Monday 19 December 2016

[Fiction]ด้วยแรงอธิษฐาน[ ภูติแห่งเรือดำ ] 50%

ชื่อเรื่อง   -:-            ด้วยแรงอธิษฐาน~ [ ภูติแห่งเรือดำ ]


ผู้แต่ง      -:-            นาฬิกาแก้ว [ Nalikakeaw ]


คำนำเรื่อง     -:-      ฟิคเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังแนวแฟนตาซีหลายๆเรื่อง เพราะงั้นถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าเจออะไรคุ้นๆล่ะก็ อย่าแปลกใจค่ะ เพราะอย่างน้อยเรือไข่มุกดำแห่งท้องทะเลย่อมจะมาจากหนังเรื่องที่มีป๋าเด็ปป์เป็นโจรสลัดสุดฮาแน่นอน


                    ส่วนชื่อเรื่อง ขอบอกว่าได้มาจากบทเพลงของพี่แหม่ม พัชริดา จำได้ว่าเป็นเพลงประกอบละครเมื่อนานมาแล้ว โดยส่วนตัวชอบเสียงพี่แหม่มมาก และเนื้อเพลงก็เข้ากับพล็อตพอดี ก็เลยเอามาเป็นชื่อเรื่องมันซะดื้อๆนี่แหละ





                เคย์ยังจำได้... หลายครั้งที่แคลแอบหนีออกไปเที่ยวข้างนอก แล้วมักจะกลับมานั่งเพ้อฝันถึงพิธีแต่งงานกับชายหนุ่มรูปงามและชีวิตแสนสุขชั่วนิรันดร์ดังเช่นตอนจบในนิทาน


                และเขาก็หวังให้พี่สาวได้มีชีวิตดั่งที่ฝัน


                แต่โชคชะตาพลิกผัน  เคย์กลับเป็นผู้ที่ได้แต่งงานก่อน....


                บนเรือสีดำที่ล่องไปในทะเลทั้งวันทั้งคืนดั่งไร้จุดหมาย  ชีวิตหลังคืนวิวาห์ของเคย์ไม่แตกต่างจากเมื่อครั้งที่อยู่ในคฤหาสน์ของบิดาเลย  เป็นนกน้อยไม่อาจบินหนีจากกรงทอง  รายรอบด้วยคนคอยรับใช้ ทุกวันได้แต่เฝ้ามองท้องฟ้าและทะเลจากระเบียงยาว  ไม่เคยได้ก้าวพ้นจากกำแพงคฤหาสน์ 


                แต่บนเรือสีดำนี้  เขาได้แต่เข้าๆออกระหว่างดาดฟ้าเรือกับบริเวณห้องพักเท่านั้น  เพราะพื้นที่สองส่วนนั้นก็กว้างขวางกว่าคฤหาสน์ของบิดาสิบหลังรวมกันแล้ว  อีกประการหนึ่งคือเคย์ยังไม่สามารถหาทางลงไปยังชั้นอื่นๆของเรือได้เลย  แม้จะลองสำรวจทุกซอกทุกมุมบนดาดฟ้าเรือแล้วก็ตาม


                อาหารก็มีพร้อมสรรพและตรงเวลาอยู่เสมอ  เอ่ยปากอยากได้สิ่งใดไม่เคยผิดหวัง  แต่ผู้ที่คอยจัดหามาให้ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นแม้เงา  ทำให้เคย์อยู่ไม่เป็นสุขไปหลายคืน เมื่อนึกได้ว่าเรือนี้เป็นเรือปีศาจย่อมจะมีบรรดาภูตผีอาศัยอยู่ นับร้อย  แต่นั่นไม่ทำให้เคย์หวาดกลัวได้เท่าปีศาจ ผู้เป็นนายแห่งเรือลำนี้  ที่จะปรากฎตัวแต่ในยามค่ำคืนและพันธนาการร่างกายเขาด้วยอ้อมแขนที่ร้อนแรงดุจไฟ  และจากไปเมื่อรุ่งสาง


                เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนกระทั่งถึงวันหนึ่ง  ที่ความกลัวกดดันจิตใจ ทำให้เคย์กระทำเรื่องโง่เขลาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด


                เขาจะหนี....


                แผนการค่อยๆเป็นรูปร่างขึ้นมาในความคิด  แม้จะมีเสียงเล็กๆในหัวคอยค้านตลอดเวลาว่ามันเสี่ยงตาย  ชั่วร้าย  และบ้าระห่ำเกินไป  แต่เคย์ก็เลือกที่จะเพิกเฉยต่อเสียงนั้นและรอคอยโอกาส ...


                จนกระทั่งคืนหนึ่ง  .....  เมื่อเปลวไฟแห่งแรงปรารถนาจบลง  จอมปีศาจพักผ่อนหลับใหล  เคย์ขยับตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งดังเช่นที่เคยทำ  แต่คราวนี้เขาฝืนตัวเองไม่ยอมให้หลับ   เพราะมีเพียงช่วงเวลานี้  ที่เคย์จะได้ปลดปล่อยตัวเองจากพันธะสัญญาที่เขาไม่เคยเต็มใจ 


                มือเรียวค่อยๆสอดเข้าใต้หมอน  เมื่อปลายนิ้วสัมผัสกับด้ามมีด  ความเย็นเฉียบก็แล่นเข้าสู่ใจจนยะเยือกหนาวไปทั้งร่าง   เคย์กัดฟันข่มใจค่อยยันกายขึ้นนั่งช้าๆ  มือหนึ่งกำมีดเงื้อสูง  ...


                ชั่ววินาทีก่อนที่ปลายมีดสั้นจะปักลงตัดขั้วหัวใจของจอมปีศาจ 


                แสงดาวลอดผ่านหน้าต่างสะท้อนใบมีดเงินคมปลาบ  วาบดุจศรพุ่งเข้าปักหัวใจร่างบาง  เปิดทางให้เสียงเล็กๆที่เคย์บังคับปิดกั้นมาตลอดให้ดังสะท้อนขึ้นมาอีกครั้ง


                เขามีความผิดอันใดเจ้าถึงต้องการให้เขาตาย?  มันจู่โจมเขาด้วยคำถามเดิมซ้ำๆ  เป็นเจ้าเองที่เลือกจะเป็นเจ้าสาวของปีศาจ 



                นั่นเพราะข้าไม่มีทางเลือก!!!  ปีศาจตนนี้เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ  เขารู้ดีว่าข้ายินดีกระโดดน้ำตายเสียดีว่าจะต้องไปอยู่กับอาซากะ!!!


                แต่เจ้าก็มิได้ยอมตาย ....  กลับเลือกเดินทางนี้  แล้วเจ้าจะโทษว่าเป็นเพราะปีศาจตนนี้ได้อย่างไร


                ใครกัน? ที่แอบอ้างนามจ้าวแห่งเรือดำออกปล้นสะดมจมเรือสินค้า
                ผู้ใดกันสร้างคำเล่าลือให้ชาวเกาะหวาดกลัว  จนต้องรวมตัวกันไปพบพ่อเจ้า
                แล้วใครกันเล่า..?.. ที่ยอมจำนนง่ายๆ  ส่งลูกสาวตนไปเป็นเครื่องสังเวย


                คำถามเดิมซ้ำๆกระหน่ำใส่เคย์ ดุจสายฝนเย็นเฉียบ  ร่างบางสั่นโคลงหนาวยะเยือกดั่งเรือเดียวดายแล่นฝ่าคลื่นลมพายุโหม 


                ไม่ว่าด้วยเหตุใด สุดท้าย ผู้ที่ตัดสินใจก็คือเจ้า  ไฉนจึงโยนความผิดไปให้ผู้อื่น  การกระทำเช่นนี้จะต่างจากอาซากะที่เจ้าชังหนักหนาอย่างไรกัน

                คำถามสุดท้ายไม่ต่างกับคลื่นกระแทกซัด  เหตุผลใดๆที่ใช้หลอกตัวเองให้กล้า  พังทลายอับปางในพริบตา  เคย์สั่นสะท้านไปทั้งร่างเมื่อตระหนักว่าจิตใจมนุษย์นั้นซ่อนความเห็นแก่ตัวชั่วร้ายไว้ได้ถึงเพียงนี้  เพียงเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ  ก็พร้อมจะหาเหตุกล่าวโทษผู้อื่นได้อย่างไร้สำนึก  


                ไม่ใช่อาซากะ  .... แต่เป็นใจของตนเอง


                แพ้แล้ว ... แพ้พ่ายต่อทุกสิ่ง  เคย์ปล่อยให้ตนเองจมดิ่งลงในเหตุผลร้อยพัน ในใจเนิ่นนาน  ไม่รู้สึกตัวแม้กระทั่งว่ามีดสั้นถูกปลดออกไปจากมือเมื่อใด  เมื่อลืมตาขึ้น  ก็พบว่าจอมปีศาจกำลังพลิกดูมีดสั้นอย่างสนอกสนใจ    กระทั่งรู้สึกว่าเคย์มองอยู่จึงเอ่ยถาม


                “ในเมื่อมีโอกาสแล้ว  เหตุใดจึงไม่ลงมือ”


                น้ำเสียงเรียบนิ่งนั้น ทำให้คนฟังตื่นตระหนกนัก  จนป่านนี้แล้วถึงคิดได้   ว่ามีดสั้นเล่มเท่านี้หรือจะสามารถปลิดชีพปีศาจผู้ทรงอำนาจตรงหน้าได้   ต่อให้ทำได้จริงมนุษย์ธรรมดาเช่นตนเองจะสามารถหลบหนีไปจากเรือลำนี้ได้อย่างไร  อย่างมากก็ถูกปล่อยให้อดตายกลายเป็นวิญญาณเฝ้าเรืออีกหนึ่งตนก็เท่านั้น


                “เจ้ายังไม่ตอบข้า?”


                “เพราะข้าโง่เขลา  ... และขี้ขลาด”  เคย์ถอนใจ  เขารู้ดีแล้วว่าชะตาชีวิตของตนจะจบลงเช่นไร  จึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับ  เสียดายเพียงความปรารถนาที่จะได้พบพี่ชาย พี่สาวและเพื่อนรักอีกสักครั้ง  ไม่มีวันเป็นจริง


                ไฟปีศาจผุดขึ้นจากความว่างเปล่า  ส่องแสงสว่างเรืองอยู่กลางห้อง  เมื่อยูยะโบกมือ  ถ้วยมีเชิงสีเงินใบหนึ่งเลื่อนลอยช้าๆมาหยุดอยู่ตรงหน้า  เคย์ สบตาอีกฝ่าย  นัยน์ตาสีทองคู่นั้นสงบนิ่ง  ไม่มีความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไร้แม้เศษเสี้ยวของความปราณี


“ สำหรับเจ้า”


เคย์จ้องมองของเหลวสีแดงใสในถ้วย  แม้ว่าจะเตรียมใจยอมรับสิ่งนี้  ทว่าเมื่อความตายเยื้องกรายมาถึง   ทั้งร่างกลับสั่นสะท้าน  ขณะที่ยื่นมือออกไปรับถ้วยใบนั้นมา  ใจก็คิดเพียงว่าเมื่อดื่มมันลงไป  ยาพิษนั้นจะทำให้เขาทุรนทุรายนานสักเพียงใดก่อนที่ลมหายใจจะสิ้นสุด


แต่เมื่อบังคับตัว กลั้นใจดื่มลงไปแล้ว  กลับพบว่าพิษนั้นมีรสหวานแหลม และฉุนจัดจนแสบคอ   เมื่อดื่มลงไปจนหมด  ความอบอุ่นก็แผ่ซ่าน  รู้สึกร่างกายเบาหวิว  ผ่อนคลายไร้กังวล


ความตายเป็นเช่นนี้หรือ?


ไม่ใช่!!!  แม้ไม่เคยเฉียดใกล้แต่เขามั่นใจว่า  ความตายไม่ได้เป็นเช่นนี้


ความตาย ... ไม่อาจทำให้ดวงตาคู่นี้มองเห็นทุกสิ่งกระจ่าง นวลตาอย่างนี้
ความตาย ... ไม่อาจทำให้สองหูนี้ได้ยินทุกเสียงชัดเจนกระทั่งเสียงหัวใจของจอมปีศาจ
ความตาย ... ไม่อาจทำให้เขาลืมความตื่นตระหนกเมื่อทั้งร่างถูกรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของปีศาจเช่นนี้


“น- นี่   ไม่ใช่ยาพิษหรอกหรือ?”


คำตอบที่ได้รับคือริมฝีปากที่ประทับลงมา  เคย์รับรู้สัมผัสนั้นด้วยสติอันแจ่มชัดยิ่ง  ไม่ตอบรับ ไม่ผลักไส  ปล่อยให้อีกฝ่ายเก็บกลืนความหอมหวานที่ยังเหลืออยู่บนริมฝีปากจนพอใจ


“ใครพูดกันเล่า .. ว่าจะให้เจ้าตาย”  นัยน์ตาสีทองชวนให้คนมองหลอมละลายจับจ้องร่างบางในอ้อมแขน “เพียงแต่ถ้าหากมีครั้งหน้า .. ข้าจะไม่ใจดีอย่างนี้อีก”


เพราะเหตุใดกัน...


แม้ในหัวมีคำถามอื้ออึง  แต่กลับโอนอ่อนให้อีกฝ่ายครอบครองทั้งกายโดยไม่ปัดป้อง  เพียงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดก็ชวนให้วาบหวาม จนหลงลืมทุกสิ่ง   ณ เวลานี้ เคย์รู้แต่เพียงว่าอ้อมแขนนี้ ร้อนรุ่ม ทว่านุ่มนวลยิ่งกว่าครั้งใดที่เคยได้รับ  ทุกสัมผัสบนผิวกาย  ตอกย้ำว่าเขาไม่อาจหนีพ้นจากปีศาจตนนี้ได้ตลอดกาล








+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






“เลิกคิดที่จะฆ่าข้า  แต่ก็ยังไม่เลิกคิดหนีสินะ”


ผู้เป็นนายแห่งเรือถามขึ้นในค่ำคืนหนึ่ง  เมื่อกลับมาที่เรือ แล้วพบว่าเคย์ป่วยหนัก   เพราะกระโดดลงไปในทะเลที่หนาวจัด  จึงทำให้เป็นไข้สูงนอนซม  เหล่าภูติรับใช้ในเรือ ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยป่วย จึงไม่รู้จะรักษาเช่นไร  ได้แต่วิ่งวุ่นคอยดูแลอยู่รอบเตียง   จนกระทั่งผู้เป็นนายมาถึง


“ผิดแล้ว !! ข้ายังไม่เคยเลิกคิดทั้งสองประการ  แต่คราวนี้ข้าไม่ได้จะหนี”


ส่วนคนป่วย   ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษไข้หรือโมโหที่ถูกทิ้งให้นอนป่วยข้ามวันข้ามคืน  จึงได้ลืมความกลัว โพล่งออกไปเช่นนั้น  เหล่าภูติรับใช้แม้ไม่ปรากฏกาย  แต่ก็แอบอยู่ตามพื้นกระดานคอยฟังอยู่ด้วยใจระทึก  ความผิดที่ปล่อยให้เคย์กระโดดลงทะเล   ทั้งป่วยแล้วไม่หาทางรักษา   ก็เพียงพอให้ผู้เป็นนายบันดาลโทสะได้แล้ว  ซ้ำเคย์ยังกล่าววาจาท้าทาย   ไม่รู้ว่าความโกรธจะทบทวีสักเท่าใด


“ถ้าเช่นนั้นเจ้ากระโดดลงไปทำไม?” 


“ข้าถูกลวง!!


สองคืนก่อน  ขณะที่เคย์กำลังชื่นชมกับเส้นทางแห่งดวงดาว  ที่พาดขาวอยู่บนผืนฟ้า  จู่ๆก็มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือ  ดังขึ้น  ... ดังขึ้น   ยิ่งได้ยินชัดเจน  ยิ่งรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นมีมากกว่าหนึ่งคน  ซ้ำยังเป็นคนที่เขาคุ้นเคยที่สุด ... คิดถึงมากที่สุด


หลังจากที่วิ่งวุ่นอยู่บนดาดฟ้าเรือหาที่มาของเสียงนั้นครู่ใหญ่   ในผืนทะเลยามราตรีไกลออกไปจากเรือไม่มากนัก  ปรากฏร่างของคนสามคนลอยคออยู่ในทะเล  ทั้งหมดพยายามว่ายเข้าใกล้เรือแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงถูกคลื่นซัดไกลออกไปอีก  ร่างที่พยายามตะเกียกตะกายอยู่ในทะเลนั้น  คือพี่ชาย พี่สาว และเพื่อนรัก   เคย์ไม่หยุดคิด  ไม่สงสัยเลยสักนิดเดียวว่าในค่ำคืนที่มีเพียงแสงดาว  ตนมองเห็นชัดเจนถึงเพียงนั้นได้อย่างไร


กว่าจะรู้ว่าเป็นกลลวง   ก็กระโดดลงไปในทะเลเสียแล้ว  ทันทีที่ร่างกระทบผิวน้ำ  ยังไม่ทันจะได้โผล่ขึ้นมาสูดอากาศ  ก็ถูกลากให้จมลึกลงไปอีก  ดิ้นรนทั้งเตะทั้งถีบก็ไม่อาจหลุดได้โดยง่าย   พอลืมตามอง ก็พบว่าถูกล้อมรอบด้วยร่างกายขาวซีดราวกับศพจำนวนนับไม่ถ้วน   ใบหน้าของพวกมันโปร่งแสง  ดวงตากลวงโบ๋  ไร้ชีวิต  มือของพวกมันจับยึดร่างของเขาไว้แน่น   เคย์ตกใจจนไม่อาจกุมสติไว้ได้  เผลอสำลักน้ำทะเล ทั้งปากทั้งคอแสบร้อนไปหมด  ถ้าหากไม่ได้น้องชายของยูยะช่วยไว้   คงไม่รอดมาได้


“”เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นน้องชายข้า”


“ก็เขาเรียกข้าว่าพี่สะใภ้นี่!!!!


ทั้งๆที่ถูกช่วยไว้  แต่พอนึกถึงตอนนั้นเคย์ก็อดโมโหไม่ได้   ตอนที่กำลังถูกลากสู่ก้นทะเล อยู่ๆน้ำทะเลที่เย็นเฉียบอยู่แล้วก็เริ่มจับตัวเป็นเกล็ด  จากนั้นน้ำทะเลทั้งก้อนก็ถูกยกลอยขึ้นมาทั้งๆที่ตัวเขายังติดอยู่ในนั้น  ตอนที่เขาตะเกียกตะกายขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำแข็งได้  ปีศาจนัยน์ตาสีน้ำเงินเยือกเย็นตนนั้นก็มายืนค้ำอยู่ตรงหน้าแล้ว


“เหตุใดมนุษย์จึงมาอยู่ที่นี่ได้”


“ข้าตกจากเรือ”  พอกวาดตามอง  รอบตัวก็มีแต่ความมืดมิด  ขณะที่ตื่นตระหนกว่าตนเองถูกฝูงศพลากมาไกลถึงเพียงนี้    ปีศาจผู้ใช้พลังน้ำแข็งก็กำลังจ้องมองไปอีกทาง  ด้วยสายตาที่เห็นไกลกว่ามนุษย์   เขามองเห็นเมหานาวาแห่งราตรีกำลังเร่งความเร็วเข้ามาหา  ผู้เป็นนายของเรือลำนั้นเขารู้จักดี  ถ้าเช่นนั้นมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้านี่..


“พี่สะใภ้หรือนี่? ..”  เพราะความมืดจึงไม่ได้สังเกตเห็นแต่แรก  “ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องรีบกลับขึ้นเรือเดี๋ยวนี้”


สิ้นคำ  .. ร่างของเคย์ก็ลอยขึ้นแล้วพุ่งกลับเรือประหนึ่งว่าเป็นดาวตก  และคงตกกระแทกพื้นเรือคอหักไปแล้วถ้าไม่มีใบเรือกับเชือกมารับไว้ 


“โทษเขาไม่ได้หรอก  เขารู้ว่าเรือลำนี้เป็นของข้า จะเข้าใกล้หรือขึ้นมาบนเรือได้เมื่อข้าอนุญาตเท่านั้น  จึงต้องโยนเจ้ากลับขึ้นเรือ”


คนป่วยสะบัดหน้าหนี  นึกในใจว่าตัวเขาไม่ได้ถูกโยนกลับมาเสียหน่อย  แต่ถูกขว้างกลับมาเหมือนก้อนหินต่างหาก  เดิมทีก็ตัวเปียกหนาวสั่นอยู่แล้ว ยังถูกขว้างฝ่าสายลมอีก แล้วจะไม่ให้ป่วยได้อย่างไร


เงียบกันไปครู่ใหญ่  สุดท้ายเคย์ที่ถูกรบกวนพิษไข้และศพมือขาวซีดที่ติดตาทำให้ไม่อาจข่มตาหลับได้เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน   “เจ้าพวกนั้นคืออะไรกันแน่”


“เหล่าวิญญาณของผู้ที่ตายในท้องทะเล  พวกเขาตายตาไม่หลับ กลายเป็นภูติวนเวียนรอคอยชิงร่างกายผู้อื่นเพื่อให้กลับไปมีชีวิตได้ดังเดิม”


“แล้วทำได้จริงหรือ”


“สรรพชีวิตไม่อาจหนีพ้นความตาย  สุดท้ายแล้ววิญญาณเหล่านั้นจะต้องเดินทางไปสู่จุดหมายที่ถูกกำหนดด้วยการกระทำของตน เมื่อยามที่มีชีวิต   ส่วนพวกที่วนเวียนอยู่นี่ คงรู้ตัวดีว่าปลายทางของตนไม่ใช่สถานที่ที่สวยงามสุขสบาย  จึงไม่ยอมไปไหน กลายเป็นวิญญาณร้าย  เมื่อพบพวกมันจงอย่าได้ใจอ่อนสงสาร  มิเช่นนั้นจะถูกลวงได้อีก” 


เคย์รับฟังอย่างตั้งใจ  ตัวเขามีเรื่องที่อยากรู้อีกมากมาย  แต่ร่างกายอ่อนล้าเสียแล้ว  จึงทำได้แค่พยักหน้าตอบรับ  และในที่สุดก็หลับไป  จากนั้นมหานาวาจึงมุ่งหน้าสู่น่านน้ำทะเล  ที่ไม่เคยมีมนุษย์ใดเคยเดินทางไปถึง








+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






ว่ากันว่าเหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นในชีวิต  มักจะมีทั้งเรื่องดีและร้ายอยู่ด้วยกันเสมอ  เคย์อาจจะโชคร้ายที่ตกทะเลจนล้มป่วย   แต่เรื่องดีก็คือทำให้เคย์มีข้ออ้างสำหรับหลบเลี่ยงช่วงเวลาค่ำคืนกับปีศาจแล้ว  


ก่อนหน้านั้นเคย์เคยอยู่แต่ในคฤหาสน์  พอได้ก้าวเท้าออกมาทุกสิ่งที่ตนพบเห็นนั้นช่างแปลกใหม่  ตื่นตาไปหมด  สิ่งใดที่เขาไม่รู้จักก็เก็บความสงสัยไปถามกับยูยะ   หลายคืนที่ปีศาจทำแค่เพียงเล่าเรื่องราวต่างๆที่เคย์ถามจนคนฟังหลับไป   ไม่ต่างจากเล่านิทานกล่อมเด็กน้อย


แต่เล่ห์กลเพียงเท่านี้  มีหรืออีกฝายจะไม่รู้  ไม่กี่วันต่อมาเด็กน้อยก็ถูกต้อนให้จนมุมจนได้


“ข้าไม่ใช่ทาสของท่าน  สิ่งใดที่ข้าไม่ปรารถนาข้าย่อมปฏิเสธได้!!!


“อย่างนั้นรึ?”  ยูยะก้มมองคนในอ้อมแขน   พลางคิดว่าจะปราบพยศแมวน้อยขี้โมโหตัวนี้อย่างไรดี


เคย์เป็นมนุษย์ที่น่าสนใจกว่าคนอื่นๆที่เขาเคยพบ  ไร้พลังอำนาจ แต่รู้จักใช้ปัญญา   ดูเหมือนอ่อนแอ  แต่ยังไม่เคยเห็นเคย์ร้องไห้เลยสักครั้ง  ถึงเขาจะไม่ได้อยู่บนเรือตลอดเวลา แต่เหล่าภูติก็คอยรายงานทุกสิ่ง  ทุกวันที่ผ่านไปเคย์ไม่เคยอยู่นิ่ง  ถ้าไม่คิดหาทางหนี ก็จะคอยสำรวจพื้นเรือเพื่อหาทางลงไปยังชั้นอื่นๆ  หากว่าเรือลำนี้ไม่ได้สร้างด้วยอาคมและพลังปีศาจ  ไม่นานคงกลายเป็นเศษไม้กระดานลอยน้ำเป็นแน่


และเมื่อใดที่เคย์เริ่มเบื่อ  ก็จะมายืนคุยกับรูปสลักตรงหัวเรือ ....


“ข้าเพิ่งรู้ว่ามนุษย์มีความสามารถพิเศษเช่นนี้”


“ก็เพราะท่านไม่ใช่หรือ ที่สั่งไม่ให้พวกภูติปรากฏตัวออกมาพบข้า”  เช่นนี้แล้วจะให้เคย์พูดคุยกับใครได้นอกจากรูปสลักของเทพี  ถึงอีกฝ่ายจะโต้ตอบไม่ได้  แต่อย่างน้อยก็ยังได้เห็นตัว  ดีกว่าพูดกับความว่างเปล่าเป็นไหนๆ


“พวกเขาไม่กล้าออกมาพบเจ้าหรอก”


“เพราะเหตุใดเล่า? ”
“หากว่าวันหนึ่งรูปร่างหน้าตาที่งดงามของเจ้า  ถูกทำลาย  จิตวิญญาณน้อยนิดที่เหลือ อาศัยอยู่ในซากร่างที่เป็นเพียงเถ้าถ่าน ไม่อาจคืนความงดงามได้ดังเดิม  เจ้าจะมีหน้าไปพบใครไหม?”


“ใครทำกับพวกเขาเช่นนั้น ? หรือเป็นท่าน?”


แม้ว่าจะเป็นนกน้อยในกรงทอง   ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องราวภายนอก  ภูติแห่งธรรมชาตินั้นคือจิตวิญญาณแห่งต้นไม้ กำเนิดจากต้นใด  ก็ไม่อาจแยกจากต้นไม้นั้น  ที่เหล่าภูติมาอาศัยอยู่ที่นี่  นั่นก็หมายความว่าเรือลำนี้ทั้งลำสร้างจากแหล่งกำเนิดของพวกเขา 


แต่ที่ทำให้เคย์รู้สึกสยดสยองตั้งแต่วันแรกที่เริ่มสำรวจเรือ  นั่นคือเรือไม่ได้เป็นสีดำเพราะถูกเคลือบด้วยยางไม้หรือทาสี  แต่เป็นเพราะไม้ทุกชิ้นถูกเผาจนดำเป็นตอตะโก     ต้องใช้เพลิงผลาญผืนป่าสักเท่าใดจึงจะสามารถนำไม้ดำมาสร้างเป็นมหานาวาลำนี้ได้    ความสงสัยข้อนี้รวมกับคำพูดของยูยะเมื่อครู่  ทำให้เคย์สงสารเหล่าภูติจับใจ   การที่ต้องตกอยู่ในวงล้อมของเปลวไฟนั้นทุกข์ทรมานสักเท่าใดเขาไม่อาจคาดเดาได้เลย


“พวกเขามีความผิดอันใด ท่านถึงได้กระทำการโหดร้ายเช่นนี้”


“หากข้ายอมบอกให้เจ้าคลายสงสัย  เจ้าจะมีสิ่งใดตอบแทนข้า?”


ยูยะมองดวงตาของคนในอ้อมแขนที่วาวโรจน์ขึ้นมาทันใด   สิ่งใดที่ตัวเขาปรารถนา  มีหรือที่จะชิงมาไม่ได้  เขาเพียงอยากรู้  ว่าคราวนี้เคย์จะหาวิธีเอาตัวรอดไปได้อย่างไร


“โอ๊ะ!!!นั่น!!!”  สิ้นเสียงร้อง เคย์ก็ก้มตัวลอดออกไปจากอ้อมแขนของปีศาจ  วิ่งไปเกาะหน้าต่างห้องนอนอย่างตื่นเต้น   ข้างนอกนั้น  ท้องทะเลยามค่ำคืนกำลังเรืองแสงเป็นสีน้ำเงินเข้ม  จุดเล็กๆ  ค่อยแผ่กระจายเรื่อเรืองเป็นวงกว้าง   เคย์วิ่งออกจากห้องนอนเพื่อไปชื่นชมความสวยงามที่ตนไม่เคยพบเห็นมาก่อน  จอมปีศาจเดินตามออกไปช้าๆ  ที่ดาดฟ้าเรือ  เคย์กำลังเกาะกราบเรือเพื่อชะโงกมองผืนทะเลเบื้องล่างอย่างตื่นตาตื่นใจ


ระลอกคลื่นซัด  แสงสีน้ำเงินยิ่งกระจายแผ่ไพศาล  บัดนี้มหานาวาลดใบเรือและทอดสมอ   ตระหง่านเหนือผืนน้ำ  สง่างามท่ามกลางทะเลอัญมณีสีน้ำเงิน     


แต่สิ่งที่งดงามยิ่งกว่าเรือปีศาจต้องมนตร์  ก็คือดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความอยากรู้คู่นั้น    กำลังรอคอย ให้ยูยะเล่าเรื่องราวให้ฟังดังเช่นคืนก่อนๆ    แม้รู้ว่าเป็นเล่ห์กลของเด็กน้อย  แต่ความใคร่รู้ในดวงตาคู่นั้นจริงแท้เสียจนเขาต้องยอมหลงกลโดยดี


“ข้าบอกได้เพียงว่านี่คือสิ่งมีชีวิตที่เล็กยิ่งกว่าเม็ดทราย  แต่พวกมันมารวมตัวกันเปล่งแสงมากมายด้วยเหตุใด  ข้าไม่อาจรู้”


“ข้าคิดว่าปีศาจจะล่วงรู้ทุกสิ่ง เสียอีก”


“แผ่นดินกว้างใหญ่เพียงใด   ผืนน้ำนั้นไพศาลยิ่งกว่า  โลกนี้ยังมีดินแดนอีกมากมายที่มนุษย์และปีศาจเช่นข้าไม่เคยได้เหยียบย่างเข้าไป  ทะเลเรืองแสงนี่ก็เช่นกัน  แม้ข้าท่องทะเลมานาน ก็ยังได้พบเห็นเพียงไม่กี่ครั้ง  เพราะฉะนั้นจงอย่าได้คิดกระโดดลงไปค้นหาความจริงด้วยตัวเองเป็นอันขาด!!!


คำพูดนั้นเป็นคำเตือน  ทั้งเป็นคำสั่ง  เฉียบขาดเสียจนเคย์ที่กำลังใจจดใจจ่อชะโงกหน้าดูทะเลเบื้องล่าง สะดุ้งตกใจที่ถูกรู้ทัน   “ท่านพูดเองว่าพวกมันเล็กกว่าเม็ดทราย แล้วจะมีอันตรายได้อย่างไร?”


“ถ้าเช่นนั้น  เจ้าไม่ลองกระโดดลงไปพิสูจน์ด้วยตัวเองเล่า  ข้าเองก็อยากรู้ว่าแท้จริงแล้วพวกมันคืออะไรกันแน่”


พอได้ยินว่าจะให้กระโดดลงไปในทะเล  พลันรู้สึกหนาวเยือกไปทั้งกาย  ภาพฝูงศพตะเกียกตะกายในผืนน้ำดำมืดนั้นยังชัดเจน  จนแทบจะมองเห็นมือซีดขาวนับร้อยโผล่ขึ้นมาจากทะเลเบื้องล่างจริงๆ  เคย์ตกใจจนเข่าอ่อนลงไปนั่งกองกับพื้น   ครั้นพยายามจะลุกขึ้น กลับรู้สึกเหมือนผืนฟ้าด้านบนกลับลงไปอยู่ใต้ฝ่าเท้า เมื่อซวนเซ ล้มลงอีกครั้ง  ก็พลันนึกได้ว่าตนยังไม่หายป่วยดี


“อย่างไร? กลัวจนไข้กลับเสียแล้วรึ?”


เคย์ดิ้นขลุกขลักเพราะถูกอุ้ม  เขากลัวอ้อมแขนนี้จับใจ  กลัวว่าไออุ่นที่ได้รับตอนนี้จะกลายเป็นความร้อนแรงในไม่ช้า


“เจ้าวางใจเถอะ  ข้าไม่คิดรังแกคนป่วยหรอก  เว้นแต่เจ้าจะไม่ได้ป่วยจริง  ถึงได้มีแรงดิ้นอย่างนี้”



คนป่วยนิ่งจนแทบกลายเป็นหิน  พอถูกวางบนเตียงก็คว้าผ้าห่มมาพันตัวแน่นตั้งแต่หัวจรดเท้า  ไม่นานนักคนป่วยก็หลับสนิท   ยูยะมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกกึ่งประหลาดใจกึ่งขำ   เสียงกระซิบกระซาบของเหล่าภูติดังขึ้นรอบกาย  เสียงทั้งหมดนั้นล้วนฟ้องถึงความซุกซนช่างสงสัยใคร่รู้ของเคย์ที่รบกวนความสงบสุขของเหล่าภูติยิ่งนัก  จอมปีศาจเพียงรับฟังอย่างพอใจ  


เจ้าช่างเป็นมนุษย์ที่น่าสนใจจริงๆ  เคย์ ....









+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



 

1 comment:

  1. เคย์ซนจริงๆค่ะ ถึงจะป่วยแต่ก็ซนเผลอๆซนมากกว่าตอนปกติด้วย555555 อ่านไปเอ็นดูไปน่่ารักเต็มไปหมดเลย>~< ติดตามนะคะชอบผลงานของคุณนาฬิกาแก้วมากจริงๆ เป็นกำลังใจให้ค่า ขอบคุณนะคะที่เขียนฟิคดีๆมีคุณภาพแบบนี้ออกมา🥺❤

    ReplyDelete