Friday 16 August 2013

[SF]✪~Rabbit on the Moon ~✪[ SP Tanabata ]

Title       :               Rabbit on the moon SP [ Tanabata ]

Writer  :               Nalikakeaw

Pairing  :               KoyaShige,YamaYuma, HaruYuya ,Okadai  & SP Guest  Kusa x Yuya


                             ขอบคุณแป๋ม Zig-gaza Aun-Aun OkamoRi สำหรับรูปประกอบฟิคน่ารักๆจ้าาา










                               



                ค่ำคืนที่เจ็ด..ในเดือนเจ็ดปีนี้   นางฟ้าแสนงดงามองค์หนึ่ง  นามว่าโอริฮิเมะ ได้เดินทางมาถึง  อามาโน คาวา  แม่น้ำสายใหญ่แห่งสวรรค์  เพื่อรอพบ ฮิโคโบชิ ชายผู้เป็นที่รักของเธอดังเช่นทุกปี   ทั้งคู่ถูกโทษทัณฑ์ให้พรากจาก  ด้วยเหตุที่ละเลยต่อหน้าที่ของตน  โอริฮิเมะ  หลงลืมการทอผ้า  ฮิโคโบชิละเลยต่อฝูงวัวแห่งสวรรค์


                แต่ทัณฑ์นั้นยังมีข้อยกเว้น  หากทั้งคู่  ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี  สวรรค์จะมอบโอกาสให้พบกันได้ปีละครั้งที่แม่น้ำแห่งนี้  ซึ่งทั้งสองได้ทำตามและได้พบกันด้วยดีเสมอมา


            แต่นอกเหนือจากโอริฮิเมะแล้ว  ยังมีนางฟ้าอีกองค์หนึ่ง  ยังคงรอคอย..จะได้พบใครสักคนเช่นกัน


นางฟ้าแสนงาม นามว่ายูยะนั่งลงริมฝั่งแม่น้ำ  รอคอยเวลาที่ใครคนนั้นจะมาถึงอีกฟากฝั่ง  และเมื่อเขามา  เหล่าเพื่อนที่แสนดี  ฝูงนกกางเขนตัวน้อย  จะต่อปีกเป็นสะพานข้ามแม่น้ำให้ 


             นางฟ้าแสนสวยหยิบผ้าทอผืนหนึ่ง  ลาดลงข้างกายเป็นทางยาว  ผ้าผืนนี้ยูยะตั้งใจทอเพื่อมอบเป็นสิ่งตอบแทนในน้ำใจให้เพื่อนตัวน้อย เหล่าฝูงนกกางเขนบินร่อนลงมาซุกตัวลงในผ้าอย่างยินดี  ประสานเสียงร้องเพลงรอคอยอยู่เคียงข้างนางฟ้าแสนสวย


                นางฟ้ายูยะยังมีผ้าทออีกผืน..จะมอบให้ใครคนหนึ่ง  ที่กษัตริย์แห่งท้องฟ้าจะประทานมาให้เป็นคู่ครอง


                ผ้าทอของนางฟ้าปีนี้..บางเบา ทอประกายสีเงินเรืองรอง ด้วยวัสดุที่นำมาทอผ้านั้น  นำมาจากดาวดวงหนึ่ง  ที่มักทอแสงสีเงินเป็นหนึ่งเดียวบนฟากฟ้าในยามค่ำคืน


                แต่กว่าจะได้ทั้งสองผืนนี้มา  นางฟ้าก็ต้องเสียน้ำตา  จนเกือบทำน้ำท่วมดาวดวงนั้นเลยทีเดียว








++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





               


                นานแสนนานมาแล้วที่ยูยะทุ่มเทมุ่งมั่นอยู่กับการทอผ้าถวายแด่กษัตริย์แห่งท้องฟ้า  ผ้าทุกผืนที่ทอสำเร็จนั้นเป็นที่พอใจ แต่ยูยะกลับรู้สึกว่าตนไม่มีความสุขเลย  ชีวิตที่มีแต่การทอผ้านั้นช่างเดียวดายนัก  ยูยะจึงได้รับพรจากกษัตริย์ข้อหนึ่งว่า


                หากยูยะสามารถทำหน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดี  เป็นที่น่าพอใจ  ยูยะจะได้พบกับผู้ที่ชะตาได้กำหนดมาให้เป็นเนื้อคู่ในวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดของปีต่อไป


                หลังจากที่มุ่งมั่นอยู่กับการทอผ้าเพื่อถวายแด่กษัตริย์แห่งท้องฟ้าเป็นเวลาเกือบปี  ผ้าผืนงามก็ทอสำเร็จ  นางฟ้ายูยะ   จึงเดินทางจากริมฝั่งแม่น้ำแห่งสวรรค์ไปพบกษัตริย์แห่งท้องฟ้าทันที  แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้าย  ที่ระหว่าทางนั้น  ยูยะได้ตัดสินใจจะไปเยี่ยมเยือนสหายผู้หนึ่งก่อน


                ชิเงะมิโกะ...ที่อยู่อย่างเดียวดายบนดวงจันทร์  ยูยะ ไม่ได้มาเยี่ยมชิเงะมานานสองร้อยปีแล้ว


                แต่เพียงก้าวแรกที่เหยียบลงบนดวงจันทร์  ยูยะก็รับรู้ได้ทันทีว่าชิเงะมิโกะไม่ได้เดียวดายอีกต่อไป


                ออกจะ...มีชีวิตที่วุ่นวายเสียด้วยซ้ำ


                “เอ่อ..นี่ลูกๆของฉัน กับเพื่อนๆ แล้วก็พี่เลี้ยงเด็กน่ะ”


                ทีแรก..ยูยะแยกไม่ออกว่า คนไหนเป็นลูกของชิเงะ คนไหนเพื่อนลูก  คนไหนพี่เลี้ยง  แต่หลังจากยืนงงอยู่ไม่นานก็พอจะเดาได้ว่าบรรดาเด็กหนุ่มที่คอยวิ่งตามนั่นคงจะเป็นเหล่าพี่เลี้ยงเด็กแน่ๆ


                “แล้วนี่ก็...พ่อของลูกฉันเอง”


                ยูยะมองชายหนุ่มร่างสูง สวมชุดกิโมโนสีเทาลายริ้วสีดำที่ยืนยิ้มตาตี่ แล้วหันกลับไปมองชิเงะที่ยืนหน้าแดงอายม้วนอยู่ข้างกัน แล้วก็ทำให้นึกถึงตนเองบ้าง  หากว่าปีนี้ยูยะได้พบคู่ครอง...จะมีลูกวิ่งเล่นเป็นโขยงแบบนี้ไหมนะ


             “มองอะไรอยู่เหรอยูยะ?”


                เสียงของชิเงะใสเย็นเหมือนน้ำแข็งบนดวงจันทร์  ความเย็นยะเยือกนั่นเตือนยูยะให้รู้สึกตัวว่าไม่ควรจ้องสามีเพื่อนนานไปกว่านี้


                “แหม~ชิเงะอ่ะ  ฉันแค่กำลังคิดว่าอยากมีเนื้อคู่หล่อๆแบบชิเงะมั่งต่างหาก”


                “ถ้ามองนานกว่านี้ฉันอาจจะสาปให้ยูยะมีเนื้อคู่เป็นหมีป่าก็ได้นะ”  พูดเล่นๆ แต่ยูยะก็ไม่รู้ว่าชิเงะแอบแช่งในใจไปแล้วหรือยัง  ยูยะไม่อยากได้สามีเป็นหมีป่า  เลยเปลี่ยนไปคุยเรื่องผ้าแทน  แต่พอจะหยิบผ้าทอของตัวเองขึ้นมาอวดเท่านั้นแหละ  ยูยะก็นึกอยากให้ตนเองถูกคำสาปของชิเงะเสียยังจะดีกว่า


                เพราะผ้าผืนงามที่เตรียมจะนำไปถวายแด่กษัตริย์หายไปแล้ว!!!


              “ผ้าหาย!?


                ยูยะร้องไห้เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกลงโทษให้ทอผ้าอยู่บนคานแห่งสวรรค์ไปจนตาย  แต่ชิเงะมิโกะคิดว่าผ้าทอผืนนั้นคงจะตกอยู่ที่ไหนสักที่บนดวงจันทร์นี้   ปัญหาที่น่ากลัวก็คือ.. ผ้าผืนนั้นจะตกไปอยู่ในมือของใครแล้วหรือยัง


“อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้นเลย  ชิเงะ   ถ้าผ้าผืนนั้นอยู่บนดวงจันทร์  ก็ใช้เวทมนตร์เรียกมาได้ใช่มั๊ย”


                ชิเงะมิโกะหันไปพยักหน้าให้คนรัก  ก่อนจะหลับตา  ตั้งสมาธิร่ายมนต์ด้วยความร้อนใจ







++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





               


                ยูยะยืนกระวนกระวายอยู่ริมทะเลสาบสีเงิน  หลังจากชิเงะมิโกะร่ายมนต์ได้แป๊บเดียว  ทั้งสามก็ได้ยินเสียงหวือเหมือนอะไรสักอย่างกำลังบินฝ่าอากาศมาทางนี้   ยูยะเงยมองไปยังทิศทางต้นเสียงด้วยความดีใจ


                “นั่นไงผ้าทอของ-“


                พูดไม่ทันจบยูยะ  ชิเงะ  และโคโค่ก็ต้องพากันกระโดดหลบให้พ้นทาง  หลังจากนั้นวินาทีเดียว  ผ้าทอของยูยะก็หล่นลงบนผืนหญ้าสีเงินเสียงดังโครม   ทั้งสามอ้าปากค้างด้วยความตกใจ  เพราะในผืนผ้าที่ตกลงมานั้น  ยังมีสิ่งมีชีวิต....ที่ดูเหมือนจะหลายชีวิต  พันอีรุงตุงนังติดผ้าทอมาด้วย


                นางฟ้ายูยะมองกองผ้าผืนสวยที่ทุ่มเทกายใจทอมามาเกือบปี  บัดนี้ผ้าทอทั้งยับย่นเป็นริ้วรอยและเต็มไปด้วยฝุ่นผงสีเงินจากทรายบนดวงจันทร์ฝังแน่นแบบที่ต่อให้ทำความสะอาดอย่างไรก็ไม่มีวันจาง


                “เกิดอะไรขึ้นนี่??”


             ชิเงะและโคโค่ไม่ต้องอาศัยความจำดีเลิศ  ก็พอจะเดาได้ว่าหลายชีวิตที่กำลังดิ้นตุ๊บตั๊บโอดครวญอู้อี้อยู่ในกองผ้าเป็นใครบ้าง 


                “โอ๊ย!!! เคนจังอย่ามาเตะเค้าสิ”


                “ไม่ใช่ซะหน่อย ฟูจังนั่นแหละเหยียบหัวเค้า”


                “เปล่านะ  นั่นเท้าของยูมะต่างหาก”


                “โดนทับแบนอย่างงี้จะไปเหยียบใครได้ล่ะ  ยูโกะจังลุกขึ้นซักทีสิ  เค้าหายใจไม่ออก”


                “ลุกยังไงล่ะ  ฮคจังนั่งทับขาเค้าอยู่เนี่ย”


                “ผ้าพันกันไปหมดเลย  เค้าลุกไม่ได้ง่ะ”


                “งั้นก็เอาผ้าออกสิ”


                จากนั้นแสงสีเงินก็สว่างวาบ.....ตามด้วยเสียงผ้าขาด


                และเสียงร้องโหยหวนจากร่างบางที่ลงไปนอนร้องไห้ชักดิ้นชักงอจะขาดใจบนพื้นหญ้า  ภาพของยูยะนางฟ้าแสนสวยหายวับไปในบัดดล










++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





               


                ชิเงะเดินย่ำผืนหญ้าสีเงินไปมาด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองใจอย่างที่สุด  ดวงตากลมๆตวัดมองลูกๆจอมซนที่นั่งทับผ้าทอของยูยะที่ตอนนี้ขาดวิ่นเป็นหลายส่วน  สลับกับมองเจ้าของผ้าตัวจริงที่ยังนั่งร้องไห้กระหงืดๆซบหน้ากับท่อนแขนเจ้าแมวโคโค่ในร่างมนุษย์อยู่ไม่ห่าง


             ชิเงะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะจัดการเรื่องไหนก่อนดี


                หลังจากที่ลูกๆรุ่นแรก  อันได้แก่  เคนโตะ ฟูมะ ยูมะ โฮคุโตะ และยูโกะ  ได้แสดงอภินิหารฉีกผ้าทอของยูยะเสียจนไม่มีชิ้นดีแล้ว  ชิเงะจึงได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจาก ยามะ ชี่น้อย และแฮมทาโร  ที่วิ่งตามกันมาว่า  ระหว่างที่เหล่าบรรดาพี่เลี้ยงกำลังใช้ความพยายามจะพาลูกๆรุ่นที่สองของชิเงะกับโคโค่เข้านอน  โชริ  มาริ และโซ ได้เผลอใช้เวทย์มนต์ด้วยความไม่รู้เดียงสา  ทำให้พี่เลี้ยงทั้งหกกระเด็นหายไปคนละทิศละทาง  จนป่านนี้ยังไม่กลับมา ลูกๆรุ่นแรกทั้งห้า เลยต้องทำหน้าที่พี่เลี้ยงจำเป็นพาน้องไปเข้านอน  ซึ่งไม่ได้ง่ายเลย


               หลังจากที่วิ่งไล่จับกันอยู่นาน  ใครบางคนก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า  น่าจะหาผ้ามาล้อมจับน้องๆเหมือนอย่างที่ชาวประมงบนโลกทอดแหล้อมจับปลา  และด้วยความบังเอิญอย่างโชคร้าย  ผ้าทอของนางฟ้าก็ปลิวลงมาตรงนั้นพอดิบพอดี  แต่แทนที่จะทำตามแผนได้ เคนโตะ ฟูมะ ยูมะ โฮคุโตะ และยูโกะกลับติดแหง็กยุ่งเหยิงอยู่ในผ้า  จนกระทั่งชิเงะใช้เวทมนตร์เรียกผ้ามานั่นแหละ


               เสียงฝีเท้าดังแว่วมาจากทุ่งหญ้า ทำให้ชิเงะลืมเลือนความหงุดหงิดใจไปได้ชั่วครู่  ไม่นานนักพี่เลี้ยงเด็กทั้งหกก็เดินโผเผออกมาจากทุ่งหญ้า  ในสภาพที่ดูไม่จืด  อุ้มเด็กน้อยสามคนไว้ในอ้อมแขน


                โคโค่ถลาออกไปอุ้มลูกน้อยทั้งสามที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้งอแง  พาไปเข้านอนก่อนที่เด็กๆจะถูกชิเงะดุ พี่เลี้ยงทั้งหกพร้อมใจกันล้มตัวลงนอนบนผืนหญ้า  หมดเรี่ยวหมดแรงไปกับการหาทางพาตัวเองกลับมาถึงบ้านได้   ยาบุและยูโตะถูกส่งขึ้นไปติดอยู่บนยอดสนพันปี ปลาโลมากับกบที่ไม่รู้วิชาปีนต้นไม้เกือบเอาหัวโหม่งผิวดวงจันทร์ตอนที่พยายามจะพาตัวเองลงมา   ฮารุยูยะกระเด็นลงไปในทะเลสาบ  ถึงจะเป็นทะเลสาบที่ไม่มีวันจม แต่กว่าเสือสิงโตจะว่ายน้ำกลับถึงฝั่งได้ก็แทบหมดลม   ส่วนสองลิงอย่างฮิคารุกับเคย์ก็เหินข้ามทะเลสาบไปติดอยู่บนภูเขาน้ำแข็ง จนเกือบจะหนาวตายไปแล้ว


             ตั้งแต่มีลูก..ชีวิตของชิเงะช่างวุ่นวายปวดหัวเสียจริง


                “หม่ามี๊  ใช้เวทมนต์ซ่อมผ้าไม่ได้เหรอ”


                “ได้สิ”  ชิเงะถอนหายใจหนัก  “แต่ต้องไม่ใช่ผ้าผืนนี้”


             ถ้าหากว่ามันไม่ใช่ผ้าที่จะนำไปถวายแด่กษัตริย์แห่งท้องฟ้าเพื่อแลกกับพรที่ทำให้ได้พบเนื้อคู่ล่ะก็  ชิเงะก็คงร่ายมนต์ซ่อมมันอย่างไม่รีรอ  แต่สิ่งใดก็ตามที่จะนำไปถวายแดกษัตริย์เพื่อขอพร  สิ่งนั้นจะต้องได้มาจากความพากเพียรอุตสาหะเท่านั้น  หากว่ามีเวทย์มนต์พร่างพรมอยู่บนผืนผ้าแม้แต่น้อย  นอกจากจะไม่ได้พรดังหวัง  อาจถูกลงโทษด้วย


              ชิเงะไม่ห่วงเรื่องนางฟ้าจะตกสวรรค์   แต่ห่วงชะตากรรมของมนุษย์โลกเบื้องล่างมากกว่า  ความงามของนางฟ้ามักจะก่อความโกลาหลให้มนุษย์เสมอ  แต่ในกรณีของนางฟ้ายูยะ  โลกจะวุ่นวายเพราะนิสัยจอมป่วนมากกว่า


                มีทางเดียวเท่านั้น...คือต้องทอผ้าผืนใหม่


                “ทอผ้าผืนใหม่เหรอ? ชิเงะ  รู้ไหมว่าฉันใช้เวลาทอผ้าผืนนี้เท่าไหร่   กว่าจะเลี้ยงไหม  เก็บรังไหม สาวไหม กรอด้าย  ก็ใช้เวลาเกือบสามเดือนแล้วนะ  กว่าจะทอผ้าอีกล่ะ  เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวจะถึงวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดแล้วด้วย”


                “แค่เดือนเดียวก็พอแล้ว”


                “แต่ว่า-“


                “ถ้าแค่ทอผ้าอย่างเดียว  เดือนเดียวก็ทันใช่มั๊ยล่ะ”


                หูกทอผ้าสีเงินหลังหนึ่งปรากฏขึ้นตรงริมทะเลสาบ  ยูยะเห็นแล้วถอนใจ


                “แล้วด้ายทอล่ะชิเงะ  ผีเสื้อไหมสวรรค์น่ะ  จะไม่วางไข่จนกว่าจะถึงปีหน้านะ”


                “ยูยะไม่ต้องห่วงหรอก  ฉันมีวิธี”










++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





               


                วิธีแก้ปัญหาเรื่องด้าย   ชิเงะเลือกใช้เส้นใยจากต้นหญ้าสีเงินบนดวงจันทร์นั่นเอง  โดยจะต้องเอาใบหญ้ามาทุกให้ละเอียด  นำเส้นใยแต่ละเส้นมากรอเป็นด้ายทอผ้าให้กับนางฟ้ายูยะ  ซึ่งคนที่จะต้องทำหน้าที่นี้คือ  ..


                ลูกๆรุ่นแรกทั้งห้าคนของชิเงะและโคโค่นั่นเอง


                “เอ๋!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


                “ไม่ต้องมาเอ๋  ลูกๆเป็นคนทำผ้าขาดก็ต้องรับผิดชอบสิ  ห้ามใช้เวทมนตร์ด้วยนะ  จะได้รู้ว่ากว่าจะทอผ้าได้แต่ละผืนมันเหนื่อยแค่ไหน  ต่อไปจะได้ไปหยิบผ้าของใครมาเล่นอีก”


                “ก็ไม่ได้เล่นซักหน่อยนี่นา”


                “ไม่ได้ตั้งใจทำผ้าขาดด้วย”


                “หม่ามี๊โหดง่ะ”


                เสียงบ่นอิดออด และคำพูดประโยคสุดท้ายนั้น ถูกกลบเกลื่อนด้วยเสียงกระแอมกระไอของเหล่าพี่เลี้ยง  ทำให้ชิเงะหันไปมองด้วยความสงสัยครู่หนึ่ง   จากนั้นก็หันกลับไปเสกเครื่องปั่นด้ายแบบโบราณขึ้นตรงหน้าลูกๆทั้งห้าที่เห็นแล้วอ้าปากหวอ


                เพราะเครื่องปั่นด้ายมีขนาดใหญ่กว่าหูกทอผ้าของยูยะเกือบสองเท่า  โดยเฉพาะกงล้อกรอด้าย  ที่สูงพอๆกับตัวชิเงะเลยทีเดียว


                “หม่ามี๊  นี่มันล้อเกวียนยักษ์นี่นา”


                “มันคือกงล้อสำหรับกรอด้ายนั่นแหละ  แต่ถ้ามัวแต่หมุนล้อด้วยมือ ลูกๆก็จะปั่นด้ายไม่ทันเพราะยูยะทอผ้าได้เร็วมากๆ  เพราะฉะนั้นลูกๆก็ต้องไปวิ่งในล้อแทน  จะได้ปั่นด้ายเร็วๆ”


                ในขณะที่ลูกกระต่ายร้องอ๋อ ทำตาแป๋วชื่นชมในความฉลาดของหม่ามี๊อย่างพร้อมเพรียง  เหล่าบรรดาพี่เลี้ยงกลับพากันส่ายหน้า











++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





               


                วัตถุดิบพร้อม  เครื่องมือพร้อม..เหลือแต่คนที่จะลงมือทำ


                ยูยะนั่งเตรียมพร้อมอยู่ที่หูกทอผ้า  เส้นใยจากหญ้าสีเงินเตรียมพร้อมที่จะถูกปั่นเป็นเส้นด้าย  เหลือแต่คนปั่นด้ายที่ดูจะยังไม่ได้เรื่องได้ราว


                “จะรอดมั๊ยเนี่ย”


                เหล่าพี่เลี้ยงถอนใจแทบจะพร้อมๆกัน หลังจากที่นั่งล้อมวงมองลูกๆของชิเงะพยายามจะปั่นด้าย  แต่จนถึงตอนนี้ แค่เข้าไปยืนอยู่ในวงล้อกรอด้ายให้มั่นคง  พวกเด็กๆยังไม่ไหว


                “โอ๊ย~เคนจัง  ให้ปั่นวงล้อไม่ใช่เอาฟันเฉาะล้อ”


                “ฟูจัง  ถ้าจะล้มให้ล้มไปข้างหน้านะ  ล้อจะได้หมุนปั่นด้าย”


                “ยูมะจัง  อย่าวิ่งถอยหลัง  วิ่งไปข้างหน้าสิ “


                “ฮคจังงงงงงงงง  ระวังหัวโขกกับล้อนะ”


                ชิเงะยืนมองผลงานลูกๆ  หูก็ฟังเสียงเหล่าพี่เลี้ยงคอยให้กำลังใจเด็กๆไปด้วยอย่างหงุดหงิด  หรือชิเงะจะคิดผิดเรื่องที่จะให้ลูกๆวิ่งในล้อปั่นด้ายแทนที่จะใช้มือหมุนกันนะ


                “โอ๊ย!!ไม่ได้เรื่อง!!”  หลังที่นั่งมองเงียบๆอยู่นาน  แฮมทาโรก็เริ่มทนไม่ไหว กระโดดถีบยูโกะที่กำลังหกคะเมนตีลังกาอยู่ในวงล้อกระเด็นออกไป แล้วจัดการโชว์เสต็บแฮมสเตอร์วิ่งในวงล้อแบบโปรเฟสชันเนลให้ทุกคนดู


                “เนี่ยๆๆๆ มันต้องแบบนี้  เห็นมั๊ยเนี่ยๆๆๆ”


                แต่อาจเป็นเพราะวันนี้ทั้งวันวุ่นวายอยู่กับการไล่จับลูกๆรุ่นสองของชิเงะ  เลยทำให้หมดแรง  วิ่งในวงล้อปั่นด้ายได้ไม่นานก็หอบแฮ่กๆ  จนยาบุต้องไปพาออกมาพัก  และชี่น้อยที่รับช่วงต่อจากนั้นไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างกัน



                “โหยยยยยย  ไม่เห็นจะเก่งเลยอ่า”


                ชี่น้อยถลึงตาใส่เพื่อนๆ  แต่ไม่มีแรงมากพอจะไปทะเลาะด้วย  ปล่อยให้ตัวเองถูกยูโตะอุ้มมานอนข้างๆแฮมทาโรที่ซบตักยาบุหลับสนิทไปแล้ว  ไม่นานตัวเองก็ม่อยหลับตามไป  แต่ถึงจะใช้เวลาไม่นานนักแต่ทั้งชี่น้อยและแฮมทาโรก็ปั่นด้ายได้มากพอที่จะทำให้ยูยะเริ่มทอผ้าได้แล้ว


ชิเงะหันไปดุลูกๆแล้วไล่ให้เข้าไปปั่นล้อกรอด้ายอีกหน  พร้อมกับขู่สำทับ


“ถ้าคราวนี้ยังทำไม่ได้อีก  หม่ามี๊จะยกปะป๊าให้ไปเป็นเนื้อคู่ของยูยะแทน”


เท่านั้นแหละ  บรรดาลูกกระต่ายแทบจะแย่งกันปั่นด้ายเลยทีเดียว   ยูยะฟังแล้วทอผ้าต่อไปด้วยอามรมณ์เซ็งๆ   ชิเงะแค่ขู่เล่นๆหรอก  ก็เมื่อกี๊ยูยะมองโคโค่นานไปหน่อยยังขู่ว่าจะสาปให้ยูยะมีเนื้อคู่เป็นหมีป่าอยู่เลยนี่นา  แต่ถ้าทอผ้าเสร็จไม่ทันไปขอพรละก็  ยูยะจะลงไปโลกมนุษย์จับแมวลายตาตี่ทำสามีจริงๆด้วย











++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





               


                และในที่สุด..นางฟ้ายูยะก็ทอผ้าผืนใหม่ไปถวายแด่กษัตริย์ได้สำเร็จ  แถมยังมีเวลาเหลือพอที่จะทอผ้าเพิ่มขึ้นอีกสองผืน  ผืนหนึ่งเพื่อเหล่านกกางเขนตัวน้อย..  อีกผืนนั้น  เพื่อใครอีกคนที่จะมาครองคู่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน  ตามที่กษัตริย์แห่งท้องฟ้าได้อวยพร ..และสั่งให้ยูยะมานั่งรอที่ริมแม่น้ำแห่งสวรรค์


                แต่รอแล้วรอเล่า..ใครคนนั้นที่จะมาเป็นเนื้อคู่ก็ไม่มาเสียที  ยูยะรอจนกระทั่งเผลอหลับไป  มาสะดุ้งตื่นก็ตอนที่รู้สึกว่ามีลมหายใจของใครสักคนเป่าอยู่ตรงแก้ม


                “หมีป่า!!!!!!!


                นางฟ้าแสนสวยหวีดร้องสุดเสียงเมื่อสายตาปะทะเข้ากับใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรังในระยะแค่คืบ  จะหนีก็หนีไม่ได้  เพราะขาข้างหนึ่งถูกหมีคาบลากกลับไปที่ฝั่งแม่น้ำ   ยูยะตะกายหนีสุดชีวิตพลางตัดพ้อต่อว่าเพื่อนสนิทที่ป่านนี้คงจะเลี้ยงลูกอยู่บนดวงจันทร์


                ชิเงะหนอชิเงะ...หวงสามีมากถึงขั้นสาปเพื่อนให้เป็นเนื้อคู่กับหมีป่าเชียวเหรอ...ใจร้ายยยยยยยยยยยย


                “ยูยะนี่ฉันเอง  ไม่ใช่หมี”


                เสียงทุ้มๆคุ้นหูทำให้นางฟ้าหยุดดิ้นทันที  พอหันกลับไปมองชัดๆก็รุ้ว่า  แท้จริงแล้วสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่หมีป่า  แค่คล้ายๆ  ส่วนที่คิดไปเองว่าถูกหมีคาบ  ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายจับขาของยูยะไว้ต่างหาก


                “ใครน่ะ??  นายเป็นใคร??”


                ยูยะพิจารณาคนตรงหน้าอยู่เป็นนานสองนาน   จึงได้เห็นว่าใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเครารุงรังนั่น หล่อเหลาไม่น้อย  รู้สึกคุ้นตาแต่ก็นึกไม่ออก


                “โธ่ยูยะ..นี่ฉันเอง  คุซา”


                “คุซา? คุซาโนะเหรอ??


                พออีกฝ่ายพยักหน้ารับ  นางฟ้าคนสวยก็ทำตาโตเท่าไข่ห่าน  สวรรค์!!!  นี่ใช่คุซาโนะเพื่อนเล่นในวัยเด็กของยูยะจริงหรือนี่  เพียงเวลาไม่กี่ร้อยปีที่ไม่ได้พบ เหตุใดหมีน้อยน่ารักที่ยูยะมักจะบังคับเอามาทำตุ๊กตานอนกอดถึงได้กลายพันธุ์ไปได้ขนาดนี้  นี่ถ้าไม่เห็นไฝที่ใต้ตาล่ะก็  ยูยะไม่มีทางจำได้


                “เพราะฉันต้องคอยดูแล  เจ้าพวกนั้นน่ะ”


                คุซาโนะชี้มือไปยังอีกฟากฝั่งของแม่น้ำ  ยูยะมองเห็นกลุ่มขนสีน้ำตาลฝูงใหญ่กองรวมกันเหมือนภูเขา  เมื่อมองให้ชัดจึงรู้ว่ามันคือฝูงหมีที่อาศัยอยู่บนสวรรค์  ท่องเที่ยวทั่วไปบนฟากฟ้า  มนุษย์มองเห็นเป็นดวงดาวจึงตั้งชื่อให้ว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่นั่นเอง


                “ดูแลหมีก็ไม่เห็นจะต้องทำตัวเหมือนหมีเลยนี่นา”


                “ถ้าไม่ทำตัวให้กลมกลืนเจ้าพวกนั้นก็จะไม่ยอมให้เข้าใกล้น่ะสิ”  คุซาโนยิ้มกว้าง  “ว่าแต่ยูยะมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”


                คำถามนั้นทำให้นางฟ้าระลึกถึงจุดประสงค์ที่มานั่งอยู่ที่ริมแม่น้ำนี้ได้  ยูยะพยายามมองหาใครคนอื่นที่น่าจะมาอยู่แถวๆนี้บ้าง   แน่นอกจากฝูงหมีที่นอนพักผ่อนอยู่ที่อีกฟากของแม่น้ำแล้ว  ก็ไม่มีใครอีก


                คุซาโนะและยูยะอยู่กันเพียงลำพังสองคน


                แล้วเนื้อคู่ของนางฟ้าจะเป็นใครไปได้อีก..นอกจาก


                นางฟ้าแทบจะแปลงร่างเป็นนางมารทันที  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองโกรธที่ได้คู่เป็นคนหน้าหมี  หรือโกรธที่อีกฝ่ายทำไม่รู้ไม่ชี้กันแน่  แต่พอจะลุกหนีเท่านั้นแหละ  ก็ถูกรวบตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนที่ทั้งอุ่น  ทั้งอ่อนโยนผิดกับหน้าตาเจ้าของ


                “ห้ามไปไหนทั้งนั้นแหละ  ยูยะต้องอยู่กับฉัน  ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป”


                ถ้าเป็นคนอื่นมาพูดด้วยแบบนี้  มีหรือยูยะจะยอม  แต่อาจเป็นเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าถูกกำหนดมาให้เป็นเนื้อคู่ของนางฟ้ากระมัง  หรืออาจเป็นเพราะดวงตาสุกใสออดอ้อนที่ซ่อนอยู่ใต้คิ้วและขนตาดกหนา  ที่ทำให้นางฟ้าเกิดอายม้วนไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว


                ดังนั้น..ผ้าผืนสุดท้ายที่ตั้งใจจะทอให้เนื้อคู่ จึงถูกโปะลงเต็มหน้าของคุซาโนะด้วยความเขินอายปนโมโหเล็กน้อย


                “ยูยะโกรธฉันเรื่องอะไรเหรอ?”


                “ก็..คุซามาช้า  ฉันรอตั้งนาน”


                “อ่ะ”  คุซาโนะยิ้มแหยๆ  “ขอโทษนะ พอดีว่าแวะไปที่ดวงจันทร์มาน่ะ  แล้วก็มีเรื่องยุ่งนิดหน่อย”


                เรื่องยุ่งนิดหน่อยที่คนดูแลหมีไม่อยากจะเล่าให้นางฟ้าฟัง  ก็คือว่าเขาพาฝูงหมีลงไปเยี่ยมชิเงะ  แต่กลับทำให้ลูกๆของชิเงะตกใจจนเผลอใช้เวทมนต์ทำให้หมีตกใจวิ่งหนีหายไปทั้งฝูง  กว่าจะตามให้กลับมาอยู่ในวิถีของดวงดาวได้  ก็ลำบากบรรดาพี่เลี้ยงบนดวงจันทร์ไปมากโข


                ยูยะพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเข้าใจ  เพราะกว่าจะได้มาอยู่ในอ้อมแขนนี้  ก็พบอุปสรรคลำบากลำบนพอกัน แต่ถึงอย่างนั้นในที่สุดก็ได้พบกัน


                เรื่องของนางฟ้าตามหาเนื้อคู่ก็จบลงด้วยประการฉะนี้แล...










++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





               


                เทศกาลดวงดาวของโลกมนุษย์ปีนี้  ตรงกับวันพระจันทร์เต็มดวงพอดี  โคโค่จึงพายามะ ชี่น้อย  และแฮมทาโรขึ้นมาวิ่งเล่นบนดวงจันทร์เหมือนเคย   ทุกคนนั่งเล่นรอบทะเลสาบ  เฝ้ามองภาพสะท้อนดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองเทศกาลดวงดาวจากโลกมนุษย์พลางพูดคุยกัน


                “ชิเงะเคยขอพรจากกษัตริย์แห่งท้องฟ้าบ้างรึเปล่า”


              “เคยสิ”


                “ขอให้ได้เจอกับฉันใช่มั๊ย?”


                “เปล่า”  ชิเงะตอบพลางแอบมองแมวลายตาตี่ในร่างมนุษย์ด้วยหางตา  เห็นอีกฝ่ายเปลี่ยนสีหน้าจากตื่นเต้นดีใจกลายเป็นแมวหงอย  “แค่ขอให้บนดวงจันทร์นี่ไม่มีความเงียบเหงาเท่านั้นแหละ”


                แล้วหลังจากนั้น  ชิเงะก็มองลงไปบนโลกเห็นแมวลายหมายจันทร์ตัวหนึ่ง  มองไปมองมาจนหล่นลงไปบนโลก  ถูกแมวงาบจนมีลูกด้วยกันนี่แหละ


                “จากนั้นชีวิตฉันก็ไม่เคยมีคำว่าเงียบสงบอีกเลย  ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นพรได้รึเปล่า”


                ชิเงะพูดไปก็แอบหัวเราะไป  เพราะคนข้างๆเริ่มกลายเป็นแมวขี้น้อยใจไปแล้ว  ก่อนที่โคโค่จะงอนหนีกลับลงไปบนโลก  ชิเงะจึงต้องง้อด้วยคำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายยิ้มกว้างจนตาตี่ยิ่งกว่าเดิม


                “แต่ฉันก็ดีใจที่เราได้เจอกันนะ”










++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





               


                “นี่ๆ ดูหน้าปะป๊าสิ  ถูกหม่ามี๊ดุอีกแล้วแหงเลย”


                ลูกๆของโคโค่และชิเงะ  นั่งมองพ่อแม่คุยกันอยู่ห่างๆ พลางกระซิบกระซาบ


                “แต่ทำไมหม่ามี๊หัวเราะล่ะ??”


                “อ๊ะ นั่นไง  ปะป๊ายิ้มแล้วววว~ ดีใจจัง”


                “ปะป๊าหม่ามี๊กอดกันด้วยล่ะ “

                “แบบนี้อีกไม่นานหม่ามี๊ต้องท้องโตมีน้องให้เราอีกแหงๆเลย”


                “เย้~ จะมีน้องอีกแล้ว จะมีน้องอีกแล้ววววววว”


                ยามะ ชี่น้อย แฮมทาโร และเหล่าพี่เลี้ยงฟังเด็กๆสนทนากันแล้วละเหี่ยเพลียใจเป็นที่สุด  ลูกๆรุ่นแรก  ดวงจันทร์กับครอบครัวมนุษย์สองครอบครัววุ่นวาย  พอมีรุ่นสองทำชีวิตนางฟ้าวายวุ่น  ถ้ามีรุ่นสามตามมาอีกละก็..  คงวุ่นกันไปทั้งสวรรค์  แค่คิดก็ป่วยแล้ว


                “เหมียว~เมื่อกี๊ไล่จับหมีเหนื่อยจังเลย  ง่วงแล้วด้วย”


                ยูมะขยับไปอยู่ใกล้ๆกับยามะด้วยความเคยชิน  ตอนเป็นกระต่ายอยู่บนโลก ยูมะจะเป็นหมอนข้างให้แมวอ้วนอย่างยามะเสมอ  พอมาอยู่บนดวงจันทร์กลายเป็นคนก็ยังอยากเป็นหมอนข้างให้ เพราะยามะกอดแล้วอุ่นดี  ที่สำคัญนอนข้างๆยามะดีกว่านอนกับพี่ๆน้องๆเพราะยามะไม่นอนดิ้น  นอนด้วยแล้วไม่โดนถีบ


                “ยามะอ่ะ ! ลำเอียงอีกแล้ว พวกเราก็วิ่งตามหมีเหมือนกัน ทำไมไม่กล่อมเค้านอนมั่งอ่ะ”


                แฮมทาโรกับชี่น้อยโวยวายด้วยความอิจฉาเป็นที่สุด แต่ยามะก็ทำหูทวนลมไปเสีย  ยูโตะเลยต้องเอาใจชี่น้อยแทน


                “โอ๋ๆๆๆ ชี่น้อยมานอนตักฉันก็ได้ เดี๋ยวจะร้องเพลงกล่อม มามะ~


                ชี่น้อยถลาเข้าไปสู่อ้อมแขนของยูโตะทันที  ส่วนแฮมทาโรที่ทำท่าจะไม่ยอมก็ไม่เห็นพูดอะไรตอนที่ยาบุมาอุ้มออกไปจากที่ตรงนั้น  พอไม่มีใครกวนแล้ว ยามะก็ไถลตัวลงนอนข้างๆยูมะบ้างแล้วก็หลับไป


                จากนั้นทั้งเด็กๆและพี่เลี้ยงคนอื่นๆก็หลับตามกันไป เหลือแต่ฮารุและยูยะที่ยังนั่งมองดอกไม้ไฟที่สะท้อนอยู่บนพื้นผิวทะเลสาบ


                “คิดถึงโลกมนุษย์เหรอ?  ยูยะ”


                “เปล่า  กำลังคิดถึงเรื่องของนางฟ้า ฉันสงสัยว่าทำไมนางฟ้าถึงอยากมีคู่”


                “ก็เพราะเวลาที่อยู่คนเดียว  มันเหงามากไงล่ะ”  ฮารุขยับเข้าไปกอดยูยะแล้วยิ้มให้  “แต่นายไม่ต้องกลัวว่าจะเหงาหรอก  เพราะฉันจะไม่มีวันปล่อยให้นายอยู่คนเดียว”


                ยูยะเบือนหน้าหนีรอยยิ้มสว่างจ้าของฮารุ ทำเป็นมองแสงจากดอกไม้ไฟ  พึมพำอุบอิบด้วยถ้อยคำที่ฮารุได้ยินแล้วยิ้มกว้าง


                “ถ้านายผิดสัญญา ฉันจะตามไปกัดให้หูขาดเลย ฮารุ”










++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





               


บนโลกมนุษย์ เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองแสงจันทร์จากหน้าต่างของอพาร์ทเมนท์  โดยมีสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักกระโดดอยู่บนตัก


“ไดจัง ชอบพระจันทร์รึเปล่า”


เจ้าเพนกวินตัวน้อยหันมาทำตาแป๋วใส่เมื่อถูกถาม  เคย์โตะยิ้มให้ แล้วก็พูดต่อไปเรื่อยๆ


“ฉันชอบพระจันทร์นะ   แล้วก็ชอบดวงดาวด้วย รู้ไหมไดจัง  ตอนที่ไดจังว่ายน้ำหนีฉลามอยู่ในทะเลน่ะ  ฉันอธิฐานให้ไดจังปลอดภัย  ก็ไม่รู้ว่าพระจันทร์หรือดวงดาวเนอะที่ส่งไดจังมาให้ฉัน”


เจ้าเพนกวินส่งเสียงวี๊ดๆเหมือนอยากจะคุยด้วย   ถึงเคย์โตะจะไม่เข้าใจภาษาเพนกวิน  แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าสัตว์เลี้ยงตัวน้อยตั้งใจฟังเขาทุกคำ


                “แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นดวงจันทร์หรือดวงดาว ที่ทำให้ไดจังกลายเป็นคน  แต่จะเป็นเพราะอะไรก็เถอะ  ถ้าฉันจะขอให้ไดจังกลายเป็นคนอีก  จะได้มั๊ยนะ?”


                สิ้นคำขอแสงสีเงินที่คุ้นเคยก็สว่างวาบ  เมื่อแสงนั้นจาง  ก็ปรากฏร่างหนุ่มน้อยน่ารักคนหนึ่ง  ทำตาใสแป๋วนั่งอยู่บนตักของเคย์โตะแทนที่เจ้าเพนกวิน 


                เคย์โตะอ้าปากค้างไปสามวิ!!!!!


                “อีกแล้วเหรอเฮ้ยยยย!!!!!


                “ได~ ^^










++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++