Title --- Hug & Smile
Author --- Nalikakeaw
Parings --- Keito & Daiki
ผิดแผน!!!!!!!
ยามาดะอยากจะตะโกนออกมาดังๆ
ผิดตั้งแต่ที่แวบออกมาจากห้องแล้วทาคาคิดันซุ่มซ่าม หกล้มตรงหน้าห้องของยูโตะ แล้วเจ้าของห้องโผล่หน้าออกมาได้ทันทีทันใด
"พวกนายจะไปไหนกันน่ะ"
"ไปหาไดจัง"
"ไปด้วยยยยยยยยยย"
เท่านั้นเอง เมมเบอร์คนอื่นๆที่นั่งเล่นกันอยู่ในห้องก็ตามกันมาเป็นขโยง ชิ ..ดึกป่านนี้แล้วไม่รู้จักหลับจักนอน
"แล้วทำไมนายถึงยังไม่นอนล่ะ ยามะจัง"
คนถามน่ะ ถามเพราะเห็นว่าเวลาตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แต่คำตอบที่ได้กลับมามันชวนให้สงสัยเสียจริงๆ
"นอนไม่หลับ"
ไดกิฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว คนที่พร้อมจะหลับได้ทุกวินาทีอย่างยามาดะ เรียวสุเกะ น่ะหรือ นอนไม่หลับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงคิดว่าเพื่อนร่วมวงต้องโกหกเค้นคอเอาความจริงให้ได้แน่ๆ แต่ช่วงก่อนเขาเองก็นอนไม่หลับเหมือนกัน อืม...โรคนอนไม่หลับนี่ เป็นโรคติดต่อด้วยรึเปล่านะ
กลายเป็นว่าคนถูกถามเองที่ต้องกระพริบตาปริบๆ ที่ไดกิเกิดซื่อ เชื่อคำตอบที่ตอบไปแบบส่งๆง่ายๆแบบนี้ แต่พอนึกถึงเหตุผลจริงๆที่ทำให้มานั่งอยู่ตรงนี้ก็คิดว่าโชคดีแล้วที่เจ้าตัวไม่ถามอะไรต่อ
แล้วจะเอายังไงดี?
ความคิดถูกรบกวนด้วยเสียงดังลั่นจากคู่วิวาทที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางวัน อีกหนหนึ่งที่เจ้าน้องเล็กพลาดท่าให้ชิเนนกระโดดขี่หลังบังคับให้กลายเป็นม้าวิ่งรอบห้อง หมดแรงเข้าก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนปล่อยให้กระรอกน้อยกระเด้งตกเตียงกลิ้งไปหลายตลบ ก่อนจะกระโดดไปหาที่กำบังอย่างว่องไวก่อนที่ชิเนนจะตั้งตัวลุกขึ้นมาได้
ซึ่งผู้ให้กำบังก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมซะด้วย
ยาบุยันฝ่ามือเข้ากับหน้าผากชิเนนด้วยสีหน้าแบบคุณแม่ที่กำลังเอือมระอาบรรดาลูกๆจอมเฮี้ยว ด้วยช่วงความยาวของแขนที่ต่างกัน อย่าว่าแต่จะเอื้อมให้ถึงริวทาโรเลย แค่จะคว้าให้ถึงตัวยาบุยังทำไม่ได้
แต่จะให้ยอมแพ้เหรอ ไม่มีทาง!!!!!!
ชิเนนร้องเสียงหลงเมื่อร่างถูกยกลอยเหนือพื้น ยูโตะจับคนตัวเล็กพาดบ่าได้ง่ายดาย แม้ฝ่ายนั้นจะดิ้นรนสักเท่าไหร่ก็ไม่สะทกสะท้าน
"เลิกโวยวายแล้วไปนอนซะทีเถอะน่า ดึกแล้ว "
ยาบุพยักหน้าเห็นด้วยแทบจะทันที แค่เสียงของชิเนนคนเดียวก็ดังคับห้อง ไหนจะอีกสองคนที่นั่งติดจอปิดตาดูหนังสยองขวัญนั่นอีก ไม่ได้เกรงใจเจ้าของห้องที่อ้าปากหาวแล้วหาวอีกเอาซะเล้ยยยย
"เอ๋!!! แต่หนังยังไม่-"
คำพูดที่เหลือถูกกลืนหายไปทันที่ที่สบตากับพี่ใหญ่ของวง ฮิคารุรู้ดี ถึงแม้ว่าจัมพ์จะไม่มีลีดเดอร์แต่หน้าที่ดูแลน้องๆก็ต้องเป็นของคนที่อายุมากที่สุด และยังรู้ดีด้วยว่าสิ่งใดที่ยาบุบอกให้ทำสิ่งนั้นย่อมเป็นสิ่งที่มีเหตุผลสมควรเสมอ
"ไม่เป็นไรหรอก ดูต่อไปเถอะ"
ทุกคนหันไปมองร่างสูงผู้เป็นเจ้าของห้อง ที่ตอนนี้นั่งเหยียดขาอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาตัวยาว ก่อนจะรู้สึกตัวว่าผู้ร่วมห้องอีกหนึ่งคนก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วเช่นกัน
"ไดจังง่วงมากก็เลยย้ายไปนอนห้องเดียวกับยามะจังแล้วล่ะ"
ถ้าจะพูดให้ถูกคือไดกิทนหนวกหูบวกกับง่วงนอนไม่ไหว หอบหมอนหอบผ้าห่มย้ายห้องหนีไปเลยต่างหาก
คนที่เหลือไม่มีใครพูดอะไร แต่ก็ยังรู้สึกถึงกระแสความไม่พอใจเล็กๆที่เจ้าตัวพยายามซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย
เคย์โตะ...โกรธงั้นเหรอ?
"ฉันว่า.. พวกเรากลับห้องกันดีกว่า"
ไม่รอให้ยาบุต้องบอกซ้ำ ทุกคนพร้อมใจกันเดินออกจากห้องอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนลูกเป็ดว่ายน้ำตามหลังแม่ไม่มีผิด
.....ไปกันหมดแล้ว..........
เคย์โตะโยนหนังสือลงบนเตียงพร้อมกับถอนหายใจยาว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกซักหน่อยที่สมาชิกจะอยู่คุยเล่นกันจนดึก บางทีก็ถึงเช้าด้วยซ้ำ เคย์โตะบอกไม่ถูกว่าทำไมครั้งนี้เขาถึงรู้สึกไม่พอใจ หรือเป็นเพราะเหล่าเมมเบอร์เข้ามาก่อกวนโลกส่วนตัวอันแสนสงบของเขากันนะ
แล้วตอนนี้ ทุกคนกลับไปแล้ว แต่เคย์โตะก็ยังรู้สึกเหมือนมีอะไรคอยกวนใจอยู่ดี อะไรบางอย่างที่เขานึกไม่ออก
หงุดหงิดเป็นบ้า!!!!!!!
++++++++++++++++++++++++++++
หนาวแฮะ...........ออกมาเดินตากลมแบบนี้ทำไมนะเรา
ดึงผ้าพันคอผืนยาวให้กระชับขึ้นอีกหน่อย ไม่ให้ลมหนาวผ่านเข้ามาถึงผิวกาย มองผ้าพันคอของตัวเองแล้วก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน
ไดกิเคยกอดเมมเบอร์คนอื่นๆเหมือนอย่างที่กอดเขามั๊ยนะ จะมีใครที่ได้เห็นใบหน้ายามหลับไหลระบายยิ้มเหมือนที่เขาได้เห็นทุกคืนรึเปล่า
รอยยิ้มที่เขาอยากเก็บเอาไว้เพียงคนเดียว....คนเดียวเท่านั้น
เมื่อกี๊ ตอนที่ทุกคนกลับห้องไปหมดแล้ว เคย์โตะก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ ไม่อยากอยู่คนเดียวในห้อง จะว่าเหงาก็ไม่เชิง ไปอยู่อังกฤษคนเดียวตั้งหลายปี ก็ไม่เคยเลยที่จะเป็นแบบนี้ เหมือนว่าในอกมันโหวงๆ ว่างเปล่าพิกล
"เฮ้อ..."
กลับห้องดีกว่า ถ้าเกิดว่าเป็นหวัดเสียงหายขึ้นมา ทั้งผู้จัดการทั้งยาบุคุงคงบ่นให้ฟังจนหูอื้อ
..............................
...................
........
....
"นายไปอยู่ที่ไหนมา!"
อารมณ์แปลกๆที่ยังหาสาเหตุไม่ได้หายเป็นปลิดทิ้ง ตั้งแต่ก้าวขาออกจากลิฟท์แล้วเห็นว่ามีใครบางคนนั่งกอดหมอนกอดผ้าห่มนั่งรออยู่ตรงประตูห้อง ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเผลอยิ้มออกไป
"ไดจังไม่นอนห้องยามะจังแล้วเหรอ?"
"ไม่เอาแล้ว นอนไม่ได้ ยามะจังนอนละเมอ หนวกหู"
"ย้ายไปนอนเตียงเดียวกับทาคาคิคุงก็ได้นี่นา"
ต้องให้อีกฝ่ายตวัดสายตาใส่อย่างเคืองๆก่อนถึงจะนึกขึ้นได้ ว่าทาคาคิก็นอนดิ้นอย่าบอกใคร ขนาดว่าต่อยคนข้างๆตอนหลับก็ทำมาแล้ว ใครหนอช่างจับสองคนนี้มานอนห้องเดียวกัน
"นายไปไหนมาน่ะ เคย์โตะ"
" ก็ไปเดินเล่น"
ตอบได้เท่านั้นก็ถูกบ่นกลับมาจนหูชา น่าแปลกไหมที่ไม่ได้โกรธเลยซักนิด กลับยิ้มกว้างจนไดกิเป็นฝ่ายโมโหเสียเอง
"เปิดประตูซะทีสิ หัวเราะอะไรของนาย!!! "
"ก็ไดจังนั่งขวางอยู่แบบนี้จะเปิดได้ยังไง"
"ลุกไม่ขึ้นนี่" ไดกิทำหน้างอ หนาวก็หนาว ต้องมานั่งขดตัวเป็นชั่วโมงแบบนี้ไม่เป็นเหน็บก็ให้มันรู้ไป ถ้าก่อนออกจากห้องหยิบคีย์การ์ดมาด้วยคงไม่ต้องมานั่งรอแบบนี้
คนตัวบางอุทานออกมาเบาๆเมื่อยามที่สองแขนแข็งแรงโอบเอว อุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น ปลายเท้าที่สัมผัสได้เพียงความว่างเปล่าของอากาศทำให้รู้สึกไม่มั่นคงนัก ไดกิจึงวาดสองแขนโอบรอบคอของอีกฝ่าย เกยคางลงบนไหล่กว้าง ต่างฝ่ายต่างกระชับอ้อมแขนทำให้ร่างกายแนบชิดกันยิ่งขึ้น แม้ว่าไดกิจะรู้สึกว่ามันแปลกๆที่ผู้ชายสองคนจะกอดกันแบบนี้ แต่สัมผัสที่ได้รับจากร่างสูงกำลังซึมซาบจากหัวใจผ่านไปถึงสองแก้มเนียนจนผ่าวร้อน อุ่นสบายเสียจนทำให้ความคิดนั้นละลายหายไปทันที
++++++++++++++++++++++++++++
เคย์โตะออกจะแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ๆคนตัวบางก็ว่าง่าย กลายเป็นแมวน้อยขี้อ้อนอยู่ในอ้อมแขน น่ารักเสียจนอยากจะกล่อมอุ้มไปนอนในตะกร้า
แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่แตกต่าง
เพียงแต่แมวตัวนี้ชอบนอนบนเตียงนุ่มๆแทนตะกร้าเท่านั้นเอง
"หัวเราะอะไรน่ะ"
"เปล่านี่"
"ไม่จริงน่ะ บอกมานะ"
ถึงไม่เห็นหน้า แต่เคย์โตะก็พอจะรู้ว่าคนถามชักจะเริ่ม"งอน"ขึ้นมาอีกหนแล้ว สังเกตได้จากการที่อีกฝ่ายออกแรงขืนตัวจะลงจากอ้อมแขน
"เดี๋ยวก็หล่นหรอกไดจัง"
"ก็ปล่อยสิ อ๊ะ!!!!"
ผวากอดร่างสูงแน่นกว่าเดิมด้วยความตกใจ เพราะอีกฝ่ายคลายอ้อมแขนออกอย่างรวดเร็ว พอๆกับที่อ้อมแขนนั้นโอบล้อมเข้ามาอีกครั้ง แว่วเสียงหัวเราะเบาๆของร่างสูงแล้วไดกิอยากจะทุบคนช่างแกล้งซักที แต่ฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบอยู่ที่แผ่นหลังเป็นเชิงขอโทษก็ทำให้ใจอ่อนไปซะดื้อๆ
ยิ่งไปกว่านั้น......
ลมหายใจอุ่นๆที่รินรดอยู่ตรงต้นคอ ทำให้ไดกิรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นไข้ ทั้งปลายจมูกโด่งที่ปัดผ่าน ทั้งไหล่กว้างและแผงอกแข็งแรงที่ขยับตามจังหวะหายใจ บ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด ทำเอาคนถูกกอดลมหายใจปั่นป่วน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
"น-นาย...แกล้งฉัน..."
"ฉันจะแกล้งไดจังแบบนี้คนเดียว....ได้รึเปล่า"
ราวกับมีไอร้อนพุ่งพล่านอยู่ในอก หัวใจเต้นถี่ระรัวจนแทบกระดอนออกมา สมองตื้อคิดอะไรไม่ออก นอกจากอยากจะแทรกกำแพงหนีไปซะเดี๋ยวนี้ แต่จะให้เคย์โตะเห็นหน้าเขาตอนนี้ก็ไม่ได้ เพราะตัวไดกิเองก็ยังไม่รู้ว่าหน้าเขาจะกลายเป็นสีอะไรแล้ว
"ไดจัง...."
"ฉ-ฉันง่วงนอนแล้ว.."
เสียงเบายิ่งกว่ากระซิบ คนฟังออกจะอึ้งเล็กน้อยกับคำตอบที่ออกจะห่างไกลกับคำถามสุดกู่แบบนี้ แต่ก็ไม่อยากจะเซ้าซี้อะไรนัก
เพราะสัมผัสที่รับรู้ จังหวะหัวใจของไดกิที่แนบอยู่กับอกของเขา อ้อมแขนหอมกรุ่นที่ยังโอบกันและกัน เป็นคำตอบที่ดียิ่งกว่าคำพูดใดๆทั้งหมด
++++++++++++++++++++++++++++
......เช้าแล้ว.................
เคย์โตะเพียงกระพริบตาเพื่อปรับแสง ขยับตัวเล็กน้อย เพื่อจะได้มองหน้าคนที่อยู่ในอ้อมแขนได้ชัดขึ้น
ถ้ามีใครชมว่าสวย ไดกิอาจไม่ชอบใจนัก แต่เคย์โตะก็ต้องยอมรับว่า เวลาที่ได้เห็นแสงแดดอ่อนๆลอดผ่านผ้าม่าน ทาบลงผิวแก้มขาวเนียนแบบนี้ ถ้าไม่บอกว่าสวย เขาก็ไม่รู้จะเอาคำไหนมานิยามได้แล้วเหมือนกัน
"อรุณสวัสดิ์ไดจัง"
กระซิบเบาๆกับคนที่ยังหลับตาพริ้ม ราวกับว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในฝันอันแสนสุข ซึ่งเคย์โตะก็ไม่ใจร้ายพอที่จะปลุกให้ตื่น ยังมีเวลาอีกมากก่อนจะถึงเวลางาน
ขอมองไดกิแบบนี้นานอีกซักหน่อยก็แล้วกัน
แต่แล้วเคย์โตะเองต้องเป็นฝ่ายแปลกใจเมื่อคนที่เขาคิดว่ายังไม่ตื่น ตอบอรุณสวัสดิ์กลับมาด้วยเสียงแจ่มใส ไม่เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนซักนิด
ตื่นตั้งนานแล้วยังมาใช้แขนคนอื่นเค้าหนุนต่างหมอนอยู่ได้นะไดจัง
"ก็มันสบายดี"
ตอบง่ายๆจนคนฟังนึกอยากจะบีบจมูกคนพูดแรงๆอย่างที่เคยทำทุกเช้า และดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันขยับตัวจากหนุนแขนขึ้นมาซบไหล่ ท่าทางที่ติดจะอ้อนหน่อยๆกับลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดตรงต้นคอก็ทำให้เคย์โตะต้องยอมแพ้
"นี่เห็นฉันเป็นหมอนข้างไปซะแล้วเหรอไดจัง"
"นายคนเดียวเท่านั้นแหละ"
คำตอบง่ายๆแสนธรรมดา เหมือนสายลมพัด หากคนฟังก็ไม่ได้ทึ่มเกินกว่าจะปล่อยให้ความนัยในถ้อยคำนั้นลอยหายไปด้วย แต่ก็ยังไม่แน่ใจจนต้องถามย้ำ
"จริงๆเหรอ"
ไดกิเพียงแต่พยักหน้ารับ ถึงจะไม่เห็นแต่เคย์โตะก็รู้สึกได้ ว่าแก้มเนียนที่ซบอยู่กับไหล่กำลังอุ่นขึ้น พร้อมๆกับความอบอุ่นที่กำลังซึมซาบลึกลงในหัวใจของเขาเอง
"นี่เคย์โตะ"
"หืม?"
"........."
เงียบอยู่นานจนเคย์โตะคิดว่าไดกิจะหลับไปอีกแล้ว แต่แก้มเนียนที่ซบอยู่กับไหล่กลับร้อนขึ้นจนผิดปกติ
"ไดจัง ไม่สบายเหรอ?"
"เปล่านี่"
เคย์โตะดันร่างบางออกเพื่อจะได้เห็นหน้า แต่ไดกิกลับขืนตัวกดใบหน้าแนบลงกับอกกว้าง กอดเขาแน่นกว่าเดิม เคย์โตะจึงต้องยอมแพ้อีกหน
ฝ่ามืออุ่นค่อยแตะลงบนพวงแก้มแผ่วเบา
"ตัวร้อนนะไดจัง"
"มือนายเย็นต่างหาก"
ถึงไม่อยากโต้คารมกับคนช่างเถียง แต่อุณภูมิของสองแก้มที่เขาสัมผัสได้ก็สูงขึ้นจนน่ากังวล บังคับพาไปหาหมอซะดีมั๊ยนะ
"เคย์โตะ"
"หือ?"
"นายจะ...กอดฉันแบบนี้....ไปนานๆได้มั๊ย"
เพราะมัวแต่กังวลเรื่องอาการป่วย สมองจึงตีความช้ากว่าที่ควรจะเป็น เกือบเผลอตกปากรับคำไปโดยไม่ทันได้คิด
แต่เมื่อคิดได้....
"จะแลกกับอะไรดีล่ะไดจัง"
เคย์โตะแอบกลั้นหายใจไม่ให้เผลอหัวเราะ บอกได้เลยว่าตอนนี้ไดกิคงกำลังทำหน้ายุ่งอยู่แน่ๆ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเคย์โตะมักยอมตามคำขออยู่เสมอ เมื่อถูกต่อรองแบบนี้ไดกิคงไม่ชอบใจนัก
"ฉันกอดไดจังอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้มันเสียเปรียบนะ ไดจังน่าจะมีอะไรมาแลกกันสิ จะได้กอดได้นานๆ"
"งั้น...นายอยากได้อะไรล่ะ"
กว่าจะรู้ตัวว่าพลาดก็ช้าไปแล้ว ไดกิทำได้เพียงยกสองแขนขึ้นกันยามที่ถูกพลิกร่างลงนอนหงาย ตามด้วยแผ่นอกกว้างที่ทาบทับลงมา
"โอ๊ย!!! จะบ้าหรือไงลงไปเดี๋ยวนี้นะ"
"ทีไดจังกอดฉันอยู่ทุกคืน ฉันยังไม่เคยบ่นเลยนะ"
"ฉันไม่ได้ตัวหนักเหมือนนายซักหน่อย ลงไปนะ!!!!"
ต่อให้ทุบหรือผลักไสซักเท่าไหร่ ก็ไม่ทำให้ร่างสูงสะเทือนเลยซักนิด และเพียงแค่เคย์โตะทิ้งน้ำหนักตัวลงมา ไดกิก็ดิ้นหนีไปไหนไม่ได้แล้ว
"ว่าไงล่ะไดจัง"
"........"
"ไม่ตอบ งั้น...ฉันขอละนะ"
ตากลมๆเบิกกว้างจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเลื่อนเข้ามาใกล้
ใกล้...จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
ใกล้...ชนิดที่ว่าถ้าเอ่ยคำ ริมฝีปากจะแตะกันได้พอดิบพอดี
ไดกิตัวแข็งเหมือนถูกคำสาป ได้แต่ทำตาปริบๆยามที่อีกฝ่ายเลื่อนใบหน้าไปด้านข้าง แตะแก้มลงกับผิวแก้มขาวเนียน กระซิบคำขอแผ่วใกล้ใบหูที่กำลังระเรื่อแดงเพราะลมหายใจตน
"ฉันขอรอยยิ้มของนายได้ไหม"
...เอ๋?..........
"ถ้าไดจังยิ้มให้ฉัน ฉันสัญญา . . . ว่าจะกอดนายอย่างนี้...ตลอดไป"
ไดกิหลับตา สูดลมหายใจลึก
"นายนี่มัน-"
ถ้าหากว่าเคย์โตะตัวบางกว่านี้ คงถูกยันตกเตียงไปแล้วเป็นแน่ ไดกิใช้กำลังผลักสุดแรง แต่ก็ยังทำได้แค่ให้อีกฝ่ายลงไปนอนหงายทำหน้าตางงๆอยู่บนเตียง ยิ่งทำให้คนมองหน้าหงิกเป็นม้าหมากรุก
"ไดจังโกรธอะไรเนี่ย?"
"ก็นายแกล้งฉัน เมื่อกี๊น่ะนายรู้มั๊ยฉัน-"
"อะไรเหรอ? ไดจัง"
มองหน้าหล่อๆที่กำลังทำตาเป็นประกายใสวิ้งๆแต่ซ่อนแววเจ้าเล่ห์ไม่มิดแล้วไดกินึกอยากจะหาอะไรโยนใส่เสียจริงๆ
นี่ไม่รู้จริงหรือแกล้งไม่รู้กันแน่
"ไดจังคิดว่าฉันจะขออะไรมากกว่านี้เหรอ"
คราวนี้คว้าอะไรได้ก็ไม่สน ไดกิเหวี่ยงใส่หน้าคนจอมเจ้าเล่ห์ทันที แต่เพียงแค่ผ้าห่มกับหมอนไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไรซักเท่าไหร่ แถมยังหนีไปอาบน้ำสบายใจเฉิบด้วย
ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ!
++++++++++++++++++++++++++++
บรรยากาศห้องแต่งตัววุ่นวายจนเป็นเรื่องปกติ เพราะนอกจากเหล่าเมมเบอร์ยังมีศิลปินอื่นๆมาร่วมรายการ แต่ก็ยังมีความ "ผิดปกติ" ที่มีแต่เหล่าเมมเบอร์จัมพ์เท่านั้นจะสังเกตเห็น
เริ่มจากคนที่ยิ้มระรื่นอยู่ได้ทั้งวัน กับอีกคนที่เห็นรอยยิ้มนั้นแล้วเกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมาสุดขีด
"ไดจังนอนไม่พอหรือไงนี่"
ไม่ได้ถามกับเจ้าตัว แต่กลับมาสุมหัวอยู่กับยามาดะ เคย์ และทาคาคิ เมื่อกี๊ฮิคารุถูกเหวี่ยงค้อนมาสองที เพียงเพราะเอ่ยปากแซวความอารมณ์ดีของเคย์โตะ
คนที่เหลือส่ายหน้าพรืด
และก่อนที่สมาคมจะได้ถกปัญหา ก็มีเสียงจากทีมงานตะโกนบอกให้ไปสแตนด์บาย
"เคย์โตะ ไปกันเถอะ "
ยาบุเรียกคนที่กำลังยืนอยู่หน้ากระจกสำรวจความเรียบร้อยของทรงผมอย่างที่เคยทำ และหลังจากนั้นยาบุก็รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆเมื่อเห็นประกายวาววับที่อยู่ในดวงตาของไดกิ
..............................
...................
........
....
ก็นึกอยู่แล้วว่าระหว่างทั้งสองคนคงมีเรื่องแง่งอนกันอยู่ แต่ยาบุก็ไม่นึกว่าไดกิจะกล้า จงใจผิดคิวเอาคืนทั้งที่อยู่ในระหว่างถ่ายทำรายการอย่างนั้น
ขยี้ผมที่เซ็ตไว้อย่างดีจนกระจายเสียทรง ก่อนจะกระโดดเด้งออกจากเวทีเหมือนนินจา
แต่ก็โชคดีที่เคย์และยามะจังยืนเต้นอยู่ข้างหน้า จึงไม่ต้องมาถ่ายซ่อมใหม่ให้เสียเวลา แต่ตอนที่ออกอากาศจะมีแฟนเพลงสังเกตเห็นบ้างรึเปล่านั่นก็อีกเรื่อง
"ไปแกล้งเคย์โตะแบบนั้นไม่กลัวถูกโกรธหรือไง"
"ถ้ากลัวก็คงไม่ทำหรอก"
ก็คงเป็นจริงตามนั้น เพราะคนถูกแกล้งไม่ได้มีทีท่าว่าจะโกรธเลยซักนิด ทั้งที่ปกติจะห่วงทรงผมตัวเองหนักหนา
ในเมื่อเจ้าตัวเองยังไม่ว่า ยาบุก็คงจะว่าอะไรไม่ได้เหมือนกัน
หวังว่าเคย์โตะจะไม่หาทางเอาคืนทีหลังนะ..ไดจัง
..............................
...................
........
....
"ฝากด้วยนะคร๊าบบบบบ"
ทั้งสิบคนพร้อมใจกันโค้งให้ทีมงาน ก่อนจะนั่งลงตรงพื้นที่ที่ถูกจัดไว้ให้เป็นแบ็กกราวน์สำหรับการถ่ายแบบในครั้งนี้
"ช่วยขยับเข้าไปชิดๆกันอีกหน่อยครับ อาริโอกะซังนอนลงไปเลยได้มั๊ยครับ"
ไดกิเอนตัวลงไปบนตักคนข้างๆอย่างว่าง่าย
"ทีนี้ก็หลับตาครับ"
ทั้งหมดหลับตาลงตามคำสั่ง แต่ไม่รู้ตากล้องทำอะไรถึงไม่ยอมกดชัตเตอร์เสียที เพราะตอนนี้ไดกิรู้สึกว่าตัวเองจะหลับไปจริงๆแล้ว
"นายจะทำอะไรน่ะเคย์โตะ"
ไดกิลืมตาขึ้นอย่างงงๆ ก่อนจะพบว่าใบหน้าของคนที่เขากำลังนอนอยู่บนตักอยู่ห่างกันแค่คืบ
"เอาคืน!"
ง่ายๆ สั้นๆ แต่ได้ใจความที่สุด ไดกิถูกล็อกตัวไว้ด้วยแขนแข็งแรงเพียงข้างเดียว มืออีกข้างจิ้มลงไปตรงเอวบาง คนถูกแกล้งก็ทั้งดิ้นทั้งหัวเราะจนตัวงอ หายใจแทบไม่ทัน
ส่วนคนที่เหลือ หลังจากที่อึ้งกันไปแล้วก็ต้องคอยกระเถิบหนีมือไม้ของคนบ้าจี้ที่ฟาดมาแบบไม่รู้ทิศ
"โอ๊ย พอแล้ว ยอมแล้ว"
แต่กว่าเคย์โตะจะยอมหยุด ร่างบางก็ดิ้นจนพาตัวเองขึ้นมานั่งอยู่บนตักของอีกฝ่าย ซบหน้าลงกับไหล่หอบหายใจหมดเรี่ยวแรงเกินกว่าจะย้ายตัวเองไปไหนได้
"ตกลงแล้วใช่ไหม?"
"อะไรล่ะ อ๊ะ!!!!"
แง่งอนยอกย้อนจนถูกจี้เอวอีกหน คำขอที่ไดกิหาเรื่องเฉไฉไม่ยอมตอบกลับกลายเป็นการบังคับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ถ้าไม่ตอบ...เคย์โตะจะแกล้งให้เขาหัวเราะจนขาดใจรึเปล่า
คำตอบคือไม่
เพียงแค่เจอสายตาอ้อนๆเหมือนแมวน้อยๆก็ใจอ่อนอีกตามเคย
แล้ววินาทีหลังจากนั้น เคย์โตะก็แทบจะจำไม่ได้แล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง รู้แต่ว่าหัวใจมันพองโตด้วยความยินดียามที่ไดกิโผเข้ากอดเขา กระซิบถ้อยคำแผ่วเบาพอให้ได้ยินกันสองคน
"ฉัน..ตกลง"
เพียงคำเดียวสั้นๆ ที่จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นสัญญา ความผูกพัน ที่รู้กันอยู่เพียงสองคน.....
มั้งนะ
ส่วนเมมเบอร์จัมพ์ที่เหลือคงเป็นก้อนหิน ......
++++..........END..........++++
No comments:
Post a Comment