Monday 5 September 2011

[Fiction](¯`·._.·[ ❤The day we kissed❤ ]·._.·´¯) Intro


Title  :  The day  we  kissed   Intro...

Writer  :  Nalikakeaw

Pairing  : _ _ _ x _ _ _

Rate  : ---?---


ขอบคุณรูปประกอบฟิคจากน้องเฟรมค่ะ











ที่นี่ที่ไหน?

ดวงตากลมมองเห็นทุกสิ่งด้านนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ถูกฉาบไล้ด้วยแสงสีส้มทอง ทั้งท้องฟ้ากว้างไร้เมฆบดบัง ตึกสูงเรียตัวเป็นแนวยาวราวกับภูเขา แม่น้ำสายใหญ่พลิ้วละลอกคลื่นเล่นล้อประกายระยับกัยแสงอาทิตย์ยามค่ำ ผ่านข้ามไหล่กว้างของใครบางคน คนที่มอบอ้อมกอดอุ่น โอบรัดแน่นไร้ทางหนี



คนที่เขาไม่รู้จัก!!!!



ริมฝีปากบางถูกบดเบียด มอบความหวาน แต่ช่วงชิงลมหายใจแทบหมดปอด มือแกร่งประคองศรีษะให้แหงนเงยรับรสจูบ ยาวนาน กระทั่งสองมือบางจิกแน่นลงบนแขนแกร่งด้วยความทรมาน ใบหน้าหล่อเหลาจึงยอมผละจาก  แต่แค่เพียงชั่วครู่ ริมฝีปากบางก็ถูกครอบครองอีกครั้ง



ไม่!!!!



ทั้งที่ควรห้าม ทั้งที่ควรหาทางหยุดยั้ง แต่เรี่ยวแรงกลับไม่มีเหลือให้ทำได้ดั่งใจ จูบแสนหวานยิ่งนำพาสติเตลิดลอยไปไกลเกินรั้ง



จนเมื่ออีกฝ่ายยอมให้ริมฝีปากได้เป็นอิสระ  กอบโกยอากาศได้เพียงครู่ สองแก้มก็เริ่มถูกรุกราน ทั้งจมูกโด่งและริมฝีปาก กดย้ำซุกซน ค้นหากลิ่นละมุนชวนหลงไหล เลื่อนไล้ลงตรงซอกคอขาว



"อย่า!!!"



เสียงร้องแผ่วพร่า ไม่นำพาให้อีกฝ่ายหยุดได้ สัมผัสอุ่นชื้นตรงต้นคอทำเอาร่างบางเข่าอ่อน ไร้เรี่ยวแรงจะยืนไหว ปล่อยให้อีกฝ่ายประคองไว้ในอ้อมแขน



ไม่ไหวแล้ว  ใครก็ได้ช่วยหยุดที!!!!!



เสียงลมหายใจของร่างบางดังสะท้อนเข้าไปถึงในอก ร่างสูงจึงยอมละริมฝีปากจากต้นคอขาวอย่างแสนเสียดาย



ภายใต้แสงอาทิตย์ยามค่ำที่กำลังลับหาย ดวงตาคมมองร่างที่อ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขน กอดกระชับแน่นก่อนโน้มใบหน้าลงชิดใกล้



เรือนผมสีอ่อนซอยสั้นรับกับใบหน้าอ่อนใส  ดวงตาไหวระริก แก้มนวลแดงระเรื่อ ริมฝีปากฉ่ำน้ำหวาน กลิ่นกายหอมอ่อนชวนหลงไหล



แต่อ่อนไหวมากเกินไป ราวกับเสแสร้ง



"ถ้านี่เป็นวิธีการยั่วแบบใหม่  ก็ได้ผลดีเชียวล่ะ"



พูดอะไร ?  ยั่วงั้นหรือ?  เขาแค่มาทำงานเท่านั้น



"หรือว่านี่จะเป็นครั้งแรกจริงๆ"



ถ้อยคำร้ายเรียกสติให้คืนมาทีละน้อย  ครั้งแรกอะไร?  หมายความว่ายังไง?



"มิน่า ค่าตัวถึงได้แพงนัก-"



พลั่ก!!!!!



คนปากร้ายถูกหมัดเลยจนหน้าหงาย แต่แรงหมัดก็ทำได้เพียงแค่ทำให้ผละถอย เพราะเจ้าของหมัดไม่มีแรงแม้แต่จะยืน ต้องยึดประตูเอาไว้เป็นที่พึ่ง



"ผมไม่- ไม่ได้- "



ดวงตาใสเจิดจ้า  ตัวสั่นระริกด้วยความโกรธ ร่างบางสูดลมหายใจช้า บังคับตัวเองไม่ให้เผลอคว้าแจกันประดับห้องฟาดหัวคนตรงหน้า



"ผมไม่เคยทำ  ไม่-เคย-คิด  ทำอะไรไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้ ไม่มีวัน!!!!"



ร่างบางพาตัวเองพ้นจากห้อง  ปิดท้ายด้วยเสียงปิดประตูดังสนั่นหวั่นไหว ทิ้งให้คนในห้องจมอยู่กับความคิดสับสนเพียงลำพัง



.......



.......



.......



.......





ร่างบางพาตัวเองเข้ามาสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องน้ำ  วันนี้มันเป็นวันอะไร มีแต่เรื่องซวยทั้งวัน  ซวยเรื่องไหนไม่ว่า แต่ไอ้เรื่องล่าสุดที่เจอเนี่ย  โคตรซวย!!!!!

มือบางวักน้ำสาดใส่หน้า หวังให้น้ำช่วยลบล้างร่องรอยทุกสัมผัส กระจกเงาบานใหญ่สะท้อนเงาใบหน้าพราวด้วยหยาดน้ำเล่นล้อกับแสงไฟสีนวล  ผิวใสยังเป็นสีชมพูระเรื่อ  ริมฝีปากเจ่อช้ำยังหลงเหลือความอบอุ่นจางๆ. . .

รสจูบจากคนๆนั้น...

สะบัดหน้าพรืดจนผมกระจาย  แต่ภาพของใครคนนั้นยังเด่นชัดอยู่ในความคิด  ทั้งรสสัมผัส ทั้งอ้อมแขน ไออุ่น ยังเหลือทิ้งไว้ให้หวั่นไหว



อ๊ากกกกกกกกกกก!!!!!!!



อยากเอาหัวไปจุ่มส้วมตายให้มันรู้แล้วรู้รอด  ทั้งๆที่ถูกทำแบบนั้น  แทนที่จะนึกรังเกียจ  แต่หัวใจทรยศกลับเต้นโครมครามยิ่งกว่าตอนเจอสาวที่เป็นรักแรก



ไอ้บ้าเอ๊ยยยย!!!!  ไอ้หื่น!!!  ไอ้โรคจิต!!!



ได้แต่ตะโกนด่าอยู่ในใจ  จะโวยวายก็กลัวคนรอบข้างจะหาว่าเป็นบ้า   เดี๋ยวจะซวยซ้ำซ้อนโดนไล่ออกจากงาน



"นี่นายยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ" เพื่อนร่วมงานเดินออกมาทักทายด้วยความประหลาดใจ  "หรือจะขยันเหมางานสามกะรวด"



ไดกิฝืนยิ้มแห้งๆใส่คนตัวสูงที่อยู่ในชุดพนักงานเต็มยศ  ไม่แน่ใจว่าจะเล่าเรื่องที่เจอให้ฟังดีไหม แต่สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจว่าควรปิดปากเงียบจะดีกว่า  เรื่องน่าอายแบบนี้



"ลืมของน่ะ แล้วทำไมนายมาอยู่ที่นี่ล่ะ"



เหมือนจะเป็นคำถามแปลกๆสำหรับคนที่เดินมาเจอกันในห้องน้ำ  แต่สำหรับที่นี่ถือว่าไม่แปลก เพราะโรงแรมนี้มีกฏห้ามไม่ให้พนักงานใช้ห้องน้ำปะปนกับลูกค้า  การที่มีพนักงานมาอยู่แถวๆนี้จึงไม่สมควรอย่างยิ่ง



"มาสายน่ะสิ  กลัวเข้างานไม่ทันเลยต้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำเนี่ย"



คนฟังพยักหน้าหงึกหงักไม่ว่าอะไร  เพราะตัวเองก็ทำอยู่บ่อยๆ



"รีบออกไปกันเถอะ เดี๋ยวตาแก่นั่นเดินมาเจอ"



เป็นที่รู้กันว่า"ตาแก่นั่น" หมายถึงผู้จัดการผู้เคร่งในกฏระเบียบเข้าขั้นบ้า ผิดนิดผิดหน่อยตั้งท่าจะไล่ออกสถานเดียว จะยกเว้นก็แต่คนที่หมั่นประจบเอาใจเลียแข้งเลียขา  ซึ่งเขาทำไม่เป็น  และไม่มีวันจะลดตัวลงไปทำแบบนั้นด้วย





.......



.......



......



......



 กลับมาถึงบ้านเมื่อไหร่ไม่รู้  จำได้แค่ว่าเดินไปสถานีแบบมึนๆ  ขึ้นรถแบบเบลอๆ  ก่อนจะละเมอเดินมาถึงบ้าน



เฮ้ออออ...สงสัยจะโหมงานมากไปละมั้งเรา



"กลับมาแล้-"



ประโยคที่เหลือขาดหายไปทันทีเมื่อมองเห็นว่ามีใครอยู่ในห้องรับแขก  ชายร่างสูงใหญ่สามคนเอนกายเหยียดเท้าอยู่บนโซฟาสีเทาตัวเก่า ที่เขารักหนักหนา ยกขาพาดกับโต๊ะไม้ที่วางไว้เข้าชุดกันอย่างไร้มารยาท



แขกไม่ได้รับเชิญ...



ร่างบางถอนหายใจเฮือก.....เกลียดคนพวกนี้เหลือเกิน  ไม่อยากเอาชีวิตเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยถ้าเป็นไปได้ แต่ครั้งนั้นความจำเป็นมันมีมากกว่า



"ไดจัง.."



น้ำเสียงสั่นๆดังมาจากร่างเล็กแสนบอบบางที่มักจะถูกรังแกอยู่เสมอ หนนี้คงถูกบังคับจับให้นั่งตัก  แล้วก่อนหน้าที่เขาจะมาถึงล่ะ...

ดวงตาใสแดงก่ำ แทบจะร้องไห้อยู่แล้ว  ตอนนี้ยาบุกับยูโตะยังไม่กลับ ไอ้เปรตสามตัวนี่ช่างเลือกวันมาขอส่วนบุญได้ถูกนัก



"ปล่อยน้องผม"



พยายามบังคับน้ำเสียงตัวเองให้ราบเรียบที่สุด ทั้งๆที่ในใจอยากขย้ำคนพวกนี้ให้ตายคามือ ส่วนคนฟังก็หาได้สะท้านสะเทือนไม่ ยิ่งกอดร่างเล็กนั่นจนหายใจแทบไม่ออก เสียงหัวเราะของคนที่เหลือยิ่งเร่งให้ความโกรธพุ่งขึ้นจนถึงขีด



"บอกว่าให้ปล่อย!!!"



ไม่พูดเปล่าเดินเข้าไปดึงร่างเล็กออกมาด้วย แต่ก็สู้แรงไม่ไหวจึงยื้อกันไปมาอยู่อย่างนั้น



"ไม่เอาน่าคนสวย พวกเราก็แค่แวะมาทักทายเล็กน้อยๆ ใช่ไหมวะ"



ร่างบางรู้สึกถึงแรงโอบหนักๆที่ไหล่ แต่เขาไม่สนใจ เสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของพวกนั้นก็เพียงทำให้เขาหูอื้อ  แต่เหนือสิ่งอื่นใด รอยแต้มสีจัดที่อยู่บนต้นคอขาวของน้องเล็กต่างหากที่ ทำให้ความอดทนที่เหลือขาดผึง



ถ้าเป็นเขา  เรื่องแค่นี้ก็พอจะทำทานให้หมาจรจัดข้างทางพวกนี้ได้

แต่กับยูริ....



"อ๊ากกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

เสียงใครบางคนดังอยู่ใกล้เสียจนหูแทบดับ หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นก็แทบจะจำไม่ได้ รู้แต่เพียงว่ามือเท้ามันแกว่งซ้ายป่ายขวาไปสุดแรง หมายจะขยี้อีกฝ่ายให้แหลกคามือเท่านั้น

แล้วอยู่ๆเท้าทั้งสองข้างก็ลอยหวือขึ้นจากพื้น ก่อนทั้งตัวจะถูกเหวี่ยงไปปะทะกับกำแพงเข้าเต็มแรง  ร่างบางรูดไถลลงไปกองกับพื้น  เจ็บจนไม่อาจจะลุกยืนไหว  ร่างกายหนักอึ้ง  ความเจ็บร้าวจากลำคอแล่นไปทั่วร่าง ลมหายใจถดถอย แว่วเสียงกรีดร้องของใครบางคนดังมาจากที่ไกลๆ

ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง.....



.....



......



......



....



"ไดจัง"



ยูริ?...

ที่นี่...?



รู้สึกเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น เปลือกตาหนักอึ้ง จนไม่อาจเปิดรับภาพใดได้นอกจาก แสงสีนวลอ่อนจางสั่นพร่าชวนเวียนหัว



"โอ๊ย!!!!"



หลุดร้องลั่นยามที่ใครบางคนพยายามจะประคองตัวเขาให้ลุกขึ้นนั่ง ความเจ็บปวดแล่นร้าวไปทั่วร่าง ราวกับถูกแทงด้วยเข็มนับร้อยนับพัน



"ให้นอนลงไปอย่างเดิมเถอะ"



เสียงใคร....?



ไม่ใช่ยาบุ...     ไม่ใช่ยูโตะ..



ใคร....?



แล้วร่างบางก็ถูกประคองให้เอนลง  ด้วยอ้อมแขนของใครบางคนที่ แข็งแรงกว่า...



ใคร..?



ร่างบางผลักไส  ดิ้นรนออกจากอ้อมแขนที่ไม่คุ้นเคย   ดิ้น...ทั้งๆที่เจ็บ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ  เสียงของยูริที่ร้องห้าม ทั้งๆที่ได้ยิน  แต่ก็ไม่รับรู้   ในความคิดอันพร่าเลือนนั้นเขารับรู้เพียงอย่างเดียวคือ เจ้าของอ้อมกอดนี้คือคนที่เขาไม่รู้จัก



ไม่!!!!  ออกไป!!!!!!!



เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นหวนกลับเข้ามาในความทรงจำ



คนชั่วช้า!  น่ารังเกียจ!



ร่างบางเหวี่ยงแขนออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและหวาดกลัว รับรู้ได้ว่าฝ่ามือกระทบกับอะไรบางอย่าง  แต่เขาไม่สนใจ เงื้อมือขึ้นอีกครั้ง...



"ไม่เป็นไรนะ ปลอดภัยแล้ว"



เสียงทุ้มห้าวกระซิบแผ่วอยู่ข้างใบหู แต่ร่างบางยังคงส่ายหน้าดื้อดึง  ยิ่งดิ้นทั้งตัวยิ่งถูกรัดแน่น ความเจ็บปวดที่เลือนหายไปชั่วครู่เริ่มกลับมาแผลงฤทธิ์จนไม่อาจจะดิ้นรนได้อีกต่อไป



น้ำตาร่วงรินด้วยความเจ็บปวดและขัดเคืองใจสุดแสน เจ็บใจที่ถูกรังแก  เจ็บปวดที่ปกป้องน้องไม่ได้



"อย่าร้อง"



เหมือนเป็นคำสั่ง  แต่ในน้ำเสียงนั้นแฝงด้วยความอ่อนโยน มือที่คอยเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้นุ่มนวล อ้อมแขนแกร่งคอยประคอง มอบไออุ่นแผ่ซ่านลึกเข้าไปในหัวใจ



"อื้อ-"



ครางเสียงแผ่วยามที่สัมผัสนุ่มร้อนประทับลงบนริมฝีปาก  ท่ามกลางแสงสีนวลอันพร่าเลือน ร่างบางไม่รับรู้อะไรนอกจากรสสัมผัสอบอุ่นหอมหวานที่ได้รับ  บดเบียดแนบย้ำซ้ำๆราวกับจะปลอบประโลมทุกความรู้สึก ไออุ่นโอบล้อมร่างกายแม้ไม่คุ้นเคย แต่ก็มอบรู้สึกมั่นคง  ปลอดภัย



"นอนซะ"



ร่างบอบบางเอนลงบนฟูกหนาอย่างว่าง่าย มือบางจับท่อนแขนแข็งแรงเอาไว้แน่น เมื่อสัมผัสได้ว่าไออุ่นเริ่มเลือนหายยิ่งไขว่คว้า  ราวกับว่าไม่อาจอยู่ได้หากไม่มีอ้อมแขนนี้



อย่าไปนะ...อย่าไป



เสียงสะอื้นที่เพิ่งจางหายเริ่มสะท้อนขึ้นในอก  กระทั่งสัมผัสนุ่มร้อนประทับลงที่ริมฝีปาก เคล้าคลออ่อนหวานราวกับจะให้คำมั่น



ว่าร่างบางจะได้หลับไหลอย่างปลอดภัยอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่น ....ตลอดค่ำคืนอันยาวนานนี้



......



........



......



...

To be con...

2 comments:

  1. โอ้วววววววววว

    สุดยอดดดดดด เปิดมาไดจังก็โดนดีเลย

    แล้วไอ้สามตัวนั่นมันเป็นคร๊ายยยยยย บังอาจมากกกกก

    แล้วใครกันน้อที่มาช่วยไดจัง ใช่เคย์โตะรึเปล่าน้าาาา

    สนุกมากเลยค่า

    ReplyDelete
  2. จริงอย่างที่พี่ยุ่งพูด ไอ้สามตัวนั้นมานเป็นผู้ใด !!! -[]-/
    แอบมันส์นิดๆ นี่พึ่งเริ่มเรื่องงนี่น่า....เดาว่าคนที่มาช่วยต้องเป็นป๋าแน่ๆ

    ReplyDelete