Monday 14 April 2014

[ Fiction ] Because of you

Title       :               [ Fiction ] Because of you

Writer   :               Nalikakeaw

Pairing  :               TakaInoo













                เสียงฝักบัวซู่ซ่าค่อยลดเสียง แผ่วลงกลายเป็นเสียงหยดน้ำไม่กี่หยดกระทบพื้น   จนกระทั่งเงียบไป  บานกระจกถูกเลื่อนออก  ชายหนุ่มร่างผอมบางเดินออกมาจากห้องกระจกที่ถูกกั้นเอาไว้เป็นส่วนอาบน้ำ  มีผ้าขนหนูพันกายท่อนล่าง และอีกผืนที่เล็กกว่าโปะอยู่บนศีรษะ


                เคย์เท้าแขนกับอ่างล้างหน้า  จ้องมองเข้าไปในกระจกบานใหญ่  สิ่งที่สะท้อนกลับมา  ก็คือแววตากังวลที่มีสาเหตุมาจาก...


                ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกดึงออกจากศีรษะ  เผยเส้นผมสีทองสว่างและไฮไลท์สีชมพูสดปอยเล็กๆ ที่เพิ่งไปทำมาเมื่อวาน เพื่อรับบทในละครเรื่องใหม่  ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองตั้งแต่ออกจากร้านทำผม  จนถึงตอนนี้


                “คิดมากน่าอิโนะจัง  นายไม่เคยทำสีผมที่มันทองขนาดนี้ก็เลยไม่ชินมากกว่า”


                ฮิคารุให้คำแนะนำเมื่อเขาโทรศัพท์ไปปรึกษา ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย  แต่พอรู้ว่าเมมเบอร์ทุกคนคอยเจออิโนะโอะ เคย์ลุคใหม่ ในวันรุ่งขึ้นแล้วก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาอีกว่าเมมเบอร์จะว่ายังไงกันบ้าง


                โดยเฉพาะนายคนปากร้ายที่สุดนั่น


                ที่จริง  ผู้ชายที่ชื่อ ทาคาคิ ยูยะ  ก็ไม่ใช่คนปากเสียที่จะเที่ยวไปวิจารณ์ใครๆเรื่องสไตล์การแต่งตัวหรือสีผม  เพียงแต่...  คำพูดที่ตรงไปตรงมาแบบนั้นน่ะ ทำให้เคย์เสียความมั่นใจมาหลายครั้งแล้ว


                ถ้าคราวนี้ไม่ชอบ...จะทำยังไงดีนะ


                “ก็ช่างสิ! ทำไมเราจะต้องไปสนใจด้วย”


                ความกังวลใจถูกสลัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว  พร้อมๆกับที่เจ้าตัวสลัดผ้าขนหนูออก วิ่งไปแต่งตัวปานสายฟ้าแลบ เพราะ เหลือบไปเห็นตำแหน่งเข็มสั้นเข็มยาวบนนาฬิกา มันบอกว่าถ้าช้ากว่านี้อีกสิบนาที เขาจะต้องไปสายแน่นอน


                และในเวลาต่อมา  เคย์ก็ก้าวเร็วๆเร่งรีบออกจากสถานีรถไฟใต้ดินไปยังสตูดิโออัดรายการ  เพราะใช่เพราะกลัวจะไปสาย  แต่สายตาของทุกคนที่มองมาที่เขานี่สิ...  จริงอยู่หรอกว่าผมสีทองขนาดนี้มันเป็นจุดเด่นชวนมอง  แต่มันไม่เหมือนกันกับตอนที่อยู่บนเวทีหรืออยู่หน้ากล้อง  สายตาประหลาดใจของทุกคนที่มองเขาเป็นตาเดียวแบบนั้น  ทำให้เคย์รู้สึกว่ามีอะไรผิดไปหรือเปล่านะ  กับสีผมแบบนี้


                มีเสียงฝีเท้าก้าวเร็วๆตามหลังมา  เคย์คาดไว้ว่าน่าจะเป็นเมมเบอร์คนใดคนหนึ่งแน่ๆ  แต่ไม่ทันจะได้หันกลับไปทักทาย  ใครคนนั้นก็เดินจ้ำผ่านเขาไปแบบไม่เหลียวหลัง


                เคย์หยุดเดินทันที  จ้องมองร่างหนาคุ้นตาที่เดินนำไปลิ่วๆด้วยความขุ่นเคือง


                นี่จำกันไม่ได้หรือรีบมากจนไม่ใส่ใจจะจำกันแน่เนี่ย...








++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++







“หืมม์~ เป็นฉัน ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกันแหละ หัวทองซะขนาดนี้”


                ไดกิพูดตามตรง  หลังจากที่ฟังเพื่อนรักบ่นกระปอดกระแปดว่าเมมเบอร์แทบทุกคนเดินผ่านเขาไปโดยที่ไม่มีใครจำเขาได้เลยสักคนเดียว  ไดกิเอง  ถ้าไม่สังเกตเห็นกระเป๋าใบโปรดที่เจ้าตัวสะพายอยู่ ก็คงจะไม่หยุดรอเหมือนกัน


                “แล้วมันดีหรือไม่ดีล่ะ?”


                “ดีสิ!” ฮิคารุจับเค้าได้ว่าในน้ำเสียงเรียบๆเรื่อยๆนั้นแฝงอารมณ์ขุ่นมัวที่พร้อมจะก่อพายุได้ทั้งวันรีบพูด  พลางส่งสัญญาณอันตรายไปยังเมมเบอร์คนอื่นๆ  ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี


                หลังจากที่ได้รับกำลังใจจากทุกคน  เคย์ก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย  แถมมีความมั่นใจกับหัวทองๆของตัวเองขึ้นด้วย แต่นั่นคือความรู้สึกก่อนหน้าที่  ทาคาคิ ยูยะ จะเดินเข้ามา


                ร่างหนาชะงักอยู่ตรงประตูห้องแต่งตัว  ขมวดคิ้วมองคนผมทองที่ถูกบรรดาเมมเบอร์รุมล้อมอยู่


                “อ้าว! นายเองเหรอ?”


                “ใช่ๆๆ ผมสีทองแบบนี้ก็ดูดีใช่มั๊ยล่าเหมือนเป็นอีกคนเลยเนอะ”


                ยูโตะส่งสายตาปิ๊งๆเป็นนัยว่าขอความเห็นแบบดีๆ สักครั้งเถอะนะ  แต่คนอย่างทาคาคิ ยูยะ  ต่อให้เข้าใจ แต่นิสัยปากกับใจตรงกันก็นำไปก่อนแล้ว  ร่างหนาจึงได้แต่พยักหน้าอือๆออๆแบบไม่เต็มใจนัก กับมองสำรวจสีผมของเคย์เพียงแวบเดียว ก่อนจะหันหลังเดินไปนั่งที่มุมห้อง  แล้วไม่มองมาอีกเลย


                ทำให้ความมั่นใจของเคย์  ที่เหล่าเมมเบอร์ช่วยกันสร้างขึ้นมา แตกกระจายหายไปในอากาศทันที


                วันนี้ทั้งวัน  เคย์ไม่รู้เลยว่าเขาถ่ายรายการจบไปได้อย่างไร  รู้แต่ว่าเขาต้องฮึด  กอบโกยเอาความมั่นใจเฮือกสุดท้ายมาใช้  เพื่อไม่ให้แสดงอาการเสียเซลฟ์กับสีผมใหม่ที่ใครๆต่างก็ทักกันเป็นทิวแถว  และถึงแม้ผลตอบรับจะออกมาในแง่ดี  แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าแฟนๆจะว่ายังไงบ้างเมื่อเห็นสีผมของเขาผ่านรายการที่เพิ่งบันทึกไปในวันนี้


                คราวก่อนตัดผมทรงใหม่ก็โดนเมมเบอร์ล้อกลางคอนเสิร์ต   คราวนี้ทำสีผมใหม่..มีแต่คนให้กำลังใจ


                แต่ทำไมรู้สึกแย่แบบนี้ก็ไม่รู้...


                เพราะนายคนเดียวเลย....ทาคาคิ  ยูยะ









++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++







                หลังจากถ่ายทำรายการจบ   ทุกคนกลับเข้ามาในห้องแต่งตัว  ยกเว้นเคย์ที่บอกเพียงว่าจะไปเข้าห้องน้ำ  แล้วก็หายไปเลย ยาบุรู้ว่าเคย์คงจะหงุดหงิดตัวเองที่วันนี้ทำหน้าที่ได้ไม่ดีนัก ได้ไปล้างหน้าล้างตาหรือเดินเล่นเสียหน่อยก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแล้ว  ห่วงก็ไอ้คนที่อยู่ในห้องนี่แหละว่าจะได้รอดกลับออกไปมั๊ย 


                แต่ดูเหมือนว่ายูยะจะไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำอะไรผิดไป  เพราะร่างหนาเพียงแต่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เมื่อรู้สึกได้ว่าเมมเบอร์ทุกคนมองเขาด้วยสายตากล่าวโทษ


                “ ทำไมไม่ให้กำลังใจอิโนะจังหน่อยล่ะ เรื่องสีผมน่ะ”


                ไดกิทำหน้าบูดใส่  ยูยะแค่ร้องหือ?  เรื่องแค่นี้เองหรือที่ทำให้เมมเบอร์ไม่พอใจ


                “เรื่องแค่นี้ที่นายไม่ได้ใส่ใจ  มันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับอิโนะจังนะ”


                ฮิคารุพูดขึ้นมาบ้าง  ใจจริงก็ไม่อยากจะโกรธ เพราะเรื่องเล็กๆแบบนี้   แต่ดูเหมือนเคย์จะรู้สึกได้  เหมือนที่เมมเบอร์ทุกคนเองก็คงจะรู้สึก  ว่าที่ยูยะไม่พูดอะไรก่อนหน้านั้น  เพราะเจ้าตัวไม่คิดว่าเคย์เหมาะกับการทำผมสีทอง เพียงแต่ไม่พูดออกไปตรงๆ


                “ก็ฉันคิดแบบนั้นจริงๆนี่”


                “โหยยย ใจร้าย!!!”  เซเว่นเมมเบอร์แทบจะร้องออกมาพร้อมกัน  ยูยะเพียงแค่ยักไหล่ไม่ใส่ใจ แถมย้อนให้เมมเบอร์ได้สะอึกพูดไม่ออกอีกด้วย


                “พวกนายเองก็คิดเหมือนกันใช่มั๊ยล่ะ  นึกว่าอิโนะจังจะไม่รู้หรือไงว่าพวกนายแค่โกหกเพื่อให้เจ้าตัวเขารู้สึกดีน่ะ”


                “นั่นไม่จริงหรอก”  ยาบุเอ่ยหลังจากที่เงียบฟังมาพอสมควร  “พวกเราแค่คิดว่ามันแปลกตาแค่ในตอนแรก แต่มองๆไปสีผมแบบนี้ก็สวยดี  แล้วเราก็พูดออกไปตรงๆ  ไม่เหมือนนายที่ถึงจะไม่พูดอะไร  แต่ก็ทำให้อิโนะจังรู้สึกแย่ลงกว่าเดิม”


                “แค่เรื่องสีผมนี่นะ?  พวกนายคิดมากเกินไปแล้วล่ะ ฉันไม่เห็นว่าอิโนะจังจะเป็นอย่างที่พวกนายว่าเลย”


                “คิดแบบนั้นจริงๆหรือแค่หาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง”


                ยูยะสตั๊นเหมือนโดนหมัดขวาตรงเข้ากลางแสกหน้า  เมมเบอร์ที่เหลือหันกลับไปมองหน้าซื่อๆ ตาใสๆของเจ้าน้องเล็กของวงเป็นตาเดียว  แม้จะชื่นชมในวาจากล้าหาญ แต่ก็หวาดๆจะมีมวยตามาด้วย  ยูริฉวยโอกาสที่ยูยะยังหาทางไปไม่ได้ หาเหตุบอกลาเมมเบอร์แล้วลากริวทาโรออกจากห้องไปแบบทุลักทุเลเล็กน้อย


                พอประตูปิด  ทุกสายตาก็กลับมาอยู่ที่ยูยะ  ที่ยังพยายามทำไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าผิดเต็มประตู สายตาของเมมเบอร์ที่จ้องคาดคั้น  ทำให้ยูยะเริ่มอยู่ไม่สุข  โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่า เมมเบอร์ทุกคนแอบสบตาวางแผนกันอยู่เงียบๆตอนที่ยูยะไม่ทันเห็น


                แล้วหลังจากนั้น  ทุกคนก็เอาแต่พูดว่าเป็นห่วงเคย์ที่ยังไม่กลับมาเสียที  แล้วก็พาลโทษว่าเป็นความผิดของยูยะ  แกล้งกดดันจนคนฟังทนไม่ไหว


                “ก็ฉันไม่ชอบโกหก!!” ยูยะตะโกนลั่น  “แต่จะให้พูดออกไปได้ยังไงล่ะ ว่าฉันชอบอิโนะจังคนผมดำมากกว่าน่ะ!!


                เสียงบ่น เสียงว่าเงียบลงทันที  ยูยะฟึดฟัดเดินหนีไปนั่งอยู่มุมห้องไม่สนใจใครอีกต่อไป  พอๆกับที่คนอื่นๆไม่สนใจในตัวเขา  เพราะพอหันกลับมาอีกทีก็ไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว...


                นอกจาก....


                คนที่หายไปตั้งแต่ถ่ายรายการจบที่ไม่รู้ว่ากลับเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน  ต้นเหตุที่ทำให้ยูยะถูกเพื่อนๆดุว่าแล้วก็พากันทิ้งให้ยูยะอยู่คนเดียว  และคนเดียวกันนี้แหละที่กำลังทำให้ยูยะกระวนกระวายด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ  เพราะเคย์ไม่ทักทายเขาเลย  หน้าก็ไม่มองด้วย


                โกรธกันหรือเนี่ย...ทำไงดีหว่า?


“นี่ทาคาคิคุง!!


ยูยะสะดุ้งถอยหลังไปสองสามก้าว  ตั้งหลักเตรียมพร้อมรับมือกับความโกรธของอีกฝ่าย  แต่สิ่งที่เขามองเห็นเมื่อเคย์หันมาหา  คือรอยยิ้มหวานๆ ที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ดีสุดๆ  กับคำพูดร่าเริงน่ารัก ที่ทำให้ยูยะพยักหน้ารับคำโดยที่ไม่ทันฟังด้วยซ้ำว่าเคย์ขออะไรจากเขา









++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++







                ครึ่งชั่วโมงต่อมา  ยูยะก็มาเดินมึนๆอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต  เข็นรถตามหลังเคย์ที่กำลังเลือกของสดสำหรับเอาไปหัดทำอาหาร  เพื่อรับบทพ่อครัวในละครเรื่องใหม่


                ให้มาเป็นเพื่อนซื้อของก็เข้าใจอยู่หรอก  แต่ทำไมจะต้องมายืมใช้ครัวที่ห้องของเขาด้วยวะ?


                “แล้วไม่ได้หรือไง?”


                ย้อนถามเหมือนจะชวนทะเลาะ  แต่ยูยะถูกมนต์สะกดจากรอยยิ้มน่ารักจนไม่รู้สึกอยากหาความด้วย 


“เดี๋ยวก็ต้องไปเข้าคอร์สหัดทำอาหารอยู่แล้วนี่”


“ก็ต้องฝึกไว้บ้างสิ  ไปทำเงอะงะตอนเรียนก็ถูกดุกันพอดี”


ยูยะขี้เกียจจะเถียง  แต่พอเห็นจำนวนของที่เคย์หยิบใส่รถเข็นก็ทนเดินตามเงียบๆไม่ได้   นี่จะซื้อไปทำอาหารเลี้ยงกองถ่ายหรือไง


“ก็ซื้อไปเผื่อนายด้วยแหละ ผักผลไม้เนี่ย กินเข้าไปเถอะ แล้วก็กับแกล้มกับเบียร์น่ะ ห้ามซื้อนะ!!


คนสวยดักคอเมื่อเห็นยูยะชะเง้อไปทางโซนเครื่องดื่ม  แล้วลากรถเข็นเลี้ยวไปอีกทาง  ยูยะเริ่มงงว่านี่เขาเดินอยู่กับเพื่อนร่วมวงหรือเดินอยู่กับแม่กันแน่   ร่างหนารีบเดินตามไปจนเกือบจะชนเข้าลูกค้าคนอื่นที่เดินอยู่ใกล้ๆ  แต่ยูยะก็มองไม่เห็น


ว่าลูกค้าที่เดินอยู่ใกล้ๆ  ล้วนเป็นคนคุ้นหน้า  ที่แอบตามมาเพื่อเป็นปาปารัสซีเฉพาะกิจ


บรรดาเมมเบอร์ต่างก็ผลุบๆโผล่ๆตามชั้นวางสินค้าเหมือนเล่นซ่อนหา โดยมีข้าวของที่คว้าได้แถวๆนั้นเป็นเครื่องกำบังเวลาที่ยูยะมองมา หรือเคย์เดินผ่าน  หลายครั้งที่รีบร้อนซ่อนตัวจนทำให้ไม่ระวังไปชนชั้นจนข้าวของร่วงลงมาบ้าง ชนกันเองจนล้มกลิ้งบ้าง 


น่าแปลก...ทั้งที่ถูกติดตามอย่างอึกทึกครึกโครมขนาดนี้  ทั้งยูยะและเคย์ก็ไม่สังเกตเห็นพวกเขาเลยแม้แต่น้อย


“ฉันควรจะดีใจไหม?ที่สองคนนั่นไม่เห็นเรา?”


ไดกิกระซิบกระซาบถามเมมเบอร์คนอื่นๆที่หลบอยู่หลังกองผลไม้ที่จัดเรียงกันเป็นกองสูง  ระหว่างที่ยูยะและเคย์เดินไปยังเคาท์เตอร์คิดเงิน  ยามาดะพยายามจะยืดตัวขึ้นดูแต่กลับเอาหัวไปโขกกับมุมชั้นวางของ  เจ็บจนพูดอะไรไม่ออก  ยูโตะถลาจะเข้าไปช่วย แต่กลับสะดุดเท้าของฮิคารุ  เซถลาไปล้มลงทับไดกิอย่างสวยงาม


“ไร้สาระจริงๆ”  ริวทาโรเริ่มบ่นหลังจากที่ต้องยืนรออยู่ด้านนอกตามคำสั่งของพี่ๆ แต่ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีใครออกมา  ใจน่ะอยากจะไปหาของเล่นของกินที่อื่นแล้ว   ถ้าไม่ติดว่าคนตัวเล็กที่เกาะอยู่บนหลังยังอยากเกาะติดสถานการณ์อยู่


“แต่ฉันหิวข้าววววว” เจ้าน้องเล็กกระทืบเท้าเร่าๆท่ามกลางสายตาแม่บ้านที่มาจับจ่ายซื้อของ แต่คนที่อายกลับเป็นยูริที่เกาะหลังริวทาโรแน่นเพราะกลัวตก ทั้งเอ็ดทั้งขู่  ริวทาโรก็ยังไม่เลิกโวยวาย แล้วในนาทีต่อมา  ริวทาโรก็เดินไปยังร้านอาหารใกล้ๆ  โดยมียูริที่ทำหน้างอเกาะอยู่บนหลังไม่ยอมลง 


ทิ้งให้ยาบุและเคย์โตะเป็นยามเฝ้าประตูซุปเปอร์มาร์เก็ตต่อไป


“แปลกมั๊ยล่ะที่คนเราจะหูหนวกตาบอดได้ขนาดนี้” 


ยาบุกระซิบถามจากด้านหลังหนังมือพิมพ์ที่กางออกเพื่อพรางตัว เมื่อยูยะและเคย์เดินผ่านไป


“ไม่แปลกหรอก” เคย์โตะตอบกลับไปด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย ผ่านพ็อคเก็ตบุคที่ยกขึ้นปิดใบหน้าแค่ครึ่งหน้า  แน่นอนว่ายูยะและเคย์เดินผ่านไปโดยไม่ได้สังเกตเลย  “ตอนที่ฉันอยู่กับไดจังสองคน พวกเราก็ไม่สนโลกแบบนี้แหละ”


ยาบุมองไปที่ยูยะและเคย์ที่เดินจากไปไกล  แล้วหันกลับไปมองฮิคารุที่เพิ่งวิ่งออกมาจากด้านใน กำลังโวยวายใส่เขาที่ปล่อยให้ยูยะและเคย์คลาดสายตาไป แล้วนึกอยากไม่สนโลกกับเขาบ้างเหมือนกัน









++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++









                ยูยะจัดให้มุมหนึ่งของห้องพักเป็นมุมครัวเล็กๆ  มีอ่างล้างจาน  ชั้นวางเครื่องครัว  ไมโครเวฟ และเตาสำหรับทำอาหารมื้อเล็กๆง่ายๆ  ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยได้ใช้มันนัก


                แต่วันนี้มีพ่อครัวมือใหม่อยากจะมาลองใช้

ยูยะรู้สึกทึ่งเล็กๆ ที่เห็นเคย์จัดโน่นหยิบนี่ในครัวได้อย่างคล่องแคล่ว  แต่ไม่ทันได้เอ่ยปากชม  พ่อครัวมือใหม่ก็เผลอเปิดก๊อกน้ำแรงจนทำให้ตัวเองเปียกไปครึ่งตัว  ยูยะหัวเราะก๊ากสะใจ แล้วหลบหนีสายตาขุ่นเคืองด้วยการเดินไปเปิดลิ้นชัก  หยิบผ้ากันเปื้อนออกมาสวมให้ 


“ลายหมีสีชมพูเนี่ยนะ”


“ห้ามเล่าให้ใครฟังเชียวล่ะ  เอ้า  ยกแขนขึ้นหน่อย”


เคย์กางแขนสองข้างขึ้นระดับไหล่อย่างว่าง่าย  ห่อตัวเล็กน้อยเมื่อแขนของยูยะสอดใต้แขนดึงสายผ้ากันเปื้อนไปผูกให้  วางมือแหมะบนเอวแล้วยังยื่นหน้าข้ามไหล่มาจนแก้มของทั้งสองคนแทบจะชิดกัน


“นายจะทำอะไรให้ฉันกิน”


“ไปไกลๆไป๊!


เคย์จับไหล่สองข้างของยูยะ  บังคับให้หันหลังกลับไป  แต่ก็ทำได้ยากลำบาก เพราะยูยะไม่ใช่หนุ่มน้อยผอมบางเหมือนเมื่อครั้งที่เดบิวต์ใหม่ๆอีกแล้ว  


ยูยะแกล้งตื๊ออยู่ครู่หนึ่งจึงยอมถอยออกมานั่งดูโทรทัศน์ อีกมุมหนึ่ง  แต่เขาไม่มีสมาธิกับรายการโปรดเหมือนเคย  เพราะคอยแต่จะสะดุ้งกับเสียงเคร้งคร้างที่ดังมาจากเคาท์เตอร์ทำอาหารเป็นระยะๆ


“โอ๊ย!!!!


ยูยะดีดตัวขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็ว  เคย์ยืนกุมมือตัวเองที่เริ่มแดงเพราะถูกของร้อน   กระทะที่ตั้งอยู่บนเตากำลังร้อนจัด  เนยสำหรับทำอาหารละลายเดือดอยู่ในนั้น


“พอแล้ว!! ไม่ต้องทำอะไรแล้วไปนั่งอยู่เฉยๆก่อนที่นายจะทำครัวฉันพัง!!!


เคย์เพียงแต่ถอยห่างจากเคาท์เตอร์  มองดูยูยะลงมือเก็บกวาดสิ่งที่เขาทำไว้และลงมือทำอาหารต่อ  จนอีกฝ่ายต้องหันมาดุซ้ำ   เคย์จึงยอมเดินออกมา  แต่ก่อนหน้านั้นก็ถอดผ้ากันเปื้อนไปสวมคืนให้เจ้าของมันด้วย  วินาทีที่เคย์ยืนอยู่ข้างหลังและผูกสายผ้ากันเปื้อนให้ยูยะ  จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าอยากจะกอดอีกฝ่ายเอาไว้และขอโทษ  แต่เคย์ก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป  แล้วเดินหงอยกลับมานั่งที่โซฟา  อะไรบางอย่างตกลงมาบนตักของเขาพอดี


ยาหลอดหนึ่ง สำหรับแผลไฟลวก  ... แต่สิ่งที่ทำให้เคย์ยิ้มได้  เป็นสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น 


เสียงดุๆที่ดังมาจากร่างหนาที่ยังคงทำเป็นง่วนกับการทำอาหาร


“อย่ามัวแต่มอง! รีบทายาเร็วเข้า!!!









++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++









หลังจากมื้อค่ำผ่านไปด้วยอาหารง่ายๆไม่กี่อย่างฝีมือเจ้าของห้อง  เคย์ก็ถูกไล่ให้ไปอาบน้ำ ระหว่างนั้นยูยะก็จัดการล้างจานชามและทำความสะอาดครัว  เคย์ที่อาบน้ำเสร็จออกมาเห็นทุกอย่างสะอาดเอี่ยมเป็นระเบียบเรียบร้อย ผิดกับตอนแรกที่เข้ามาก็ส่ายหัวไม่เชื่อ


“สร้างภาพใช่มั๊ยล่ะ เชื่อได้เลยว่าถ้าไม่มีใครอยู่ในห้องด้วย นายคงทิ้งไว้ข้ามคืนรอให้มันขึ้นราก่อนนั่นแหละถึงจะล้าง”


“ถ้ามันสกปรกขนาดนั้น ฉันไม่ล้างให้เสียเวลาหรอก  แล้วเรื่องอะไรฉันจะต้องสร้างภาพด้วย”


“ก็เผื่อฉันจะชื่นชมนายออกสื่อเหมือนไดจังไง “ เคย์หรี่ตามองร่างหนาที่กำลังถอดผ้ากันเปื้อนออก “ทีกับฉันไม่เคยทำให้เลยปูฟูกให้งี้ เตรียมผ้าขนหนูให้งี้”


“ไร้สาระ” ยูยะตะโกนออกมาจากห้องนอน “ฉันจะต้องเตรียมผ้าขนหนูให้นายทำไมในเมื่อนายก็รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน  หยิบไปใช้ไม่เคยจะถาม  ชุดนอนที่นายใส่นั่นก็ของฉัน  แล้วจะปูฟูกไปทำไมในเมื่อเรานอนเตียงเดียวกัน แล้ว อีกอย่างนะ”  ยูยะเดินออกมาจากห้องมีเพียงผ้าขนหนูพันกายท่อนล่าง อวดหุ่นที่เจ้าตัวอวดว่าฟิตมาเมื่อถ่ายแบบหน้าร้อนโดยเฉพาะ “เวลามาค้างที่ห้องฉันไดจังจะหิ้วของฝากมาให้ตลอด แล้วนายล่ะ? มาอยู่ฟรีกินฟรี  แล้วยังหวังจะได้รับบริการดีๆอีกเหรอ?”


“ก็พยายามจะทำกับข้าวให้กินแล้วไง!!!”  อยู่ดีๆคำพูดล้อเลียนไม่จริงจังของยูยะก็ทำให้เคย์โมโหขึ้นมาซะอย่างนั้น  เขาตะโกนตามหลังร่างหนาที่หายเข้าไปในห้องน้ำ  แล้วก็มานั่งหงุดหงิดกับตัวเอง  “แต่มันไม่ได้เรื่องเลย”


ทั้งหมดก็เพราะนายนั่นแหละ ทาคาคิคุง  ถ้าละสายตาไปจากฉันสักหน่อย  ฉันก็คงมีสมาธิ ไม่เผลอทำนั่นทำนี่หล่น  หรือเผลอไปปัดถูกกระทะร้อนๆเข้าหรอก


“หนหน้าค่อยมาทำอีกก็ได้น่า  เรื่องของกินฉันไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว”


ยูยะโผล่หน้ามาจากห้องน้ำมา  พูดให้ดีใจแล้วก็กลับเข้าห้องน้ำไป  เคย์กำลังจะยิ้ม แต่ประตูห้องน้ำก็เปิดอีกหน


“ถ้าง่วงก็เข้าไปนอนในห้องนะ อย่ามาหลับตรงโซฟา  ฉันขี้เกียจอุ้มนาย !!หนัก!!


ยูยะหัวเราะร่าเข้าไปอาบน้ำสบายใจ  ผิดกับคนที่นั่งอยู่ข้างนอกที่ทำหน้าบูด และกำลังวางแผนร้ายว่าถ้าได้ทำกับข้าวให้ยูยะกินอีกครั้ง  จะใส่ยาถ่ายลงไปสักเท่าไหร่ดี












++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++









               


ราวกับอยู่ในความฝัน


มือของใครคนหนึ่งสัมผัสมือของเคย์อย่างอ่อนโยน  และความแสบร้อนบนมือก็บรรเทา


“บอกให้ทายาก่อนนอนไม่รู้จักฟัง”


ร่างกายของเขาเบาหวิว  เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของใครคนนั้น  เคย์วาดแขนโอบรอบคออีกฝ่ายเอาไว้  แนบแก้มกับอกหนา  ฟังเสียงหัวใจที่คุ้นเคย


“แล้วก็ยังหลับบนโซฟา ให้ฉันต้องอุ้มไปนอนอีก หนักนะเนี่ย  รู้รึเปล่า”


“ก็อุ้มอยู่ทุกครั้ง  น่าจะชินแล้วนี่นา”


เคย์งึมงำตอบเสียงบ่นของยูยะ  ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจ  เหมือนระอาเด็กน้อยคนหนึ่ง


“นี่ทาคาคิคุง  ทำไมนายถึงไม่ชอบสีผมใหม่ของฉันล่ะ?”


“มันทำให้นายดูสวยเกินไป  เดี๋ยวนายเด่นกว่าฉัน”


“เหตุผลงี่เง่าที่สุดในโลก-โอ๊ย!!!!!!


เคย์ร้องเสียงหลงเพราะถูกโยนลงบนเตียงแบบไม่ปราณี   ยูยะหัวเราะสะใจที่ได้แกล้งอีกฝ่ายก่อนจะปิดไฟแล้วล้มลงนอนบนเตียงเดียวกัน  โดยไม่พูดอะไรอีก


แต่ไม่มีใครหลับ


เคย์เฝ้านึกถึงคำพูดของยูยะที่บอกต่อหน้าเมมเบอร์ทุกคนว่า  ชอบเคย์คนผมดำมากกว่า  ยูยะไม่รู้หรอก  เมมเบอร์คนอื่นๆก็คงไม่รู้  ว่าตอนนั้นเขายืนอยู่หน้าห้อง และได้ยินชัดเจน   มันทำให้เขาต้องหลบไปหามุมเงียบๆอีกครั้งเพื่อจัดการกำราบหัวใจที่เต้นแรงและอาการหน้าแดงให้หายไป   


ที่จริงมันก็ไม่เกี่ยวกับยูยะว่าชอบหรือไม่ชอบ  แต่เคย์ตั้งใจไว้ว่าเมื่อถ่ายละครจบ  เขาคงต้องไปย้อมสีผมกลับไปเป็นสีดำอย่างด่วนเลย


ส่วนยูยะก็เฝ้าหาเหตุผลว่าทำไมจึงพูดออกไปอย่างนั้น  ผมสีทองทำให้เคย์ดูแปลกตาไปในครั้งแรกที่มอง  แต่ไม่นานนัก ยูยะก็ไม่สามารถถอนสายตาไปจากเคย์ได้เลย  ความเจิดจ้าเปล่งประกายเหมือนหิมะในแสงอาทิตย์ 


ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอก...แต่ยูยะไม่อยากให้ใครมอง  ไม่อยากให้ใครได้เห็น


เก็บไว้มองคนเดียวได้ก็คงทำไปแล้วล่ะ...












++++++++++++++++++++++END++++++++++++++++++++++









Talk~


ระยะเวลาสั้นๆ ที่ชายเปลี่ยนสีผม  ทำให้เรามโนจนเกิดเป็นฟิคเรื่องนี้ขึ้นมา   ตอนแรกที่เห็นเคย์ทำผมทอง  ความรู้สึกแรกคือ ไม่เหมาะอะ  ผมทองทำให้ผิวขาวๆดูซีดไปเลย  ผิดกับตอนที่ผมดำทำให้ผิวดูขาวเด่น  แต่มองๆไปก็ เออ สวยเว้ย ฮ่าๆๆๆ   จริงๆกะจะให้เป็นฟิควันเกิดยูยะล่ะ  แต่ด้วยเหตุใดก็ไม่รู้  ทำให้พิมพ์ออกมาไม่ได้อย่างใจ ลบๆแก้ๆอยู่นั่น  กว่าจะพิมพ์จบก็จะถึงวันเกิดไดจังพอดี  เอาไปว่าเราเอาฟิคเรื่องนี้มาอยู่ในชุด ทาคาเคย์ ซีรี่ย์ ละกันเนอะ  ท่านผู้อ่าน

4 comments:

  1. ขออนุญาตไรท์เตอร์มาคอมเม้นท์ตรงนี้แทนนะคะ
    เราอ่าน the day we kissed ที่ไรท์เตอร์อัพไว้ 50% ใน exteen แล้ว
    ดีใจมากค่ะ ถึงจะมาแค่ห้าสิบ แต่ก็ค้างคาได้แบบลุ้นจนหัวใจจะวายว่าเคย์จะตอบไดจังว่าไง
    คือเราเม้นท์ไปยาวพอสมควร แต่คอมเม้นท์เราไม่โชว์อ่ะค่ะ
    เรื่องอื่นที่อ่านแล้วเม้นท์ก็ไม่โชว์เหมือนกัน
    จริงๆ แค่อยากจะบอกให้ไรท์เตอร์รู้ว่าเราอ่านแล้วและรออัพอยู่นะ
    ปอลอ ตอนนี้เราอ่านใน blogspot แบบเวอร์ชั่นมือถือได้แล้วจ้า (บอกเพื่อ)
    รออัพอยู่นะคะ ทั้ง the day และด้วยแรงฯ ^^

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ ตอนนี้ The day we kissed ตอนที่ 11 อัพ 100% แล้วค่ะ
      แอบดีใจที่อ่าน Blogspot ในมือถือได้แล้ว เพราะตอนนี้ค่อนข้างมีปัญหากับการเข้าเว็บExteen ค่อนข้างบ่อย แต่จะย้ายบล็อกอีกก็ขี้เกียจ ฮ่าๆๆ เพราะฉะนั้นก็ตามมาอ่านฟิคในนี้เอาละกันเน้อออ

      Delete
    2. อีกเรื่องค่ะ คอมเม้นใน Exteen ติดทุกอันนะคะ เพียงแค่ว่าถ้าจะดูต้องกดดูตรงจำนวนคอมเม้นเท่านั้นเองค่ะ ก็ว่าทำไมเม้นซ้ำสองอันเลย ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

      Delete
  2. เม้นท์ติดเหรอเนี่ย ดีใจจัง

    และดีใจมากที่ไรท์เตอร์อัพต่อ
    ดีใจน้ำตาปริ่มจริงๆ ค่ะ
    เพราะเราวนเวียนมาดูทุกสัปดาห์เลย ^^

    ReplyDelete