Title : [ Fiction ] Because of you
Writer : Nalikakeaw
เสียงฝักบัวซู่ซ่าค่อยลดเสียง
แผ่วลงกลายเป็นเสียงหยดน้ำไม่กี่หยดกระทบพื้น
จนกระทั่งเงียบไป บานกระจกถูกเลื่อนออก
ชายหนุ่มร่างผอมบางเดินออกมาจากห้องกระจกที่ถูกกั้นเอาไว้เป็นส่วนอาบน้ำ มีผ้าขนหนูพันกายท่อนล่าง และอีกผืนที่เล็กกว่าโปะอยู่บนศีรษะ
เคย์เท้าแขนกับอ่างล้างหน้า จ้องมองเข้าไปในกระจกบานใหญ่ สิ่งที่สะท้อนกลับมา ก็คือแววตากังวลที่มีสาเหตุมาจาก...
ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกดึงออกจากศีรษะ เผยเส้นผมสีทองสว่างและไฮไลท์สีชมพูสดปอยเล็กๆ
ที่เพิ่งไปทำมาเมื่อวาน เพื่อรับบทในละครเรื่องใหม่
ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองตั้งแต่ออกจากร้านทำผม จนถึงตอนนี้
“คิดมากน่าอิโนะจัง นายไม่เคยทำสีผมที่มันทองขนาดนี้ก็เลยไม่ชินมากกว่า”
ฮิคารุให้คำแนะนำเมื่อเขาโทรศัพท์ไปปรึกษา
ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย
แต่พอรู้ว่าเมมเบอร์ทุกคนคอยเจออิโนะโอะ เคย์ลุคใหม่
ในวันรุ่งขึ้นแล้วก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาอีกว่าเมมเบอร์จะว่ายังไงกันบ้าง
โดยเฉพาะนายคนปากร้ายที่สุดนั่น…
ที่จริง ผู้ชายที่ชื่อ ทาคาคิ ยูยะ
ก็ไม่ใช่คนปากเสียที่จะเที่ยวไปวิจารณ์ใครๆเรื่องสไตล์การแต่งตัวหรือสีผม เพียงแต่...
คำพูดที่ตรงไปตรงมาแบบนั้นน่ะ ทำให้เคย์เสียความมั่นใจมาหลายครั้งแล้ว
ถ้าคราวนี้ไม่ชอบ...จะทำยังไงดีนะ
“ก็ช่างสิ!
ทำไมเราจะต้องไปสนใจด้วย”
ความกังวลใจถูกสลัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับที่เจ้าตัวสลัดผ้าขนหนูออก
วิ่งไปแต่งตัวปานสายฟ้าแลบ เพราะ เหลือบไปเห็นตำแหน่งเข็มสั้นเข็มยาวบนนาฬิกา
มันบอกว่าถ้าช้ากว่านี้อีกสิบนาที เขาจะต้องไปสายแน่นอน
และในเวลาต่อมา เคย์ก็ก้าวเร็วๆเร่งรีบออกจากสถานีรถไฟใต้ดินไปยังสตูดิโออัดรายการ เพราะใช่เพราะกลัวจะไปสาย แต่สายตาของทุกคนที่มองมาที่เขานี่สิ...
จริงอยู่หรอกว่าผมสีทองขนาดนี้มันเป็นจุดเด่นชวนมอง
แต่มันไม่เหมือนกันกับตอนที่อยู่บนเวทีหรืออยู่หน้ากล้อง สายตาประหลาดใจของทุกคนที่มองเขาเป็นตาเดียวแบบนั้น ทำให้เคย์รู้สึกว่ามีอะไรผิดไปหรือเปล่านะ กับสีผมแบบนี้
มีเสียงฝีเท้าก้าวเร็วๆตามหลังมา
เคย์คาดไว้ว่าน่าจะเป็นเมมเบอร์คนใดคนหนึ่งแน่ๆ แต่ไม่ทันจะได้หันกลับไปทักทาย ใครคนนั้นก็เดินจ้ำผ่านเขาไปแบบไม่เหลียวหลัง
เคย์หยุดเดินทันที จ้องมองร่างหนาคุ้นตาที่เดินนำไปลิ่วๆด้วยความขุ่นเคือง
นี่จำกันไม่ได้หรือรีบมากจนไม่ใส่ใจจะจำกันแน่เนี่ย...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“หืมม์~ เป็นฉัน ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกันแหละ
หัวทองซะขนาดนี้”
ไดกิพูดตามตรง
หลังจากที่ฟังเพื่อนรักบ่นกระปอดกระแปดว่าเมมเบอร์แทบทุกคนเดินผ่านเขาไปโดยที่ไม่มีใครจำเขาได้เลยสักคนเดียว ไดกิเอง
ถ้าไม่สังเกตเห็นกระเป๋าใบโปรดที่เจ้าตัวสะพายอยู่
ก็คงจะไม่หยุดรอเหมือนกัน
“แล้วมันดีหรือไม่ดีล่ะ?”
“ดีสิ!”
ฮิคารุจับเค้าได้ว่าในน้ำเสียงเรียบๆเรื่อยๆนั้นแฝงอารมณ์ขุ่นมัวที่พร้อมจะก่อพายุได้ทั้งวันรีบพูด พลางส่งสัญญาณอันตรายไปยังเมมเบอร์คนอื่นๆ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
หลังจากที่ได้รับกำลังใจจากทุกคน เคย์ก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย แถมมีความมั่นใจกับหัวทองๆของตัวเองขึ้นด้วย
แต่นั่นคือความรู้สึกก่อนหน้าที่ ทาคาคิ
ยูยะ จะเดินเข้ามา
ร่างหนาชะงักอยู่ตรงประตูห้องแต่งตัว ขมวดคิ้วมองคนผมทองที่ถูกบรรดาเมมเบอร์รุมล้อมอยู่
“อ้าว! นายเองเหรอ?”
“ใช่ๆๆ
ผมสีทองแบบนี้ก็ดูดีใช่มั๊ยล่า~ เหมือนเป็นอีกคนเลยเนอะ”
ยูโตะส่งสายตาปิ๊งๆเป็นนัยว่าขอความเห็นแบบดีๆ
สักครั้งเถอะนะ แต่คนอย่างทาคาคิ
ยูยะ ต่อให้เข้าใจ
แต่นิสัยปากกับใจตรงกันก็นำไปก่อนแล้ว
ร่างหนาจึงได้แต่พยักหน้าอือๆออๆแบบไม่เต็มใจนัก
กับมองสำรวจสีผมของเคย์เพียงแวบเดียว ก่อนจะหันหลังเดินไปนั่งที่มุมห้อง แล้วไม่มองมาอีกเลย
ทำให้ความมั่นใจของเคย์ ที่เหล่าเมมเบอร์ช่วยกันสร้างขึ้นมา
แตกกระจายหายไปในอากาศทันที
วันนี้ทั้งวัน
เคย์ไม่รู้เลยว่าเขาถ่ายรายการจบไปได้อย่างไร รู้แต่ว่าเขาต้องฮึด กอบโกยเอาความมั่นใจเฮือกสุดท้ายมาใช้
เพื่อไม่ให้แสดงอาการเสียเซลฟ์กับสีผมใหม่ที่ใครๆต่างก็ทักกันเป็นทิวแถว และถึงแม้ผลตอบรับจะออกมาในแง่ดี
แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าแฟนๆจะว่ายังไงบ้างเมื่อเห็นสีผมของเขาผ่านรายการที่เพิ่งบันทึกไปในวันนี้
คราวก่อนตัดผมทรงใหม่ก็โดนเมมเบอร์ล้อกลางคอนเสิร์ต คราวนี้ทำสีผมใหม่..มีแต่คนให้กำลังใจ
แต่ทำไมรู้สึกแย่แบบนี้ก็ไม่รู้...
เพราะนายคนเดียวเลย....ทาคาคิ ยูยะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากถ่ายทำรายการจบ ทุกคนกลับเข้ามาในห้องแต่งตัว ยกเว้นเคย์ที่บอกเพียงว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็หายไปเลย ยาบุรู้ว่าเคย์คงจะหงุดหงิดตัวเองที่วันนี้ทำหน้าที่ได้ไม่ดีนัก
ได้ไปล้างหน้าล้างตาหรือเดินเล่นเสียหน่อยก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแล้ว
ห่วงก็ไอ้คนที่อยู่ในห้องนี่แหละว่าจะได้รอดกลับออกไปมั๊ย
แต่ดูเหมือนว่ายูยะจะไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำอะไรผิดไป เพราะร่างหนาเพียงแต่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
เมื่อรู้สึกได้ว่าเมมเบอร์ทุกคนมองเขาด้วยสายตากล่าวโทษ
“ ทำไมไม่ให้กำลังใจอิโนะจังหน่อยล่ะ
เรื่องสีผมน่ะ”
ไดกิทำหน้าบูดใส่ ยูยะแค่ร้องหือ? เรื่องแค่นี้เองหรือที่ทำให้เมมเบอร์ไม่พอใจ
“เรื่องแค่นี้ที่นายไม่ได้ใส่ใจ มันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับอิโนะจังนะ”
ฮิคารุพูดขึ้นมาบ้าง ใจจริงก็ไม่อยากจะโกรธ
เพราะเรื่องเล็กๆแบบนี้
แต่ดูเหมือนเคย์จะรู้สึกได้
เหมือนที่เมมเบอร์ทุกคนเองก็คงจะรู้สึก
ว่าที่ยูยะไม่พูดอะไรก่อนหน้านั้น
เพราะเจ้าตัวไม่คิดว่าเคย์เหมาะกับการทำผมสีทอง เพียงแต่ไม่พูดออกไปตรงๆ
“ก็ฉันคิดแบบนั้นจริงๆนี่”
“โหยยย ใจร้าย!!!” เซเว่นเมมเบอร์แทบจะร้องออกมาพร้อมกัน ยูยะเพียงแค่ยักไหล่ไม่ใส่ใจ
แถมย้อนให้เมมเบอร์ได้สะอึกพูดไม่ออกอีกด้วย
“พวกนายเองก็คิดเหมือนกันใช่มั๊ยล่ะ นึกว่าอิโนะจังจะไม่รู้หรือไงว่าพวกนายแค่โกหกเพื่อให้เจ้าตัวเขารู้สึกดีน่ะ”
“นั่นไม่จริงหรอก” ยาบุเอ่ยหลังจากที่เงียบฟังมาพอสมควร “พวกเราแค่คิดว่ามันแปลกตาแค่ในตอนแรก แต่มองๆไปสีผมแบบนี้ก็สวยดี แล้วเราก็พูดออกไปตรงๆ ไม่เหมือนนายที่ถึงจะไม่พูดอะไร แต่ก็ทำให้อิโนะจังรู้สึกแย่ลงกว่าเดิม”
“แค่เรื่องสีผมนี่นะ?
พวกนายคิดมากเกินไปแล้วล่ะ
ฉันไม่เห็นว่าอิโนะจังจะเป็นอย่างที่พวกนายว่าเลย”
“คิดแบบนั้นจริงๆหรือแค่หาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง”
ยูยะสตั๊นเหมือนโดนหมัดขวาตรงเข้ากลางแสกหน้า
เมมเบอร์ที่เหลือหันกลับไปมองหน้าซื่อๆ ตาใสๆของเจ้าน้องเล็กของวงเป็นตาเดียว แม้จะชื่นชมในวาจากล้าหาญ แต่ก็หวาดๆจะมีมวยตามาด้วย ยูริฉวยโอกาสที่ยูยะยังหาทางไปไม่ได้
หาเหตุบอกลาเมมเบอร์แล้วลากริวทาโรออกจากห้องไปแบบทุลักทุเลเล็กน้อย
พอประตูปิด ทุกสายตาก็กลับมาอยู่ที่ยูยะ ที่ยังพยายามทำไม่รู้ไม่ชี้
ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าผิดเต็มประตู สายตาของเมมเบอร์ที่จ้องคาดคั้น ทำให้ยูยะเริ่มอยู่ไม่สุข โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่า
เมมเบอร์ทุกคนแอบสบตาวางแผนกันอยู่เงียบๆตอนที่ยูยะไม่ทันเห็น
แล้วหลังจากนั้น
ทุกคนก็เอาแต่พูดว่าเป็นห่วงเคย์ที่ยังไม่กลับมาเสียที แล้วก็พาลโทษว่าเป็นความผิดของยูยะ แกล้งกดดันจนคนฟังทนไม่ไหว
“ก็ฉันไม่ชอบโกหก!!”
ยูยะตะโกนลั่น
“แต่จะให้พูดออกไปได้ยังไงล่ะ ว่าฉันชอบอิโนะจังคนผมดำมากกว่าน่ะ!!”
เสียงบ่น
เสียงว่าเงียบลงทันที ยูยะฟึดฟัดเดินหนีไปนั่งอยู่มุมห้องไม่สนใจใครอีกต่อไป พอๆกับที่คนอื่นๆไม่สนใจในตัวเขา
เพราะพอหันกลับมาอีกทีก็ไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว...
นอกจาก....
คนที่หายไปตั้งแต่ถ่ายรายการจบที่ไม่รู้ว่ากลับเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน ต้นเหตุที่ทำให้ยูยะถูกเพื่อนๆดุว่าแล้วก็พากันทิ้งให้ยูยะอยู่คนเดียว
และคนเดียวกันนี้แหละที่กำลังทำให้ยูยะกระวนกระวายด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ เพราะเคย์ไม่ทักทายเขาเลย หน้าก็ไม่มองด้วย
โกรธกันหรือเนี่ย...ทำไงดีหว่า?
“นี่ทาคาคิคุง!!”
ยูยะสะดุ้งถอยหลังไปสองสามก้าว ตั้งหลักเตรียมพร้อมรับมือกับความโกรธของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่เขามองเห็นเมื่อเคย์หันมาหา คือรอยยิ้มหวานๆ
ที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ดีสุดๆ
กับคำพูดร่าเริงน่ารัก
ที่ทำให้ยูยะพยักหน้ารับคำโดยที่ไม่ทันฟังด้วยซ้ำว่าเคย์ขออะไรจากเขา
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ยูยะก็มาเดินมึนๆอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต
เข็นรถตามหลังเคย์ที่กำลังเลือกของสดสำหรับเอาไปหัดทำอาหาร เพื่อรับบทพ่อครัวในละครเรื่องใหม่
ให้มาเป็นเพื่อนซื้อของก็เข้าใจอยู่หรอก แต่ทำไมจะต้องมายืมใช้ครัวที่ห้องของเขาด้วยวะ?
“แล้วไม่ได้หรือไง?”
ย้อนถามเหมือนจะชวนทะเลาะ
แต่ยูยะถูกมนต์สะกดจากรอยยิ้มน่ารักจนไม่รู้สึกอยากหาความด้วย
“เดี๋ยวก็ต้องไปเข้าคอร์สหัดทำอาหารอยู่แล้วนี่”
“ก็ต้องฝึกไว้บ้างสิ ไปทำเงอะงะตอนเรียนก็ถูกดุกันพอดี”
ยูยะขี้เกียจจะเถียง แต่พอเห็นจำนวนของที่เคย์หยิบใส่รถเข็นก็ทนเดินตามเงียบๆไม่ได้ นี่จะซื้อไปทำอาหารเลี้ยงกองถ่ายหรือไง
“ก็ซื้อไปเผื่อนายด้วยแหละ ผักผลไม้เนี่ย
กินเข้าไปเถอะ แล้วก็กับแกล้มกับเบียร์น่ะ ห้ามซื้อนะ!!”
คนสวยดักคอเมื่อเห็นยูยะชะเง้อไปทางโซนเครื่องดื่ม แล้วลากรถเข็นเลี้ยวไปอีกทาง ยูยะเริ่มงงว่านี่เขาเดินอยู่กับเพื่อนร่วมวงหรือเดินอยู่กับแม่กันแน่
ร่างหนารีบเดินตามไปจนเกือบจะชนเข้าลูกค้าคนอื่นที่เดินอยู่ใกล้ๆ แต่ยูยะก็มองไม่เห็น
ว่าลูกค้าที่เดินอยู่ใกล้ๆ ล้วนเป็นคนคุ้นหน้า ที่แอบตามมาเพื่อเป็นปาปารัสซีเฉพาะกิจ
บรรดาเมมเบอร์ต่างก็ผลุบๆโผล่ๆตามชั้นวางสินค้าเหมือนเล่นซ่อนหา
โดยมีข้าวของที่คว้าได้แถวๆนั้นเป็นเครื่องกำบังเวลาที่ยูยะมองมา
หรือเคย์เดินผ่าน
หลายครั้งที่รีบร้อนซ่อนตัวจนทำให้ไม่ระวังไปชนชั้นจนข้าวของร่วงลงมาบ้าง ชนกันเองจนล้มกลิ้งบ้าง
น่าแปลก...ทั้งที่ถูกติดตามอย่างอึกทึกครึกโครมขนาดนี้ ทั้งยูยะและเคย์ก็ไม่สังเกตเห็นพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
“ฉันควรจะดีใจไหม?ที่สองคนนั่นไม่เห็นเรา?”
ไดกิกระซิบกระซาบถามเมมเบอร์คนอื่นๆที่หลบอยู่หลังกองผลไม้ที่จัดเรียงกันเป็นกองสูง
ระหว่างที่ยูยะและเคย์เดินไปยังเคาท์เตอร์คิดเงิน
ยามาดะพยายามจะยืดตัวขึ้นดูแต่กลับเอาหัวไปโขกกับมุมชั้นวางของ เจ็บจนพูดอะไรไม่ออก ยูโตะถลาจะเข้าไปช่วย
แต่กลับสะดุดเท้าของฮิคารุ เซถลาไปล้มลงทับไดกิอย่างสวยงาม
“ไร้สาระจริงๆ”
ริวทาโรเริ่มบ่นหลังจากที่ต้องยืนรออยู่ด้านนอกตามคำสั่งของพี่ๆ
แต่ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีใครออกมา ใจน่ะอยากจะไปหาของเล่นของกินที่อื่นแล้ว ถ้าไม่ติดว่าคนตัวเล็กที่เกาะอยู่บนหลังยังอยากเกาะติดสถานการณ์อยู่
“แต่ฉันหิวข้าววววว” เจ้าน้องเล็กกระทืบเท้าเร่าๆท่ามกลางสายตาแม่บ้านที่มาจับจ่ายซื้อของ
แต่คนที่อายกลับเป็นยูริที่เกาะหลังริวทาโรแน่นเพราะกลัวตก ทั้งเอ็ดทั้งขู่ ริวทาโรก็ยังไม่เลิกโวยวาย
แล้วในนาทีต่อมา
ริวทาโรก็เดินไปยังร้านอาหารใกล้ๆ
โดยมียูริที่ทำหน้างอเกาะอยู่บนหลังไม่ยอมลง
ทิ้งให้ยาบุและเคย์โตะเป็นยามเฝ้าประตูซุปเปอร์มาร์เก็ตต่อไป
“แปลกมั๊ยล่ะที่คนเราจะหูหนวกตาบอดได้ขนาดนี้”
ยาบุกระซิบถามจากด้านหลังหนังมือพิมพ์ที่กางออกเพื่อพรางตัว
เมื่อยูยะและเคย์เดินผ่านไป
“ไม่แปลกหรอก”
เคย์โตะตอบกลับไปด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย ผ่านพ็อคเก็ตบุคที่ยกขึ้นปิดใบหน้าแค่ครึ่งหน้า
แน่นอนว่ายูยะและเคย์เดินผ่านไปโดยไม่ได้สังเกตเลย “ตอนที่ฉันอยู่กับไดจังสองคน
พวกเราก็ไม่สนโลกแบบนี้แหละ”
ยาบุมองไปที่ยูยะและเคย์ที่เดินจากไปไกล
แล้วหันกลับไปมองฮิคารุที่เพิ่งวิ่งออกมาจากด้านใน กำลังโวยวายใส่เขาที่ปล่อยให้ยูยะและเคย์คลาดสายตาไป แล้วนึกอยากไม่สนโลกกับเขาบ้างเหมือนกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ยูยะจัดให้มุมหนึ่งของห้องพักเป็นมุมครัวเล็กๆ มีอ่างล้างจาน
ชั้นวางเครื่องครัว ไมโครเวฟ และเตาสำหรับทำอาหารมื้อเล็กๆง่ายๆ ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยได้ใช้มันนัก
แต่วันนี้มีพ่อครัวมือใหม่อยากจะมาลองใช้
ยูยะรู้สึกทึ่งเล็กๆ ที่เห็นเคย์จัดโน่นหยิบนี่ในครัวได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ไม่ทันได้เอ่ยปากชม
พ่อครัวมือใหม่ก็เผลอเปิดก๊อกน้ำแรงจนทำให้ตัวเองเปียกไปครึ่งตัว ยูยะหัวเราะก๊ากสะใจ แล้วหลบหนีสายตาขุ่นเคืองด้วยการเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบผ้ากันเปื้อนออกมาสวมให้
“ลายหมีสีชมพูเนี่ยนะ”
“ห้ามเล่าให้ใครฟังเชียวล่ะ เอ้า
ยกแขนขึ้นหน่อย”
เคย์กางแขนสองข้างขึ้นระดับไหล่อย่างว่าง่าย ห่อตัวเล็กน้อยเมื่อแขนของยูยะสอดใต้แขนดึงสายผ้ากันเปื้อนไปผูกให้
วางมือแหมะบนเอวแล้วยังยื่นหน้าข้ามไหล่มาจนแก้มของทั้งสองคนแทบจะชิดกัน
“นายจะทำอะไรให้ฉันกิน”
“ไปไกลๆไป๊!”
เคย์จับไหล่สองข้างของยูยะ บังคับให้หันหลังกลับไป แต่ก็ทำได้ยากลำบาก
เพราะยูยะไม่ใช่หนุ่มน้อยผอมบางเหมือนเมื่อครั้งที่เดบิวต์ใหม่ๆอีกแล้ว
ยูยะแกล้งตื๊ออยู่ครู่หนึ่งจึงยอมถอยออกมานั่งดูโทรทัศน์
อีกมุมหนึ่ง
แต่เขาไม่มีสมาธิกับรายการโปรดเหมือนเคย
เพราะคอยแต่จะสะดุ้งกับเสียงเคร้งคร้างที่ดังมาจากเคาท์เตอร์ทำอาหารเป็นระยะๆ
“โอ๊ย!!!!”
ยูยะดีดตัวขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็ว เคย์ยืนกุมมือตัวเองที่เริ่มแดงเพราะถูกของร้อน
กระทะที่ตั้งอยู่บนเตากำลังร้อนจัด เนยสำหรับทำอาหารละลายเดือดอยู่ในนั้น
“พอแล้ว!! ไม่ต้องทำอะไรแล้วไปนั่งอยู่เฉยๆก่อนที่นายจะทำครัวฉันพัง!!!”
เคย์เพียงแต่ถอยห่างจากเคาท์เตอร์ มองดูยูยะลงมือเก็บกวาดสิ่งที่เขาทำไว้และลงมือทำอาหารต่อ จนอีกฝ่ายต้องหันมาดุซ้ำ เคย์จึงยอมเดินออกมา
แต่ก่อนหน้านั้นก็ถอดผ้ากันเปื้อนไปสวมคืนให้เจ้าของมันด้วย วินาทีที่เคย์ยืนอยู่ข้างหลังและผูกสายผ้ากันเปื้อนให้ยูยะ
จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าอยากจะกอดอีกฝ่ายเอาไว้และขอโทษ แต่เคย์ก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป แล้วเดินหงอยกลับมานั่งที่โซฟา อะไรบางอย่างตกลงมาบนตักของเขาพอดี
ยาหลอดหนึ่ง สำหรับแผลไฟลวก ... แต่สิ่งที่ทำให้เคย์ยิ้มได้ เป็นสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น
เสียงดุๆที่ดังมาจากร่างหนาที่ยังคงทำเป็นง่วนกับการทำอาหาร
“อย่ามัวแต่มอง! รีบทายาเร็วเข้า!!!”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากมื้อค่ำผ่านไปด้วยอาหารง่ายๆไม่กี่อย่างฝีมือเจ้าของห้อง เคย์ก็ถูกไล่ให้ไปอาบน้ำ
ระหว่างนั้นยูยะก็จัดการล้างจานชามและทำความสะอาดครัว เคย์ที่อาบน้ำเสร็จออกมาเห็นทุกอย่างสะอาดเอี่ยมเป็นระเบียบเรียบร้อย
ผิดกับตอนแรกที่เข้ามาก็ส่ายหัวไม่เชื่อ
“สร้างภาพใช่มั๊ยล่ะ
เชื่อได้เลยว่าถ้าไม่มีใครอยู่ในห้องด้วย
นายคงทิ้งไว้ข้ามคืนรอให้มันขึ้นราก่อนนั่นแหละถึงจะล้าง”
“ถ้ามันสกปรกขนาดนั้น
ฉันไม่ล้างให้เสียเวลาหรอก แล้วเรื่องอะไรฉันจะต้องสร้างภาพด้วย”
“ก็เผื่อฉันจะชื่นชมนายออกสื่อเหมือนไดจังไง “
เคย์หรี่ตามองร่างหนาที่กำลังถอดผ้ากันเปื้อนออก “ทีกับฉันไม่เคยทำให้เลยปูฟูกให้งี้
เตรียมผ้าขนหนูให้งี้”
“ไร้สาระ” ยูยะตะโกนออกมาจากห้องนอน “ฉันจะต้องเตรียมผ้าขนหนูให้นายทำไมในเมื่อนายก็รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน หยิบไปใช้ไม่เคยจะถาม ชุดนอนที่นายใส่นั่นก็ของฉัน แล้วจะปูฟูกไปทำไมในเมื่อเรานอนเตียงเดียวกัน
แล้ว อีกอย่างนะ” ยูยะเดินออกมาจากห้องมีเพียงผ้าขนหนูพันกายท่อนล่าง
อวดหุ่นที่เจ้าตัวอวดว่าฟิตมาเมื่อถ่ายแบบหน้าร้อนโดยเฉพาะ “เวลามาค้างที่ห้องฉันไดจังจะหิ้วของฝากมาให้ตลอด
แล้วนายล่ะ? มาอยู่ฟรีกินฟรี แล้วยังหวังจะได้รับบริการดีๆอีกเหรอ?”
“ก็พยายามจะทำกับข้าวให้กินแล้วไง!!!”
อยู่ดีๆคำพูดล้อเลียนไม่จริงจังของยูยะก็ทำให้เคย์โมโหขึ้นมาซะอย่างนั้น เขาตะโกนตามหลังร่างหนาที่หายเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็มานั่งหงุดหงิดกับตัวเอง “แต่มันไม่ได้เรื่องเลย”
ทั้งหมดก็เพราะนายนั่นแหละ ทาคาคิคุง ถ้าละสายตาไปจากฉันสักหน่อย ฉันก็คงมีสมาธิ ไม่เผลอทำนั่นทำนี่หล่น หรือเผลอไปปัดถูกกระทะร้อนๆเข้าหรอก
“หนหน้าค่อยมาทำอีกก็ได้น่า เรื่องของกินฉันไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว”
ยูยะโผล่หน้ามาจากห้องน้ำมา พูดให้ดีใจแล้วก็กลับเข้าห้องน้ำไป เคย์กำลังจะยิ้ม แต่ประตูห้องน้ำก็เปิดอีกหน
“ถ้าง่วงก็เข้าไปนอนในห้องนะ
อย่ามาหลับตรงโซฟา ฉันขี้เกียจอุ้มนาย
!!หนัก!!”
ยูยะหัวเราะร่าเข้าไปอาบน้ำสบายใจ ผิดกับคนที่นั่งอยู่ข้างนอกที่ทำหน้าบูด
และกำลังวางแผนร้ายว่าถ้าได้ทำกับข้าวให้ยูยะกินอีกครั้ง จะใส่ยาถ่ายลงไปสักเท่าไหร่ดี
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ราวกับอยู่ในความฝัน
มือของใครคนหนึ่งสัมผัสมือของเคย์อย่างอ่อนโยน และความแสบร้อนบนมือก็บรรเทา
“บอกให้ทายาก่อนนอนไม่รู้จักฟัง”
ร่างกายของเขาเบาหวิว เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของใครคนนั้น เคย์วาดแขนโอบรอบคออีกฝ่ายเอาไว้ แนบแก้มกับอกหนา ฟังเสียงหัวใจที่คุ้นเคย
“แล้วก็ยังหลับบนโซฟา ให้ฉันต้องอุ้มไปนอนอีก
หนักนะเนี่ย รู้รึเปล่า”
“ก็อุ้มอยู่ทุกครั้ง น่าจะชินแล้วนี่นา”
เคย์งึมงำตอบเสียงบ่นของยูยะ ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจ เหมือนระอาเด็กน้อยคนหนึ่ง
“นี่ทาคาคิคุง
ทำไมนายถึงไม่ชอบสีผมใหม่ของฉันล่ะ?”
“มันทำให้นายดูสวยเกินไป เดี๋ยวนายเด่นกว่าฉัน”
“เหตุผลงี่เง่าที่สุดในโลก-โอ๊ย!!!!!!”
เคย์ร้องเสียงหลงเพราะถูกโยนลงบนเตียงแบบไม่ปราณี ยูยะหัวเราะสะใจที่ได้แกล้งอีกฝ่ายก่อนจะปิดไฟแล้วล้มลงนอนบนเตียงเดียวกัน โดยไม่พูดอะไรอีก
แต่ไม่มีใครหลับ
เคย์เฝ้านึกถึงคำพูดของยูยะที่บอกต่อหน้าเมมเบอร์ทุกคนว่า ชอบเคย์คนผมดำมากกว่า ยูยะไม่รู้หรอก เมมเบอร์คนอื่นๆก็คงไม่รู้ ว่าตอนนั้นเขายืนอยู่หน้าห้อง และได้ยินชัดเจน มันทำให้เขาต้องหลบไปหามุมเงียบๆอีกครั้งเพื่อจัดการกำราบหัวใจที่เต้นแรงและอาการหน้าแดงให้หายไป
ที่จริงมันก็ไม่เกี่ยวกับยูยะว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่เคย์ตั้งใจไว้ว่าเมื่อถ่ายละครจบ เขาคงต้องไปย้อมสีผมกลับไปเป็นสีดำอย่างด่วนเลย
ส่วนยูยะก็เฝ้าหาเหตุผลว่าทำไมจึงพูดออกไปอย่างนั้น
ผมสีทองทำให้เคย์ดูแปลกตาไปในครั้งแรกที่มอง แต่ไม่นานนัก ยูยะก็ไม่สามารถถอนสายตาไปจากเคย์ได้เลย ความเจิดจ้าเปล่งประกายเหมือนหิมะในแสงอาทิตย์
ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอก...แต่ยูยะไม่อยากให้ใครมอง ไม่อยากให้ใครได้เห็น
เก็บไว้มองคนเดียวได้ก็คงทำไปแล้วล่ะ...
++++++++++++++++++++++END++++++++++++++++++++++
Talk~
ระยะเวลาสั้นๆ ที่ชายเปลี่ยนสีผม ทำให้เรามโนจนเกิดเป็นฟิคเรื่องนี้ขึ้นมา ตอนแรกที่เห็นเคย์ทำผมทอง ความรู้สึกแรกคือ ไม่เหมาะอะ ผมทองทำให้ผิวขาวๆดูซีดไปเลย ผิดกับตอนที่ผมดำทำให้ผิวดูขาวเด่น แต่มองๆไปก็ เออ สวยเว้ย ฮ่าๆๆๆ จริงๆกะจะให้เป็นฟิควันเกิดยูยะล่ะ แต่ด้วยเหตุใดก็ไม่รู้ ทำให้พิมพ์ออกมาไม่ได้อย่างใจ ลบๆแก้ๆอยู่นั่น กว่าจะพิมพ์จบก็จะถึงวันเกิดไดจังพอดี เอาไปว่าเราเอาฟิคเรื่องนี้มาอยู่ในชุด
ทาคาเคย์ ซีรี่ย์ ละกันเนอะ ท่านผู้อ่าน
ขออนุญาตไรท์เตอร์มาคอมเม้นท์ตรงนี้แทนนะคะ
ReplyDeleteเราอ่าน the day we kissed ที่ไรท์เตอร์อัพไว้ 50% ใน exteen แล้ว
ดีใจมากค่ะ ถึงจะมาแค่ห้าสิบ แต่ก็ค้างคาได้แบบลุ้นจนหัวใจจะวายว่าเคย์จะตอบไดจังว่าไง
คือเราเม้นท์ไปยาวพอสมควร แต่คอมเม้นท์เราไม่โชว์อ่ะค่ะ
เรื่องอื่นที่อ่านแล้วเม้นท์ก็ไม่โชว์เหมือนกัน
จริงๆ แค่อยากจะบอกให้ไรท์เตอร์รู้ว่าเราอ่านแล้วและรออัพอยู่นะ
ปอลอ ตอนนี้เราอ่านใน blogspot แบบเวอร์ชั่นมือถือได้แล้วจ้า (บอกเพื่อ)
รออัพอยู่นะคะ ทั้ง the day และด้วยแรงฯ ^^
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ ตอนนี้ The day we kissed ตอนที่ 11 อัพ 100% แล้วค่ะ
Deleteแอบดีใจที่อ่าน Blogspot ในมือถือได้แล้ว เพราะตอนนี้ค่อนข้างมีปัญหากับการเข้าเว็บExteen ค่อนข้างบ่อย แต่จะย้ายบล็อกอีกก็ขี้เกียจ ฮ่าๆๆ เพราะฉะนั้นก็ตามมาอ่านฟิคในนี้เอาละกันเน้อออ
อีกเรื่องค่ะ คอมเม้นใน Exteen ติดทุกอันนะคะ เพียงแค่ว่าถ้าจะดูต้องกดดูตรงจำนวนคอมเม้นเท่านั้นเองค่ะ ก็ว่าทำไมเม้นซ้ำสองอันเลย ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
Deleteเม้นท์ติดเหรอเนี่ย ดีใจจัง
ReplyDeleteและดีใจมากที่ไรท์เตอร์อัพต่อ
ดีใจน้ำตาปริ่มจริงๆ ค่ะ
เพราะเราวนเวียนมาดูทุกสัปดาห์เลย ^^