Wednesday 8 June 2011

[SF] H♥g & Smile☀ Part 2

Title --- Hug & Smile

Author --- Nalikakeaw

Parings --- Keito & Daiki

 
 
 
 
 
"ทำไมผ้าพันคอผืนนี้ยาวจังล่ะ"
 

ไดกิมองผ้าพันคอที่อยู่ในมืออย่างสงสัย  วันนี้จัมพ์มีถ่ายภาพกับให้สัมภาษณ์หนังสือนอกสถานที่ แล้วตอนนี้ก็ยกขบวนกันมาอยู่ในสวนสาธารณะ  ทุกคนแต่งตัวกันเสร็จแล้ว เหลือแค่สำรวจความเรียบร้อยก่อนถ่ายอีกนิดหน่อย  แต่ผ้าพันคอสีแดงผืนที่ไดกิจะใช้  มันยาวจนลากพื้น จนไดกิคิดว่าคอสตูมคงเอามาให้ผิดคน  แต่ต่อให้เอาไปพันให้มนุษย์สายพันธุ์ยีราฟอย่างยูโตะ มันก็ยังยาวเกินไปอยู่ดี
 

"ผ้าพันคอผืนนี้สำหรับสองคนจ๊ะ "

 
หมายถึงเมมเบอร์ที่ต้องถ่ายคู่กันสินะ  แต่วันนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะได้ถ่ายคู่ใคร จริงๆก็ไม่รู้จนกว่าตากล้องจะเริ่มงานนั่นแหละ
 

ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามา  เคย์โตะสวมเสื้อสีขาว ทับด้วยแจ็กเก็ตหนัง กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนังเข้ากัน  ร่างสูงเดินสบายๆแต่ทุกจังหวะย่างก้าวมั่นคง ดึงดูดสายตาทุกคนในที่นั้นให้หันมามอง
 

รู้แล้วว่าวันนี้เขาจะต้องถ่ายคู่กับใคร

 
ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนที่คอสตูมสาวจะจับปลายผ้าโอบรอบคอเคย์โตะ  แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายสูงกว่ามากจึงดูเหมือนว่าเจ้าหล่อนกำลังโอบเคย์โตะยังไงยังงั้น

 
"ผมทำให้เอง"  ไดกิบอกห้วนๆ  ไม่รอคำตอบ คว้าผ้าพันคอจากมือเธอคนนั้นมาพันให้ร่างสูงเสียเอง
 

"ขอบใจนะ"  น่าแปลกที่น้ำเสียงนุ่มๆที่เคยได้ฟังมานับครั้งไม่ถ้วนกลับทำให้หัวใจเต้นแปลกๆ และไดกิก็บอกตัวเองว่าที่แก้มของเขาร้อนขึ้น เป็นเพราะลมหายใจของเคย์โตะที่ก้มลงมาชิดจนเกินไปต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นไดกิก็ไม่อาจสบสายตาคมๆของอีกฝ่ายได้เลย
 

"ผ้าพันคอก็ยังยาวเกินไปอยู่ดี"

 
"อยู่ด้วยคนสิ" ด้วยคนที่ว่ามาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ไดกิก็นึกขอบคุณชิเนนอยู่ในใจที่ทำให้เขามีอะไรอย่างอื่นให้มอง แทนที่จะต้องสบตาคนที่ยืนอยู่ข้างๆนี่
 

"จะเริ่มถ่ายแล้ว  ไปกันเถอะ"
 

เคย์โตะคิดเอาเองว่าถ้าใช้ผ้าพันคอร่วมกันอยู่อย่างนี้ ไดกิคงเดินไม่ถนัด ร่างสูงจึงวางมืออุ่นไว้บนไหล่บาง ก่อนจะกระตุกผ้าพันคอฝั่งของไดกิที่มีชิเนนผูกอยู่ตรงปลายเป็นสัญญาณ พอเดินตามกันมาทั้งอย่างนั้น ทีมงานก็แอบปิดปากหัวเราะคิก  เพราะภาพที่ได้เห็น  มันเหมือนคู่สามีภรรยากำลังจูงชิวาวาน้อยเดินเล่นไม่มีผิด

 
วันนี้คงเป็นวันแรกที่ไดกิ ผู้มีรอยยิ้มสดใสบาดใจคนทั้งประเทศ รู้สึกว่าตัวเองยิ้มไม่ออก แม้จะยิ้มให้กล้องอย่างรู้หน้าที่ แต่ไดกิก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังแยกเขี้ยวอยู่มากกว่า 
 

"อ๊ะ"

 
เหมือนจะสะดุดขาตัวเองซะอย่างนั้น  แต่ความจริงแล้วเป็นเคย์โตะต่างหากที่เหยียบรองเท้าเขา  ซึ่งร่างสูงก็รับผิดชอบด้วยอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกระชับจนคนตัวเล็กกว่าสัมผัสถึงอกอุ่นๆได้ชัดเจน

 
"ขาสั้น"
 

ถ้อยคำจิกกัดที่ลอยตามลมมา กลับทำให้ไดกิหัวเราะ เพราะตอนนี้เขาไม่ได้กังวลเรื่องความสูงอีกแล้ว  และอีกอย่างหนึ่ง  ที่ตรงนี้ยังมาอีกคนที่ขาสั้นกว่าเขา
 

"ริวทาโร่!!!!!"
 

"เฮ้ย!!!!!!"
 

แยกเขี้ยวได้ที่แล้วก็ออกตัวสตาร์ท ไม่สนใจว่ายังมีอีกสองหน่อพ่วงผ้าพันคออยู่ข้างหลัง เคย์โตะมือไวกระตุกผ้าพันคอออกได้ทันก่อนที่มันจะรัดคอไดกิ  พอหมายจะดุชิเนนที่ไม่ระมัดระวังแต่กระรอกน้อยของวงก็วิ่งไปไกลเกินกว่าจะได้ยินแล้ว
 

"ฉันไม่เป็นไร ขอบใจนะ"
 

ตอบสายตาห่วงใยด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างเคย  เป็นรอยยิ้มที่แม้แต่ตัวเองก็รู้สึกได้ว่า  ยิ้มแบบนี้แหละที่ใช่ตัวเขาจริงๆ และรอยยิ้มแบบนี้.....ที่ทำให้คนมองแทบหยุดหายใจ
 

ไดจัง...ฉันอยากให้รอยยิ้มแบบนี้ เป็นของฉันแค่คนเดียวจริงๆ.....
 

"ช่วยด้วยยยยยยยยยยยย" เสียงเจ้าน้องเล็กของวงทำให้สองคนต้องละสายตาออกจากกัน ก่อนจะหันไปสบตากับเหล่าเมมเบอร์อย่างงุนงง
 

เนื่องจากความยาวของช่วงขาค่อนข้างจะแตกต่าง จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ชิเนนจะสามารถวิ่งตามริวทาโรทันได้ ไม่รู้กระรอกน้อยไปทำอีท่าไหน จึงสามารถกระโดดคร่อมบีบคอเจ้าน้องเล็กได้อย่างที่เห็น   สงสัยว่าแฮมสเตอร์น้อยจะสะดุดขาตัวเองเสียละมั้ง
 

"หยุดได้แล้ว! เดี๋ยวเสื้อผ้าเปื้อนหมด ชิเนน!"

 
พี่ชายคนโตของวงใช้แขนข้างเดียวดึงร่างเล็กออกมาแล้วโยนใส่อ้อมแขนเสาไฟฟ้าอีกคนที่เดินตามมาด้วยแบบไม่ปราณี คนตัวเล็กจึงทำหน้าง้ำ ยิ่งเห็นริวทาโรแอบแลบลิ้นล้อเลียนด้วยแล้วชิเนนยิ่งโวยวายหนัก
 

"อ๊า!!!!!!!!  ยาบุคุงลำเอียง"
 

ท่านเปายาบุจี้จึงเขกกะโหลกริวทาโร่ไปหนึ่งทีเพื่อความยุติธรรม

 
ไดกิหัวเราะจนแทบไม่มีแรงยืน เผลอเอนตัวพิงคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งเคย์โตะก็ยอมให้โดยไม่บ่นซักคำ
 

เพราะอะไรน่ะเหรอ?

 
อืม.........คงเพราะว่า  อยากกอดแบบนี้ไปนานๆละมั้ง
 



 
++++++++++++++++++++++
 
 


 
 
ระหว่างที่รอสมาชิกคนอื่นๆเข้ากล้อง   ทั้งสองคนจึงมานั่งพักตรงที่ที่ทีมงานจัดไว้ให้  บนผืนผ้าสีขาวปูบนสนามหญ้าสีเขียวใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ มีขนมสารพัดชนิดวางไว้ บรรยากาศจึงเหมือนกับมาปิคนิคในสวนมากกว่าจะมาทำงาน
 

เคย์โตะเลือกนั่งตรงโคนต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น เอนหลังพิงลำต้นสบายๆ นั่งกินขนมรอเวลาสัมภาษณ์  
 

"นั่นกะจะกินไม่ให้เหลือเผื่อใครเลยใช่มั๊ยนั่นน่ะ"

 
เพราะรอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้าน่ารักของอีกฝ่าย ทำให้เคย์โตะรู้ว่าไดกิเพียงแต่จะแหย่เขาเล่นๆอย่างเคย   ปกติเขาก็ไม่เคยโต้กลับซักครั้ง แต่วันนี้ขอแกล้งคนยิ้มสวยปากร้ายซักทีเถอะน่า

 
"ฉันก็กินเผื่อคืนนี้" เว้นจังหวะให้อีกฝ่ายได้ขมวดคิ้วสงสัยเล่น ก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบใกล้ๆ


"คืนนี้จะได้ไม่หิว ไม่ต้องตื่นขึ้นมาหาอะไรกินกลางดึก ไดจังกอดฉันจะได้หลับสบายไง"

 
ไดกิอ้าปากค้างเหมือนถูกสาป แล้วแก้มก็ร้อนวูบวาบ เลือดสูบฉีดจนหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหน  แต่ก็ไม่อาจจะสรรหาคำพูดใดมาตอบโต้เอาคืนได้  หลังๆมานี่เขากลายเป็นเด็กน้อยติดหมอนข้างไปเสียแล้ว ต่อให้วันไหนได้พักห้องที่มีเตียงคู่ เขาก็ยังตามไปนอนเตียงเดียวกับเคย์โตะกอดหมอนข้างแสนอุ่นนี่เสียทุกคืน
 

ในเมื่อตอบโต้ไม่ได้   ความโชคร้ายจึงไปตกอยู่กับต้นหญ้าน้อยๆที่กำลังถูกดึงถูกทึ้งโดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวซักนิด
 

"เดี๋ยวหญ้าก็ตายหมดสวนหรอกไดจัง"
 

"ยุ่งน่ะ!!"
 

คนน่ารัก ต่อให้ทำหน้าง้ำหน้างอแค่ไหน เคย์โตะก็ว่าน่ารักอยู่ดี แต่ตอนนี้ปล่อยให้งอนไปซักพักก็แล้วกัน ไดกิไม่เคยโกรธใครได้นานอยู่แล้ว พูดจริงๆแล้วเคย์โตะก็ไม่เคยเห็นไดกิโกรธใครซักที
 

ว่าแต่ว่า.....ถ้าหญ้าถูกถอนหมดสวน  เขาต้องรับผิดชอบปลูกให้ใหม่มั๊ยนี่


 
...................................


 
....................
 


.......
 

....
 

 
"ง่วงแล้วเหรอไดจัง"

 
พอเงียบได้ไม่ถึงสิบนาที ไดกิก็เข้าสู่โหมดปกติก็คือง่วงนอน ใบหน้าน่ารักวางทาบอยู่บนสองแขนที่พาดกอดเข่า ตัวโอนไปเอนมาจะล้มเสียให้ได้

 
..คนอะไร..หลับได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ
 

"พิงมาตรงนี้ก็ได้นะ"
 

ตรงนี้ของเคย์โตะ  หมายถึงต้นไม้ใหญ่ต้นเดียวกับที่พิงอยู่นี่  แต่คนฟังขี้เซากลับโผเข้าหาอ้อมแขนแข็งแรง  แขนเรียวกอดประสานไว้ที่เอวเขา ซบหน้าลงกับอกอุ่นแบบไม่มีลังเลซักนิด

 
เคย์โตะตัวแข็งไปชั่วขณะ เขาควรจะชินแล้วไม่ใช่หรือกับการถูกกอดแบบนี้ กับคนๆนี้  แล้วหัวใจเจ้ากรรมที่กำลังเต้นแรงนี่มันคืออะไรกันล่ะ
 

"เคย์โตะ"

 
"อ..อะไรเหรอ"

 
ปากก็ขาน แต่สายตากลับมองไปทางต้นไม้ต้นหญ้า ไม่กล้าสบตาคนที่เงยหน้ามองจากอ้อมแขนของตัวเองเลยแม้แต่น้อย  ไดกิจะสงสัยมั๊ยนะ  ก็หัวใจของเขาเต้นแรงขนาดนี้
 

"หนาวเหรอ"
 

"......"
 

ไม่รู้ทำไมไดกิถึงคิดไปอย่างนั้น ตัวเขาสั่นรึไงนะ อยากจะจับหน้าของตัวเองดูว่ามันเย็นขนาดไหน แต่สองมือสองแขนก็ไม่ว่างซะแล้ว  ช่างมันเถอะ
 

แล้วผ้าพันคอสีแดงผืนเดิมก็ตวัดพันรอบคอเคย์โตะอีกครั้ง จากนั้นไดกิก็หลับตาลง ผ่อนลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ  เป็นสัญญาณว่าเจ้าตัวเข้าสู่นิทรา

 
"สบายจังน๊า~"

 
เอ่ยแซวเล่นๆ แต่ไดกิคงได้ยิน เพราะใบหน้ายามหลับไหลระบายยิ้มน้อยๆ งดงามยิ่งกว่าที่เคยเห็น เพราะรอยยิ้มนี้รึเปล่านะเขาถึงยอมให้คนๆนี้มาอยู่ในอ้อมแขนแบบนี้ได้
 

ถ้าฉันกอดนายไว้แบบนี้ ...... นายจะยิ้มให้ฉันตลอดไปใช่ไหม 
 
 



 
++++++++++++++++++++++
 
 



 
นี่มันอะไร?

 
ตำนานเรื่องด้ายสีแดง ?

 
นิทานเรื่องเจ้าหญิงนิทรา?

 
ถ้างั้น เคย์โตะคงเป็นเจ้าชายสินะ...............

 
"รู้สึกเหมือนกันสินะ ยามะจัง"

 
พยักหน้ารับแทนการตอบคำถามของร่างสูงที่เพิ่งเดินมาสมทบ สายตาทอดมองไปถึงสองคนที่ทำตัวไม่สนใจสายตาใครต่อใครทั้งนั้น
 

ยามาดะรู้สึกเหมือนมีโลกหนึ่งใบอยู่ตรงหน้า โลกที่เขาไม่อาจก้าวเข้าไปได้  มีโลกส่วนตัวกันสองคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?  ทำไมคนที่เป็นเพื่อนสนิทของไดกิอย่างเขาถึงไม่เคยรู้
 

"อิโนะจังรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ"
 

"เพิ่งเห็นชัดๆก็วันนี้แหละ  แปลกมั๊ยล่ะ  อยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกันเกือบทุกวัน ไม่เคยมีวี่แวว"
 

แน่เหรอ?  ก้อนเนื้อที่อยู่ในหัวกลมๆกำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว  เมมเบอร์ทุกคนก็บอกไม่ใช่หรือไงว่าพักนี้ไดกิดูอารมณ์ดี ยิ้มสดใสดวงตาเป็นประกายกว่าที่เคย  ยาบุคุงยังแซวเลยว่ายิ้มแบบนี้เหมาะกับสีชมพูเป็นพิเศษ  แต่ก็ไม่เห็นเกี่ยวกับเคย์โตะตรงไหน สองคนก็ยังคุยกันเป็นปกติ

 
จะว่าไป.......ก็มีเรื่องแปลก

 
ก่อนถึงวันสิ้นปี ทุกคนได้อนุญาตให้หยุดพักได้หนึ่งวัน และวันนั้น เป็นวันที่เขาติดต่อกับไดกิไม่ได้เลย  ยามาดะคิดเอาเองว่าเพื่อนซี้คงอยากพักผ่อนถึงปิดโทรศัพท์  วันเดียวกันนั้นยูโตะก็บ่นกับเขาว่าโทรฯหาเคย์โตะแล้วเจ้าตัวไม่รับสาย แค่ครั้งสองครั้งก็ไม่ว่า แต่นี่กดจนมือหงิกก็ไม่มีใครรับซักคน
 
 
แล้ววันต่อมา......เคย์โตะกับไดกิมาทำงานด้วยกัน  

 
มาพร้อมกัน...?  ทั้งที่บ้านอยู่คนละทาง
 

"สองคนนี่ทำอะไรอยู่  เอ๊ยยยยยยยย!!!!!!!!!!"
 

มือเรียวตะปบปิดปากฮิคารุได้ทันควันก่อนที่เจ้าตัวจะส่งเสียงไปถึงคนที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่  ขืนไปรบกวนทำเจ้าหญิงนิทราตื่น  อาจโดนเจ้าชายเตะคอหักเอาได้
 

ทาคาคิเข้ามายืนแทนที่อิโนะที่ลากฮิคารุจากไป  คิ้วเรียวขมวดเป็นปมแบบเดียวกับยามาดะไม่ผิดเพี้ยน

 
"ลองยิ้มได้แบบนี้ คอนเสิร์ตคราวนี้ไดจังคงกวาดเสียงกรี๊ดของแฟนๆไปหมดแน่ๆ  แย่หน่อยนะยามะจัง"

 
"ไม่มีทางซะล่ะ" ยามะดะหันไปย่นจมูกใส่ประโยคกึ่งล้อกึ่งประชดประชันนั้น ก่อนจะยกมือถือกดบันทึกภาพน่าอิจฉาเก็บไว้ คอยดูนะ เดี๋ยวคืนนี้จะแอบย่องไปหาไดจังกลางดึก อยากรู้จริงๆว่าเวลาอยู่กันสองคนจะสวีทกันหวานหยดขนาดไหน
 

"ยามะจังร้ายกาจ"  เอ่ยราวกับรู้ทันความคิด ยามาดะตวัดหางตาใส่คนตัวสูงอีกหน  แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มของสิงโตเจ้าเลห์ ที่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าคิดแบบเดียวกัน
 

"ชิ...คนปากไม่ตรงกับใจ"
 




 
++++++++++++++++++++++
 





to be con....................

No comments:

Post a Comment