Saturday 17 November 2012

[SF]✪~Rabbit on the Moon ~✪[ A little penguin Part ]


Title       :               Rabbit   the moon [ A little penguin part ]

Writer   :               Nalikakeaw

Paring   :               Okadai










โลกนี้มีสิ่งมหัศจรรย์มากมาย  สำหรับชีวิตนักศึกษามหาวิยาลัยปีแรกอย่างผม  เป็นครั้งแรกที่ผมได้อยู่ไกลจากบ้าน  การที่พ่อแม่ยอมปล่อยให้ผมมาเรียนถึงอังกฤษ  ให้มาใช้ชีวิตตัวคนเดียวท่ามกลางคนต่างเชื้อชาตินั่นก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างหนึ่งล่ะ  แต่ผมก็รู้ว่าผมจะได้เจออะไรอย่างอื่นที่มหัศจรรย์มากกว่าทุกครั้งที่ตื่นนอน


วี๊ด~ วี๊ด~


เสียงนาฬิกาปลุกของผม  ดังเหมือนที่มันเคยเป็นทุกเช้า  แต่ทุกครั้งที่มันปลุก  ผมจะพลิกตัวนอนคว่ำ  ซุกหัวเข้าไปอยู่ใต้หมอนอย่างอารมณ์ดี


วี๊ดๆๆๆๆๆ~


นาฬิกาปลุกของผมร้องอย่างอารมณ์เสีย  เสียงโทนสูงต่ำไม่เป็นเพลงทำให้ผมต้องเหวี่ยงหมอนออกไป  พลิกตัวนอนตะแคง  มองนาฬิกาปลุกสีขาวดำแกมเทาเด้งดึ๋งๆอยู่ข้างเตียง  มองผ่านๆ  คุณจะคิดว่าเป็นลูกหมาตัวน้อยๆกำลังจะตะกายขึ้นมาอยู่บนเตียงเดียวกับผม  แต่ลูกหมาไม่ร้องวี๊ดๆ  ด้วยเสียงแหบๆแบบนี้  และลูกหมาก็ไม่มีปีกเล็กๆที่บินไม่ได้  ไม่มีจงอยปากและเท้าแบนๆสีดำซะด้วย


อรุณสวัสดิ์ ไดจัง~”


ผมเอื้อมไปคว้านาฬิกาปลุกแสนรักของผมขึ้นมา  โดยจับตรงใต้ปีกแบนๆทั้งสองข้าง เหมือนกำลังอุ้มเด็ก  แล้วก็จับมาวางบนหน้าท้องของผม  เจ้าตัวเล็กกระโดดอยู่บนตัวผมสองสามทีแล้วก็ล้มลงนอน  ใช้ปีกเล็กๆตีหน้าอกผมแปะๆเหมือนจะเรียกให้ผมตื่น  แต่ผมกลับกอดมันไว้แน่น  แล้วทำท่าเหมือนจะหลับต่อ  คราวนี้ปีกเล็กๆนั่นเลยย้ายที่มาตีหน้าผมแทน


โอเคๆๆ ตื่นแล้ว


ผมยอมลุกขึ้น  แล้วนาฬิกาปลุกของผมก็กระโดดลงจากเตียง  แต่ด้วยความขาสั้น ( ? ) ทำให้เวลาลงถึงพื้นทีไรมักจะเกิดอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆทุกที  วันนี้เจ้าตัวเล็กเอาหัวโหม่งพื้นเฉยเลย


ไดจัง~ โธ่เอ๊ย ผมร้องระหว่างที่เข้าไปจับเจ้าตัวเล็กไม่ให้กลิ้งหลุนๆไปชนอะไรต่อมิอะไร กระโดดท่าไม่สวยสักวันเลย


เจ้าตัวเล็กเหมือนจะไม่เจ็บตรงไหน  พอลงยืนได้ก็เดินเตาะแตะไปทางห้องครัว


คุณสงสัยล่ะสิว่านี่มันนาฬิกาปลุกหรืออะไรกันแน่ ??


จริงๆแล้วไดจังคือสัตว์เลี้ยงของผมนั่นแหละครับ  ที่ไดจังปลุกผมทุกเช้าก็เพราะว่าไดจังหิว  และผมก็ตื่นสายทำให้ไดจังต้องแขวนท้องรอบ่อยๆ


สัตว์เลี้ยงของผมตัวเล็ก  แต่ไม่มาก  ความสูงที่วัดเมื่อวานคือเจ็ดสิบเซ็นต์   ตัวกลมๆป้อมๆ  มีขนอ่อนๆสีเทาฟูฟ่องรอบตัวจนแทบจะมองไม่เห็นเท้า มีปีกเล็กๆแนบกับลำตัวซึ่งช่วยให้ว่ายน้ำได้ดีมากกว่าบิน  มีใบหน้าสีขาว จงอยปากและหัวสีดำ


นกเพนกวิน..


ครับ...เจ้าตัวเล็กของผมคือนกเพนกวิน  ตามที่ผมเสิร์ชหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตแล้ว  ลักษณะแบบนี้คือลูกเพนกวินจักรพรรดิที่ยังไม่โตเต็มที่


แล้วผมกับเจ้าเพนกวินมาเจอกันได้ยังไงน่ะเหรอ??


เรื่องมันยาว...คุณอยากฟังมั๊ยล่ะ??






++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





อืมม์...ดูเหมือนไม่มีใครอยากฟังซักเท่าไหร่


แต่ผมก็อยากเล่านะ...เพราะฉะนั้นคุณทนๆฟังไปหน่อยก็แล้วกัน  ก็เรื่องนี้น่ะ..มันมหัศจรรย์เกินกว่าจะไปเล่าให้ใครฟังได้น่ะสิ


เรื่องมันเริ่มจากลิซซี่  แฟนสาวของผม  อยากเห็นปลาวาฬตัวเป็นๆสักครั้งในชีวิต  หลังจากการสอบสุดโหดที่ทำให้สูญสิ้นพลังงานไปหมดทั้งตัว  เราก็เลือกพักผ่อนด้วยการล่องทะเลไปดูปลาวาฬกัน


ทัวร์ใช้เวลาสองวันกับหนึ่งคืน  ไม่นับรวมเวลาเดินทางที่ต้องต่อรถ ข้ามแม่น้ำ ลงเรืออีกหลายทอดกว่าจะถึงที่หมาย  เพราะงั้นผมจะข้ามส่วนนี้ไปก็แล้วกัน


เรือโดยสารของเราเป็นเรือสำราญ ลำไม่ใหญ่นัก  แต่ก็มีห้องพักและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน พอดีกับจำนวนลูกทัวร์ไม่ถึงยี่สิบคน  มีดาดฟ้าเรือสองสามชั้น  ซึ่งชั้นบนสุดเป็นที่สำหรับให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาดูปลาวาฬกัน


มันเป็นภาพที่น่ามหัศจรรย์มากที่ได้เห็นปลาวาฬเพชรฆาต  น้ำหนักเกือบๆพันตันโผขึ้นจากน้ำสู่อากาศแล้วตกลงกระแทกผืนน้ำ  น้ำที่กระจายคงสูงเท่าตึกสามชั้นหรืออาจจะมากกว่านั้น  ผมตื่นเต้นและประทับใจจนลืมอาการเมาเรือไปเลยทั้งวัน


พอตกกลางคืนอาการเมาเรือก็กลับมาเล่นงานผมอีก  ผมไม่สามารถนอนได้เลยเพราะรู้สึกว่าเรือมันโคลงเคลงจนผมเวียนหัว  ผมคิดว่าห้องแคบๆคงไม่ดีต่อสุขภาพของผมเท่าไหร่  เลยตัดสินใจออกไปสูดไอทะเลยามค่ำคืนที่ดาดฟ้าเรือชั้นสอง  เพราะผมขี้เกียจตะกายขึ้นไปชั้นบนสุดน่ะ


อากาศบริสุทธิ์ช่วยผมได้เยอะจริงๆ  และทะเลตอนกลางคืนกับพระจันทร์ดวงโตสีเงินก็เข้ากันอย่างเหมาะเจาะ  ผมยืนมองมันอยู่นาน  จนกระทั่งเห็นอะไรบางอย่างโผขึ้นเหนือคลื่นและตกลงไปในทะเลครั้งแล้วครั้งเล่า


สิ่งมีชีวิตนั้นเล็กมาก แต่มันว่ายอยู่ไม่ไกลจากเรือ ถึงพอมองเห็นได้


ผมวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือชั้นบนสุด คว้ากล้องส่องทางไกลๆเพื่อจะได้เห็นชัดๆ


ในคลื่นน้ำที่สะท้อนแสงจันทร์  ที่ไล่ตามหลังสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ มีเพียงครีบรูปสามเหลี่ยมที่โผล่ขึ้นเหนือน้ำ   เห็นแค่นั้นผมก็รู้แล้วว่ามันคือฉลาม  และที่กำลังว่ายน้ำอย่างสุดชีวิตอยู่ข้างหน้าคือเพนกวิน


ถ้าเทียบความเร็ว  ใครก็ดูออกว่าเจ้าเพนกวินจะไม่มีทางหนีพ้น  แต่มันก็ฉลาดพอที่จะว่ายน้ำฉวัดเฉวียนไม่ใหเจ้าฉลามจับทางได้  แต่ครั้งหรือสองครั้งที่เจ้าเพนกวินเกือบจะพาตัวไปเข้าปากฉลามเสียเอง  หัวใจผมแทบกระดอนตกทะเลเพราะความตกใจ  ผมรู้ว่ามันคือกฎ  ธรรมชาติสร้างนักล่าขึ้นมาเพื่อให้ทุกสิ่งมีความสมดุล  ผมไม่สามารถกระโจนลงน้ำเข้าไปช่วยเจ้าเพนกวินได้  แต่ในใจก็สวดภาวนา  ...  ขอให้มันปลอดภัย  .... ขอให้มันหนีพ้น  ทั้งๆที่เห็นอยู่กับตาว่าเจ้าเพนกวินอ่อนแรงลงทุกทีก็ตาม


แล้วผมก็ตาพร่า


วินาทีต่อมาผมกะพริบตาไล่แสงสีเงินที่วิบวับอยู่ในดวงตาให้หายไป  ผมไม่รู้ว่าเมื่อกี๊เกิดอะไรขึ้น  รู้แต่ว่าตอนนี้สองแขนของผมกำลังโอบประคองตัวอะไรสักอย่างกลมๆนุ่มๆ


เฮ้ย!!!


ผมแทบจะโยนเจ้าสิ่งนั้นลงทะเล  แต่ทันทีที่เห็นว่ามันคือนกเพนกวินที่เปียกโชกและหนาวสั่น  ผมก็ชะงัก


นายมาอยู่ตรงนี้ได้ไง????”


เพนกวินน้อยก็ดูจะงงพอๆกับผม  ให้ตาย ! นี่ผมควรจะทำยังไงดี  จะปล่อยลงทะเลก็เหมือนส่งเพนกวินเข้าปากฉลาม  แต่คนบนเรือจะว่ายังไงล่ะถ้าเห็นเพนกวินตัวนี้อยู่กับผม


เอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยให้เจ้าหน้าที่มาดูละกันเนอะ เค้าคงจะพานายไปอยู่ในสวนสัตว์อะไรประมาณนั้นน่ะแหละ  ตอนนี้ก็หลับพักผ่อนซะ


เจ้าเพนกวินเอียงคอมองผม ตอนที่ผมจับมันเข้ามาอยู่ในเสื้อแจ็กเก็ตตัวหนาที่ผมใส่



และหลังจากนั้นมันก็ไม่คลาดสายตาไปจากผมอีกเลย






++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





สุดท้ายแล้วผมก็พาไดจังกลับมาที่อพาร์ทเมนท์โดยไม่บอกใคร  แม้กระทั่งแฟนสาวของผม  เธอไม่รู้เลยจนกระทั่งมาถึงห้องแล้วไดจังโผล่มาจากกระเป๋าเดินทางใบเล็กของผมเอง   ลิซซี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ  แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อผมยืนยันว่าจะเลี้ยงเพนกวิน


เคย์โตะ  แน่ใจนะ?”


โฉะอง  เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งถามเหมือนจะลองใจ  เพนกวินนะโว้ย! ไม่ใช่หมาแมว นายต้องดูแลใส่ใจยิ่งกว่าลูกอีก  เอาไปให้เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ดูแลไม่ดีกว่าเหรอ?”


ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้นแหละ”  ผมอุ้มไดจังขึ้นมาวางบนตัก จับให้หันหน้าไปทางโฉะอง แต่นายดูนี่สิ


เจ้าเพนกวินน้อยกะพริบตาใส่เพื่อนผม  เอียงหัวซ้ายทีขวาทีเหมือนเจอของแปลก  จากนั้นก็กระโดดจากตักผมไปอยู่บนตักโฉะองอย่างร่าเริง  ทั้งหนึ่งคนกับหนึ่งตัวเล่นเกมจ้องตากันอยู่ห้านาที  จากนั้นผมก็รู้เลยว่าเพื่อนผมตกหลุมใจอ่อนกันตาใสๆของไดจังไปแล้วเรียบร้อย


เพราะหลังจากนั้น  กรงสำหรับเพนกวิน  อาหาร และอะไรต่อมิอะไรก็ถูกขนมาไว้ในห้องของผม  เพื่อนๆของผมพร้อมใจกันปิดเรื่องของไดจังเป็นความลับ  แต่เวลามาห้องผมทีไรมักจะมีปลามาฝากไดจังเสมอๆ  จนผมแทบไม่ต้องควักเงินซื้อเลย


นอกจากความน่ารัก  ไดจังยังฉลาดด้วย ผมสอนเรื่องเข้าห้องน้ำ ไดจังก็จำได้ทันทีและไม่ทำอะไรเลอะเทอะอีกเลย  ตอนที่ผมจับไดจังใส่กระเป๋าแล้วพากลับมา  ไดจังก็ไม่โวยวายสักนิด ยอมอยู่นิ่งๆในกระเป๋าจนถึงอพาร์ทเมนท์


โฉะองบอกว่าธรรมชาติของพนกวินอยู่รวมกันเป็นฝูงแต่ไดจังอยู่ตัวเดียวได้เวลาที่ผมไปเรียน  แต่ถ้าวันไหนผมกลับดึกไดจังจะงอนจนไม่ยอมออกจากกรงมาเจอหน้าผมเลย  ซึ่งผมต้องง้อด้วยของโปรดของไดจังถึงจะหาย  จนเพื่อนๆแซวว่ามีแฟนเป็นเพนกวินไปแล้ว


แต่แฟนสาวของผมกลับไม่คิดอย่างนั้น  เพราะผมใช้เวลาอยู่กับไดจังมากกว่าเธอ เธอเคยยื่นคำขาดให้ผมเลือกระหว่างเธอกับไดจัง  ซึ่งผมทำให้เธอกรี๊ดหูแทบดับเพราะผมเลือกเพนกวิน..


ลิซซี่น่ะ  ถึงไม่มีผมเธอก็อยู่ได้แน่ๆอยู่แล้ว  แต่ถ้าไดจังไม่มีคนดูแลจะทำยังไงล่ะ  เจ้าหน้าที่ในสวนสัตว์จะรักไดจังเท่าที่ผมรักมั๊ย  ถ้าไดจังงอนจะมีคนคอยง้อรึเปล่า แล้วถ้าไปอยู่รวมกับฝูงเพนกวินตัวอื่นๆจะรังแกไดจังไหม?


หนึ่งเดือนที่อยู่ด้วยกัน  ความผูกพันมีมากเกินจะทิ้งกันไปได้


แต่ลิซซี่ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ  เหมือนที่เธอตามตื๊อขอผมเป็นแฟนนั่นแหละ  เธอขู่ว่าถ้าไม่พาไดจังไปส่งที่สวนสัตว์  เธอจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มารับไดจังไป


เฮ้อ~”


ผมถอนหายใจ  ไดจังมองหน้าผม เดินเหยียบหลังเท้าผมไปมา  เท้าเล็กๆที่สัมผัสโดนเท้าของผม  มันทำให้รู้สึกสบายใจ


ไดจัง  บอกแล้วไงว่าอย่ามาเดินตรงนี้  เดี๋ยวก็ถูกเหยียบหรอก


ครั้งหนึ่งไดจังไปเดินใกล้ๆลิซซี่ตอนที่เธอกำลังล้างจาน  โดนเตะเข้าเต็มแรง  ลิซซี่บอกว่าเธอไม่ทันมองว่าไดจังอยู่ตรงนั้น  ส่วนไดจัง...ก็งอนผมมุดเข้ากรงไปตามระเบียบ  ผมไม่เชื่อลิซซี่แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง  หลังจากนั้นไดจังก็ไม่ยอมเข้าใกล้แฟนผมอีก  วันไหนที่ลิซซี่มาหา ไดจังจะงอนหนีเข้ากรง  ผมเลยแก้ปัญหานัดเจอแฟนที่อื่นแทน  แต่ผมยังมีปัญหาว่าจะขอกุญแจห้องคืนจากเธอยังไง


เสียงวี๊ดๆของไดจังเตือนว่า ผมควรจะหั่นปลาให้เสร็จแล้วให้อาหารไดจังได้แล้ว  ผมป้อนชิ้นปลาที่หั่นพอดีคำให้ไดจังก็กลืนลงคอไปเลย  พอไดจังอิ่มก็อยากว่ายน้ำเล่น  ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ  เปิดน้ำใส่อ่างแล้วอุ้มไดจังลงไปในนั้น  เพนกวินน้อยดำผุดดำว่ายสบายใจไม่ต้องให้ผมคอยห่วงเหมือนตอนแรกๆที่ว่ายน้ำเร็วจนเอาหัวโหม่งอ่างน้ำ


พูดจริงๆนะ  ผมมีความสุขที่ได้อยู่อย่างนี้  อยู่กับเพนกวินของผม  แต่อีกใจผมก็คิดว่าไดจังสมควรได้มีชีวิตอยู่ในธรรมชาติจริงๆ  ไม่ใช่ว่ายน้ำอยู่ในอ่างแบบนี้


เฮ้อ~ เอ้ย!!


ไดจังใช้ปีกตีน้ำในอ่างกระเด็นใส่ผมจนเปียกโชก  ส่งเสียงร้องวี๊ดๆ เหมือนหัวเราะชอบใจแล้วก็มุดน้ำหนี  ผมหัวเราะ


อาจจะเห็นแก่ตัว  แต่ผมอยากให้เราอยู่กันแบบนี้ตลอดไปจริงๆนะ..






++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




วันต่อมา  ผมตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆทับตัวอยู่  ผมคิดว่าเป็นไดจัง  อืม~ สงสัยต้องลดอาหารซักหน่อยแล้วมั้ง  ไดจังทำไมตัวหนัก


ขอนอนต่ออีกนิดนะไดจัง


ผมรวบตัวเพนกวินเข้ามากอดเหมือนเคย  แต่แทนที่จะได้สัมผัสกับขนฟูๆนุ่มๆ  กลับสัมผัสถูกผิวเนียนเรียบลื่น  ผมลืมตาอย่างรวดเร็ว  แล้วพบว่า..


ผมกำลังกอดเด็กผู้ชาย!!!


นายเป็นใคร?!!!”


ผมร้องลั่น  ไม่ถามอย่างเดียวถีบร่างที่คร่อมทับผมอยู่ตกเตียงไปด้วย  หัวใจของผมหายไปอยู่ตรงไหนแล้วก็ไม่รู้  นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!!!  ไอ้หมอนี่มันเป็นใครมาจากไหน ?!! เข้ามาได้ยังไง ???  เข้ามาทำอะไรในห้องผม??


ร่างเล็กเปลือยเปล่าที่นั่งกองอยู่บนพื้น  ทำหน้าตาตื่นไม่แพ้ผม  พอผมโวยวายหนักเข้า  เจ้าตัวก็ส่งเสียงฮึดฮัด  สะบัดหน้าแล้วมุดกรงเพนกวิน


อย่าไปทางนั้น!!!


ผมเหวี่ยงร่างนั้นไปให้พ้นทาง  สอดมือเข้าไปในกรง  อุ้มไดจังออกมา


แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า


สมองของผมปะติดปะต่อเรื่องราวอย่างรวดเร็ว  หันกลับไปมองหน้าร่างเล็กที่ยังทำหน้าตาเหมือนตกใจที่ถูกเหวี่ยง


นาย!! เอาไดจังไปไว้ที่ไหน  คืนมาเดี๋ยวนี้!!!


ผมเขย่าร่างเล็กจนหัวสั่นหัวคลอนด้วยความโกรธ  หมอนี่จะเป็นใครผมไม่สน  ผมต้องการไดจังของผมคืน


แต่แล้วผมก็ได้สบตาคู่นั้น  ดวงตาใสๆที่ทำให้ผมนึกถึงคืนแรกที่ได้เจอเพนกวินน้อย  แววตาตื่นกลัวน่าสงสารที่ทำให้ผมทิ้งมันไม่ลง


ไม่!! ไม่จริงน่ะ!!!


แง้!!!!!


ดวงตาคู่นั้นมีแต่หยาดน้ำใสๆร่วงลงมาไม่ยอมหยุด  แต่ผมยืนอึ้งจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว  ผมอยากเอาหัวโหม่งพื้นแต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่ได้ฝันแน่ๆ


ผมพยายามตั้งสติ  บอกตัวเองว่าอะไรๆที่ผมคิดมันคงจะเป็นไปไม่ได้แน่  ระหว่างนั้นร่างเล็กๆที่นั่งอยู่บนพื้นก็ยังคงร้องไห้ไม่หยุด  พอผมไม่สนใจก็ลากผ้าห่มของผมลงจากเตียง  มุดผ้าห่มแล้วเงียบไปเลย








++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





                หลังจากที่พยายามตั้งสติหลายต่อหลายครั้ง  ผมก็บอกตัวเองว่าจะมัวมานั่งนิ่งๆอย่างนี้ไม่ได้  คนตัวเล็กที่มุดอยู่ในผ้าห่มเงียบไปแล้ว  แต่ผมคิดว่าคงจะไม่หลับ  เพราะพอผมดึงผ้าห่มออก  คนข้างในก็กลิ้งทับผ้าห่มไว้แน่น


                “ไดจัง”  ผมเรียกอย่างไม่แน่ใจนัก สิ่งที่อยู่ในหัวผมน่ะ  มันเป็นไปไม่ได้หรอก  แต่แค่อยากพิสูจน์เท่านั้น ไดจัง


                เงียบ..


                ผมคิดไว้แล้วล่ะ  ต่อให้คนข้างในไม่ใช่เพนกวินของผมจริงๆก็ต้องโกรธอยู่ดี  ทั้งโดนถีบ โดนเหวี่ยง


                “ไดจัง  กินข้าวกัน


                ผมพยายามทำเสียงให้ร่าเริงเหมือนทุกเช้า  แต่มันก็ติดๆขัดๆเพราะความไม่แน่ใจ  ไดจังของผมเป็นเพนกวินแน่ๆ  แต่คนตัวเล็กที่ขดตัวเป็นเต่าอยู่ในผ้าห่ม มีแววตาเหมือนไดจังคือใครกันล่ะแล้วเพนกวินของผมหายไปไหน


                เสียงท้องร้องที่ไม่ใช่ของผมดังขึ้น  วันนี้ไดจังยังไม่ได้กินข้าวเช้า เพราะผมตื่นสายเป็นปกติ  ผมเดินเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบปลาออกมาหั่นใส่จาน  แล้วเอามาวางข้างกองผ้าห่ม  คอยลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ


                ห้านาทีแรกไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แต่หลังจากนั้นผ้าห่มก็เริ่มขยับ  ผมนั่งมองใบหน้าน่ารักค่อยๆโผล่ออกจากผ้า ดวงตากลมโตใสแป๋วแบบนั้น จมูกกับปากเล็กๆนั่น  ผมสีดำอย่างนั้น


                ยังไงก็ไม่ใช่หน้าตาของเพนกวินไปได้


                “อะไรเหรอ?” ผมถามเมื่อคนตัวเล็กยังมัวแต่จดจ้องๆปลาในจาน สลับกับมองหน้าผม  เออใช่  ปกติแล้วผมจะป้อนปลาให้ไดจังนี่นะ  พอคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนเหมือนกันก็เลยลืม


                ถ้าไม่พูดถึงร่างกายที่เป็นคน  ผมคิดว่าร่างเล็กตรงหน้านี้คือไดจังจริงๆ  ตั้งแต่ท่าทางตอนกิน  ตอนว่ายน้ำในอ่าง  หรือแม้กระทั่งสายตาที่มองผม


                “ไดจังจริงๆสินะนี่ผมเอ่ย ไดจัง


                “ได~”


                พอเป็นคนเสียงร้องวี๊ดๆเหมือนเสียงผิวปากก็เปลี่ยนไป แต่เหมือนเจ้าตัวจะพูดอย่างอื่นไม่ได้นอกจากร้องไดๆอย่างเดียว


                “เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตวะเรา


                ผมพูดเบาๆ ล้มตัวลงนอนกับพื้น  ไดจังเดินมาล้มตัวนอนบนตัวผมอย่างที่เคยทำ  ร่างเล็กตัวสั่น  ทำให้ผมนึกได้ว่าไดจังเพิ่งขึ้นจากน้ำ  ยังไม่ได้เช็ดตัว


                ผมคว้าผ้าขนหนูมาคลุมตัวไดจังผืนหนึ่ง  คว้าอีกผืนที่เล็กกว่าโปะลงบนหัวแล้วขยี้เบาๆ  ผมของไดจังเป็นสีดำสนิท ร่างเล็กมองผมตาแป๋วแล้วก็ยิ้มเหมือนเด็กตัวเล็กๆกำลังดีใจ  ตอนเป็นเพนกวินผมไม่เคยเห็นไดจังยิ้ม ( ถ้าเห็นก็แปลกล่ะ ) แต่เวลาที่มีความสุขไดจังจะตีปีกสั้นๆของตัวเองเร็วๆส่งเสียงร้องวี๊ดๆแหลมๆ  แค่นั้นก็ทำให้ผมยิ้มได้แล้ว


                แต่พอมาเห็นรอยยิ้มเต็มแก้มแบบนี้  มันทำให้ผมหลงลืมความทุกข์  ความกังวลใจไปเลย


                ผมตัดสินใจหยุดเรียนหนึ่งวัน เพราะไม่รู้จะทำยังไงกับร่างเล็กดี  ไดจังเองก็ดูจะงงๆกับร่างกายที่เปลี่ยนไปของตัวเอง  ผมพยายามอยู่ตั้งนานกว่าจะจับไดจังใส่เสื้อผ้าได้ แต่ทำได้แค่ใส่เสื้อ  โชคดีที่ไดจังตัวเล็กกว่าผมเยอะ  ชายเสื้อเชิ้ตเลยยาวลงมาเกือบถึงหัวเข่า


                “ข้าวเช้าก็กินแล้ว  น้ำก็อาบแล้ว  เราทำอะไรกันต่อดีไดจัง


                ร่างเล็กยังนั่งอยู่บนพื้น  เพราะยืนขึ้นทีไรไดจังจะตกใจตัวเองทุกที  สงสัยจะไม่ชินกับความสูงที่เพิ่มขึ้น  เพราะแบบนี้แหละผมถึงทิ้งไปไม่ได้  ไดจังทั้งฉลาดทั้งซน  อีกไม่นานไดจังจะต้องเปิดประตูห้องเองได้แน่ๆ  ถ้าเกิดเปิดประตูออกไปทั้งๆอย่างนั้นละก็  เกิดอะไรขึ้นผมไม่อยากจะคิด








++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





                ผมเลือกดูหนังฆ่าเวลา  แต่ผมดันเลือกหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับฉลาม  ไดจังร้องลั่น ยกมือขึ้นปิดตา  ตอนที่ฉลามโผล่จากน้ำพร้อมกับอ้าปากกว้างเห็นฟันคมๆเต็มปาก


                “โอ๋ๆๆ ไดจัง ไม่เป็นไรเนอะ เดี๋ยวเปลี่ยนไปดูอย่างอื่นก็ได้


                ปลอบอยู่ตั้งนานกว่าไดจังจะยอมเปิดตา  คราวนี้ผมเลยเปิดการ์ตูนแทน  ไดจังจ้องโทรทัศน์ตาไม่กะพริบ นานๆก็หันกลับมามองหน้าผมเหมือนมีอะไรสงสัย แล้วก็หันกลับไปดูต่อ  เป็นอย่างนี้จนผมเผลอหลับไป  จนกระทั่งถูกปลุก


                “หือ?? อะไรเหรอไดจัง


                ร่างเล็กทำตาปรือ  แต่ก็ไม่วายอ้อนผมให้พาไปนอน  ปกติแล้วไดจังนอนในกรง แต่ตอนนี้เป็นคนแล้วจะมุดเข้ากรงเหมือนเดิมก็ทำไม่ได้  ผมเลยให้ไดจังไปนอนบนเตียงของผมแทน


                พอไดจังหลับแล้ว  ผมก็ไม่มีอะไรจะทำ  นึกถึงตอนที่ผมออกไปเรียนแล้วทิ้งไดจังไว้ในห้องแค่ตัวเดียวแล้วก็อดสงสารไม่ได้  ผมอยู่ข้างนอกมีอะไรให้ทำตั้งมากมาย  วันหนึ่งผ่านไปเร็วเสียจนผมคิดว่าเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงยังไม่พอ  แต่สำหรับไดจัง  เวลาที่ต้องทนรอให้ผมกลับมา  มันคงจะยาวนานมากเลย


                “ต่อไปนี้จะไม่กลับบ้านดึกแล้วล่ะไดจัง


                ผมกระซิบ  แต่ไดจังก็ยังลืมตาขึ้นมองผม  ขยับตัวขึ้นมาซบอกแล้วก็หลับต่อ


                “น่ารักจริงๆน๊า~ ไดจัง~”


                ผมเผลอหลับไป  รู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่ได้ยินเสียงใครพูดคุยกัน   และเสียงประตูห้องนอนเปิด  ผมลืมตามองเห็นลิซซี่ยืนทำตาโตอยู่ที่ประตู ทำหน้าเหมือนโดนผีหลอก


                “ค-เคย์โตะ


                แฟนสาวเรียกชื่อผม  แล้วเธอก็หน้าแดง  ชี้หน้าผมด้วยความโกรธซึ่งผมยังนึกไม่ออกว่าผมไปทำอะไรให้เธอโกรธตอนไหน  ข้างหลังเธอมีผู้ชายสวมชุดหมียืนอยู่สองสามคน  ทั้งหมดอ้าปากค้างเหมือนผมเป็นตัวประหลาด


                ผมหันไปมองไดจัง  ร่างเล็กตื่นแล้ว ยังคงทำตาแป๋วไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ  แต่พอไดจังเห็นลิซซี่ก็ยกมือขึ้นปิดหู  ซึ่งผมเข้าใจทันทีว่าทำไม


                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!


                ผมตาสว่างทันที  หันไปกอดไดจังเอาไว้ทันทีที่แฟนสาวกระโจนเข้ามาเหมือนแม่เสือ  นั่นทำให้ลิซซี่โมโหหนัก  เธอกรี๊ดจนสุดเสียงแล้วก็วิ่งร้องไห้ออกจากห้องไป  ทิ้งผมไว้กับความงุนงงและชายในชุดหมี


                “เอ่อ”  ชายในชุดหมีเพิ่งหายจากอาการหูอื้อเอ่ยขึ้น มองผมด้วยสายตาที่อธิบายไม่ถูก  ขอโทษที่รบกวนนะครับ”  แล้วพวกเขาก็ออกจากห้องไป


                ทำให้ผมเข้าใจอะไรๆได้ทันที  ผู้ชายในชุดหมีนั่นเป็นเจ้าหน้าที่จากสวนสัตว์  ผมเห็นชื่อหน่วยงานปักอยู่ที่เสื้อด้านหลัง  ลิซซี่เป็นคนพาพวกเขามา  แต่กลับมาเจอผม...นอนกอดเด็กผู้ชาย


                มิน่าถึงไดกรี๊ดขนาดนั้น  เธอไม่รู้ว่าคนที่นอนบนเตียงเดียวกับผมคือเพนกวินน้อยไดจัง  แต่ถึงเธอรู้  เธอก็จะไม่เชื่ออยู่ดี  แล้วผมก็ยังปกป้องไดจังต่อหน้าเธอด้วยสิ


                ผมมีความรู้สึกว่าลิซซี่คงจะไปจากชีวิตผมตลอดกาลแน่คราวนี้  ซึ่งผมก็ไม่ได้เสียใจนัก คือผมหมายถึงว่าผมก็ชอบเธอนะ  แต่นิสัยบางอย่างของเธอทำให้ความชอบนั้นลดลงไป


                “ต่อไปลิซซี่จะไม่มาที่นี่แล้วล่ะ  ดีใจมั๊ยไดจัง


                “ได~”


                ผมกอดไดจังเอาไว้เหมือนที่ไดจังกอดผม  เหมือนยกภูเขาออกจากอก ชีวิตของผมนี่ช่างโชคดีจริงๆ  ผมควรจะขอบคุณใครดีที่ทำให้ผมมีความสุขแบบนี้


                “ขอบคุณนะไดจัง เฮ้ย!!!!!!


                ผมร้องลั่น  แสงสีเงินสว่างจ้าขึ้นจนตาพร่า  แล้วร่างเล็กในอ้อมกอดของผมก็กลับกลายเป็นเพนกวิน ไดจังนั่งมองผมตาแป๋วอยู่บนเสื้อเชิ้ตที่ผมใส่ให้เมื่อเช้า


                ผมมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา  ไดจังไม่ได้รู้สึกอะไรที่กลับไปเป็นเพนกวินเหมือนเดิม    แต่ผมสิ


                นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!!!!!!!!










++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





ระหว่างที่มนุษย์คนหนึ่งกำลังสติแตกอยู่บนโลก  บนดวงจันทร์ เหล่าพี่เลี้ยงก็กำลังวุ่นวายกับเด็กๆที่ล้มฟุบไปข้างบ่อน้ำแห่งความสมหวังเหมือนกัน


ทุกครั้งที่ใช้เวทมนตร์ช่วยเหลือผู้คนและสัตว์บนโลกมนุษย์  เด็กๆจะเหนื่อยจนหลับไปทั้งอย่างนั้น  พี่เลี้ยงที่คอยดูอยู่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ไปเสียทุกครั้ง  แต่ก็รู้ดีว่าหลังจากที่ได้นอนเต็มอิ่ม เด็กๆทั้งห้าคนจะลุกขึ้นมาวิ่งซนได้เหมือนเดิม


ที่น่าห่วงคือมนุษย์ที่เป็นเจ้านายของเพนกวินตัวนั้นต่างหาก


นายว่ามนุษย์ที่ชื่อเคย์โตะนั่นจะทำยังไง ฮารุ


ไม่รู้สิฮารุตอบ ก้มลงสำรวจเด็กๆที่หลับแน่นิ่งอยู่บนผืนหญ้าสีเงินสว่าง   เคนโตะ ฟูมะ ยูมะ  โฮคุโตะ ยูโกะ หลับตาพริ้มสบาย  และเริ่มดิ้น  แต่อย่างน้อยก็คงจะได้อยู่ด้วยกันไปอีกพักใหญ่ๆล่ะ


อืมม์”  ยูยะมองลงไปในบ่อน้ำ  แต่ก็เห็นแค่น้ำน้ำสีเงินสงบนิ่ง  ถ้าไม่มีเวทมนตร์ของเด็กๆ เขาก็ไม่อาจเห็นภาพจากโลกเบื้องล่างได้


เราพาเด็กๆเข้าไปนอนในบ้านเถอะฮารุบอก เขาได้ยินเสียงโครมครามดังอยู่ไม่ไกล  โชริ มาริ กับโซ ต้องวิ่งอยู่แถวๆนี้แน่


ฮารุกับยูยะกลายเป็นพี่เลี้ยงประจำตัวของเด็กๆกระต่ายครึ่งแมวไปซะแล้ว  ยิ่งโต  ความซนของเด็กๆก็ลดน้อยลงตามวัย  ถึงจะมีเรื่องป่วนๆไม่เว้นวันก็ยังพอจัดการได้ แต่พี่น้องอีกสามตัวที่ยังเด็กกว่ามากนักยังซนได้ไม่หยุดหย่อน พี่เลี้ยงสี่คนยังวิ่งตามแทบไม่ทัน


นั่นสิยูยะจัดการแบกเด็กขึ้นหลังฮารุมะ  ส่วนตัวเองก็อุ้มที่เหลือพาดบ่าเดินตามกันเข้าบ้านไปแบบสบายๆ  ซึ่งเป็นความโชคดีอย่างมาก  เพราะหลังจากที่พวกเขาเข้าบ้าน น้ำแข็งจากภูเขาอีกฟากฝั่งของทะเลสาบบนดวงจันทร์ก้อนเบ้อเร่อก็ตกลงตรงที่เด็กๆเคยนอนพอดี


ถึงบนโลกจะวุ่นวายขนาดไหน  แต่บนดวงจันทร์นี่วุ่นวายกว่าเยอะทีเดียว













++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





                จบแล้ววววว  เป็นฟิคเรื่องหนึ่งที่เขียนแล้วไม่เคยจะเครียด   กลับสนุกที่ได้จับเด็กๆมาแปลงร่าง  ทั้งที่ตั้งใจจะเขียนแค่พาร์ทของโคยาชิเงะ  แต่เขียนเพลินจนมีพาร์ทของเด็กๆตามมาด้วย  ยังไงก็ฝากด้วยนะคนอ่านทุกท่าน  คิดว่าฟิคเรื่องนี้คงมีตอนต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าคนเขียนจะหมดมุกละค่า


                สาระนิดนึง  เพนกวินในเรื่องคือลักษณะของลูกเพนกวินจักรพรรดินะคะ  ปกติลูกเพนกวินที่ยังไม่โตเต็มที พ่อแม่จะไม่ปล่อยให้ลงน้ำ เพราะยังว่ายน้ำไม่แข็งพอ  แต่คนเขียนจับเอามาเป็นตัวละครเพราะลูกเพนกวินขนฟูมันน่ารักกว่าตัวโตเต็มวัยที่ผลัดขนแล้วเท่านั้นเอง  ใครอยากเห็นรูปลูกเพนกวิน เสิร์ชหาดูได้ในกูเกิล  แนะนำให้ไปเช่าแผ่นการ์ตุนเรื่อง Happy Feet มาดูด้วยนะ  แล้วจะอินกับความน่ารักของน้องเพนกวิน