Tuesday 1 November 2011

[SF] Night of the star~☆★~

Title -:-  [SF] Night of the star  ~☆★~

 

Writer -:- Nalikakeaw

 

Pairing -:- Takainoo

 

 

 

 

ค่ำคืนแห่งเทศกาลทานาบาตะ  เทศกาลแห่งการขอพรจากดวงดาว และดูเหมือนจะเป็นเทศกาลของหนุ่มสาวในชุดยูกาตะหลากสี ที่ตอนนี้เดินสวนกันไปมาให้วุ่นวาย แม้ว่ายามนี้จะเป็นเวลาเกือบๆสี่ทุ่มแล้วก็ตาม

 

เด็กหนุ่มร่างสูงสองคน ชะเง้อคอยืดยาวมองหากลุ่มเพื่อนที่ได้นัดกันไว้ว่าจะมาเจอกันหลังเลิกงาน แต่ก็ทำได้ยากยิ่งเพราะดูเหมือนยิ่งดึก คนก็ยิ่งทยอยกันมามากขึ้น

 

"อุตส่าห์เลือกมาเที่ยวแถวๆนอกเมืองแล้ว คนก็ยังเยอะได้อีก"

 

"ก็ช่วยไม่ได้นี่นา เทศกาลทานาบาตะที่นี่น่ะ จะจุดดอกไม้ไฟหลังเที่ยงคืนด้วย คนก็เลยมาดูกันเยอะ"

 

ทาคาคิ ยูยะ  และยาบุ โคตะ เดินฝ่าฝูงชนไปเรื่อยๆพลางมองหาเพื่อน ทั้งสองคนอยู่ในชุดยูกาตะสีพื้นเรียบๆ ธรรมดา แต่กลับกลายเป็นจุดเด่นท่ามกลางผู้คน ให้สาวๆหลายคน หลายกลุ่ม เหลียวหลังมองตามจนคอแทบเคล็ด

 

"คนเยอะแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเน้อ~"

 

ยาบุเปรยพลางส่งยิ้มหวานให้สาวๆที่เดินสวนผ่านไป  พวกเธอแก้มแดงไปจนถึงหูแล้วก็รีบเดินจากไปพร้อมเสียงวี๊ดว้าย

 

"ระวังจะโดนฆ่าหมกป่า"

 

"ถ้าบอกว่าสาวๆพวกนั้นเป็นแฟนเพลงของเรา ฮิคารุไม่ว่าหรอก"

 

ทั้งสองคนเดินผ่านเด็กสาวอีกกลุ่มหนึ่ง หน้าตาน่ารัก แต่กลับประโคมโปะเครื่องสำอางลงบนใบหน้าเสียจนดูแก่เกินวัย พวกเธอสวมชุดที่ดูเหมือนจะเป็นกิโมโนสีฉูดฉาดที่ดัดแปลงตรงนั้นนิด ตัดตรงนี้หน่อยจนไม่เหลือเค้าของชุดเดิม  โดยเฉพาะรอยแหวกช่วงขาที่ขึ้นมาเกือบถึงสะโพก อวดผิวขาวเนียนที่ประดับด้วยรอยสักรูปอะไรสักอย่างที่มองเห็นได้ไม่ถนัดนัก

 

แต่เหตุผลที่สองหนุ่มรีบจ้ำผ่านสาวๆกลุ่มนั้นมาไม่ใช่เพราะเสื้อผ้าหรือรอยสัก แต่เป็นสายตาที่พวกเธอทั้งหลายมองมา มันสื่อความหมายชัดเจนว่า สาวๆทั้งกลุ่มนั้น อยากจะแปลงกายเป็นเจ้าหญิงทอผ้าของทั้งสองคนในค่ำคืนนี้

 

"ไม่สนหน่อยเหรอ"

 

"ไม่อยากเป็นคนเลี้ยงวัวว่ะ"

 

ความจริงแล้วกลิ่นเครื่องสำอางที่ลอยมานั่น มันทำให้ยูยะนึกถึงแก้มเนียนใส กับกลิ่นกายหอมอ่อนๆที่เขาเคยได้มีโอกาสชิดใกล้เมื่อเดือนก่อน  แต่ไม่รู้ทำไม กลิ่นหอมนั้นยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกทั้งๆที่เวลาผ่านมาหลายวันแล้ว

 

"ไม่อยากเป็นคนเลี้ยงวัว แต่ตอนนี้เราก็เหมือนคนดูแลสัตว์นะ"

 

ยาบุบุ้ยใบ้ไปทางด้านหลัง วันนี้พวกเขาไม่ได้มากันแค่สองคน แต่พกเด็กๆกลุ่มหนึ่งที่หน้าตาน่ารัก แต่เสียงดังที่สุด วุ่นวายที่สุดมาด้วยกลุ่มหนึ่ง ยูยะกับยาบุต้องคอยดูแลไม่ให้แตกกลุ่มมาตลอดทางตั้งแต่สถานีรถไฟจนถึงที่นี่  บ่นไม่ทันไรแฮมสเตอร์น้อยที่เดี๋ยวนี้ตัวสูงเกือบเท่ายาบุแล้วก็กระโดดเกาะหลัง

 

"ยาบุคุงงงงงงงงงงงงง อยากกินสายไหม"

 

หลังจากนั้นอีกหนึ่งวินาที กระรอกน้อยแสนสวยก็วิ่งมาเกาะแขน

 

"ยาบุคุง ฉันอยากได้ปลาทองตรงนั้นน่ะ ไปช้อนปลาให้หน่อยสิ"

 

ยาบุถอนหายใจ ไม่ใช่เพราะเบื่อกับการต้องดูแลน้อง แต่เบื่อตัวเองที่เห็นสายตาอ้อนๆแบบนี้แล้วต้องยอมแพ้ทุกที

 

ส่วนสองมือของยูยะก็ต้องคอยรั้งคอเสื้อของคู่หูนากายามะที่ดูจะตื่นเต้นกว่าใคร วิ่งไปทางโน้นทางนี้ ดูโน่นดูนี่จนเขาเวียนหัว นึกภาวนาให้เจอผู้ดูแลสัตว์ตัวจริงไวๆ เขาจะได้ปล่อยมือจากภาระจอมโวยวายคู่นี้เสียที

 

แต่คนเยอะแบบนี้จะเจอกันได้ยังไง..

 

ปีที่แล้ว ยูยะมาที่นี่กับครอบครัว ตอนนั้นคนไม่เยอะ ต้นไผ่ที่จัดไว้สำหรับผูกกระดาษขอพรหลากสีมีอยู่ตรงหน้าวัดเพียงจุดเดียว ยูยะถึงได้นัดเจอคืนอื่นๆที่นั่น แต่ปีนี้เขามองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไผ่ และโคมไฟหลากหลายรูปแบบ ดูเหมือนว่าพื้นที่จัดงานจะถูกขยายให้กว้างขึ้นจากบริเวณวัดเพื่อรองรับจำนวนคนมาเที่ยวที่มีมากขึ้น

 

"โทรฯหาพวกนั้นหน่อยซิ ยาบุ"

 

"มือไม่ว่างว่ะ"

 

ยูยะหันกลับไปมอง แล้วก็พบว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะมือซ้ายของยาบุกำลังถือขนมสายไหมสีชมพูฟูฟ่องให้ริวทาโรที่เกาะหลังอยู่ มือขวาก็หิ้วถุงปลาทองที่เพิ่งไปตักมาได้ให้ยูริที่ยิ้มกว้าง

 

"ยาบุคุงเก่งจังเลย ช้อนแป๊บเดียวก็ได้ปลามาตั้งหลายตัวแน่ะ"

 

ยูริบอกพลางยิ้มกว้างขึ้นไปอีก พอมีความสุข รอยยิ้มก็เปล่งประกายเจิดจ้า  ทั้งยูริ ริวทาโร ยูโตะ และยามาดะ ทั้งสี่คนกำลังมีความสุขจนตอนนี้เหมือนว่าพวกเขากำลังถูกห้อมล้อมด้วยออร่าของดวงดาว มันทำให้ยูยะนึกถึงรอยยิ้มหวานๆของใครอีกคน..

 

"นั่นอิโนะจังนี่!"

 

ยูโตะร้อง ชี้มือไปที่ต้นไผ่กอใหญ่ที่อยู่ทางซ้าย ยามาดะยืดคอมองตาม

 

"ไหนล่ะ ไม่เห็นเลย"

 

"โน่นไง"

 

ที่ต้นไผ่ ยูยะมองเห็นมือขาวเรียวที่เขาจำได้ดีว่าเป็นมือของใคร กำลังเอื้อมจนสุดแขนเพื่อคว้าปลายของกิ่งไผ่  ยูยะลากคู่หูนากายะมะมุ่งหน้าไปทางนั้นทันที

 

 

 

 

 

 

 

 

ยูยะบอกไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อตอนที่เขาเดินไปถึงต้นไผ่ อาจเป็นเพราะแสงจากโคมไฟบริเวณนั้นที่ขับผิวขาวของร่างโปร่งในชุดยูกาตะสีกรมท่าและทุกอย่างให้กลายเป็นสีนวลสบายตา

 

เขายืนมองภาพนั้นนิ่งนานจนกระทั่งสังเกตเห็นร่างเล็กๆที่อยู่ข้างกันนั้นกำลังพยายามกระโดดเพื่อเอื้อมให้ถึงกิ่งไผ่ที่อยู่สูงกว่าตัวเองมาก จนเกือบจะล้มเสียเอง

 

"เลือกกิ่งอื่นก็ได้นี่ไดจัง"

 

ไดกิยิ้มโชว์ฟันขาวเป็นประกาย ยูยะคิดว่าถ้าปีหน้าได้มาเที่ยวเทศกาลทานาบาตะด้วยกันอีกเขาควรจะพกแว่นกันแดดมาด้วย

 

"ไม่เอาหรอก เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดสิว่าขออะไร"

 

"ไม่ใช่เพราะอยากให้กระดาษขอพรอยู่สูงๆ เผื่อว่าเทพเจ้าจะลัดคิวให้พรก่อนใครหรอกเหรอ?"

 

ยูยะหัวเราะหึๆ ในขณะที่ไดกิและเคย์ส่งค้อนวงใหญ่ให้เด็กหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหา เคย์โตะสวมชุดยูกาตะสีน้ำตาลอ่อน แต่ด้วยหน้าตาและรูปร่างสมส่วนก็ทำให้ดูโดดเด่นไม่แพ้ใคร  เคย์โตะเอื้อมมือขึ้นไปดึงกิ่งไผ่ที่อยู่เหลือขึ้นไปและยังไม่มีกระดาษขอพรผูกไว้ลงมาอย่างง่ายดาย

 

"จะขอพรทั้งทียังขี้โกงอีกนะไดจัง"

 

"พูดมากน่ะ จับกิ่งไผ่เอาไว้ดีๆล่ะ"

 

ไดกิผูกกระดาษขอพรเอาไว้กับกิ่งไผ่ ดึงกระดาษจากมือเคย์โตะมากผูกไว้ด้วยกัน ก่อนที่กิ่งไผ่จะถูกปล่อยให้กลับคืนสู่ที่เดิม  สองคนยิ้มให้กัน แบ่งบันออร่าสีชมพูให้คนรอบข้างอิจฉาเล่น

 

"ดึงกิ่งไผ่ให้อิโนะจังด้วยสิ"

 

"อิโนะจังเดินไปหาต้นไผ่ต้นอื่นแล้วล่ะ บอกว่าไม่อยากเป็นก้าง"

 

"งั้นทาคาคิคุงมายืนทำอะไรอยู่แถวนี้ล่ะ"

 

ไดกิหัวเราะคิก ยูยะทำคิ้วขมวด เห็นเงียบๆ เป็นสุภาพบุรษแบบนี้แต่ก็แอบปากร้ายใช่ย่อยนะเคย์โตะ

 

"ก็แค่จะบอกให้ช่วยดูแลลิงสองตัว ไม่สิ สามตัวข้างหลังนั่นให้หน่อยแน่ะ"

 

ไดกิมองข้ามไหล่ยูยะไป เห็นยูโตะ ยามะดะ และฮิคารุที่เพิ่งมาถึง กำลังวิ่งวุ่นหาของเล่นของกินกันอย่างสนุกสนาน แล้วหันมามองหน้าเคย์โตะที่ได้แต่ยักไหล่

 

"งานหนักนะเนี่ย"

 

 

 

 

 

 

ร่างบางยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะผูกกระดาษขอพรไว้กับกิ่งไผ่สูงๆ เลยเดินเลี่ยงเข้ามาบริเวณด้านหลังของวัด ที่นี่มีต้นไผ่ที่ถูกตัดออกไปบางส่วนเพื่อนำไปจัดไว้ที่ด้านหน้า กิ่งไผ่ที่เหลือจึงอยู่สูงเกินจะเอื้อมถึง ต่อให้เขากระโดดจนสุดแรงก็ตาม

 

"โอ๊ย!!"

 

ผลจากการกระโดดครั้งที่สองคือเสียหลักล้มกระแทกพื้น ร่างบางทำหน้านิ่วเพราะความเจ็บ

 

"ถ้ามันลำบากขนาดนี้แล้วจะทำทำไม"

 

ยูยะประคองร่างบางขึ้นยืน เขาเดินตามเคย์มาจนถึงที่นี่ ตอนแรกคิดว่าจะยืนดูอยู่เฉยๆ แต่เห็นความดื้อของเจ้าตัวแล้วก็อดใจไม่ได้ พอเห็นว่าร่างบางยืนได้มั่นคงแล้ว ก็กระโดดขึ้นคว้ากิ่งไผ่โน้มมันลงมาให้

 

"เอ้า รีบผูกซะ จะได้รีบไป เดี๋ยวคนอื่นๆจะเป็นห่วง"

 

ร่างบางเอ่ยขอบคุณแล้วหันหลังให้ยูยะ ท่าทางดูมีลับลมคมในจนยูยะต้องชะโงกหน้าข้ามไหล่บางเข้าไปดู

 

"โหย! นี่มันกระดาษขอพรหรืองูอนาคอนดากันแน่ ขออะไรมากมายขนาดนี้"

 

ยูยะหัวเราะก๊าก ที่จริงกระดาษขอพรในมือบางนั้นก็ไม่ได้ใหญ่โตมากมาย เพียงแต่มันยาวกว่ากระดาษขอพรทั่วไปที่เขาเคยเห็น บนกระดาษใบนั้นยังมีตัวหนังสือเล็กๆที่อัดกันแน่นจนแทบไม่มีพื้นที่ว่างเลย

 

เคย์ก้มหน้าผูกกระดาษขอพรกับกิ่งไผ่ต่อไป ซ่อนแก้มแดงๆเอาไว้ไม่ให้ยูยะเห็น จนกระทั่งยูยะชะโงกหน้าเข้ามาอีกหน

 

"ไหนดูซิขออะไร"

 

"ห้ามดูนะ!"

 

มือบางตีเพียะเข้าไปที่ท่อนแขนของคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง แม้ไม่แรงนักแต่ก็ทำให้อีกฝ่ายตกใจเผลอปล่อยมือ กิ่งไผ่ที่ถูกโน้มลงมาดีดกลับคืนสู่ที่เดิมอย่างรวดเร็ว ใบไผ่คมๆฟาดผ่านแก้มใสจนเกิดเป็นรอยแดงชัด

 

"อิโนะจัง!"

 

ยูยะร้องด้วยความตกใจ เหมือนตอนที่ร่างบางเป็นลมล้มจนเกือบตกบันได หรือตอนที่เวียนหัวจนยืนไม่อยู่  มือหนาเชยคางให้ใบหน้าน่ารักเงยขึ้น แต่แสงสลัวก็ทำให้มองไม่ชัดจนต้องก้มหน้าลงไปใกล้ ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดลงบนแก้มใสให้ใจสั่น

 

"ทาคาคิคุง ฉันไม่เป็นไรหรอกแผลนิดเดียว"

 

"ขอโทษทีนะ ฉันไม่ทันระวัง"

 

ร่างบางส่ายหน้า มองสายตาที่บ่งบอกว่ารู้สึกผิดของร่างสูงแล้วก็แอบรู้สึกดีที่ทาคาคิห่วงเขา ทั้งสองมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเคย์ที่มองมาทำให้ยูยะรู้สึกเขินจนต้องหาเรื่องคุย

 

"เมื่อกี๊น่ะ..นายขออะไรเหรอ"

 

"ไม่ใช่เรื่องของนายซักหน่อย"

 

"ไม่เกี่ยวได้ไง เมื่อกี๊ฉันเห็นนะ กระดาษขอพรของนายมีชื่อฉันเขียนบนนั้นด้วย"

 

บรรยากาศอบอุ่นนุ่มนวลเมื่อครู่หายไปทันที ร่างบางทำตาโตใส่ยูยะก่อนจะก้าวถอย ปากก็ปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะรู้ทันเขาเสียแล้ว ยูยะยิ้มเจ้าเล่ห์

 

"ไม่บอกฉันดูเองก็ได้"

 

"ไม่ได้นะ!!!"

 

เคย์กอดร่างสูงที่เตรียมจะกระโดดไปคว้ากิ่งไผ่ไว้แน่น ยูยะเกือบล้มเสียหลักแต่ก็ยังตั้งตัวทัน ยามนี้ความอยากรู้กระเด็นหายไปจากความคิด เพราะกลิ่นหอมอ่อนๆและไออุ่นจากอ้อมแขนเรียวบางที่โอบรอบตัวเขา

 

อยากอยู่อย่างนี้ไปนานๆ...

 

 

 

 

 

 

 

เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ  ร่างบางบ่นกระปอดกระแปดเมื่อพบว่าเพื่อนๆหนีกลับบ้านไปหมดแล้ว

 

"ก็ช่วยไม่ได้นี่ ได้เที่ยวแค่นี้ก็ดีแล้วน่า"

 

"แต่ฉันอยากดูดอกไม้ไฟนี่"

 

"ถ้าอยู่ดูก็ไม่ได้กลับบ้านน่ะสิ พรุ่งนี้นายไม่มีเรียนรึไง"

 

ยูยะรู้สึกแปลกๆนิดๆ ปกติแล้วคนที่มักจะถูกเคี่ยวเข็ญเรื่องความรับผิดชอบมันควรจะเป็นเขามากกว่าเคย์ไม่ใช่หรือไง

 

"ไปเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทัน"

 

ยูยะออกเดินนำร่างบางที่เดินตามมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก พอมาถึงหน้าสถานีเคย์ก็ยังทำหน้างอเหมือนเด็กๆที่ถูกพ่อแม่ขัดใจ

 

"นายไม่อยากดูดอกไม้ไฟมั่งเหรอทาคาคิคุง"

 

"ก็อยาก แต่พรุ่งนี้มีงาน"

 

คำตอบที่ได้รับทำเอาร่างบางหน้าหงิกยิ่งกว่าเดิม  ตั้งแต่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เขาแทบไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหน ยิ่งได้เดบิวต์บวกกับการที่ต้องเรียนหนัก ทำให้เวลาว่างแทบจะไม่มี วันนี้ได้ออกมาเที่ยวทั้งทีก็เหมือนไม่ได้เที่ยวซะอีก

 

"น่าเบื่อชะมัด"

 

ยูยะมองหน้าตาที่กลายเป็นม้าหมากรุกแล้วก็ถอนใจ ถ้าหากคนข้างๆนี่เป็นน้องชายเขาล่ะก็ จะจับตีก้นเสียให้หายดื้อ แต่ที่เขาทำได้ตอนนี้...

 

"ที่ริมแม่น้ำใกล้ๆกับตึกที่ฉันอยู่ ก็มีจัดงานเทศกาลทานาบาตะเหมือนกันนะ แต่ว่าคนไปที่นั่นเยอะ ฉันก็เลยไม่ชวนพวกเราไป"

 

"แล้วยังไงล่ะ?"

 

ร่างบางถามกลับอย่างหงุดหงิด ขณะที่ซื้อตั๋วรถไฟ

 

"หลังเที่ยงคืนที่นั่นจะมีการจุดดอกไม้ไฟด้วยนะ"

 

"แล้วมาบอกฉันทำไม ไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว กว่าจะนั่งรถไฟ กว่าจะนั่งรถข้ามแม่น้ำไปอีก ไปถึงคงไม่เหลืออะไรให้ดูแล้วล่ะ"

 

"ที่ห้องฉันน่ะ มองเห็นวิวตรงแม่น้ำ"

 

ยูยะหยุดพูดนิดหนึ่งเพื่อดูปฏิกิริยาจากคนข้างๆ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ใบหน้าหงิกงอเมื่อครู่เปล่งประกายขึ้นมาทันที มันทำให้คนมองนึกถึงดวงดาวสักดวงที่อยู่บนฟากฟ้า

 

"นายอยากไปมั๊ยล่ะ ไปถึงห้องก็คงทันตอนเริ่มพอดี"

 

แทบไม่ต้องรอฟังคำตอบ ยูยะยิ้มกว้างเมื่อมือเรียวคว้าแขนเขาพาเดินเข้าไปที่ชานชาลาอย่างรวดเร็ว  และเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้เขียนคำขอพรลงบนกระดาษเลยสักใบ

 

แต่ว่า..คืนนี้ เขาจะมีดวงดาวแสนสวยอยู่ข้างกาย  คงไม่ต้องขอพรอะไรอีกแล้วละมั้ง..

 

 

++++++++++++E+N+D+++++++++++++






 
 
Special Part++++++

 

 

 

"ทำไมนายยังกลับไม่ถึงบ้านอีกห๊ะ!!!!"

 

พี่ใหญ่ของวงแผดเสียงผ่านหูโทรศัพท์มาแบบดัง ชัด ใส แบบไม่ต้องกดปุ่มเร่งเสียง แล้วยังเผื่อแผ่เสียงมาให้อีกคนที่ยืนอยู่ข้างกันได้ยินอีกต่างหาก

 

"ก็-ฉันอยากดูดอกไม้ไฟ"

 

"แล้วยังไง ดูดอกไม้ไฟเสร็จแล้วจะไปนอนที่ไหน รถก็ไม่มีกลับ อยากจะนอนข้างทางหรือไง?"

 

ยาบุยังคงตะเบ็งเสียงต่อไปอย่างไม่ลดละ  แค่คิดว่าคืนนี้น้องจะอยู่ยังไง ความโกรธก็พุ่งปรี๊ดขึ้นสมอง มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของเขาที่ต้องมาคอยตามดูแลคนที่อายุห่างจากเขาแค่ไม่กี่ปี  ส่วนคนที่อยู่อีกฝั่ง ต้องยื่นโทรศัพท์ออกไปให้ห่างหู แก้ตัวกลับไปด้วยเสียงอ่อยๆเหมือนกลัวใครจะได้ยิน

 

"ไม่ใช่นะ ฉัน-ฉันจะไปดูดอกไม้ไฟที่ห้องทาคาคิคุงน่ะ"

 

"ห๊ะ!!! เจ้านั่นชวนนายไปที่ห้องเรอะ!"

 

"ก็ไม่เชิงหรอก ทาคาคิคุงแค่ถามว่าอยากจะมามั๊ย แล้วฉันก็ตอบตกลง.."

 

บังเกิดความเงียบอันน่ากลัวขึ้น เสียงยาบุเงียบหายไปจนเคย์ต้องกดโทรศัพท์มือถือแนบหู ยูยะเองก็แนบหูกับโทรศัพท์เครื่องเดียวกันด้วยความอยากรู้

 

"อิโนะจังงงงง ไปทำอะไรที่ห้องทาคาคิคุงน่ะ!!!"

 

กลายเป็นเสียงฮิคารุที่ตะโกนผ่านโทรศัพท์มาด้วยความตื่นเต้น  แต่หนนี้ยูยะคว้าโทรศัพท์จากมือบางแล้วกรอกเสียงลงไปแทน

 

"ก็บอกไปแล้วไงว่าจะไปดูดอกไม้ไฟน่ะ ถามอะไรนักหนา แค่นี้นะ ราตรีสวัสดิ์"

 

กดวางสายไปซะดื้อๆแล้วเร่งเดินนำไปตามถนนที่ผู้คนบางตาเพื่อให้ไปถึงห้องก่อนเวลาที่จะเริ่มจุดดอกไม้ไฟ แต่เคย์กลับเดินช้าลงด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง

 

"อะไรอีกล่ะ"

 

"คือ..ฉันเพิ่งนึกได้ว่าฉันไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน"

 

พอคิดว่าจะได้ดูดอกไม้ไฟ เรื่องอื่นๆก็ถูกลืมไปหมด ไม่ได้นึกถึงเรื่องที่ต้องมานอนค้างที่ห้องของอีกฝ่ายเลยซักนิด แล้วตอนนี้..เขาก็มาตัวเปล่า

 

"งั้นก็ไปซื้อของจำเป็นที่ร้านสะดวกซื้อแถวนี้ก็แล้วกัน เสื้อผ้าก็ใช้ของฉัน ชุดนอนที่นายใส่คราวก่อนก็อยู่ในตู้น่ะ ฉันไม่ได้ใช้"

 

"เอ๋?"

 

ร่างบางร้องออกมาอย่างแปลกใจ แต่ที่ทำให้แปลกใจยิ่งกว่าคือเมื่อตอนที่มาถึงห้อง แล้วพบว่า ชุดนอนของยูยะที่เขาเคยสวมมันนั้น ถูกซักรีดและพับเก็บไว้อย่างดี ราวกับว่าเจ้าของตัวจริงไม่เคยได้หยิบมันมาใช้อีกเลย

 

นี่รังเกียจเขาขนาดนี้เลยหรือ?

 

"ก็..ฉันไม่ชอบใส่เสื้อผ้าซ้ำกับใคร เลยเก็บไว้เผื่อว่านายจะมาค้างอีก"

 

เพราะสีหน้าหมองๆของร่างบางในตอนแรกเลยทำให้ยูยะพูดออกไปโดยไม่ทันได้คิด  คนฟังก็เลยทำตาโตขึ้นมาอย่างจับผิด แต่ก็เหมือนโชคช่วย เมื่อแสงหลากสีที่สว่างวาบเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ร่างบางทิ้งทุกสิ่ง วิ่งไปเกาะขอบหน้าต่างทันที

 

"ทำตื่นเต้นเป็นเด็กๆไปได้"

 

แม้จะยินดีที่เห็นร่างบางได้ยิ้มอย่างมีความสุข แต่ก็อดปากไม่ได้ตามความเคยชิน โชคดีที่ร่างบางนั้นอารมณ์ดีเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย

 

"แล้วนายไม่ตื่นเต้นหรือไง"

 

"ไม่หรอก ที่ตรงนั้นน่ะ จัดงานอะไรก็ไม่รู้อยู่บ่อยๆ มีงานทีไรก็เห็นมีดอกไม้ไฟทุกทีแหละ  เพียงแต่วันนี้...ดอกไม้ไฟ..ดูสวยกว่าทุกวัน"

 

ประโยคสุดท้ายแผ่วเบาเหมือนรำพึงกับตัวเองเสียมากกว่า แต่คนข้างๆก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน

 

"ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว  วันนี้มีเทศกาลทานาบาตะนี่"

 

"เพราะมีนายอยู่ด้วยต่างหาก"

 

นิสัยปากตรงกับใจแก้ไม่เคยหาย นี่เขาเพ้ออะไรน้ำเน่าออกไปเนี่ย   พูดออกไปแล้วก็นึกอยากตบปากตัวเองซักร้อยที จะได้ไม่ต้องร้อนรนแก้ตัวทีหลังจนลิ้นแทบพันกันแบบนี้

 

"ค-คือ ฉันหมายความว่า ดูดอกไม้ไฟคนเดียวมันเหงา ถ-ถ้ามีเพื่อนดูด้วยก็น่าจะดี คือ..เอ่อ  ฉัน..ฉันไปเอาน้ำมาให้ดีกว่า"

 

ยิ่งพูดก็ยิ่งลนลาน สุดท้ายแล้วก็ต้องหาข้ออ้างเพื่อหลบสายตาจากคนช่างสงสัย หากแต่ยังไปได้ไม่ถึงก้าว แรงกระตุกเบาๆที่แขนเสื้อก็ทำให้ยูยะต้องหันกลับมาพบกับบางสิ่ง..ที่ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหว

 

ร่างบางตรงหน้ากำลังยิ้ม..ยิ้มทั้งตาและปาก น่าแปลกนักที่รอยยิ้มที่เขาเคยได้เห็นมานับครั้งไม่ถ้วน  ครั้งนี้กลับสะกดให้ยูยะรู้สึกว่า...อยากจะยอมให้ทุกอย่าง ไม่ว่าร่างบางตรงหน้านี้จะเอ่ยปากขออะไรก็ตาม..

 

"อยู่ดูด้วยกันจนจบ...นะ   ทาคาคิคุง"

 

 

 

 

 

 

ไม่เคยเจอมาก่อนเลยในชีวิต

 

ช่วงเวลาที่เหมือนกับอยู่ในห้วงฝัน ลอยละล่องท่ามกลางปุยเมฆขาวทอประกายสีรุ้ง ห้อมล้อมด้วยบรรยากาศอ่อนหวาน ที่ทำให้เขาหลงละเมอจ้องมองแต่คนตรงหน้า แม้ว่าแสงสีวูบวาบจากฟากฟ้านั้นจะจางหายไปแล้วก็ตาม

 

อยากจะบ้าตาย...

 

รู้ตัวอีกที..คนที่ยืนข้างๆก็บอกราตรีสวัสดิ์แล้วก็ดันตัวเขาเข้าไปในห้องน้ำ  เมื่อออกจากห้องน้ำ ยูยะก็พบว่าร่างบางหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟาตัวโปรดของเขาเสียแล้ว

 

"ทำไมไม่ไปนอนในห้องนะ"

 

ยูยะบ่น ก้าวเข้าไปหาเคย์ แต่พอได้เห็นใบหน้าของคนที่กำลังหลับสนิทแล้ว เขากลับไม่อยากจะปลุกซะอย่างนั้น ยืนสับสนว่าจะปลุกหรือไม่ปลุกอยู่นาน สุดท้ายยูยะก็หันหลังเดินเข้าไปในห้อง   แล้วก็กลับออกมาอีกครั้งพร้อมยาแก้อักเสบในมือ

 

"อยากรู้จริงๆว่านายเขียนอะไรบนกระดาษใบนั้น"

 

อยู่ๆความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมา ระหว่างที่เขาค่อยๆทาเนื้อครีมบางเบาลงบนแก้มใส  รอยที่ถูกใบไผ่คมๆฟาดเอานั้นแม้จะเป็นรอยเล็กๆแต่ตอนนี้มันก็เริ่มแดงจนเห็นชัด

 

"ความลับ"

 

ยูยะไถลตกจากโซฟาด้วยความตกใจ พอๆกับร่างบางที่เห็นยูยะออกอาการขนาดนั้น ทันทีที่ตะกายลุกจากพื้นได้เสียงโวยวายก็ตามมาทันที

 

"นายแกล้งหลับ!!"

 

"ฉันเปล่านะ ฉันเพิ่งตื่นเมื่อกี๊นี้เอง ตอนที่นายทายาให้"

 

ใช่ว่ายูยะจะเขินอยู่ฝ่ายเดียว ร่างบางก็เอาแต่ก้มหน้าพูดกับพื้น แต่อีกฝ่ายกลับเดินหนีกลับเข้าห้องไปซะเฉยๆ เคย์ไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากจะเดินตามไปเท่านั้น

 

"นายโกรธฉันเหรอทาคาคิคุง"

 

"เปล่า"

 

ตอบแค่นั้นแล้วก็หันหลังให้ ล้มตัวลงนอนโดยที่ไม่พูดอะไรอีกเลย

 

"ฉันบอกไม่ได้จริงๆว่าเขียนอะไร ถ้าบอกไปคำขอก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้วก็จะไม่เป็นจริง แล้วเมื่อกี๊ฉันก็ไม่ได้แกล้งหลับด้วย"

 

พูดไม่ทันจบร่างบางก็ถูกดึงให้ลงมานอนบนเตียง  ยูยะพลิกตัวนอนหงาย พูดกับเพดานแทนที่จะหันหน้ามองคนที่นอนอยู่ข้างๆ

 

"ฉันไม่ได้โกรธ แค่แปลกใจที่นายใส่ใจฉันก็เท่านั้น"

 

"เอ๋?"

 

"ก็คำอธิษฐานนะ มันต้องเป็นเรื่องสำคัญนี่นะ ฉันก็เลยแปลกใจว่าทำไมมีชื่อฉันบนกระดาษใบนั้นด้วย ก็แค่นั้นแหละ"

 

ผ้าห่มถูกดึงขึ้นมาห่มให้ถึงหน้าอก ร่างบางพลิกตัวตะแคงพร้อมกับที่ยูยะพลิกตัวหันไปอีกทางเช่นกัน แสงไฟจากโคมข้างเตียงดับลง

 

ในความมืดนั้นร่างบางได้เอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ทั้งสองคนยิ้ม และหัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

"ทาคาคิคุง"

 

"หืมม์?"

 

"ฉันน่ะ .. ไม่เคยคิดว่านายไม่สำคัญหรอกนะ"

 

 
 
 
 
 
 
 
 
End+++++++++

2 comments:

  1. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด *0* เขิลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล์
    โอยยยยย นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆจังๆนะเนี่ย อ๊ากกกก

    ReplyDelete
  2. โอ๊ยยยยยยย หวานไปแล้ววววววว ฮ่าๆๆๆๆ

    ตอนนี้อิโนะจังน่ารักอ่ะ อ้อนป๋าด้วย อิอิ

    ReplyDelete