Tuesday 1 November 2011

[SF] In Your Eyes


Title  -:-                In Your Eyes



Writer  -:-             Nalikakeaw



Pairing   -:-           Taka x Inoo





ฟิคเรื่องนี้เป็นภาคต่อจากเรื่อง [SF] Sweet Dreams และ [SF] Night of the star~☆★~ ถ้าใครงงให้กลับไปอ่านสองตอนนี้ก่อนละกันค่า






เสียงตึงตังโครมครามที่เกิดขึ้นทุกเช้า เป็นเรื่องปกติที่ทีมงานหลายๆคนคุ้นตาและเคยชินไปเสียแล้ว ยิ่งเป็นทีมงานของกลุ่มนักร้องที่ได้ชื่อว่าเป็นกรุ๊ปที่มีจำนวนศิลปินมากที่สุดในค่าย แค่ได้ยินเสียงฝีเท้าก็บอกได้เลยว่าวันนี้ใครจะเป็นผู้โชคดีมาสาย ถูกพี่ใหญ่ที่สุดในวงดุเอา




แต่วันนี้ .. ไม่ต้องฟังเสียงฝีเท้าก็รู้ว่าใคร เพราะเจ้าตัวตะโกนโหวกแหวกมาตั้งแต่ชั้นหนึ่งโน่นแน่ะ




"แย่แล้ว!! สายแล้ว!!! ถูกดุแน่เลย เคย์โตะวิ่งเร็วๆซี่!!!"




ต่อให้คนถูกเรียกไม่อยากวิ่ง ก็ต้องวิ่งอยู่ดีเพราะมือข้างหนึ่งของยูโตะกำแขนเสื้อเคย์โตะเอาไว้แน่น ลองไม่วิ่งสิ ยูโตะจะได้ทำให้ร่างหนาแปลงร่างเป็นไม้ถูพื้นช่วยคุณแม่บ้านแน่ๆ




พอถึงหน้าห้องซ้อม ยูโตะก็เปิดประตู แล้วเหวี่ยงตัวคนที่ลากมาด้วยให้เข้าไปเป็นด่านหน้าทันที!




และด้วยสกิลการทรงตัวบาลานซ์ดีเยี่ยม .. ด้วยน้ำหนักของกีตาร์ที่แบกอยู่ข้างหลัง  บวกกับแรงส่งของเพื่อนซี้ที่มีดีกรีเป็นมือกลองประจำวง  เจ้าชายเม่นสุดหล่อจากอังกฤษจึงเซถลากางแขนรับลมลงไปซบพื้นแทบเท้าของยาบุได้อย่างพอดิบพอดี




"มาสายนะเคย์โตะ"




"ขอโทษนะ"




"ช่างเถอะ ไปเตรียมตัวซ้อมสิ"




ยูโตะยื้นอึ้งอยู่ที่ประตู พอๆกับเคย์โตะที่ขมวดคิ้วน้อยๆด้วยความสงสัย พอยืนขึ้นได้มั่นคงเคย์โตะก็ถูกลากไปรวมกลุ่มกับเซเวนเมมเบอร์ทันที




"ทำไมอ่ะ? เกิดอะไรขึ้น? ปกติแล้วฉันต้องถูกบ่นเป็นชุดแล้วนี่นา? นี่ๆๆๆทุกคน ทำไมไม่ตอบฉันล่ะ?"




"ไม่รู้!! ดูเอาเองสิ"




ยูริตอบอย่างหงุดหงิด พลางมองไปทางยามาดะที่เอาแต่สนใจการ์ตูนในมือของไดกิจนแทบไม่เงยหน้ามองใคร ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับสองคนนี้ แต่ปกติแล้วข้างๆไดกิจะมีใครอีกคนหนึ่งคอยถามโน่นถามนี่ จุ๊กจิ๊กกวนใจอยู่นี่นา




"ทำไมวันนี้ ไดจังอยู่กับยามะจังได้ล่ะ อิโนะจังไปไหน"




"ดูเอาสิ"




ทำไมวันนี้ไม่ค่อยมีคนตอบคำถามนะเนี่ย ยูโตะย่นจมูกใส่เคย์โตะ มองตามยาบุที่เดินไปกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆทาคาคิ ทอดสายตามองไปทางอีกมุมหนึ่งของห้อง ตรงนั้นริวทาโรนั่งทำการบ้านของตัวเองอยู่เงียบๆ และที่นั่งห่างออกไปอีกเล็กน้อย คือฮิคารุและอิโนะโอะ ที่ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน ถึงได้เอาแต่หัวเราะแล้วก็ยิ้มให้กันไม่หยุด




"ทำไมอิโนะจังถึงได้เอาหัวโขกกับฮิคารุคุงแบบนั้นล่ะ"




"ไปถามเอาเองสิ!!"




แง้~ ! วันนี้ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด










อิโนะจัง ... ทำไมนายทำอย่างนี้?..




ยาบุคิดอย่างปวดใจ ระหว่างที่มองดูเพื่อนกับแฟนทำตัวสนิทสนมจนเกินหน้า มีเรื่องอะไรต้องคุยกันหนักหนาหรือไงถึงได้ตัวติดกันทั้งวันแบบนี้ ส่วนแฟนอย่างเขากลับได้คุยกับฮิคารุแบบนับคำได้




"คิดมากไปมั๊ยนาย ฮิคารุกับอิโนะจังก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่"




"คิดอย่างนั้นเหรอ?"




ยาบุถามกลับน้ำเสียงเย็นชา ยูยะเลยทำเป็นสนใจข้าวของตัวเองต่อ ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิด แต่ก็คิดไม่ออกว่าทำไมวันนี้เคย์ถึงยอมปล่อยคู่ซี้อย่างไดกิให้ไปเดินช็อปปิ้งกับเคย์โตะได้ง่ายๆ แล้วมาเกาะแกะอยู่กับฮิคารุจนทำให้ยาบุเริ่มคิดมากแบบนี้




"เวลาเรามากินข้าวกัน ปกตินายนั่งตรงนี้รึเปล่า ทาคาคิ"




ยูยะคีบข้าวใส่ปากแทนการตอบคำถาม ถ้ามากินข้าวด้วยกันห้าคน ฮิคารุจะนั่งข้างยาบุ เคย์จะนั่งกับไดจัง ส่วนคนที่ต้องนั่งโดดเดี่ยวอยู่ตรงหัวโต๊ะนั้นมักจะเป็นยูยะเสมอ ถ้าไดกิไม่มาด้วยเขาถึงจะขยับไปนั่งข้างๆเคย์  แต่วันนี้เคย์กลับตัดหน้าแย่งที่ที่ว่างข้างๆฮิคารุไปแบบหน้าตาเฉย ทำให้ยาบุต้องมานั่งข้างๆยูยะแทน




จริงๆแล้วยาบุก็คงจะไม่คิดมาก ... ถ้าสองคนนั่นจะไม่ทำตัวติดกันแม้กระทั่งเวลาไปเข้าห้องน้ำ!




"ยาบุ ไม่หิวเหรอ?"




ฮิคารุถามตอนที่กลับมาจากห้องน้ำแล้วเห็นข้าวตรงหน้ายาบุยังเหลือเท่าเดิม ในขณะที่ของยูยะหมดไปกว่าครึ่งแล้ว




"ยังไม่หิวหรอก"




ฮิคารุทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ยังช้ากว่ามือขาวเรียวของคนข้างๆ ที่เอื้อมไปคว้าชามข้าวของยาบุมากินอย่างรวดเร็ว




"นายไม่กิน งั้นฉันขอละกัน"




"อืม แค่ข้าวน่ะให้ได้อยู่แล้วล่ะ อิโนะจัง"




ยูยะคิ้วกระตุกกับน้ำเสียงเย็นๆของยาบุ กับรอยยิ้มใสซื่อของตัวต้นเหตุร้าวฉาน ที่ดูจะไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาเสียเลย




แกล้งโง่รึเปล่าวะเนี่ย?...














"นี่ ฮิคารุ เราไปเดินดูของกันเถอะ"




ไม่รู้ทำไม ยูยะรู้สึกว่าเสียงใสๆ รอยยิ้มหวานๆ และท่าทางซื่อๆเกาะแขนอ้อนฮิคารุของเคย์ถึงได้เหมือนนางร้ายในละครเข้าไปทุกที  มันยิ่งทำให้คนข้างๆเขาใกล้จะแปลงร่างเป็นจอมมารขึ้นมาทุกทีแล้วเหมือนกัน




"ไม่ได้หรอกอิโนะจัง ฉันนัดกับยาบุไว้ว่าจะไปดูหนังกัน"




"งั้นฉันไปด้วยสิ ดูหนังเสร็จแล้วค่อยไปช็อปปิ้งก็ได้"




ยูยะอยากจะเอาหัวโขกอะไรสักอย่างแถวนี้ให้สลบคาที่ เผื่อว่าพระเจ้าจะเห็นใจ เลิกเขียนบทเด็กดื้อตาใสให้เคย์เล่นเสียที ตอนนี้ยูยะอยากจะกลับบ้านไปนอน ไม่อยากเอาตัวไปกั้นกลางระหว่างระเบิดเวลาอีกแล้ว ถ้าเคย์ไปด้วย รับรองว่ายาบุต้องลากยูยะไปด้วยแน่ๆ




"นี่~ ไปได้ใช่มั๊ยล่ะ เนอะ ยาบุคุง"




พอฮิคารุทำท่าอึดอัดใจ ก็หันไปคาดคั้นเอาคำตอบกับยาบุด้วยดวงตาใสแบ๊ว น่ารัก แต่ยูยะมองตายาบุแล้วรู้สึกว่ายาบุคงนึกอยากจะบีบคอคนตรงหน้านี้มากกว่า




"ไม่ได้!!!"




"อะไรกันน่ะ ฉันไม่ได้ถามทาคาคิคุงนะ ฉัน-"




"สองคนนี้เขาจะไปเดทกัน นายจะไปเป็นก้างขวางคอทำซากอะไรห๊ะ!! อิโนะจัง!!"




"แหม~ ก็ฉันอยากได้คนไปเป็นเพื่อนซื้อของนี่นา"




แล้วตอนที่ไดกิชวนไปช็อปปิ้ง ใครกันที่บอกว่าอยากจะกลับบ้านไปอ่านหนังสือ!? ให้ตายเถอะ!! นี่เขาต้องทำตัวเป็นเพื่อนพระเอกแสนดี ดึงก้างชิ้นโตนี่ออกจากคอเพื่อนใช่ไหม?




"ฉันจะไปเป็นเพื่อนนายก็แล้วกัน ไปกันเถอะ!"




ยูยะไม่รอฟังคำตอบว่าร่างบางจะเต็มใจไปด้วยหรือไม่ แต่เขาคว้ามือเรียวของเคย์ไว้แล้วพาเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ทิ้งฮิคารุไว้กับยาบุที่กำลังเกิดความรู้สึกสงสัยกับอะไรบางอย่างแทนที่ความหงุดหงิดใจเมื่อครู่




ทำไมถึงยอมให้ทาคาคิพาไปง่ายๆอย่างนั้นล่ะอิโนะจัง  แล้วรอยยิ้มแบบนั้นน่ะ  นายจะให้ฉันเข้าใจว่ายังไง?  จุดประสงค์ที่แท้จริงของนาย .. ไม่ใช่ฮิคารุ  แต่เป็นคนที่จูงมือนายอยู่อย่างนั้นใช่ไหม?










"นายอยากซื้ออะไรเหรออิโนะจัง"




"ไม่รู้สิ"




ยูยะหันไปจ้องหน้าคนที่ลอยหน้าลอยตาตอบว่าไม่รู้ แล้วนึกอยากกลับบ้านเสียเดี๋ยวนี้  คนอะไร! เอาใจยากดีแท้




"ก็อยากมาเดิน แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรดี"




คนฟังส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด เดินจ้ำเอาๆจนร่างบางเกือบวิ่งตามไม่ทัน




"ทาคาคิคุง นายโกรธเหรอ?"




ยูยะอยากจะตอกกลับแรงๆให้สมกับที่ร่างบางทำให้เขาต้องเสียเวลามาเดินเตร่อยู่แถวนี้ แทนที่จะได้กลับบ้านไปนอนอย่างใจอยาก แต่พอหันมาเห็นแววตาหงอยๆแล้วก็เปลี่ยนใจ




"ถ้านายไม่ซื้ออะไร ฉันจะกลับล่ะ"




ยูยะเดินหนีมาตั้งแต่ยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ เขาไม่อยากมองสบตาคู่นั้นให้ใจอ่อน ไม่รู้ว่าพักนี้ตัวเองเป็นบ้าอะไร มองตาคู่นั้นของเคย์แล้วรู้สึกแปลกจนไม่อยากจะอยู่ใกล้




แต่พอเดินห่างมาได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ก็อดเป็นห่วงไม่ได้  ทิ้งไว้แบบนั้นจะเป็นไรไหมนะ ..




ลังเลอยู่ชั่วอึดใจ  และแล้วความเหงาในดวงตาคู่นั้นก็ทำให้ร่างหนาต้องหันหลังกลับ เดินไปยังที่ที่เขาเพิ่งเดินจากมา  ตรงนั้น ... ร่างบางยังยืนอยู่ที่เดิม เงยหน้ามองอะไรสักอย่างบนฟ้า  แต่สิ่งที่ทำให้ยูยะใจหาย คือหยดน้ำเล็กๆที่หล่นร่วงจากดวงตาคู่นั้น




ร่างสูงก้าวเร็วๆเข้าไปหา ยกมืออุ่นขึ้นประคองแก้มนิ่ม เช็ดน้ำตาให้ด้วยความห่วงใย




เหงาจริงๆสินะ..




"อิโนะจัง ฉัน-"




"อยากดูจังเลย"




ยูยะขมวดคิ้ว ความรู้สึกผิดที่ปั่นป่วนในอกจนทำให้พูดอะไรไม่ออกชั่วครู่หายวับไปทันที




"นายพูดว่าไงนะ?"




"ก็หนังเรื่องนั้นไง"




ร่างหนามองตามสายตาของร่างบางไปยังตึกสูงที่ไม่ไกลออกไปนัก บนตึกนั้นมีบิ๊กสกรีนที่กำลังฉายภาพยนต์ดรามาน้ำตาท่วมจอที่ทำรายได้ถล่มทลายไปเมื่อสามเดือนก่อน




"ตอนที่เข้าฉายฉันไม่ว่างเลยไม่ได้ไปดู เดี๋ยวเราซื้อดีวีดีไปดูด้วยกันที่บ้านนะ ทาคาคิคุง"




ร่างบางพูดเองเออเองเสร็จสรรพ ก่อนจะลากแขนร่างหนาที่ยังยืนงงอยู่ให้ออกเดินไปด้วยกัน













คราวนี้เขาหนีมาจริงๆ ..




ยูยะยอมตามร่างบางไปที่ร้านขายดีวีดี แล้วก็ชิ่งออกมาตอนที่อีกฝ่ายกำลังเพลินกับการเลือกดูหนัง แต่ก็แอบซุ่มรออยู่หน้าร้าน รอจนร่างบางเดินตามหาเขาจนถอดใจ ยอมขึ้นรถไฟกลับบ้านไป ตัวเองถึงได้กลับห้องบ้าง




แต่ยูยะก็แทบจะช็อคตาย เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วพบว่าคนที่เขาเพิ่งจะคิดว่าหนีได้พ้น มานั่งดูหนังสบายใจอยู่บนโซฟาตัวโปรด  ในห้องของเขาเอง!!!




"อ-อิโนะจัง น-นายมาได้ไง นายเข้าห้องฉันได้ยังไง!"




"ก็นั่งรถไฟมาน่ะสิถามได้ ที่เข้ามาในห้องได้ก็.. นี่ไง"




มือขาวๆหยิบพวงกุญแจที่วางบนโต๊ะขึ้นมาเขย่ากรุ๊งกริ๊ง กุญแจสำรองห้องของยูยะ ที่เขาเคยให้ไปด้วยความไม่เต็มใจเมื่อก่อนหน้านี้




นี่ยังไม่ได้คืนอีกเรอะ!!!




"ฉันอยากดูหนังเร็วๆ ห้องนายใกล้กว่าก็เลยมาที่นี่ มาดูด้วยกันนะทาคาคิคุง"




"ไม่ล่ะ! ฉันว่านายกลับบ้านไปดีกว่า ฉันเหนื่อยแล้วอยากจะนอน!"




ยูยะเหวี่ยงกระเป๋าลงไปบนโซฟาอย่างไม่พอใจ ยิ่งเห็นว่าร่างบางยังไม่ยอมขยับตัวไปไหนเขาก็ยิ่งหงุดหงิด




"วันนี้นายเป็นอะไรไปอิโนะจัง ทำไมถึงได้คอยหาเรื่องกวนใจคนอื่นอยู่เรื่อย ว่างนักหรือไง!?"




บางครั้งคนเราก็พูดอะไรออกไปโดยไม่ได้คิดคิดถึงหัวใจคนอื่น ยูยะเองก็เป็นคนแบบนั้น ถึงได้พูดออกไปโดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของคนฟังเลยแม้แต่น้อย ว่ารอยยิ้มหวานๆค่อยๆจืดจางลงไปทุกที




จนกระทั่งร่างบางลุกขึ้นจากโซฟาอย่างเงียบๆ เก็บของใส่กระเป๋า เดินผ่านยูยะไปจนถึงประตูห้อง หยิบรองเท้ามาใส่ โดยที่ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว




ประโยคแรกที่ร่างบางเอ่ยขึ้นมา หลังจากความเงียบงันอันแสนยาวนาน แม้ว่าที่จริงแล้วเข็มของนาฬิกายังไม่ทันกระดิกไปถึงไหนก็ตาม คือสิ่งที่ยูยะไม่ได้คาดคิดและก็ทำให้ร่างหนาตกใจจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ




"นายเกลียดฉันเหรอ? ทาคาคิคุง"




กว่ายูยะจะคิดได้ว่าควรจะรั้งเอาไว้ ร่างบางก็เกือบจะพ้นประตูห้องไปแล้ว แต่พอประตูห้องปิดลงอีกครั้ง ร่างบางก็ทำเหมือนไม่อยากจะมองหน้าเขาอีกต่อไป ถึงจะยอมให้รั้งไว้ แต่ก็หันหลังให้ไม่ยอมมองหน้ากัน




"ฉันอยู่ก็กวนใจนาย แล้วทำไมไม่ยอมให้ฉันกลับไปล่ะ"




โดนประชดเข้าอีกดอก ยูยะถึงกับจุก แต่ก็ยังจับมือบางเอาไว้ พยายามรั้งให้ร่างบางหันมาสบตากันตรงๆแต่ก็ไม่สำเร็จ ยูยะก็ไม่รู้จะทำยังไง คนที่ปากเคยตรงกับหัวใจมากที่สุดอย่างเขา ในเวลาอย่างนี้กลับปากหนักเสียจนน่าโมโหตัวเอง




แค่คำว่าขอโทษคำเดียว..





"ฉันไม่ได้เกลียดนาย"




"นายโกหก"




พอร่างบางหันกลับมา ยูยะก็เสมองไปทางอื่น ทำให้เคย์จ้องอย่างจับผิด ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ ยูยะก็ยิ่งถอยหนี




"เห็นมั๊ยล่ะ นายไม่ยอมมองตาฉัน แสดงว่าโกหก!!"




"เปล่านี่"




ยอมโดนด่าว่าแถหน้าด้านๆเสียยังจะดีกว่าถูกบังคับจ้องตาระยะประชิดแบบนี้  เพียงแค่มือเรียวคู่นั้นยกขึ้นประคองแก้มเขา บังคับให้มองตา จากที่ถอยๆจนพาตัวเองกลับเข้ามาอยู่ในห้องนั่งเล่น ร่างหนากลับยืนนิ่งราวกับต้องมนต์ในดวงตาคู่นั้น มือที่พยายามปัดป้อง ก็วางทาบอยู่บนมือเรียวเหมือนจะหมดแรงไปซะเฉยๆ




"ทาคาคิคุง มองตาฉันแล้วพูดอีกครั้งสิ ว่าไม่ได้เกลียด"




"อิโนะจัง ฉันไม่ได้เกลียดนาย"




พอถึงเวลาจะพูด ก็พูดออกมาง่ายๆ ถึงตอนที่พูดสติจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเพราะถูกตาคู่สวยจ้องเอาก็ตาม และหลังจากที่พูดออกไปทุกอย่างก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว มือเรียวที่แนบแก้มของยูยะถูกดึงกลับไปแล้ว สายตาที่จิกจ้องคาดคั้นก็ฉายประกายอีกครั้ง ยูยะมองตาคู่นั้นแล้วรู้สึกไม่สบายใจเลยสักนิด




มันดู...มีอะไรบางอย่างแอบแฝง




แต่ร่างบางคงไม่อยากเล่นเกมจ้องตากับเขา เพราะตอนนี้เจ้าตัวเดินกลับไปนั่งบนโซฟา หยิบรีโมทขึ้นมากดอีกครั้ง หันมาชวนเจ้าของห้องตัวจริงด้วยรอยยิ้มหวานสุดหัวใจ




"มาดูหนังด้วยกันนะ ทาคาคิคุง~"










ดูหนัง .. แต่ก็เหมือนไม่ได้ดู ยูยะเอาแต่เหลียวไปมองคนข้างๆแทนที่จะดูจอโทรทัศน์ แต่พอร่างบางหันมามองก็ทำเป็นสนใจหนังแทน แม้ความจริงทั้งภาพและเสียงไม่ได้ทะลุเข้าไปในสมองเลยก็ตาม




"สงสัยอะไรเหรอ? ทาคาคิคุง"




"เปล่า"




"โกหกไม่ดีเลยน๊า~"




ยูยะหันกลับไปจ้องอย่างเอาเรื่อง แต่พอดวงตาสวยๆคู่นั้นมองกลับมา ยูยะก็ต้องเป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง เลยถูกร่างบางแซวเสียนี่




"นั่นไง~ ไม่ยอมมองตากันแสดงว่าโกหก บอกมาตรงๆดีกว่า อยากรู้เรื่องวันนี้ใช่มั๊ยล่ะ ถ้านายถามฉันก็จะตอบนายตรงๆนะ"




"เรื่องนั้นไม่ต้องถามฉันก็รู้ นายจงใจแกล้งยาบุ! ไม่ต้องมามองแบบนั้น ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย"




อิโนะโอะ เคย์ ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยที่ถูกรู้ทัน และไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่สักนิดด้วย มีแต่ความรู้สึกดีใจที่ได้รู้ว่า ตัวเองไม่ได้ถูกเมินอย่างที่กังวลอยู่เป็นเดือนๆ




ที่รู้...เป็นเพราะว่ามองฉันอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมล่ะ




"ไม่อยากรู้ต่อเหรอ ว่าทำไมฉันถึงทำแบบนั้น"




ไม่ถามเปล่าร่างบางเขยิบตัวเข้าไปใกล้ๆ ยูยะส่ายหัวดิก จะมีเหตุผลอะไรมากไปกว่าเจ้าตัวนึกอยากแกล้งคนแก้เซ็ง แล้วคนที่แกล้งได้สนุกที่สุดก็คือยาบุนี่แหละ หมอนั่นน่ะ ถ้าเป็นเรื่องของฮิคารุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กแค่ไหนก็ถูกคนอื่นเอามาปั่นหัวได้เสมอ




"ไม่ใช่หรอก เพราะนายต่างหากล่ะ ทาคาคิคุง"




"เห?"




"ใช่ เพราะนายไม่คุยกับฉัน ไม่มองหน้าฉัน  พอจะคุยด้วยก็เดินหนี เป็นแบบนี้มาเป็นเดือนๆแล้ว ฉันก็เลยไปกวนยาบุไงล่ะ เพราะรู้ว่ายังไงซะ นายก็ต้องยื่นมือมาช่วยอยู่แล้ว"




คนพูดยิ้มระรื่น แต่คนฟังมึนสุดขีด อะไรวะ!! เป็นเพื่อนพระเอกอยู่ดีๆ ไหงกลายเป็นตัวก่อปัญหาไปได้ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับได้รู้ว่าตัวเองตกหลุมพรางเข้าจังเบ้อเร่อ ( อีกแล้ว )




ปัญหาหนักคือจะตะกายออกจากหลุมกับดักได้ยังไง




"พูดอะไรของนาย ไม่เกี่ยวกับฉันเลยนะ"




"เกี่ยวสิ ถ้านายไม่หนีหน้าฉันก็คงไม่ต้องหาเรื่องไปแกล้งยาบุหรอก เวลาหมอนั่นโกรธน่ากลัวจะตาย "




"ฉันเปล่า ไม่ได้หลบหน้า ไม่ได้หนีไปไหนทั้งนั้นแหละ"




ต่อให้เสียงดังหนักแน่นกว่านี้อีกสิบเท่า คนที่ถือไพ่เหนือกว่าก็ยังคงเป็นพรานคนสวยที่ยูยะคอยแต่จะหลบตาอยู่เรื่อย อาจเป็นเพราะสมองที่สั่งการ หรือสัญชาตญาณ ที่บอกให้รู้ว่า ถ้าเผลอสบตาเมื่อไหร่ จะต้องพูดทุกสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเป็นแน่




"งั้นเหรอ? ถ้างั้นฉันโทรฯหาฮิคารุดีกว่า ป่านนี้จะทำอะไรอยู่น๊า~ น่าจะดูหนังจบแล้ว คงจะไปกินข้าวกันต่อ อ๊ะ!"




ร่างบางขยับหนีมือที่ยื่นเข้ามาหา เอาโทรศัพท์ซ่อนไว้ข้างหลังพลางยิ้มยั่ว ยูยะเริ่มลมออกหู ฉวยโอกาสตอนที่ร่างบางเผลอ อ้อมแขนไปข้างหลัง ยื้อยุดกันอยู่สักพักก็คว้าโทรศัพท์ออกมาได้ แต่ก่อนจะได้ยิ้มอย่างมีชัย สองแขนของยูยะก็ถูกมือเรียวคว้าหมับ




ยูยะถึงได้รู้ตัวว่าหลงกลคนเจ้าเล่ห์เข้าอีกแล้ว ระยะห่างระหว่างกันตอนนี้น้อยยิ่งกว่าคืบ ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน และดวงตาคู่นั้น ก็สะกดยูยะเอาไว้ในที่สุด  ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มหวาน...




"จับได้แล้วนะ .. ทาคาคิคุง"










"ทีนี้จะบอกได้รึยัง ว่าทำไมต้องคอยหลบหน้ากันด้วย"




"ก-ก็ เป็นเพราะแบบนี้ไง"




แบบนี้... แบบตอนนี้ที่โดนจ้องตา จนทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิด เหมือนกับทุกครั้ง ยูยะไม่รู้จริงๆว่าตัวเองเป็นอะไรไป รู้แต่ว่าเวลาที่เคย์ยิ้ม หรือหัวเราะแล้วบังเอิญได้สบตากัน เขาจะเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อย ต้องคอยอยู่ห่างๆเอาไว้ จะได้ไม่แสดงอาการให้คนอื่นมาล้อเอาได้




พักนี้ยิ่งถูกเซเวนเมมเบอร์คอยจับผิดอยู่ด้วย




"พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ จะบอกว่าฉันเป็นต้นเหตุให้นายทำแบบนี้เหรอ?"




ยูยะพยักหน้าหงึกๆแทนคำตอบ แต่คนฟังกลับไม่เชื่อ หาว่ายูยะแกล้งซะอย่างนั้น




"นี่นายตั้งใจจะเอาคืนที่โดนแกล้งใช่ไหมทาคาคิคุง"




"เอ้า!! พอพูดความจริงก็ไม่เชื่อ เฮ้ย!! นายจะทำอะไรน่ะ"




ยูยะร้องเสียงหลง เพราะมือเรียวนั้นเอื้อมมาจับแก้มเขาบังคับให้จ้องตากันอีกแล้ว




"ก็จะพิสูจน์ ว่านายจ้องตาฉันแล้วใจเต้นแรงจริงรึเปล่า"




ฟังร่างบางว่าอย่างนั้นแล้วยูยะก็แทบตะกายหนีจากโซฟา แต่ก็ถูกขู่ไว้ว่าจะโกรธเลยต้องนั่งนิ่งๆ  ตอนนี้ยูยะไม่กลัวจะถูกมองตาอีกแล้ว เพราะแก้มนิ่มๆที่แนบกับอกเขามันน่ากลัวกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า ตอนนี้หัวใจของยูยะทำงานหนักจวนเจียนจะระเบิดอยู่แล้ว




"อิโนะจัง- นายคิดจะทำอะไร"




"ว่ากันว่าหัวใจของคนเราปกติเต้นเจ็ดสิบสองครั้งต่อนาที ฉันจะนับดูว่าหัวใจนายเต้นเร็วผิดปกติรึเปล่า"




เล่นกันอย่างงี้เลยเรอะ!!!  แล้วคิดมั่งมั๊ยว่ากว่าจะครบหนึ่งนาที ยูยะอาจจะหัวใจวายตายไปก่อนแล้วก็ได้




"อิโนะจัง"




"เงียบๆน่ะ ฉันฟังเสียงหัวใจนายไม่ถนัด"




โกหกชัดๆ!!! ขนาดยูยะยังได้ยินเสียงหัวใจตัวเองดังกระหึ่ม เซอร์ราวด์รอบทิศขนาดนี้ แล้วคนที่แนบหูฟังอยู่ตรงตำแหน่งหัวใจแป๊ะๆจะไม่ได้ยินได้ยังไง




"คือ-อิโนะจัง ฉัน-ฉันว่า"




"บอกให้หยุดพูดไง เอ๊ะ!! นับได้เท่าไหร่แล้วนะ แย่จังลืมไปแล้ว"




ลืม!!! ลืมก็ต้องนับใหม่ โอยยย!!! พ่อแก้วแม่แก้วววววววววว




ยูยะอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลสุดขอบฟ้า แต่ความจริงแล้วต้องพยายามอยู่นิ่งๆ ควบคุมลมหายใจและหัวใจของตัวเองอย่างหนัก ให้เวลาหนึ่งนาทีแสนยาวนานผ่านพ้นไปเสียที




แต่ว่า..นี่มันเลยมาตั้งหลายนาทีแล้วนี่หว่า?




"อิโนะจัง"




"....."




มีเพียงเสียงลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังแทนคำตอบ ยูยะค่อยๆก้มลงมองร่างบาง ที่ไม่รู้ว่าเผลอกอดไปตั้งแต่ตอนไหน  แก้มเนียนที่แนบกับอก ลมหายใจอุ่นๆ เปลือกตาสีม่วงอมชมพูอ่อนๆ ขนตาเรียงเป็นแพปิดสนิท ริมฝีปากระบายยิ้ม..




หลับ!!! หลับทั้งๆที่ทำให้เขาหัวใจจะวายตายเนี่ยนะ!!!




"อิโนะจัง! เฮ้! อิโนะจัง!"




ยูยะเขย่าร่างบางแรงๆด้วยความโมโห แต่พอได้เห็นสีหน้าง่วงงุนกับดวงตาปรือๆของอีกฝ่ายก็คิดได้ว่า เคย์คงจะง่วงจริงๆ ไม่ได้แกล้งทำ น้ำเสียงจึงอ่อนลงกว่าตอนแรก




"ถ้าง่วงก็ไปนอนในห้องสิ"




"ไม่เอา!! จะนอนตรงนี้"




ล้มตัวลงนอนบนโซฟา เบียดจนเจ้าของห้องลงไปนั่งทำตาปริบๆบนพื้น ยูยะนั่งจ้องใบหน้าขาวๆนั้นอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะลุกเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง











ลมหายใจอุ่นๆของใครบางคน ... ปลุกใครอีกคนขึ้นจากฝัน




ร่างบางกระพริบตางงๆกับโครงร่างเงาของใครบางคน ที่นอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน




"เตียงในห้องตัวเองก็มี  มานอนเบียดฉันทำไมกันนะ ทาคาคิคุง"




แกล้งจิ้มนิ้วลงบนแก้มของร่างหนาเบาๆ  ขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ ให้แก้มชิดกับอกหนาอีกครั้ง  ให้ไออุ่นและเสียงหัวใจของอีกฝ่ายกล่อมนอนอีกครั้ง




นายรู้มั๊ย..ทาคาคิคุง   ฉันก็เป็นเหมือนกันล่ะ




ที่มองตานาย แล้วหัวใจก็เต้นแรงไปซะทุกครั้ง ตั้งแต่วันที่นายแกล้งกอดเอวฉันในคอนเสิร์ตซัมมารีนั่นแหละ




แต่ว่า..ฉันจะไม่บอกนายหรอก เพราะนายน่ะ แกล้งเมินฉันจนทำให้ฉันคิดมากอยู่ตั้งนาน




ต่อไปฉันจะแกล้งนายบ้าง ขอเอาคืนจนกว่าจะพอใจก็แล้วกันนะ ทาคาคิคุง...








END+++




จบแล้วจ๊ะ  ทาคาอิโนะแบบใสๆ

2 comments:

  1. ภรรยาป๋าหม่ามี๊ชี่01/11/2011, 16:27

    ไม่รอแล่ว
    กลับมาต่อเดี๋ยวนี้นะคุปี้
    T3T ชายใสตรงไหนฟะ มันมีอะไรแอบแฝงชัดๆแบบนี้ใสตรงไหนค๊า~
    ถ้ามันต่อกันกับอีนอนหลับกับฝันดีนั่นอ่ะ แผน!!

    ReplyDelete
  2. อ๊ะ! อิโนะจัง~~ นี่มันร้ายเดียงสารึเปล่าเนี่ย กรี๊ดดดดดดดด
    ยูยังทำใจนิดนึงนะ ดันไปชอบคนหัวดีอย่างอิโนะจังก็ต้องเจอแบบนี้แหละ
    แล้วเมื่อไหร่ยูยังจะบอกรักอิโนะจังไปตรงๆสักทีน้า~~~ คนอ่านรอดูอยู่ (อ้าวว 55+)
    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด หนิง~~ มาต่อด่วนๆ ใจคนอ่านจะขาดนะเออ

    ReplyDelete