูดถูกแล้ว เวลางานก็ต้องทำงาน
ฉันไม่อยากให้ใครมาว่ายูมะได้ว่าไม่มีกาละเทศะ นายน่ะ
หัดหาเรื่องดีๆมาสอนน้องซะบ้าง "
"แล้วฉันเคยสอนอะไรไม่ดีให้น้อง?
ห๊ะ!!!"
ยูมะมองพี่ชายกับพี่เลี้ยงแง่งๆใส่กันอย่างอ่อนใจ
หนวกหูมากๆเข้าก็กระโดดลงจากหลังของฮารุมะแล้วไปอ้อนพี่ชายคนรองแทน
ยูยะขยี้ผมน้องชายเล่น ยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
และแค่นั้นก็ทำให้เหล่าแฟนคลับกรี๊ดสนั่นจนสะเทือนไปทั้งโรงพยาบาล
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เด็กหนุ่มผมทองเท้าแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะกระจก ก้มลงมองภาพถ่าย
"ครอบครัวแสนสุข"
ตามที่ทุกคนเรียกกัน น่าเบื่อจริงๆ พวกสื่อไม่ว่าหน้าไหนก็เหมือนกันหมด พอมีอะไรที่เด่นดังขึ้นมาหน่อย
ก็พากันประโคมข่าวซ้ำๆจนคนดูเอียน แล้วค่อยไปหาข่าวอื่นมาเล่น
แล้วตอนนี้ภาพครอบครัวของนักแสดงหน้าสวยที่ชื่อทาคาคิ
ยูยะ ก็ออกมาเต็มทุกหน้าสื่อ
ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร จนเขาเบื่อจะเห็นแล้ว
"นายก็เล่นข่าวที่ว่าพี่ชายของยูยะ
กับฮารุมะไม่ถูกกันสิ"
บุคคลที่ฮิคารุเรียกว่าลูกพี่อยู่เสมอแนะนำ แต่คนฟังกลับปฏิเสธ
บอกว่าข่าวนี้นิตยสารซุบซิบดาราเล่มหนึ่งเคยลงไปแล้ว แต่ถูกคนอ่านด่ากลับมาจมหู
ที่ดันไปร้าวฉานครอบครัวคนอื่น
"ข่าวอะไรดีพี่ "
ฮิคารุยิ้มเจ้าเล่ห์
"ข่าวว่าไอดอลชื่อดัง
ยามาชิตะ โทโมฮิสะ บุคคลลึกลับที่คอยส่งกุหลาบให้ยูยะดีมั๊ยล่ะ?"
เด็กหนุ่มก้มหลบนิตยสารเล่มหนาที่ถูกปามาได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับคำสบถเล็กๆที่เขาคุ้นชิน ใครจะรู้ว่า
นักแสดงหนุ่มที่ได้ชื่อว่าสุภาพและอ่อนโยนอย่าง ยามาชิตะ โทโมฮิสะ ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขานี่
จะมีแง่มุมที่ร้ายกาจอย่างที่คนอื่นไม่เคยได้รู้
และจะไม่มีใครได้รู้ ว่าคนคนนี้แหละที่คอยหาข่าวเด็ดๆ ฉาวๆ
ของคนในวงการมาให้ฮิคารุไปตามเก็บภาพเอามาขายได้ราคางามๆทุกครั้ง
"ลองทำดูสิ ฉันเล่นงานแกตายแน่!"
"โอ๊ย! ใครจะกล้า
ทุกวันนี้ก็โดนตามเล่นงานจนหนีหัวซุกหัวซุนแล้วพี่"
"ใครตาม? ยาบุ
โคตะ คนนั้นเหรอ?"
ฮิคารุพยักหน้าหงึกๆ ด้วยสีหน้ากลุ้มใจเต็มแก่
แต่โทโมฮิสะกลับระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าคนที่รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง เรื่องใหญ่แค่ไหนก็เอาตัวรอดมาได้ตลอดจะกลุ้มใจเพราะกำลังถูกไล่ต้อนจนเกือบจะจนมุมอยู่รอมร่อ
"มีอะไรน่าหัวเราะวะลูกพี่ คนกำลังกลุ้ม "
"หน้าตานายตอนกลุ้มนี่มันฮาสุดๆไปเลยว่ะ
ฮ่าๆๆๆๆ เคยเตือนแล้วนี่หว่าว่าอย่าไปลองดีกับเจ้านั่น แล้วไง
เจออะไรมาบ้างวะ"
"กัดไม่ปล่อย"
นิยามคำเดียวที่เหมาะกับหมอนั่น ไม่น่าไปดูถูกมันเลยให้ตายเถอะ ตั้งแต่ยึดอาชีพปาปารัสซี
เด็กหนุ่มไม่เคยเจอใครที่ไล่ตามเขาเหมือนหมาล่าเหยื่อแบบนี้มาก่อน
ยาบุ โคตะ
เป็นปีศาจแยกร่างได้หรือไง ถึงได้คอยตามเขาไปได้ทุกที่
ตอนแรกเขาก็ไม่รู้ แค่รู้สึกเหมือนมีใครคอยมองอยู่
แต่พอหันกลับไปทีไรก็จะได้เห็นแผ่นหลังของใครคนหนึ่งหลบวูบออกไปจากสายตาเหมือนไม่อยากถูกพบ
เป็นแบบนี้บ่อยๆจนเขานึกออกว่าผู้ที่เป็นเจ้าของแผ่นหลังนั้นคือใคร
ขับรถไปไหน ก็มีคนขับตาม
ต่อให้เขาไม่ใส่ใจ
แต่เห็นบ่อยๆก็จำรายละเอียดของรถคันนั้นได้หมด สี ยี่ห้อ ทะเบียนรถ ซึ่งเขาสืบได้ไม่ยากเลยว่ารถคันนั้นเป็นของใคร
ยาบุ โคตะ..
ไปนั่งหาข่าวในผับที่เคยไปประจำ
ก็เจอไอ้ผู้จัดการหน้าเหลี่ยมนั่งจิบเหล้าสบายใจอยู่ที่มุมโปรดของเขา
แม้แต่จะกินข้าวยังต้องซื้อกลับมานั่งกินที่ห้องพัก
เพราะไม่อยากหันเจอหน้าไอ้คนเดิมที่เห็นแล้วพาลจะอ้วก
มันไม่มีงานการทำรึไง ? ให้ตายเถอะ!!!
เมื่อวาน.. เจ้านั่นก็ขับรถปาดหน้าเขา
ฮิคารุโกรธจนเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้ เงื้อหมัดจะต่อยซักทีอยู่แล้ว แต่...
"เป็นไงบ้างล่ะ
ความรู้สึกที่รู้ว่ามีคนคอยจับตามองอยู่ทุกฝีก้าวแบบที่ไอดอลเขารู้สึกกัน
สนุกดีใช่ไหม?"
แค่ประโยคนี้
...ก็ทำให้ฮิคารุพูดอะไรไม่ออก
ได้แต่ยืนมองยาบุคนนั้นเร่งเครื่องจากไป
วันนี้เขาถึงได้เลือกจักรยานเป็นพาหนะคู่ใจแทนรถยนต์ลัดเลาะไปตามเส้นทางแคบๆที่รถยนต์ตามไปไม่ได้ถึงจะสลัดพ้นการติดตามมาถึงที่นี่ได้
ห้องนี้...
ฮิคารุใช้ชื่อปลอมๆเช่าเอาไว้เป็นที่เก็บรูป
เขาไม่เสี่ยงเก็บรูปที่ทำเงินได้งามๆไว้ที่ห้องพักเด็ดขาด
เพราะปาปารัสซีบางคนชอบขโมยผลงานของคนอื่นไปขายมากกว่าไปตามถ่ายเองให้ลำบาก
กรณีนี้ถ้ารูปถูกขโมยไปแล้วก็จะกลายเป็นผลงานของคนอื่นโดยที่ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย
ฮิคารุเคยเจอกับตัวมาแล้วครั้งหนึ่ง ...และก็จำไปจนวันตาย
คนที่เขาไว้ใจ คนที่สอนเขาเรื่องการถ่ายภาพ คนที่ให้กล้องตัวแรกแก่เขา
คนที่ทำให้เขาได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของการถูกทรยศหักหลัง....
"แล้วไงต่อ? เจอแบบนี้แล้วอยากจะเลิกเป็นปาปารัสซีแล้วรึยัง"
คำถามของโทโมฮิสะ ดึงฮิคารุออกจากเรื่องในอดีต
เด็กหนุ่มเชิดริมฝีปากอย่างไม่ยอมแพ้
"ไม่มีทาง!!
แค่..อาจจะเลิกตามสองคนนั้น"
"หมายความว่าจะยอมแพ้?"
"ไม่ใช่น่า!!
แค่คิดว่าสองคนนั่นไม่มีอะไรน่าสนใจให้ตามแล้วต่างหาก"
"แล้วข่าวลือที่ว่าสองคนนั้นเป็นคู่รักลวงโลกล่ะ
ไม่สนใจแล้ว?"
ฮิคารุถอนใจ..
"สองคนนั่นไม่ได้แสดงออกเหมือนคู่รักทั่วๆไปก็จริง
แต่ก็ดูไม่เหมือนหลอกลวงตรงไหน"
ยิ่งความหึงหวงที่ฮารุมะมีต่อยูยะนั่นน่ะ ของแท้แน่นอน!!!
"แบบนี้ก็ยิ่งสนุก"
"ไม่มีใครแยกสองคนนั้นออกจากกันได้หรอกลูกพี่
เลิกคิดเหอะ
แย่งแฟนคนอื่นเสียภาพพจน์หมดนา"
"ก็ไม่ได้อยากแย่งหรอกน่า"
ไม่ได้อยากแย่งมาตั้งแต่แรกแล้ว
แค่อยากรู้ว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อยูยะมีอะไรดี อีกคนถึงได้หวงมากมายนัก หวงเสียจนเขาอยากได้...
แต่ดอกกุหลาบที่ส่งไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรนอกจากทำให้ฮารุมะกลายเป็นคนขี้โมโหขึ้นมาเป็นครั้งคราว ส่วนยูยะก็เย็นชาเป็นปกติ
ยิ่งเป็นแบบนี้...ยิ่งอยากได้
ระหว่างที่ใช้ความคิด..
สายตาก็หยุดอยู่ตรงใบหน้าของใครคนหนึ่งในภาพครอบครัวแสนสุขของยูยะ
รอยยิ้มอ่อนโยนของคนที่สวมเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด มันช่างดูเข้ากันและทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้เลย
ราวกับเป็นนางฟ้า...
"อย่าบอกนะว่าจะเปลี่ยนใจ"
"ไม่ได้เหรอ? ยังไม่มีแฟนไม่ใช่รึไง?"
"ไม่มี! แต่ลูกพี่ไม่สงสัยเหรอ
ว่าหน้าตาน่ารักขนาดนี้ทำไมถึงยังไม่มีแฟน"
ระหว่างที่ตามปาปารัสซี ฮารุมะและยูยะ
ฮิคารุเคยไปเลียบๆเคียงๆถามข้อมูลของคุณหมอจากนางพยาบาล ได้ความว่าคนมาจีบคุณหมอน่ะเยอะ แต่ก็ถูกปฎิเสธอกหักกลับไปทุกราย
รายไหนมาดีอาจจะมีรอยยิ้มแถมกลับไปพอให้อาการช้ำในทุเลา
แต่ถ้าคนไหนตื๊อไม่ยอมเลิกรา
จะถูกคุณหมอแกล้งจนหัวปั่น
"หืมม์"
ฟังแบบนี้แล้วโทโมฮิสะเริ่มมองเห็นภาพเดวิล
ที่ซ่อนอยู่ใต้รูปของนางฟ้าแสนสวย
"เรารึอุตส่าห์เตือนด้วยความเป็นห่วง
แต่ไม่ฟังกันเล้ยยยย ไปดีกว่า
ไว้เจอกันนะลูกพี่"
โทโมฮิสะหัวเราะหึๆกับคำเตือนของฮิคารุ
เก็บความห่วงใยไว้ให้ตัวเองจะดีกว่าละมัง นายไม่รู้หรอกหรือ ? ฮิคารุ ว่าคนอย่างยาบุ โคตะ น่ะ
หมายตาใครไว้แล้วไม่เคยปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆหรอก!!
To be Con...
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ReplyDeleteพาร์ทนี้เกสต์เยอะอ๊าาาาาาา >///<
บทหมาหื่นมีน้อยนิด พาร์ทนี้ไม่เห็นหื่นเลย จิ๊ =3=
แอบสะดุดกึก!! กับคำว่า "อยากได้" ว๊ากกกกกกกกกก ลัทธินี้ท่านได้แต่ใดมา ตกใจ 55555555+
สุดท้าย มะพีใจง่าย โว๊ะ!!
zig_gaza
ขอเม้นท์ที่นี่เลยนะ
ReplyDeleteจะบอกว่า เราชอบเพ้ออ่ะหนิง ฮารุยูยะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
ฮารุเป็นหมาบ้า แอร๊ยยยยย ยูยังพ่อมดคนสวยแสนเย็นชา โอยยยย เหมาะกันมากๆ
แล้วยูมะนี่คือเป็นพ่อมดหรือว่าเป็นมนุษย์หมาป่ากันแน่อ่ะ แล้วเนื้อคู่ยูมะยังไม่เกิดหรือเปล่า 555+
อ่ออ ไอ้เจ้าของช่อกุหลาบคือยามะพีนี่เอง ขอแนะนำให้ไปจีบคุณหมอแล้วกันนะ
ลุ้นคู่บุฮิคอ่ะ มันจะต้องมีอะไรน่าตื่นเต้นมากกว่านี้แน่ๆ แอร๊ยยยยยยยยยยยย