Title : Rabbit on the moon SP [ Tanabata
]
Writer : Nalikakeaw
Pairing : KoyaShige,YamaYuma, HaruYuya ,Okadai
& SP Guest Kusa x Yuya
ขอบคุณแป๋ม Zig-gaza Aun-Aun OkamoRi สำหรับรูปประกอบฟิคน่ารักๆจ้าาา
ขอบคุณแป๋ม Zig-gaza Aun-Aun OkamoRi สำหรับรูปประกอบฟิคน่ารักๆจ้าาา
ค่ำคืนที่เจ็ด..ในเดือนเจ็ดปีนี้ นางฟ้าแสนงดงามองค์หนึ่ง นามว่าโอริฮิเมะ ได้เดินทางมาถึง อามาโน คาวา
แม่น้ำสายใหญ่แห่งสวรรค์ เพื่อรอพบ
ฮิโคโบชิ ชายผู้เป็นที่รักของเธอดังเช่นทุกปี
ทั้งคู่ถูกโทษทัณฑ์ให้พรากจาก ด้วยเหตุที่ละเลยต่อหน้าที่ของตน โอริฮิเมะ
หลงลืมการทอผ้า ฮิโคโบชิละเลยต่อฝูงวัวแห่งสวรรค์
แต่ทัณฑ์นั้นยังมีข้อยกเว้น หากทั้งคู่
ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี
สวรรค์จะมอบโอกาสให้พบกันได้ปีละครั้งที่แม่น้ำแห่งนี้ ซึ่งทั้งสองได้ทำตามและได้พบกันด้วยดีเสมอมา
แต่นอกเหนือจากโอริฮิเมะแล้ว ยังมีนางฟ้าอีกองค์หนึ่ง ยังคงรอคอย..จะได้พบใครสักคนเช่นกัน
นางฟ้าแสนงาม นามว่ายูยะนั่งลงริมฝั่งแม่น้ำ รอคอยเวลาที่ใครคนนั้นจะมาถึงอีกฟากฝั่ง และเมื่อเขามา
เหล่าเพื่อนที่แสนดี
ฝูงนกกางเขนตัวน้อย
จะต่อปีกเป็นสะพานข้ามแม่น้ำให้
นางฟ้าแสนสวยหยิบผ้าทอผืนหนึ่ง ลาดลงข้างกายเป็นทางยาว ผ้าผืนนี้ยูยะตั้งใจทอเพื่อมอบเป็นสิ่งตอบแทนในน้ำใจให้เพื่อนตัวน้อย
เหล่าฝูงนกกางเขนบินร่อนลงมาซุกตัวลงในผ้าอย่างยินดี
ประสานเสียงร้องเพลงรอคอยอยู่เคียงข้างนางฟ้าแสนสวย
นางฟ้ายูยะยังมีผ้าทออีกผืน..จะมอบให้ใครคนหนึ่ง
ที่กษัตริย์แห่งท้องฟ้าจะประทานมาให้เป็นคู่ครอง
ผ้าทอของนางฟ้าปีนี้..บางเบา
ทอประกายสีเงินเรืองรอง ด้วยวัสดุที่นำมาทอผ้านั้น นำมาจากดาวดวงหนึ่ง ที่มักทอแสงสีเงินเป็นหนึ่งเดียวบนฟากฟ้าในยามค่ำคืน
แต่กว่าจะได้ทั้งสองผืนนี้มา นางฟ้าก็ต้องเสียน้ำตา จนเกือบทำน้ำท่วมดาวดวงนั้นเลยทีเดียว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นานแสนนานมาแล้วที่ยูยะทุ่มเทมุ่งมั่นอยู่กับการทอผ้าถวายแด่กษัตริย์แห่งท้องฟ้า ผ้าทุกผืนที่ทอสำเร็จนั้นเป็นที่พอใจ
แต่ยูยะกลับรู้สึกว่าตนไม่มีความสุขเลย
ชีวิตที่มีแต่การทอผ้านั้นช่างเดียวดายนัก
ยูยะจึงได้รับพรจากกษัตริย์ข้อหนึ่งว่า
หากยูยะสามารถทำหน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดี เป็นที่น่าพอใจ
ยูยะจะได้พบกับผู้ที่ชะตาได้กำหนดมาให้เป็นเนื้อคู่ในวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดของปีต่อไป
หลังจากที่มุ่งมั่นอยู่กับการทอผ้าเพื่อถวายแด่กษัตริย์แห่งท้องฟ้าเป็นเวลาเกือบปี ผ้าผืนงามก็ทอสำเร็จ นางฟ้ายูยะ
จึงเดินทางจากริมฝั่งแม่น้ำแห่งสวรรค์ไปพบกษัตริย์แห่งท้องฟ้าทันที แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้าย ที่ระหว่าทางนั้น ยูยะได้ตัดสินใจจะไปเยี่ยมเยือนสหายผู้หนึ่งก่อน
ชิเงะมิโกะ...ที่อยู่อย่างเดียวดายบนดวงจันทร์ ยูยะ ไม่ได้มาเยี่ยมชิเงะมานานสองร้อยปีแล้ว
แต่เพียงก้าวแรกที่เหยียบลงบนดวงจันทร์ ยูยะก็รับรู้ได้ทันทีว่าชิเงะมิโกะไม่ได้เดียวดายอีกต่อไป
ออกจะ...มีชีวิตที่วุ่นวายเสียด้วยซ้ำ
“เอ่อ..นี่ลูกๆของฉัน
กับเพื่อนๆ แล้วก็พี่เลี้ยงเด็กน่ะ”
ทีแรก..ยูยะแยกไม่ออกว่า
คนไหนเป็นลูกของชิเงะ คนไหนเพื่อนลูก
คนไหนพี่เลี้ยง
แต่หลังจากยืนงงอยู่ไม่นานก็พอจะเดาได้ว่าบรรดาเด็กหนุ่มที่คอยวิ่งตามนั่นคงจะเป็นเหล่าพี่เลี้ยงเด็กแน่ๆ
“แล้วนี่ก็...พ่อของลูกฉันเอง”
ยูยะมองชายหนุ่มร่างสูง
สวมชุดกิโมโนสีเทาลายริ้วสีดำที่ยืนยิ้มตาตี่
แล้วหันกลับไปมองชิเงะที่ยืนหน้าแดงอายม้วนอยู่ข้างกัน แล้วก็ทำให้นึกถึงตนเองบ้าง
หากว่าปีนี้ยูยะได้พบคู่ครอง...จะมีลูกวิ่งเล่นเป็นโขยงแบบนี้ไหมนะ
“มองอะไรอยู่เหรอยูยะ?”
เสียงของชิเงะใสเย็นเหมือนน้ำแข็งบนดวงจันทร์ ความเย็นยะเยือกนั่นเตือนยูยะให้รู้สึกตัวว่าไม่ควรจ้องสามีเพื่อนนานไปกว่านี้
“แหม~ชิเงะอ่ะ
ฉันแค่กำลังคิดว่าอยากมีเนื้อคู่หล่อๆแบบชิเงะมั่งต่างหาก”
“ถ้ามองนานกว่านี้ฉันอาจจะสาปให้ยูยะมีเนื้อคู่เป็นหมีป่าก็ได้นะ” พูดเล่นๆ
แต่ยูยะก็ไม่รู้ว่าชิเงะแอบแช่งในใจไปแล้วหรือยัง
ยูยะไม่อยากได้สามีเป็นหมีป่า
เลยเปลี่ยนไปคุยเรื่องผ้าแทน แต่พอจะหยิบผ้าทอของตัวเองขึ้นมาอวดเท่านั้นแหละ
ยูยะก็นึกอยากให้ตนเองถูกคำสาปของชิเงะเสียยังจะดีกว่า
เพราะผ้าผืนงามที่เตรียมจะนำไปถวายแด่กษัตริย์หายไปแล้ว!!!
“ผ้าหาย!?”
ยูยะร้องไห้เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกลงโทษให้ทอผ้าอยู่บนคานแห่งสวรรค์ไปจนตาย
แต่ชิเงะมิโกะคิดว่าผ้าทอผืนนั้นคงจะตกอยู่ที่ไหนสักที่บนดวงจันทร์นี้ ปัญหาที่น่ากลัวก็คือ..
ผ้าผืนนั้นจะตกไปอยู่ในมือของใครแล้วหรือยัง
“อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้นเลย ชิเงะ
ถ้าผ้าผืนนั้นอยู่บนดวงจันทร์
ก็ใช้เวทมนตร์เรียกมาได้ใช่มั๊ย”
ชิเงะมิโกะหันไปพยักหน้าให้คนรัก ก่อนจะหลับตา
ตั้งสมาธิร่ายมนต์ด้วยความร้อนใจ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ยูยะยืนกระวนกระวายอยู่ริมทะเลสาบสีเงิน หลังจากชิเงะมิโกะร่ายมนต์ได้แป๊บเดียว
ทั้งสามก็ได้ยินเสียงหวือเหมือนอะไรสักอย่างกำลังบินฝ่าอากาศมาทางนี้ ยูยะเงยมองไปยังทิศทางต้นเสียงด้วยความดีใจ
“นั่นไงผ้าทอของ-“
พูดไม่ทันจบยูยะ ชิเงะ
และโคโค่ก็ต้องพากันกระโดดหลบให้พ้นทาง
หลังจากนั้นวินาทีเดียว ผ้าทอของยูยะก็หล่นลงบนผืนหญ้าสีเงินเสียงดังโครม ทั้งสามอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เพราะในผืนผ้าที่ตกลงมานั้น ยังมีสิ่งมีชีวิต....ที่ดูเหมือนจะหลายชีวิต พันอีรุงตุงนังติดผ้าทอมาด้วย
นางฟ้ายูยะมองกองผ้าผืนสวยที่ทุ่มเทกายใจทอมามาเกือบปี บัดนี้ผ้าทอทั้งยับย่นเป็นริ้วรอยและเต็มไปด้วยฝุ่นผงสีเงินจากทรายบนดวงจันทร์ฝังแน่นแบบที่ต่อให้ทำความสะอาดอย่างไรก็ไม่มีวันจาง
“เกิดอะไรขึ้นนี่??”
ชิเงะและโคโค่ไม่ต้องอาศัยความจำดีเลิศ
ก็พอจะเดาได้ว่าหลายชีวิตที่กำลังดิ้นตุ๊บตั๊บโอดครวญอู้อี้อยู่ในกองผ้าเป็นใครบ้าง
“โอ๊ย!!!
เคนจังอย่ามาเตะเค้าสิ”
“ไม่ใช่ซะหน่อย
ฟูจังนั่นแหละเหยียบหัวเค้า”
“เปล่านะ นั่นเท้าของยูมะต่างหาก”
“โดนทับแบนอย่างงี้จะไปเหยียบใครได้ล่ะ ยูโกะจังลุกขึ้นซักทีสิ เค้าหายใจไม่ออก”
“ลุกยังไงล่ะ ฮคจังนั่งทับขาเค้าอยู่เนี่ย”
“ผ้าพันกันไปหมดเลย เค้าลุกไม่ได้ง่ะ”
“งั้นก็เอาผ้าออกสิ”
จากนั้นแสงสีเงินก็สว่างวาบ.....ตามด้วยเสียงผ้าขาด
และเสียงร้องโหยหวนจากร่างบางที่ลงไปนอนร้องไห้ชักดิ้นชักงอจะขาดใจบนพื้นหญ้า ภาพของยูยะนางฟ้าแสนสวยหายวับไปในบัดดล
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ชิเงะเดินย่ำผืนหญ้าสีเงินไปมาด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองใจอย่างที่สุด
ดวงตากลมๆตวัดมองลูกๆจอมซนที่นั่งทับผ้าทอของยูยะที่ตอนนี้ขาดวิ่นเป็นหลายส่วน สลับกับมองเจ้าของผ้าตัวจริงที่ยังนั่งร้องไห้กระหงืดๆซบหน้ากับท่อนแขนเจ้าแมวโคโค่ในร่างมนุษย์อยู่ไม่ห่าง
ชิเงะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะจัดการเรื่องไหนก่อนดี
หลังจากที่ลูกๆรุ่นแรก อันได้แก่
เคนโตะ ฟูมะ ยูมะ โฮคุโตะ และยูโกะ
ได้แสดงอภินิหารฉีกผ้าทอของยูยะเสียจนไม่มีชิ้นดีแล้ว ชิเงะจึงได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจาก ยามะ
ชี่น้อย และแฮมทาโร ที่วิ่งตามกันมาว่า
ระหว่างที่เหล่าบรรดาพี่เลี้ยงกำลังใช้ความพยายามจะพาลูกๆรุ่นที่สองของชิเงะกับโคโค่เข้านอน โชริ
มาริ และโซ ได้เผลอใช้เวทย์มนต์ด้วยความไม่รู้เดียงสา
ทำให้พี่เลี้ยงทั้งหกกระเด็นหายไปคนละทิศละทาง จนป่านนี้ยังไม่กลับมา ลูกๆรุ่นแรกทั้งห้า
เลยต้องทำหน้าที่พี่เลี้ยงจำเป็นพาน้องไปเข้านอน
ซึ่งไม่ได้ง่ายเลย
หลังจากที่วิ่งไล่จับกันอยู่นาน ใครบางคนก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า น่าจะหาผ้ามาล้อมจับน้องๆเหมือนอย่างที่ชาวประมงบนโลกทอดแหล้อมจับปลา และด้วยความบังเอิญอย่างโชคร้าย ผ้าทอของนางฟ้าก็ปลิวลงมาตรงนั้นพอดิบพอดี แต่แทนที่จะทำตามแผนได้ เคนโตะ ฟูมะ ยูมะ
โฮคุโตะ และยูโกะกลับติดแหง็กยุ่งเหยิงอยู่ในผ้า
จนกระทั่งชิเงะใช้เวทมนตร์เรียกผ้ามานั่นแหละ
เสียงฝีเท้าดังแว่วมาจากทุ่งหญ้า
ทำให้ชิเงะลืมเลือนความหงุดหงิดใจไปได้ชั่วครู่
ไม่นานนักพี่เลี้ยงเด็กทั้งหกก็เดินโผเผออกมาจากทุ่งหญ้า ในสภาพที่ดูไม่จืด อุ้มเด็กน้อยสามคนไว้ในอ้อมแขน
โคโค่ถลาออกไปอุ้มลูกน้อยทั้งสามที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้งอแง พาไปเข้านอนก่อนที่เด็กๆจะถูกชิเงะดุ
พี่เลี้ยงทั้งหกพร้อมใจกันล้มตัวลงนอนบนผืนหญ้า
หมดเรี่ยวหมดแรงไปกับการหาทางพาตัวเองกลับมาถึงบ้านได้ ยาบุและยูโตะถูกส่งขึ้นไปติดอยู่บนยอดสนพันปี
ปลาโลมากับกบที่ไม่รู้วิชาปีนต้นไม้เกือบเอาหัวโหม่งผิวดวงจันทร์ตอนที่พยายามจะพาตัวเองลงมา
ฮารุยูยะกระเด็นลงไปในทะเลสาบ ถึงจะเป็นทะเลสาบที่ไม่มีวันจม แต่กว่าเสือสิงโตจะว่ายน้ำกลับถึงฝั่งได้ก็แทบหมดลม ส่วนสองลิงอย่างฮิคารุกับเคย์ก็เหินข้ามทะเลสาบไปติดอยู่บนภูเขาน้ำแข็ง
จนเกือบจะหนาวตายไปแล้ว
ตั้งแต่มีลูก..ชีวิตของชิเงะช่างวุ่นวายปวดหัวเสียจริง
“หม่ามี๊ ใช้เวทมนต์ซ่อมผ้าไม่ได้เหรอ”
“ได้สิ” ชิเงะถอนหายใจหนัก “แต่ต้องไม่ใช่ผ้าผืนนี้”
ถ้าหากว่ามันไม่ใช่ผ้าที่จะนำไปถวายแด่กษัตริย์แห่งท้องฟ้าเพื่อแลกกับพรที่ทำให้ได้พบเนื้อคู่ล่ะก็ ชิเงะก็คงร่ายมนต์ซ่อมมันอย่างไม่รีรอ แต่สิ่งใดก็ตามที่จะนำไปถวายแดกษัตริย์เพื่อขอพร สิ่งนั้นจะต้องได้มาจากความพากเพียรอุตสาหะเท่านั้น
หากว่ามีเวทย์มนต์พร่างพรมอยู่บนผืนผ้าแม้แต่น้อย นอกจากจะไม่ได้พรดังหวัง อาจถูกลงโทษด้วย
ชิเงะไม่ห่วงเรื่องนางฟ้าจะตกสวรรค์
แต่ห่วงชะตากรรมของมนุษย์โลกเบื้องล่างมากกว่า ความงามของนางฟ้ามักจะก่อความโกลาหลให้มนุษย์เสมอ แต่ในกรณีของนางฟ้ายูยะ โลกจะวุ่นวายเพราะนิสัยจอมป่วนมากกว่า
มีทางเดียวเท่านั้น...คือต้องทอผ้าผืนใหม่
“ทอผ้าผืนใหม่เหรอ?
ชิเงะ รู้ไหมว่าฉันใช้เวลาทอผ้าผืนนี้เท่าไหร่ กว่าจะเลี้ยงไหม เก็บรังไหม สาวไหม กรอด้าย ก็ใช้เวลาเกือบสามเดือนแล้วนะ กว่าจะทอผ้าอีกล่ะ เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวจะถึงวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดแล้วด้วย”
“แค่เดือนเดียวก็พอแล้ว”
“แต่ว่า-“
“ถ้าแค่ทอผ้าอย่างเดียว เดือนเดียวก็ทันใช่มั๊ยล่ะ”
หูกทอผ้าสีเงินหลังหนึ่งปรากฏขึ้นตรงริมทะเลสาบ ยูยะเห็นแล้วถอนใจ
“แล้วด้ายทอล่ะชิเงะ ผีเสื้อไหมสวรรค์น่ะ จะไม่วางไข่จนกว่าจะถึงปีหน้านะ”
“ยูยะไม่ต้องห่วงหรอก ฉันมีวิธี”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วิธีแก้ปัญหาเรื่องด้าย
ชิเงะเลือกใช้เส้นใยจากต้นหญ้าสีเงินบนดวงจันทร์นั่นเอง โดยจะต้องเอาใบหญ้ามาทุกให้ละเอียด
นำเส้นใยแต่ละเส้นมากรอเป็นด้ายทอผ้าให้กับนางฟ้ายูยะ ซึ่งคนที่จะต้องทำหน้าที่นี้คือ ..
ลูกๆรุ่นแรกทั้งห้าคนของชิเงะและโคโค่นั่นเอง
“เอ๋!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ไม่ต้องมาเอ๋ ลูกๆเป็นคนทำผ้าขาดก็ต้องรับผิดชอบสิ ห้ามใช้เวทมนตร์ด้วยนะ
จะได้รู้ว่ากว่าจะทอผ้าได้แต่ละผืนมันเหนื่อยแค่ไหน ต่อไปจะได้ไปหยิบผ้าของใครมาเล่นอีก”
“ก็ไม่ได้เล่นซักหน่อยนี่นา”
“ไม่ได้ตั้งใจทำผ้าขาดด้วย”
“หม่ามี๊โหดง่ะ”
เสียงบ่นอิดออด
และคำพูดประโยคสุดท้ายนั้น ถูกกลบเกลื่อนด้วยเสียงกระแอมกระไอของเหล่าพี่เลี้ยง ทำให้ชิเงะหันไปมองด้วยความสงสัยครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันกลับไปเสกเครื่องปั่นด้ายแบบโบราณขึ้นตรงหน้าลูกๆทั้งห้าที่เห็นแล้วอ้าปากหวอ
เพราะเครื่องปั่นด้ายมีขนาดใหญ่กว่าหูกทอผ้าของยูยะเกือบสองเท่า โดยเฉพาะกงล้อกรอด้าย ที่สูงพอๆกับตัวชิเงะเลยทีเดียว
“หม่ามี๊ นี่มันล้อเกวียนยักษ์นี่นา”
“มันคือกงล้อสำหรับกรอด้ายนั่นแหละ แต่ถ้ามัวแต่หมุนล้อด้วยมือ
ลูกๆก็จะปั่นด้ายไม่ทันเพราะยูยะทอผ้าได้เร็วมากๆ
เพราะฉะนั้นลูกๆก็ต้องไปวิ่งในล้อแทน
จะได้ปั่นด้ายเร็วๆ”
ในขณะที่ลูกกระต่ายร้องอ๋อ
ทำตาแป๋วชื่นชมในความฉลาดของหม่ามี๊อย่างพร้อมเพรียง เหล่าบรรดาพี่เลี้ยงกลับพากันส่ายหน้า
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วัตถุดิบพร้อม เครื่องมือพร้อม..เหลือแต่คนที่จะลงมือทำ
ยูยะนั่งเตรียมพร้อมอยู่ที่หูกทอผ้า
เส้นใยจากหญ้าสีเงินเตรียมพร้อมที่จะถูกปั่นเป็นเส้นด้าย
เหลือแต่คนปั่นด้ายที่ดูจะยังไม่ได้เรื่องได้ราว
“จะรอดมั๊ยเนี่ย”
เหล่าพี่เลี้ยงถอนใจแทบจะพร้อมๆกัน
หลังจากที่นั่งล้อมวงมองลูกๆของชิเงะพยายามจะปั่นด้าย แต่จนถึงตอนนี้
แค่เข้าไปยืนอยู่ในวงล้อกรอด้ายให้มั่นคง
พวกเด็กๆยังไม่ไหว
“โอ๊ย~เคนจัง ให้ปั่นวงล้อไม่ใช่เอาฟันเฉาะล้อ”
“ฟูจัง ถ้าจะล้มให้ล้มไปข้างหน้านะ ล้อจะได้หมุนปั่นด้าย”
“ยูมะจัง อย่าวิ่งถอยหลัง วิ่งไปข้างหน้าสิ “
“ฮคจังงงงงงงงง ระวังหัวโขกกับล้อนะ”
ชิเงะยืนมองผลงานลูกๆ หูก็ฟังเสียงเหล่าพี่เลี้ยงคอยให้กำลังใจเด็กๆไปด้วยอย่างหงุดหงิด
หรือชิเงะจะคิดผิดเรื่องที่จะให้ลูกๆวิ่งในล้อปั่นด้ายแทนที่จะใช้มือหมุนกันนะ
“โอ๊ย!!ไม่ได้เรื่อง!!” หลังที่นั่งมองเงียบๆอยู่นาน แฮมทาโรก็เริ่มทนไม่ไหว กระโดดถีบยูโกะที่กำลังหกคะเมนตีลังกาอยู่ในวงล้อกระเด็นออกไป
แล้วจัดการโชว์เสต็บแฮมสเตอร์วิ่งในวงล้อแบบโปรเฟสชันเนลให้ทุกคนดู
“เนี่ยๆๆๆ
มันต้องแบบนี้ เห็นมั๊ยเนี่ยๆๆๆ”
แต่อาจเป็นเพราะวันนี้ทั้งวันวุ่นวายอยู่กับการไล่จับลูกๆรุ่นสองของชิเงะ เลยทำให้หมดแรง วิ่งในวงล้อปั่นด้ายได้ไม่นานก็หอบแฮ่กๆ จนยาบุต้องไปพาออกมาพัก
และชี่น้อยที่รับช่วงต่อจากนั้นไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างกัน
“โหยยยยยย ไม่เห็นจะเก่งเลยอ่า”
ชี่น้อยถลึงตาใส่เพื่อนๆ แต่ไม่มีแรงมากพอจะไปทะเลาะด้วย ปล่อยให้ตัวเองถูกยูโตะอุ้มมานอนข้างๆแฮมทาโรที่ซบตักยาบุหลับสนิทไปแล้ว
ไม่นานตัวเองก็ม่อยหลับตามไป
แต่ถึงจะใช้เวลาไม่นานนักแต่ทั้งชี่น้อยและแฮมทาโรก็ปั่นด้ายได้มากพอที่จะทำให้ยูยะเริ่มทอผ้าได้แล้ว
ชิเงะหันไปดุลูกๆแล้วไล่ให้เข้าไปปั่นล้อกรอด้ายอีกหน พร้อมกับขู่สำทับ
“ถ้าคราวนี้ยังทำไม่ได้อีก หม่ามี๊จะยกปะป๊าให้ไปเป็นเนื้อคู่ของยูยะแทน”
เท่านั้นแหละ
บรรดาลูกกระต่ายแทบจะแย่งกันปั่นด้ายเลยทีเดียว ยูยะฟังแล้วทอผ้าต่อไปด้วยอามรมณ์เซ็งๆ ชิเงะแค่ขู่เล่นๆหรอก
ก็เมื่อกี๊ยูยะมองโคโค่นานไปหน่อยยังขู่ว่าจะสาปให้ยูยะมีเนื้อคู่เป็นหมีป่าอยู่เลยนี่นา แต่ถ้าทอผ้าเสร็จไม่ทันไปขอพรละก็
ยูยะจะลงไปโลกมนุษย์จับแมวลายตาตี่ทำสามีจริงๆด้วย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
และในที่สุด..นางฟ้ายูยะก็ทอผ้าผืนใหม่ไปถวายแด่กษัตริย์ได้สำเร็จ แถมยังมีเวลาเหลือพอที่จะทอผ้าเพิ่มขึ้นอีกสองผืน ผืนหนึ่งเพื่อเหล่านกกางเขนตัวน้อย.. อีกผืนนั้น
เพื่อใครอีกคนที่จะมาครองคู่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ตามที่กษัตริย์แห่งท้องฟ้าได้อวยพร
..และสั่งให้ยูยะมานั่งรอที่ริมแม่น้ำแห่งสวรรค์
แต่รอแล้วรอเล่า..ใครคนนั้นที่จะมาเป็นเนื้อคู่ก็ไม่มาเสียที ยูยะรอจนกระทั่งเผลอหลับไป
มาสะดุ้งตื่นก็ตอนที่รู้สึกว่ามีลมหายใจของใครสักคนเป่าอยู่ตรงแก้ม
“หมีป่า!!!!!!!”
นางฟ้าแสนสวยหวีดร้องสุดเสียงเมื่อสายตาปะทะเข้ากับใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรังในระยะแค่คืบ จะหนีก็หนีไม่ได้
เพราะขาข้างหนึ่งถูกหมีคาบลากกลับไปที่ฝั่งแม่น้ำ
ยูยะตะกายหนีสุดชีวิตพลางตัดพ้อต่อว่าเพื่อนสนิทที่ป่านนี้คงจะเลี้ยงลูกอยู่บนดวงจันทร์
ชิเงะหนอชิเงะ...หวงสามีมากถึงขั้นสาปเพื่อนให้เป็นเนื้อคู่กับหมีป่าเชียวเหรอ...ใจร้ายยยยยยยยยยยย
“ยูยะนี่ฉันเอง ไม่ใช่หมี”
เสียงทุ้มๆคุ้นหูทำให้นางฟ้าหยุดดิ้นทันที พอหันกลับไปมองชัดๆก็รุ้ว่า
แท้จริงแล้วสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่หมีป่า แค่คล้ายๆ
ส่วนที่คิดไปเองว่าถูกหมีคาบ
ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายจับขาของยูยะไว้ต่างหาก
“ใครน่ะ?? นายเป็นใคร??”
ยูยะพิจารณาคนตรงหน้าอยู่เป็นนานสองนาน
จึงได้เห็นว่าใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเครารุงรังนั่น
หล่อเหลาไม่น้อย
รู้สึกคุ้นตาแต่ก็นึกไม่ออก
“โธ่ยูยะ..นี่ฉันเอง คุซา”
“คุซา?
คุซาโนะเหรอ??
พออีกฝ่ายพยักหน้ารับ นางฟ้าคนสวยก็ทำตาโตเท่าไข่ห่าน สวรรค์!!! นี่ใช่คุซาโนะเพื่อนเล่นในวัยเด็กของยูยะจริงหรือนี่ เพียงเวลาไม่กี่ร้อยปีที่ไม่ได้พบ
เหตุใดหมีน้อยน่ารักที่ยูยะมักจะบังคับเอามาทำตุ๊กตานอนกอดถึงได้กลายพันธุ์ไปได้ขนาดนี้ นี่ถ้าไม่เห็นไฝที่ใต้ตาล่ะก็ ยูยะไม่มีทางจำได้
“เพราะฉันต้องคอยดูแล เจ้าพวกนั้นน่ะ”
คุซาโนะชี้มือไปยังอีกฟากฝั่งของแม่น้ำ
ยูยะมองเห็นกลุ่มขนสีน้ำตาลฝูงใหญ่กองรวมกันเหมือนภูเขา
เมื่อมองให้ชัดจึงรู้ว่ามันคือฝูงหมีที่อาศัยอยู่บนสวรรค์ ท่องเที่ยวทั่วไปบนฟากฟ้า มนุษย์มองเห็นเป็นดวงดาวจึงตั้งชื่อให้ว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่นั่นเอง
“ดูแลหมีก็ไม่เห็นจะต้องทำตัวเหมือนหมีเลยนี่นา”
“ถ้าไม่ทำตัวให้กลมกลืนเจ้าพวกนั้นก็จะไม่ยอมให้เข้าใกล้น่ะสิ” คุซาโนยิ้มกว้าง “ว่าแต่ยูยะมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”
คำถามนั้นทำให้นางฟ้าระลึกถึงจุดประสงค์ที่มานั่งอยู่ที่ริมแม่น้ำนี้ได้
ยูยะพยายามมองหาใครคนอื่นที่น่าจะมาอยู่แถวๆนี้บ้าง แน่นอกจากฝูงหมีที่นอนพักผ่อนอยู่ที่อีกฟากของแม่น้ำแล้ว ก็ไม่มีใครอีก
คุซาโนะและยูยะอยู่กันเพียงลำพังสองคน
แล้วเนื้อคู่ของนางฟ้าจะเป็นใครไปได้อีก..นอกจาก
นางฟ้าแทบจะแปลงร่างเป็นนางมารทันที ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองโกรธที่ได้คู่เป็นคนหน้าหมี หรือโกรธที่อีกฝ่ายทำไม่รู้ไม่ชี้กันแน่ แต่พอจะลุกหนีเท่านั้นแหละ ก็ถูกรวบตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนที่ทั้งอุ่น ทั้งอ่อนโยนผิดกับหน้าตาเจ้าของ
“ห้ามไปไหนทั้งนั้นแหละ ยูยะต้องอยู่กับฉัน ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป”
ถ้าเป็นคนอื่นมาพูดด้วยแบบนี้ มีหรือยูยะจะยอม แต่อาจเป็นเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าถูกกำหนดมาให้เป็นเนื้อคู่ของนางฟ้ากระมัง
หรืออาจเป็นเพราะดวงตาสุกใสออดอ้อนที่ซ่อนอยู่ใต้คิ้วและขนตาดกหนา ที่ทำให้นางฟ้าเกิดอายม้วนไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว
ดังนั้น..ผ้าผืนสุดท้ายที่ตั้งใจจะทอให้เนื้อคู่
จึงถูกโปะลงเต็มหน้าของคุซาโนะด้วยความเขินอายปนโมโหเล็กน้อย
“ยูยะโกรธฉันเรื่องอะไรเหรอ?”
“ก็..คุซามาช้า ฉันรอตั้งนาน”
“อ่ะ” คุซาโนะยิ้มแหยๆ “ขอโทษนะ พอดีว่าแวะไปที่ดวงจันทร์มาน่ะ แล้วก็มีเรื่องยุ่งนิดหน่อย”
เรื่องยุ่งนิดหน่อยที่คนดูแลหมีไม่อยากจะเล่าให้นางฟ้าฟัง ก็คือว่าเขาพาฝูงหมีลงไปเยี่ยมชิเงะ
แต่กลับทำให้ลูกๆของชิเงะตกใจจนเผลอใช้เวทมนต์ทำให้หมีตกใจวิ่งหนีหายไปทั้งฝูง กว่าจะตามให้กลับมาอยู่ในวิถีของดวงดาวได้ ก็ลำบากบรรดาพี่เลี้ยงบนดวงจันทร์ไปมากโข
ยูยะพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเข้าใจ เพราะกว่าจะได้มาอยู่ในอ้อมแขนนี้ ก็พบอุปสรรคลำบากลำบนพอกัน แต่ถึงอย่างนั้นในที่สุดก็ได้พบกัน
เรื่องของนางฟ้าตามหาเนื้อคู่ก็จบลงด้วยประการฉะนี้แล...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เทศกาลดวงดาวของโลกมนุษย์ปีนี้ ตรงกับวันพระจันทร์เต็มดวงพอดี โคโค่จึงพายามะ ชี่น้อย และแฮมทาโรขึ้นมาวิ่งเล่นบนดวงจันทร์เหมือนเคย ทุกคนนั่งเล่นรอบทะเลสาบ
เฝ้ามองภาพสะท้อนดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองเทศกาลดวงดาวจากโลกมนุษย์พลางพูดคุยกัน
“ชิเงะเคยขอพรจากกษัตริย์แห่งท้องฟ้าบ้างรึเปล่า”
“เคยสิ”
“ขอให้ได้เจอกับฉันใช่มั๊ย?”
“เปล่า”
ชิเงะตอบพลางแอบมองแมวลายตาตี่ในร่างมนุษย์ด้วยหางตา เห็นอีกฝ่ายเปลี่ยนสีหน้าจากตื่นเต้นดีใจกลายเป็นแมวหงอย “แค่ขอให้บนดวงจันทร์นี่ไม่มีความเงียบเหงาเท่านั้นแหละ”
แล้วหลังจากนั้น
ชิเงะก็มองลงไปบนโลกเห็นแมวลายหมายจันทร์ตัวหนึ่ง มองไปมองมาจนหล่นลงไปบนโลก ถูกแมวงาบจนมีลูกด้วยกันนี่แหละ
“จากนั้นชีวิตฉันก็ไม่เคยมีคำว่าเงียบสงบอีกเลย ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นพรได้รึเปล่า”
ชิเงะพูดไปก็แอบหัวเราะไป
เพราะคนข้างๆเริ่มกลายเป็นแมวขี้น้อยใจไปแล้ว ก่อนที่โคโค่จะงอนหนีกลับลงไปบนโลก
ชิเงะจึงต้องง้อด้วยคำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายยิ้มกว้างจนตาตี่ยิ่งกว่าเดิม
“แต่ฉันก็ดีใจที่เราได้เจอกันนะ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“นี่ๆ
ดูหน้าปะป๊าสิ ถูกหม่ามี๊ดุอีกแล้วแหงเลย”
ลูกๆของโคโค่และชิเงะ นั่งมองพ่อแม่คุยกันอยู่ห่างๆ พลางกระซิบกระซาบ
“แต่ทำไมหม่ามี๊หัวเราะล่ะ??”
“อ๊ะ
นั่นไง ปะป๊ายิ้มแล้วววว~ ดีใจจัง”
“ปะป๊าหม่ามี๊กอดกันด้วยล่ะ
“
“แบบนี้อีกไม่นานหม่ามี๊ต้องท้องโตมีน้องให้เราอีกแหงๆเลย”
“เย้~ จะมีน้องอีกแล้ว
จะมีน้องอีกแล้ววววววว”
ยามะ ชี่น้อย
แฮมทาโร และเหล่าพี่เลี้ยงฟังเด็กๆสนทนากันแล้วละเหี่ยเพลียใจเป็นที่สุด ลูกๆรุ่นแรก
ดวงจันทร์กับครอบครัวมนุษย์สองครอบครัววุ่นวาย พอมีรุ่นสองทำชีวิตนางฟ้าวายวุ่น ถ้ามีรุ่นสามตามมาอีกละก็.. คงวุ่นกันไปทั้งสวรรค์ แค่คิดก็ป่วยแล้ว
“เหมียว~เมื่อกี๊ไล่จับหมีเหนื่อยจังเลย ง่วงแล้วด้วย”
ยูมะขยับไปอยู่ใกล้ๆกับยามะด้วยความเคยชิน ตอนเป็นกระต่ายอยู่บนโลก ยูมะจะเป็นหมอนข้างให้แมวอ้วนอย่างยามะเสมอ
พอมาอยู่บนดวงจันทร์กลายเป็นคนก็ยังอยากเป็นหมอนข้างให้
เพราะยามะกอดแล้วอุ่นดี
ที่สำคัญนอนข้างๆยามะดีกว่านอนกับพี่ๆน้องๆเพราะยามะไม่นอนดิ้น นอนด้วยแล้วไม่โดนถีบ
“ยามะอ่ะ !
ลำเอียงอีกแล้ว
พวกเราก็วิ่งตามหมีเหมือนกัน ทำไมไม่กล่อมเค้านอนมั่งอ่ะ”
แฮมทาโรกับชี่น้อยโวยวายด้วยความอิจฉาเป็นที่สุด
แต่ยามะก็ทำหูทวนลมไปเสีย
ยูโตะเลยต้องเอาใจชี่น้อยแทน
“โอ๋ๆๆๆ
ชี่น้อยมานอนตักฉันก็ได้ เดี๋ยวจะร้องเพลงกล่อม มามะ~”
ชี่น้อยถลาเข้าไปสู่อ้อมแขนของยูโตะทันที ส่วนแฮมทาโรที่ทำท่าจะไม่ยอมก็ไม่เห็นพูดอะไรตอนที่ยาบุมาอุ้มออกไปจากที่ตรงนั้น พอไม่มีใครกวนแล้ว
ยามะก็ไถลตัวลงนอนข้างๆยูมะบ้างแล้วก็หลับไป
จากนั้นทั้งเด็กๆและพี่เลี้ยงคนอื่นๆก็หลับตามกันไป
เหลือแต่ฮารุและยูยะที่ยังนั่งมองดอกไม้ไฟที่สะท้อนอยู่บนพื้นผิวทะเลสาบ
“คิดถึงโลกมนุษย์เหรอ?
ยูยะ”
“เปล่า กำลังคิดถึงเรื่องของนางฟ้า ฉันสงสัยว่าทำไมนางฟ้าถึงอยากมีคู่”
“ก็เพราะเวลาที่อยู่คนเดียว มันเหงามากไงล่ะ” ฮารุขยับเข้าไปกอดยูยะแล้วยิ้มให้ “แต่นายไม่ต้องกลัวว่าจะเหงาหรอก เพราะฉันจะไม่มีวันปล่อยให้นายอยู่คนเดียว”
ยูยะเบือนหน้าหนีรอยยิ้มสว่างจ้าของฮารุ
ทำเป็นมองแสงจากดอกไม้ไฟ
พึมพำอุบอิบด้วยถ้อยคำที่ฮารุได้ยินแล้วยิ้มกว้าง
“ถ้านายผิดสัญญา
ฉันจะตามไปกัดให้หูขาดเลย ฮารุ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บนโลกมนุษย์ เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองแสงจันทร์จากหน้าต่างของอพาร์ทเมนท์ โดยมีสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักกระโดดอยู่บนตัก
“ไดจัง ชอบพระจันทร์รึเปล่า”
เจ้าเพนกวินตัวน้อยหันมาทำตาแป๋วใส่เมื่อถูกถาม เคย์โตะยิ้มให้ แล้วก็พูดต่อไปเรื่อยๆ
“ฉันชอบพระจันทร์นะ แล้วก็ชอบดวงดาวด้วย รู้ไหมไดจัง ตอนที่ไดจังว่ายน้ำหนีฉลามอยู่ในทะเลน่ะ ฉันอธิฐานให้ไดจังปลอดภัย ก็ไม่รู้ว่าพระจันทร์หรือดวงดาวเนอะที่ส่งไดจังมาให้ฉัน”
เจ้าเพนกวินส่งเสียงวี๊ดๆเหมือนอยากจะคุยด้วย ถึงเคย์โตะจะไม่เข้าใจภาษาเพนกวิน แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าสัตว์เลี้ยงตัวน้อยตั้งใจฟังเขาทุกคำ
“แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นดวงจันทร์หรือดวงดาว
ที่ทำให้ไดจังกลายเป็นคน แต่จะเป็นเพราะอะไรก็เถอะ ถ้าฉันจะขอให้ไดจังกลายเป็นคนอีก จะได้มั๊ยนะ?”
สิ้นคำขอแสงสีเงินที่คุ้นเคยก็สว่างวาบ เมื่อแสงนั้นจาง ก็ปรากฏร่างหนุ่มน้อยน่ารักคนหนึ่ง
ทำตาใสแป๋วนั่งอยู่บนตักของเคย์โตะแทนที่เจ้าเพนกวิน
เคย์โตะอ้าปากค้างไปสามวิ!!!!!
“อีกแล้วเหรอเฮ้ยยยย!!!!!”
“ได~ ^^ ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++