Sunday 22 July 2012

ด้วยแรงอธิษฐาน~ [ เรือสีดำ ]


ชื่อเรื่อง   -:-            ด้วยแรงอธิษฐาน~ [ เรือสีดำ ]


ผู้แต่ง      -:-            นาฬิกาแก้ว [ Nalikakeaw ]


คำนำเรื่อง     -:-      ฟิคเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังแนวแฟนตาซีหลายๆเรื่อง เพราะงั้นถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าเจออะไรคุ้นๆล่ะก็ อย่าแปลกใจค่ะ เพราอย่างน้อยเรือไข่มุกดำแห่งท้องทะเลย่อมจะมาจากหนังเรื่องที่มีป๋าเด็ปป์เป็นโจรสลัดสุดฮาแน่นอน


                    ส่วนชื่อเรื่อง ขอบอกว่าได้มาจากบทเพลงของพี่แหม่ม พัชริดา จำได้ว่าเป็นเพลงประกอบละครเมื่อนานมาแล้ว โดยส่วนตัวชอบเสียงพี่แหม่มมาก และเนื้อเพลงก็เข้ากับพล็อตพอดี ก็เลยเอามาเป็นชื่อเรื่องมันซะดื้อๆนี่แหละ
                               

                      ใครอยากฟังไปเสิร์ชหากันเอาเองคะ






เรือบดเล็กลอยเคว้งคว้างอยู่บนผืนน้ำกว้างใหญ่ มองไปทางใดก็มีแต่ความมืดมิดรายล้อม ไม่อาจมองเห็นแผ่นดิน หรือแม้กระทั่งเส้นแบ่งระหว่างขอบฟ้ากับทะเล คลื่นซัดให้เรือโคลงเป็นระยะ   สายลมพัดต้องกายให้หนาวสั่น



ร่างบางในชุดสีขาวยกสองแขนกอดตัวเองให้คลายหนาว ฟังเสียงคลื่นลมด้วยหัวใจระทมทุกข์หวาดหวั่น ป่านนี้พี่สาวพี่ชายของข้าจะเป็นเช่นไร  พวกเขาจะสามารถออกจากเกาะโดยไม่มีผู้ใดสงสัยได้หรือไม่



พวกเขาออกจากเกาะในเวลาไล่เลี่ยกัน หลังจากที่กล่าวคำอำลา โคตะจะออกเดินทางด้วยเรือวาณิชย์ที่ท่าเรือด้านหน้า ส่วนตัวเขาถูกพาขึ้นเรือประมงลำเล็กที่ท่าเรือเก่าด้านหลังเกาะ ก่อนจะถูกพาลงเรือบดลำเล็ก ทิ้งให้ลอยลำเดียวดายอยู่กลางทะเล



เคย์หันหลังให้เรือของชาวบ้านที่มาส่ง มองตรงแน่วแน่ไปยังทะเลเบื้องหน้า ไม่ใยดีต่อคำอวยพรจากชายผู้เป็นบิดาที่ขอให้เขาปลอดภัย



พรนั้นมีค่าอันใด ..... ในเมื่อบิดานั่นเองที่ผลักไสให้พวกเขาต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้



ร่างบางข่มกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหล  นี่ไม่ใช่เวลาควรร้องไห้   แม้ว่าเรือจะนำพาโคตะและแคลพ้นจากเกาะไปแล้วก็ยังไม่อาจรับรองได้ว่าทั้งสองจะปลอดภัย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาแล้วนับจากนี้



เคย์ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร หากว่าได้พบปีศาจผู้เป็นเจ้าของเรือสีดำ ฝ่ายนั้นย่อมมองออกว่าเขาไม่ใช่สตรี แล้วเขาจะใช้วิธีใดถ่วงเวลามิให้ปีศาจผู้นั้นตามหาเจ้าสาวตัวจริงได้เล่า



ร่างบางถอนหายใจหนักหน่วง แสงดาวอ่อนแรงในคืนที่ฟ้ามืดหม่น ยังไม่ได้ริบหรี่เท่าความหวังน้อยนิดที่เขามี



"อ๊ะ!"



แสงสว่างเล็กๆวูบขึ้นบนทองฟ้า เคย์ยกสองมือขึ้นประสานกันหลับตาลง อธิษฐานอย่างแรงกล้าต่อดวงดาวที่ร่วงหล่นจากสรวงสวรรค์



ขอให้ทุกสิ่งผ่านพ้นไปด้วยดี...



เรื่องเล่าสืบต่อกันมา  ดาวตกนำมาซึ่งความสมหวัง หากผู้ใดอธิษฐานได้ทันก่อนที่แสงดาวจะวูบหาย  ทุกสิ่งที่ปรารถนาจะเป็นจริง



แรงกระชากจนทำให้เกือบล้มคะมำลงกระแทกพื้นเรือนั้นทำให้ร่างบางลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ  เรือลำน้อยเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง เด็กหนุ่มในชุดเจ้าสาวตกใจแทบสิ้นสติ  เรือลำนี้มีผู้โดยสารแต่เพียงคนเดียวคือเขา



เช่นนั้นแล้วจะเป็นฝีมือของผู้ใดเล่า.. ที่ทำให้เรือแล่นไปโดยไร้ฝีพายเช่นนี้



ร่างบางกัดริมฝีปาก  สะกดกลั้นความตื่นกลัวในหัวใจ หัวใจของเขาเต้นแรงจนทั้งตัวเจ็บร้าวและสั่นสะท้าน  เคย์ไม่กลัวแม้แต่น้อย หากว่าเขาพลัดตกเรือจมน้ำตายเสียตั้งแต่ตอนนี้  คงจะดีเสียกว่าต้องไปพบหน้ากับปีศาจชั่วร้าย ไร้ความปราณีตนนั้น



ที่สำคัญ  เขายังคิดไม่ออกเลยว่าจะต่อกรกับปีศาจตนนั้นอย่างไรเพื่อไม่ให้มันออกตามล่าแคล หากมันรู้ว่าเจ้าสาวตัวจริงหนีไปแล้ว



เด็กหนุ่มสูดหายใจลึก  ตั้งสติเอาไว้สิเคย์  แม้มนุษย์อย่างเจ้าจะไม่มีพลังอำนาจเช่นปีศาจ แต่พระเจ้าก็มอบปัญญาอันเฉลียวฉลาดให้เจ้า  หากเอาแต่กลัวอยู่อย่างนี้เจ้าจะมีปัญญาที่ไหนไปสู้กับปีศาจเล่า!!!



เรือเล็กเคลื่อนตัวช้าลง สายหมอกเย็นยะเยือกแผ่รายล้อมทั้งคนและเรือจนมองไม่เห็นสิ่งใด แต่ร่างบางรู้ดี... อีกไม่นานแล้วที่จะได้พบ



เรือสีดำ...





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





"เคย์ เคย์ครับ เคย์"




คนถูกเรียกกระพริบตาปริบ ความฝันเลือนหาย ภาพเรือที่กำลังจะปรากฏตัวจากสายหมอกหายวับไป แทนที่ด้วยผู้คนมากมายที่กำลังดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน




"ฝันกลางวันเหรอเคย์พักนี้เป็นบ่อยนะ"




ฮิคารุแซว พยายามสร้างบรรยากาศสนุกสนาน แต่ไม่ได้ผล เลยได้แต่ยิ้มแหยๆให้เพื่อน




"เบื่อหรือครับเคย์"




อาซากะถามด้วยท่าทีห่วงใย แต่คนมองไม่นึกอยากสนใจนัก ได้แต่พยักหน้ารับแบบขอไปที 



แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ชอบสถานที่แบบนี้อยู่แล้ว ผู้คนวุ่นวายสับสน เสียงเพลงดังหนวกหู ทีแรกเคย์ก็ไม่แน่ใจว่าฮิคารุรู้รึเปล่าว่าอาซากะจะพามากินข้าวในที่แบบนี้ แต่ดูจากสีหน้าลำบากใจของเจ้าตัวแล้วก็พอจะเดาออก



อาซากะคงบอกแค่ว่าให้ชวนเขาออกมากินข้าวแน่ๆ



"นานๆทีได้ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้างก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอครับ"



"ผมชอบอยู่เงียบๆมากกว่า"



ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ สั้น ฮิคารุที่นั่งอยู่ข้างกันเริ่มรู้สึกถึงความไม่พอใจได้ และแน่นอนว่าอาซากะคงจะไม่รู้ เพราะเจ้าตัวยังคงชวนคุยเรื่องโน่นนี่ไม่หยุดหย่อน ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของตัวเองทั้งนั้น



แม้แต่ฮิคารุยังเบื่อที่จะฟัง



"เรากลับกันดีไหม?"



"อื้อ! ก็ดี"



ฮิคารุพยายามส่งซิกให้ลูกพี่ลูกน้อง หมายจะให้รู้สึกตัว และแก้ไขสถานการณ์ด้วยการพาเคย์ไปส่งบ้าน แต่อาซากะกลับคิดจะรั้งเคย์เอาไว้ด้วยคำพูดที่ฮิคารุฟังแล้วไม่เข้าหูที่สุด



"นานๆทีจะได้มานั่งในคลับหรูๆแบบนี้ น่าจะนั่งต่ออีกสักหน่อยนะ"



เคย์ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะใรสักอย่าง แต่ก็เงียบไป ฮิคารุมองตามสายตาเพื่อน แล้วก็พบร่างสูงดูคุ้นตายืนอยู่เบื้องหลังอาซากะ



คนที่เขาไม่อยากเจอที่สุด



"แค่เราไม่เคยมา ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีปัญญาจนต้องให้นายพามาหรอก  ที่ไม่มาก็เพราะไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อะไรที่จะมาในที่แบบนี้ต่างหาก"



ยาบุ โคตะ ยืนกอดอก ยิ้มยียวนใส่อาซากะที่มองมาอย่างไม่เชื่อสายตา



"นาย! มาได้ยังไง?"



"ความสามารถพิเศษน่ะ ต่อให้เคย์ปิดมือถือหรือว่าลืมเอาไว้ที่ไหน ฉันก็ตามตัวน้องได้ทุกที่นั่นแหละ"



ฮิคารุมองพี่ชายของเพื่อนด้วยความรู้สึกตะลึงและแอบประทับใจนิดๆ ย้ำ! ว่าแค่นิดเดียวเท่านั้น เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าหมอนี่คอยเป็นมารขัดขวางคนที่ตามจีบเคย์ไปได้ทุกที่ จนทุกคนผวาหนีหน้าไปหมด



  แต่เพิ่งมาเห็นกับตาวันนี้เอง



หมอนี่แอบฝังเครื่องส่งสัญญาณจีพีเอสไว้ในตัวเคย์รึเปล่าวะ?



"เรากำลังจะกลับกันพอดี"



นี่ก็อีกคน ฮิคารุเคยสงสัยอยู่บ่อยๆว่าเคย์ไม่เคยนึกรำคาญใจบ้างหรือไงที่พี่ชายตามเฝ้าตามหวงอยู่แบบนี้ เพราะเคย์ไม่เคยแสดงท่าทีออกมาให้เห็น ดูอย่างตอนนี้สิ พอเห็นหน้าพี่ชายก็ยิ้มดีใจเหมือนเด็กๆ



เป็นแบบนี้ ชาตินี้ทั้งชาติเคย์คงหาแฟนไม่ได้แน่ๆ



เคย์ลุกทันทีไม่รอให้พี่ชายเรียก ฮิคารุลังเลว่าจะกลับพร้อมเพื่อนเลยดีไหม ถ้าไป เคย์คงให้ยาบุไปส่งเขาที่บ้าน แต่ฮิคารุก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานไปกว่านี้แล้ว



"เอ้า! ยืนบื้อทำไมนายก็กลับด้วยกันสิ มาอยู่ในที่แบบนี้นานๆสุขภาพจิตจะแย่เปล่าๆ"



โคตะลากแขนฮิคารุออกมา หันไปโบกมือลาอาซากะ จากนั้นโอบไหล่น้องชายเดินออกไป แต่ยังหันมายิ้มเยาะให้อาซากะนึกอยากจะจ้างขี้ยาไปตีหัวอีกสักที



"ไม่ต้องห่วงนะ อาซากะ  ค่าอาหารกับเครื่องดื่มน่ะ ฉันเคลียร์ให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนของนายไม่ต้องคืนนะ ถือว่าฉันเลี้ยงขอบคุณที่นายพาน้องฉันมาเปิดหูเปิดตาไงล่ะ"








+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





"กลับบ้านดีๆนะ ทั้งสองคน"



เคย์ยืนส่งทั้งเพื่อนและพี่ชายตรงหน้าอพาร์ทเมนท์ ก่อนจะเข้าไปข้างใน ทิ้งให้ฮิคารุยืนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เดินตามโคตะออกไปจากตรงนั้นเงียบๆ  แต่ไม่กี่นาทีฮิคารุก็ทนอึดอัดไม่ไหวเป็นฝ่ายหาเรื่องคุยเสียเอง



"นายรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่ผับนั่น"



"หือก็บอกแล้วไงว่าเป็นความสามารถพิเศษ"



"ไม่อยากบอกก็ตามใจ แต่ฉันไม่เชื่อหรอก เรื่องความสามารถพิเศษอะไรนั่น"



โคตะไม่ตอบ ได้แต่เดินนำไปเงียบๆ ไม่ใช่ไม่อยากตอบ แต่เขาเองก็ตอบไม่ได้ว่าทำไม เขาถึงตามมาเจอน้องได้ทุกครั้ง ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจตามหา เหมือนมีใครมาคอยกระซิบบอก คอยนำทางให้ ตอนแรกเขาเองก็ไม่มั่นใจนัก แต่หลายๆครั้งเข้า เขาก็เชื่อโดยไม่ต้องคิด



และมันก็ถูกทุกครั้งซะด้วย



"มีพรายคอยกระซิบบอก นายเชื่อมั๊ยล่ะ"



"เชื่อ"



"เฮ้ย!!!! เชื่อเข้าไปได้ไง"



"ก็ฉันนึกไม่ออกแล้วว่านายทำได้ยังไง  วันนี้นะ  ก่อนจะออกจากห้องฉันแอบเอามือถือของเคย์ไปซ่อน ของฉันก็ทิ้งไว้ที่บ้าน อาซากะก็ไม่ได้พกมาเหมือนกัน เพราะงั้นนายไม่มีทางใช้ระบบจีพีเอสตามตัวใครได้  ที่ผับนั่น อาซากะก็ไปสืบมาแล้ว ว่าไม่มีเพื่อนนายคนไหนทำงานหรือเป็นลูกค้าประจำ แล้วนายจะหาทางตามเราเจอได้ยังไง ฉันไม่เข้าใจ"



กว่าจะรู้ตัว ฮิคารุก็เผยความลับออกมาจนหมดโดยไม่มีใครขอ โคตะส่ายหน้าเหนื่อยหน่าย



"แผนสูงจริงนะ แล้วไง ได้ผลมั๊ย"



"ไม่!!!"



"งั้นก็เลิกคิดได้แล้ว"



"ไม่"



"ดื้อด้าน"



"ก็เหมือนนาย ถามจริงๆเถอะ จะคอยเป็นมารตามรังควาญไปถึงไหน?"



"ก็จนกว่านายจะเลิกจับคู่เคย์กับอาซากะนั่นแหละ"



"อาซากะไปทำอะไรให้ นายถึงได้เกลียดหมอนั่นหนักหนา"



"แล้วอาซากะมีดีอะไร นายถึงอยากให้เคย์คบกับหมอนั่นนัก"



"ไม่มี"



จากคำพูดโต้ตอบที่เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ  พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วฮิคารุก็เงียบไป เขาเป็นญาติสนิทแท้ๆ มีหรือจะไม่รู้จักตัวตนของคนที่ชื่อ อาซากะ โคได หมอนั่นเอาแต่ใจร้ายกาจแค่ไหน เจ้าชู้จีบไม่เลือกกับใครบ้าง  เขารู้ดีเท่าๆกับที่คนอื่นรู้



แต่สิ่งที่คนอื่นไม่เคยเห็น และไม่มีวันจะได้เห็น คือภาพที่อาซากะ เงยหน้าขึ้นมองเคย์ที่ยืนอยู่บนระเบียงทางเดินอาคารเรียนชั้นสอง  จากสนามหญ้าหน้าโรงเรียนเมื่อสมัยที่พวกเขาเรียนอยู่ชั้นมัธยม  ตอนนั้นสายตาของเคย์เหม่อมองออกไปไกลสุดฟ้า  แต่สายตาของอาซากะที่มองไปที่ระเบียงนั้น มองเคย์เพียงคนเดียว  ด้วยความรู้สึกชื่นชมและไม่อาจเอื้อม



ราวกับเคย์เป็นดวงดาวที่อยู่ไกลเกินไขว่คว้า



คุณชายที่รูปหล่อพ่อรวย เพียบพร้อมอย่างอาซากะ มีแต่คนรุมรักล้อมรอบ แต่ไม่เคยมองใครด้วยสายตาเหมือนหมามองเครื่องบินอย่างนี้มาก่อนเลย



โชคร้ายที่เคย์นั้นวางอาซากะไว้ในฐานะคนรู้จัก  เหมือนที่ไม่เคยมองลงไปข้างล่าง  จากวันนั้นผ่านไปนานแค่ไหน  ก็ไม่เคยเปลี่ยน



"เห็นอาซากะเป็นแบบนั้น แต่หมอนั่นก็ชอบเคย์จริงๆนะ"



ฮิคารุพูดราวกับจะขอความเห็นใจจากอีกฝ่าย 



"เคยคิดบ้างไหม ว่าถ้าสองคนนั่นได้คบกันจริงๆ เคย์จะมีความสุขรึเปล่า"



ฮิคารุตอบไม่ได้ ที่ผ่านมาเขาคิดแต่จะช่วยเหลืออาซากะ แต่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย



"นายคิดว่าคนอย่างอาซากะ จะเลิกนิสัยโมโหร้าย เอาแต่ใจ แล้วก็เลิกเจ้าชู้ได้ไหม?"



ภาพเพื่อนรักถูกตบตี ทำร้ายร่างกาย นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ในห้องมืดๆ ท่ามกลางข้าวของแตกกระจัดกระจาย ลอยเข้ามาในหัว  แต่ฮิคารุสะบัดหัวสลัดภาพนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว



"ต้องได้สิ"



"ตอบแบบมีความมั่นใจเหมือนเมื่อกี๊สิ เผื่อว่าจะเชื่อ"



ฮิคารุหันขวับไปจ้องหน้าคนที่เดินมาด้วยกันอย่างเอาเรื่อง แต่กลับเจอสไมล์ออร่าแอคแทคกลับมาจนเป็นงงเสียเอง



"ยิ้มอะไรวะ ดีใจที่ฉันเถียงไม่ได้ล่ะสิ"



"เห็นฉันเป็นเด็กสามขวบรึไง ที่ต้องดีใจเวลามีคนเถียงแพ้น่ะ"



โคตะผลักหัวฮิคารุเบาๆ เมื่อเดินถึงหน้าบ้าน ฮิคารุเดินตึงๆไปเปิดประตูบ้าน ไม่ลืมขอบคุณโคตะที่มาส่ง



แต่ก่อนประตูจะปิดลง   โคตะก็ยังฝากคำพูดไว้ ให้ฮิคารุต้องคิดหนัก



"สำหรับฉันน่ะ มันไม่สำคัญหรอกว่าอาซากะจะจริงใจกับเคย์แค่ไหน ที่ฉันสน ก็คือความรู้สึกของเคย์เท่านั้น "



โคตะยิ้มให้กับสีหน้าลังเลใจของอีกฝ่าย



"นายเคยสังเกตบ้างไหม?ฮิคารุ ตั้งแต่วันที่พวกนายรู้จักกันจนถึงวันนี้  เคยมีสักครั้งไหมที่เคย์มีใจ หรือแม้แต่จะสนใจคนที่เข้ามาจีบน่ะ"



แล้วประตูบ้านก็ปิดลง พร้อมๆกับคำตอบที่โคตะ และฮิคารุต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






"ทำไมนายถึงไม่ชอบอาซากะล่ะเคย์"



เคย์อึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่ได้อึ้งเพราะคำถาม แต่เป็นน้ำเสียงหงอยๆที่ดังมาจากปลายสายต่างหากที่ทำให้เขากังวล  เมื่อก็ที่ให้โคตะไปส่ง พี่ชายเขาทะเลาะกับฮิคารุรึเปล่านะ



"โคตะว่าอะไรนายเหรอ?"



"เปล่า เราแค่เถียงกันนิดหน่อย แล้วพี่ชายนายก็พูดทำนองว่านายไม่ชอบอาซากะ"



เคย์นิ่งเงียบ ทบทวนความรู้สึกที่ตัวเองมีต่ออาซากะ 



"ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอก"



พอตอบไปแบบนั้น น้ำเสียงฮิคารุก็ดูมีความหวังขึ้นตอนที่ถามกลับมา



"แสดงว่าชอบใช่ไหม?"



"เปล่าหรอก"



"งั้นนายรู้สึกยังไงกับอาซากะล่ะ?"



"ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย"



คำตอบแบบนี้ทำให้เจ็บปวดยิ่งกว่าบอกว่าไม่ชอบเสียอีก  แม้แต่ฮิคารุยังอดเสียใจแทนอาซากะไม่ได้  ทุกสิ่งที่พยายามมาตลอด ไม่มีความหมายเลยสินะ



เหมือนกับแก้วเปล่าๆที่วางทิ้งไว้  ถึงจะมองเห็นแต่ไม่เคยหยิบมาใช้  มีค่าน้อยกว่าขยะชิ้นหนึ่งเสียอีก



"คือ..ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น แต่ว่า... เรื่องแบบนี้มันไม่มีเหตุผลหรอก แล้วก็บังคับกันไม่ได้ด้วย ใช่ไหม?"



"อือ"



ฮิคารุกลับไปทำเสียงหงอยเหมือนเดิม  เคย์ใจเสียนิดหน่อย แต่ก็คิดว่าพูดให้เข้าใจกันไปเลยน่าจะดีกว่า  ฮิคารุจะได้ไม่ต้องคาดหวังอยากให้เขาไปเป็นคนในครอบครัว  อาซากะเองก็ไม่ต้องเสียเวลาด้วย



"ก็หวังว่าอาซากะจะทำใจได้นั่นแหละ"



"ถึงไม่มีฉัน อาซากะก็มีคนอื่นอีกตั้งเยอะนี่"



ประโยคนี้แทงใจดำของคนฟังดังจึ๊ก!! ฮิคารุหัวเราะแหะๆ ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกสองสามประโยคจึงกล่าวราตรีสวัสดิ์และวางสาย



แต่ก่อนที่จะเข้านอน เคย์อดนึกถึงคำถามของฮิคารุไม่ได้



ทำไมเขาถึงไม่ชอบอาซากะน่ะหรือที่จริง... ไม่ว่าใครที่ผ่านเข้ามา เขาก็ไม่เคยสนใจเลยสักคน  โคตะเคยแซวเล่นๆว่าเคย์คงรอรักแท้อยู่ละมัง. ถึงไม่ยอมมีใครสักที



รักแท้เหรอ?



เคย์ยิ้มกับตัวเอง



ถ้ามีจริงก็ดีน่ะสิ....



ร่างบางล้มตัวลงนอนบนเตียงสี่เสาหลังโปรด และผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว



"นายท่านหลับง่ายเสียจริง"



"นายท่านเข้านอนโดยไม่ดับไฟ ทำให้หลับไม่สนิท แล้วจะป่วยง่าย"



ลายสลักรูปงูที่เสาเตียงทั้งสี่เริ่มเคลื่อนไหว ดวงตาที่ประดับด้วยอัญมณีสีแดงเปล่งแสงวาบ พวกมันต่างส่งเสียงกระซิบถึงร่างที่นอนหลับไหลด้วยความห่วงใย



พลันแสงไฟในห้องก็ดับวูบลง เสียงกระซิบจากงูสลักเงียบหาย ใครคนหนึ่งก้าวออกมาจากมุมมืด  แสงไฟที่ลอดผ่านหน้าต่างก่อให้เกิดเงาสลัวรางของร่างทียังอยู่ในนิทรา และร่างของผู้มาใหม่



ร่างสูงสง่า สวมอาภรณ์สีดำทั้งตัวเดินอย่างเงียบเชียบ เข้าไปหาร่างบาง ดึงผ้าห่มกำมะหยี่สีเลือดนกคลุมให้อย่างเบามือ



"นายท่าน"



เหล่างูสลักเลื้อยลงจากเสาเตียง   ลงมาอยู่แทบเท้าของผู้มาใหม่ น้ำเสียงนุ่มทุ้มแต่ทรงอำนาจเอ่ยถามบริวารแผ่วเบา ด้วยเกรงจะทำให้ร่างบางต้องตื่น



"มีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่"



"วันนี้นายท่านออกไปกับสหายนามว่าฮิคารุ คนผู้นั้นลอบนำเครื่องมือสื่อสารของนายท่านไปซ่อนไว้ใต้หมอน แล้วเร่งรีบพากันออกไป แต่ไม่นานนักก็กลับมา หลังจากที่สนทนากับสหายผ่านเครื่องมือสื่อสารนั้นครู่หนึ่ง นายท่านก็เข้านอน"



"พวกเขาสนทนากันเรื่องใด"



"เกี่ยวกับ ผู้มีนามว่าอาซากะ นายท่านโปรดอย่าได้ขุ่นเคือง"



เหล่างูไม้สีดำเลื้อยไปบนพื้นพรมอย่างกระสับกระส่าย เมื่อดวงตาสีน้ำตาลทองของบุรุษในชุดดำวาวโรจน์ขึ้น



"อาซากะผู้นั้นมิได้มีความสำคัญอันใด นอกจากจะคอยรบกวนท่านให้รำคาญใจเช่นทุกครั้ง"



"ข้ารู้ พวกเจ้าไปได้แล้ว และจงจำไว้ให้ดี อย่าให้อาซากะ โคได เข้ามาในห้องนี้ได้เป็นอันขาด โดยเฉพาะเวลาที่เคย์นอนหลับเช่นนี้"



"ทราบแล้วนายท่าน"



งูสีดำทั้งสี่ค่อยเลื้อยพันกับเสาเตียง ขึ้นไปอยู่ตรงที่เดิม ดวงตาสีแดงอ่อนแสงลง และกลับกลายเป็นลายสลักไม้ไร้ชีวิตเช่นเดิม



ร่างสูงนั่งลงบนเตียงสี่เสาเคียงข้างคนที่ยังหลับสนิทไม่รับรู้ใดๆ  พินิจใบหน้างามยามหลับด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ



"เคย์ ... ข้าอยากพบเจ้า ในยามที่เจ้าลืมตาตื่นมิใช่ยามหลับฝัน"



ปลายนิ้วแกร่งเกลี่ยไล้ไปบนแก้มนิ่ม  พลางถอนหายใจหนัก



"แต่ข้าไม่อาจแน่ใจได้ ว่าข้ายังคงเป็นที่รักของเจ้าเช่นดังแต่ก่อนหรือไม่  ข้า..อยากให้เจ้ารักข้า  และเป็นเจ้าสาวของข้าด้วยความเต็มใจ"



เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  บุรุษในชุดสีดำสะบัดมือเพียงครั้งเดียวเสียงก็เงียบลง  ร่างบางบนเตียงเพียงขยับตัวเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่น  ร่างสูงจ้องมองโทรศัพท์อย่างกราดเกรี้ยว  มิใช่เพียงเพราะมันเกือบจะทำให้ร่างบางเกือบจะได้พบกับเขาก่อนเวลาอันควร



แต่เขารู้ว่าผู้ที่ติดต่อมานั้นคือใคร



อาซากะ โคได!   เคย์ไม่มีวันมีใจให้เจ้า!  หากยังไม่เลิกรา  ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บยิ่งกว่าที่ข้าเคยทำ!!!!!





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

นี่หรือเรือปีศาจ....


บัดนี้...ร่างบางในชุดสีขาว ขึ้นมายืนอยู่บนเรือปีศาจ  ด้วยความรู้สึกที่ตนเองไม่อาจยอมรับได้ว่ามันคือ...


ความผิดหวัง..


แต่มันเป็นเช่นนั้นจริง  ตั้งแต่เรือลำนี้มาปรากฏอยู่ตรงหน้า  กระทั่งก้าวขึ้นมาบนเรือ ความหวาดกลัวที่มีมลายหายไปสิ้น  แทนที่ด้วยความรังเกียจอย่างที่ร่างบางไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกได้


นี่เรือที่ทุกคนหวาดกลัวหนักหนา?..  นี่หรือความยิ่งใหญ่ ทรงพลัง น่าเกรงขามตามที่เล่าขาน?..


เรือขนาดเท่าเรือวาณิชย์ที่ชาวเกาะใช้เดินเรือค้าขายยังต่างแดน  ตัวเรือและโครงไม้เป็นสีดำเพราะทาด้วยยางไม้ชนิดพิเศษที่ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้าเรือ แต่คงไม่ได้ทาอย่างปราณีตนัก ตัวเรือจึงเป็นสีกระดำกระด่างไม่เสมอกัน เช่นเดียวกับใบเรือขาดรุ่งริ่ง แม้เป็นสีดำหากแต่มองเห็นได้ว่าทำด้วยผ้าที่ย้อมสีไม่ทั่วถึงจึงเป็นสีดำบ้าง เทาบ้างเมื่อมองใกล้ๆ  พื้นเรือเหนียวเหนอะเปรอะไปด้วยคราบราวกับไม่มีกะลาสีเรือคอยขัดมาสักร้อยปี 


แต่สิ่งที่ทำให้ร่างบางนึกรังเกียจ....  คือผู้คนที่อยู่บนเรือนี้


ทันทีที่ก้าวขึ้นเรือ  ร่างบางได้เห็นบางสิ่ง..สิ่งที่ช่วยตอกย้ำว่าเขาได้ทำถูกต้องแล้วที่แอบเปลี่ยนตัวกับพี่สาว


สายตาหื่นกระหายจากลูกเรือที่มองตรงมาทำให้เขาอยากจะอาเจียน  ยิ่งกว่าเนื้อตัวมอมแมมสกปรกหรือกลิ่นสุราคละคลุ้งปนกลิ่นเหม็นเน่าที่ติดตัวคนเหล่านั้นเสียอีก 


ที่สำคัญ..เหตุใดมนุษย์จึงมาอยู่บนเรือปีศาจได้เล่า


ฝ่ามือหยาบหนาผลักร่างบางจากด้านหลังทำให้เคย์ตกใจเกือบหลุดอุทาน  หากแต่ยั้งไว้ทัน กะลาสีเรือคนหนึ่งรุนหลังร่างบางให้เดินไปข้างหน้า  ทิ้งรอยสกปรกไว้บนอาภรณ์สีขาวผืนงาม  เมื่อเขาขยับตัวออกห่าง  มันก็แสยะยิ้มพ่นคำหยามหยันออกมา


"รังเกียจรึสาวน้อย  ทำยโสไปก็เท่านั้น  วันใดที่นายข้าเบื่อ  เจ้าก็จะมีสภาพเหมือนพวกนาง!"


เคย์ตัวสั่น  เขาเพิ่งสังเกตว่านอกจากกะลาสีเรือที่นั่งและยืนกระจัดกระจายอยู่บนดาดฟ้าเรือ  ยังมีหญิงสาว....  พวกนางอยู่ในสภาพที่ ... เอน็จอนาจ  เคย์คิดได้เพียงเท่านั้น  พวกนางอาจจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา เคยเป็นสาวแรกรุ่นที่งดงาม แต่ความงามและความสดใสนั้นถูกเหล่าคนกักขฬะหยาบช้าช่วงชิงไปเสียสิ้น


แม้ยังมีลมหายใจ แต่ไร้ชีวิต  หัวใจของพวกนางคงตายไปนานแล้ว  เหลือไว้เพียงร่างกายที่ยังถูกใช้เป็นเครื่องระบายความความใคร่  รอเวลาสิ้นลมหายใจเท่านั้น


ชั่วช้า!!!!


ร่างบางประณามอยู่ในใจ  ตัวสั่นด้วยความโกรธ  เพราะเหตุนี้หรือเหล่ากะลาสีจึงยอมเป็นทาสรับใช้ของปีศาจ  อารมณ์ใคร่ชั่วครู่ชั่วคราว  สุรา และทรัพย์สมบัติที่ปล้นชิงมาได้


เคย์ก้าวผ่านประตูเข้าไปสู่ทางเดินแคบๆมืดๆภายในตัวเรือ  เขารู้ว่ามันจะนำไปสู่ห้องแผนที่  ห้องที่นักเดินเรือมักจะใช้เป็นที่ประชุมวางแผนเส้นทางเดินเรือ  ประตูที่อยู่สองข้างทางเดินนั้นจะต้องมีห้องใดห้องหนึ่งเป็นห้องพักผ่อน อีกห้องจะต้องเป็นห้องอาหารแน่


แต่รู้แล้วจะทำอะไรได้เล่า  หากคิดจะหนี  มีทางเดียวคือกระโดดลงทะเลเท่านั้น


สุดทางเดินนั้น  ประตูไม้เปิดออก  แสงตะเกียงภายในทำให้เคย์ตาพร่าไปชั่วครู่ ก่อนจะเห็นว่านั่นเป็นห้องแผนที่อย่างที่เขาคาดไว้จริงๆ ก่อนจะสูดหายใจลึก เตรียมพร้อมจะเผชิญหน้ากับร่างปีศาจน่าเกลียดน่ากลัวที่อยู่ในห้อง


แต่ทุกสิ่งกลับไม่เป็นเช่นนั้น....


ภายในห้องนั้นไม่กว้างขวาง  แสงไฟจากตะเกียงเพียงดวงเดียวเพียงพอที่จะทำให้มองเห็นทุกสิ่ง... และผู้ที่อยู่ในห้อง


ปีศาจตนนั้น...


ร่างนั้นยืนหันหลังให้  ทำให้เคย์โล่งใจขึ้นเล็กน้อย แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหน้านั้นใช่ปีศาจแน่หรือ?   ร่างสูงนั้นแต่งกายอย่างชาวเรือทั่วไป เสื้อแขนยาวสีเข้มสวมทับด้วยโค้ทยาวสีดำ  กางเกงเนื้อหนา รองเท้าหนังหุ้มข้อ 


มองอย่างไรก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น


"ยินดีต้อนรับสู่เรือของข้า"


ร่างสูงนั้นหันกลับมา  ภายใต้แสงตะเกียงส่องสว่าง และผ้าคลุมหน้าของเจ้าสาวทำให้เคย์มองเห็นผู้ที่อยู่ตรงหน้าไม่ชัดนัก แต่น้ำเสียงที่ได้ฟัง... ทำให้เคย์เผลอก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ


"ตกใจรึที่เห็นข้า?..ก็แน่ละ เจ้าคงคิดไม่ถึงหรอก ว่าคืนนี้จะต้องมาเป็นเจ้าสาวของข้า แม้ว่าจริงๆแล้วข้าอยากได้ตัวเคย์มากกว่า แต่ไหนๆพวกเจ้าก็เกิดมาหน้าตาเหมือนกัน ข้าทนใช้เจ้าแทนเขาไปพลางๆก่อนคงได้"


เคย์ยืนตัวสั่น  เขาแน่ใจแล้วว่าผู้ที่กล่าววาจาเช่นนี้เป็นมนุษย์  ซ้ำยังเป็นคนที่เขารู้จักด้วย


อาซากะ  โคได...


ลูกพี่ลูกน้องของยาโอโตเมะ  ฮิคารุ  บุตรชายเจ้าเมืองผู้ปกครองเกาะใหญ่อีกฝั่งทะเล  เพื่อนสนิทคนเดียวของเขา


เหตุใดคนผู้นี้จึงมาอยู่บนเรือปีศาจ... และวาจาหยาบคายที่กล่าวต่อพี่สาวของเขาอีกเล่า


หมายความว่าอย่างไร?


"คราวนี้เจ้าคงสำนึกได้แล้วสิ ว่าไม่ควรกีดกันเคย์ไปจากข้า"  ร่างสูงนั้นไม่ขยับเขยื้อน หากแต่น้ำเสียงเย็นเยียบแฝงความโกรธเกรี้ยวนั้นทำให้คนฟังหนาวยะเยือก  "ข้าเคยเสนอให้เจ้าพาเคย์ออกจากคฤหาสน์มาพบข้า  ทองที่ข้าเสนอให้มันน้อยนักรึเจ้าจึงปฏิเสธซ้ำยังตบหน้าข้า หรือเจ้าอิจฉาที่ข้ามีใจต่อน้องชายมิใช่เจ้า"


ร่างบางยืนฟังอยู่ด้วยความรู้สึกหลากหลาย  ความหวาดกลัวในคราวแรกหายไปแล้ว เหลือเพียงความสับสน  เรื่องที่อาซากะกล่าวถึงนั้นเขาไม่เคยรู้มาก่อน และเขาจะต้องรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ให้ได้  ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรต่อไป


"โคตะพี่ชายเจ้าก็รังเกียจข้า ทั้งๆที่ฐานะของข้าไม่ได้ด้อยไปกว่ามัน! ยามที่ข้าฝากของกำนัลไปให้น้องเจ้า มันกลับปฏิเสธ ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่คู่ควรกับเคย์  โง่เง่า!! จริงอยู่ว่าทองไม่กี่หีบย่อมไม่คู่ควรกับฐานะลูกชายเจ้าเมือง แต่เจ้าโคตะมันไม่ได้นึกหรือ? ว่าฐานะอย่างข้า สามารถหามาให้เคย์ได้มากกว่านั้นร้อยเท่า พันเท่า  ด้วยอำนาจแห่งตระกูลข้า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้!!"


ยิ่งพูด ความบ้าคลั่งของคนผู้นี้ยิ่งฉายชัด  ร่างบางก้าวถอยเมื่ออีกฝ่ายสาวเท้าเข้าใกล้ หากแต่ไม่อาจหลบพ้น ฝ่ามือหยาบหนาจับเข้าที่ต้นแขน บีบแน่นจนเจ็บร้าว  ทั้งร่างถูกกระชากเหวี่ยงล้มลงไปบนพื้นเสียงโครมสนั่น  มือขาวเรียวถูกพื้นไม้ที่ไม่เรียบเสมอกันตำจนเป็นแผลเลือดซึม  ทั้งมือ ทั้งแขนขาเจ็บปวดจนเกือบจะหลุดเสียงร้องแต่ยังกัดริมฝีปากยั้งเอาไว้    นี่หรือบุรุษที่สุภาพอ่อนโยนที่เขาพบเมื่อสองปีก่อน 


เหตุนี้นี่เล่า หลังจากที่ได้พบกันครั้งแรก พี่ชายพี่สาวของเขาจึงไม่เคยเอ่ยนามของคนผู้นี้ให้ได้ยินอีกเลย มิใช่รังเกียจด้วยคิดว่าฐานะต่ำต้อยหรือด้วยความอิจฉาดังที่ถูกกล่าวหา  แต่พี่สาวพี่ชายมองเห็นตัวตนอันแท้จริงของอาซากะที่ถูกซ่อนเอาไว้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งต่างหาก


"แต่เคย์ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของข้า! สองปีที่ผ่านมา ข้าได้แต่คอยมองยามที่เขาออกมายืนชมฟ้าชมดาวที่ระเบียงคฤหาสน์ ช่างน่าสมเพชตัวเองนัก!!!"


อาซากะยืนค้ำเหนือร่างในชุดเจ้าสาว จ้องมองอีกฝ่ายอย่างเกลียดชังคั่งแค้น ไม่ได้รู้เลยว่าผู้ที่เป็นเจ้าของดวงหน้างามใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวนั้นคือผู้ที่ตนใฝ่ฝันหา  กระทั่งฉุดกระชากให้ร่างบางลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับตนแล้ว ก็ยังไม่รู้สึก


"พวกเจ้าพี่น้องบีบบังคับข้าให้ต้องทำเช่นนี้  เดิมทีข้าและพรรคพวกออกล่าเหยื่อแถบฝั่งตะวันตก ปล้นแต่พวกผิวขาวตาสีฟ้าที่มาค้าขายจากแดนไกลเท่านั้น  แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่คิดญาติดีกับข้า ข้าก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจความทุกข์ร้อนของผู้คนบนเกาะที่พ่อเจ้าปกครองอีกต่อไป"


แล้วความจริงก็กระจ่างโดยที่มิได้ร้องขอ  ที่เคย์ทนเงียบอยู่จนถึงเวลานี้เพราะอยากให้อีกฝ่ายเปิดเผยทุกสิ่งที่เขาสงสัยมาตั้งแต่ได้พบหน้าอาซากะบนเรือลำนี้


"ข้าสงสัย? ว่าพี่ชายเจ้าจะรู้สึกอย่างไรถ้ามันได้เห็นศพของน้องสาวสุดที่รัก แต่ยังหรอก..ยังไม่ใช่ตอนนี้ ข้าจะทรมานเจ้าให้สมกับที่ข้าต้องเจ็บปวดเสียก่อนแล้วค่อยส่งร่างไร้วิญญาณคืนให้พี่ชายเจ้า แล้วจากนั้นข้าจะได้ตัวน้องชายของมันอีกคนมาเป็นของข้า!!!"


เสียงหัวเราะบ้าคลั่งของอาซากะ เปรียบเสมือนยาพิษแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ความโกรธเกลียดพลุ่งพล่านในอกจนแทบหายใจไม่ได้  เพราะเหตุนี้...เพราะคนผู้นี้เอง  ที่ทำให้พวกเขาพี่น้องต้องผิดใจกับบิดา  ทำให้พวกเขาต้องพรากจากกัน อาซากะหลอกลวงผู้คนว่าเป็นคนดี เป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่ซื่อสัตย์  หลอกลวงผู้คนที่คบหา  แม้กระทั่งฮิคารุผู้เป็นญาติและสหายสนิท แท้จริงแล้วตัวตนของคนผู้นี้มีแต่ความละโมบในทรัพย์ และแสวงหามาในทางมิชอบ  คำพร่ำรำพันความรู้สึกที่มีต่อเขานั้นเป็นเพียงข้ออ้างหาความเพื่อปล้นสะดมผู้คนเท่านั้น


ชั่วร้ายเสียยิ่งกว่าปีศาจตนใดในโลก!!!!!



+++++++++++++++++++++++++++++++




"อย่าได้ฝันไปเลย!!"


เคย์เค้นเสียงลอดริมฝีปากที่ขบกันแน่น  แม้แผ่วเบา แต่ชัดเจนมากพอที่จะทำให้อาซากะชะงักค้าง  แววตาโหดร้ายพลันเปลี่ยนเป็นความดีใจ  แต่เพียงครู่เดียวก็กลายเป็นความตระหนกเมื่อสำนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ ตนได้พูดอะไรออกไปบ้าง


"เคย์-ข้า-"


อาซากะพูดได้เพียงเท่านั้น เมื่อมือขาวเรียวดั่งสตรีสะบัดหลุดจากมือเขา  ผ้าลูกไม้คลุมหน้าเจ้าสาวถูกเหวี่ยงทิ้ง เผยให้เห็นใบหน้างดงามและดวงตาแห่งความชิงชังที่มีให้เขาแต่เพียงผู้เดียว


"ข้าต้องขอบคุณเจ้าใช่ไหมที่อุตส่าห์เล่านิทานสนุกๆให้ข้าฟัง เรื่องมนุษย์ผู้ชั่วร้าย แอบอ้างนามของปีศาจใช้เรือสีดำออกปล้นเรือพ่อค้า สร้างฐานะร่ำรวยโดยการเหยียบย่ำชีวิตและความทุกข์ยากของผู้อื่น  เสแสร้งเป็นคนดีหลอกลวงได้แม้กระทั่งพี่น้องของตนเอง"


แม้จะโกรธเกลียดคนตรงหน้าสักเท่าใด เคย์ทำได้เพียงใช้วาจาเชือดเฉือนมิใช่ตะโกนใส่หน้า  แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้ผู้ที่ได้ฟังเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกกรีดด้วยมีดอาบยาพิษ


"แต่เจ้ายังไม่ได้เล่า ว่าจุดจบของคนผู้นั้นเป็นเช่นไร"


"เคย์..ทุกสิ่งที่ข้าทำเป็นเพราะรักเจ้า"


"รักข้าหรือ?"


ร่างบางทวนคำอย่างไม่เชื่อหู กระทั่งเวลานี้ อาซากะไม่คิดยอมรับว่าเป็นความผิดของตนแม้แต่น้อย  ใช้ความรักเป็นข้ออ้าง.... ความรักที่เคย์ไม่รู้สึกถึงมันเลยแม้แต่น้อย  ทั้งจากคำพูด แววตา ท่าทางของอาซากะ


"ถ้าเช่นนั้น ... ข้าสมควรต้องรับผิดชอบต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้น"


เส้นด้ายแห่งความอดทนขาดผึง  คำว่ารักของอาซากะราวกับจะกล่าวโทษว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นความผิดของเขา  ความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในอกระเบิดออกมาทำให้เคย์ขาดสติ  เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าได้ทำอะไรลงไป  บัดนี้..มีดสั้นที่พี่ชายมอบให้เพื่อป้องกันตัว กลับหันปลายคมกริบเข้าหาตัวเองเสียแล้ว


"เคย์!! นั่นเจ้าจะทำอะไร?"


อาซากะร้องออกมา ด้วยไม่คิดว่าร่างบางจะกล้าทำเช่นนี้  มีดสีเงินที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อถูกดึงออกจากฝัก ปลายมีดกดลงตรงต้นคอขาว หยดเลือดผุดซึมออกมาทำให้อาซากะเป็นฝ่ายตื่นตระหนกเสียเอง 


"ในเมื่อข้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เจ้าต้องทำร้ายผู้อื่น หากข้าตายเสียเจ้าจะได้ไม่ต้องปล้นเรือ ไม่ฉุดคร่าหญิงชาวบ้าน ไม่ทำลายชีวิตใครอีก  ใช่หรือไม่?"


ช่างประชดประชันได้อย่างร้ายกาจ  แต่อาซากะไม่ใส่ใจเท่าปลายมีดคมกริบที่กำลังกดลึกลงไปกว่าเดิม 


"เคย์ จงฟังข้าก่อน นึกถึงพี่ชายพี่สาวของเจ้าบ้าง พวกเขาจะรู้สึกอย่างไรหากรู้ว่าเจ้าตายเสียแล้ว"


"อย่าได้ห่วงเลย  พวกเขายินดีให้ข้าตายเสียดีกว่าให้ข้าต้องทนทรมานอยู่กับเจ้าบนเรือนี่"


หากว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่เฝ้าฝันว่าจะครอบครองมาตลอดเวลาสองปี  อาซากะคงหยิบดาบขึ้นมาบั่นคอร่างบางเสียให้สิ้นเรื่อง  ตอนนี้เขาทำได้เพียงข่มความรู้สึกเจ็บที่เกิดจากถ้อยคำถากถางเอาไว้ในอก


ตราบใดที่ยังไม่ได้ตัวเคย์มาเป็นของเขา....


"อย่าทำเช่นนี้เลย เจ้าอยากได้สิ่งใดข้าจะหาให้ วางมีดลงเถิดแล้วเราค่อยคุยกัน"


"ข้าไม่ยินดีในสิ่งใดที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อและน้ำตาของผู้อื่น สิ่งที่ข้าต้องการคือให้เจ้าไปให้พ้นหน้าข้า  หรือไม่..ข้าจะเป็นฝ่ายไปเอง"


"เหตุใดเจ้าจึงไม่เห็นใจข้า? ข้ารักเจ้า ข้ามีสิ่งใดไม่คู่ควรกับความรักของเจ้ารึ? ทั้งอำนาจ ความร่ำรวย ทั่วทั้งท้องทะเลกว้างใหญ่นี้ มีผู้ใดยิ่งใหญ่กว่าข้าอีก"


น้ำเสียงโอนอ่อนขอความเห็นใจ แต่ถ้อยวาจาที่ใช้กลับเห็นแก่ตัวอย่างหาที่เปรียบมิได้  เคย์มองอาซากะด้วยความรู้สึกชิงชังและสมเพชระคนกัน


"ข้าไม่เห็นใจ..และไม่มีวันจะเห็นใจ ต่อให้ต้องตาย ข้าจะไม่มีวันรักเจ้า!!!!"


"เคย์!!!เจ้า!!-"


เสียงร้องเหมือนสัตว์ถูกทำร้ายดังขึ้นก่อนที่อาซากะจะได้ทำสิ่งใด เสียงนั้นดังมาจากด้านนอกตัวเรือ ผู้เป็นเจ้าของเรือวิ่งออกจากห้องทันที เคย์ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งด้วยความตกใจและสับสัน ไฟโทสะยังแล่นพล่านไปทั่วกาย แต่หลังจากที่สงบอารมณ์อยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจก้าวเท้าตามอาซากะออกไป




+++++++++++++++++++++++++++++++




ดาดฟ้าเรือเงียบสงัดไร้ผู้คน  อาซากะยืนเคว้างคว้างท่ามกลางความว่างเปล่าด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างที่สุด  เคย์ก็เช่นกัน  เหล่ากะลาสีเกือบร้อยคนที่กำลังดื่มกินอย่างสนุกสนานที่เขาได้เห็นก่อนหน้านั้นหายไป  หากว่าบนพื้นเรือไม่ได้มีขวดสุราและอาหารตกอยู่เกลื่อนกลาด เคย์คงคิดว่าภาพที่ได้เห็นก่อนหน้านั้นคือภาพลวงตาเป็นแน่


"เกิดอะไรขึ้นกันแน่"


อาซากะทั้งงุนงงและเริ่มหวาดหวั่น  ทะเลรอบตัวมืดสนิท เงียบสงัด ไม่มีวี่แววเรือลำอื่นในระยะที่ตามองเห็นได้ เรือของเขาไม่ได้ถูกโจมตี แต่ลูกเรือกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย


เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังมาจากมุมหนึ่งของดาดฟ้าเรือ อาซากะหันไปมองด้วยความตกใจในทีแรก แต่เมื่อมองเห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นผู้ใด จึงสาวเท้าเข้าไปกระชากร่างนั้นให้ลุกยืน หากร่างนั้นไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนได้อีกแล้ว


ลมหายใจสุดท้ายของพวกนาง...เหล่าสตรีที่ถูกฉุดคร่ามา  มีไว้รอดูความหายนะของคนเพียงคนเดียวเท่านั้น


"หากไม่อยากตายจงตอบข้า ลูกเรือของข้าไปอยู่เสียที่ใด"


ดาบที่เงื้อง่าจ่อคอนั้นไม่ได้ทำให้สตรีผู้นั้นหวาดกลัวแม้แต่น้อย  แต่ปลายดาบนั้นถูกปัดให้หันเหไปทางอื่นเสียแล้ว


"อย่าทำร้ายพวกนางนะอาซากะ!!!"


ดาบที่ตกอยู่บริเวณใกล้ๆกันจ่ออยู่ที่คอของอาซากะ  เคย์ก้าวเข้าไปยืนขวางอยู่ระหว่างทั้งสองฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว มีแต่อาซากะเพียงผู้เดียวที่ยอมลดดาบลง แต่ไม่ใช่ดาบในมือของเคย์


"คนดีเช่นท่าน ไม่ควรต้องแปดเปื้อนเลือดคนชั่ว"


น้ำเสียงแหบแห้งอ่อนแรงกลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นจนน่าประหลาด เคย์รู้สึกได้ถึงมือเย็นเฉียบแตะตรงข้อเท้า ร่างกายของสตรีเหล่านั้นอ่อนแอจนยืนไม่ได้  ทำได้เพียงคลานเข้ามายึดข้อเท้าเคย์เอาไว้   เพียงแค่มองร่างบางก็รู้ว่าพวกนางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน แต่ในแววตานั้นยังลุกโชนไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังโชติช่วง ดุจไฟนรกที่จะเผาอาซากะให้ตายทั้งเป็น


"พวกข้าหาได้กลัวตายไม่!! เพียงแค่ก่อนตายขอให้ได้เห็นความล่มจมหายนะของชายผู้นั้นเสียก่อน"


สิ้นคำ อาซากะหัวเราะก้องเย้ยหยัน


" พวกเจ้าเห็นภาพลวงตาก่อนตายกระมัง ในท้องทะเลนี้มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าข้าอีกงั้นรึ?"


"มีสิ..เขาอย่างไรล่ะ"


พวกนางเงยหน้าขึ้นไปยังดาดฟ้าเรือชั้นสอง  เงามนุษย์วูบไหวอยู่ตรงนั้น  แม้ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด แต่อาซากะก็ชี้ปลายดาบไปทางนั้นและตะโกนก้อง


"จงแสดงตัว!!!"


ฉับพลันนั้น    ทั้งเรือสว่างไสวขึ้นพร้อมกันราวกับมีผู้จุดคบไฟนับร้อย  อาซากะก้าวถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อประจักษ์แก่สายตาว่าเรือทั้งลำสว่างจ้าขึ้นด้วยเหตุใด


ไม่ใช่แสงจากคบไฟดังที่คิด  ไม่ใช่แสงตะเกียงอย่างที่คุ้นเคย  แต่เป็นเปลวไฟที่ลอยนิ่งอยู่ในความว่างเปล่า...ไม่มีสิ่งใดรองรับ  ... ไม่มีฟืนหรือน้ำมันเป็นเชื้อเพลิง  ราวกับว่าเปลวไฟเหล่านั้นผุดออกมาจากความมืดดำรอบกาย


ร่างที่แรกเห็นแต่เพียงเงายืนอยู่หลังคันบังคับเรือ ปรากฎขึ้นต่อหน้า  ร่างสูงสง่า สวมอาภรณ์สีดำทั้งกายยืนเท้าแขนบนระเบียงชั้นสองของดาดฟ้าเรือ ไม่เกรงกลัวต่อท่าทีและดาบในมือของอาซากะเลยแม้แต่น้อย


"เจ้าเป็นใคร!! เหตุใดจึงขึ้นมาอยู่บนเรือของข้า!! และเจ้าขังลูกเรือของข้าไว้ที่ใด จงตอบมาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!!!"


แต่คำตอบที่อาซากะได้รับ มีเพียงรอยยิ้มเยาะกับคำพูดหยามหยัน ที่มีแต่จะทำให้อาซากะโกรธมากขึ้น


"มือที่สั่นจนประคองดาบแทบไม่ได้จะฆ่าข้าได้หรือ? เจ้าช่างพูดเรื่องตลกได้ดีนัก"


"หุบปาก!! จงตอบคำถามข้าเดี๋ยวนี้"


บุรุษในชุดดำหาได้เกรงต่อคำขู่ไม่ ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนเปลวไฟจนดูเกือบเป็นสีทองนั้นมองผ่านอาซากะไปยังร่างผอมบางในชุดเจ้าสาวที่ยังยืนนิ่งและจ้องมองกลับมาด้วยความสงสัย  ร่างสูงออกเดินช้าๆ ลงบันไดมาทีละขั้นอย่างไม่เร่งร้อน  เรือนผมสีเดียวกับดวงตาไหวสะบัดน้อยๆทุกก้าวย่าง จนกระทั่งมายืนอยู่ตรงหน้าอาซากะและเคย์


นัยน์ตาคมและทรงอำนาจมองสำรวจไปทั่วร่างบาง เคย์ทันได้เห็นแววขำขันปรากฏอยู่ในดวงตาคู่นั้นแวบหนึ่ง และมันทำให้เขาขุ่นเคืองยิ่งนัก บุรุษในอาภรณ์ของเจ้าสาวดูไม่งามก็จริง แต่นี่ใช่เวลามาหัวเราะเยาะเขาหรือไร?


อาซากะเข้าไปยืนขวางระหว่างคนแปลกหน้ากับเคย์  ดาบในมือยังคงยื่นไปด้านหน้า โดยไม่รู้เลยว่าเพียงเท่านั้น ไม่อาจขวางพลังอำนาจที่กำลังจะนำความหายนะมาสู่ตนได้


"อย่ายุ่งกับเขา!!!"


"เขาเป็นของข้า!!!"


วาจาจากร่างในชุดดำทำให้ทั้งสองยืนนิ่งเหมือนต้องสาปด้วยความรู้สึกต่างกัน เคย์ตัวสั่นมิใช่เพราะโกรธที่อยู่ๆอีกฝ่ายมาอ้างสิทธิ์ในตัวเขา หากแต่..ร่างบางรู้แล้ว  ว่าคนที่กำลังเดินเข้ามาหานั้นคือผู้ใด  แต่คำพูดเดียวกันนั้นกลับทำให้อาซากะโกรธยิ่งนัก  เพียงสิ่งเดียวที่คิดในตอนนี้คือ  ต้องฆ่า!!! ฆ่าให้สมกับความบังอาจของมัน


แต่ไม่ทันจะได้เงื้อดาบ ร่างอาซาะกลับถูกพันธนาการด้วยบางสิ่ง ...


เชือกเส้นใหญ่เลื้อยเข้าพันแขนขาราวกับมีชีวิต  อาซาะกะพยายามใช้ดาบตัดมันออก แต่ยิ่งดิ้นรนยิ่งถูกรัดแน่น ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อเชือกหนาเข้าพันรอบคอเหมือนงูรัด  ดาบหลุดร่วงจากมือ หมดสิ้นหนทางหลบหนี 


"ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก เพียงแต่อยากให้เจ้าอยู่นิ่งๆสักครู่  ระหว่างที่ข้าพูดคุยกับเจ้าสาวของข้า"


อาซากะแผดเสียงร้องโหยหวนด้วยกลัวตาย เมื่อทั้งร่างถูกดึงขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไปหยุดค้างแขวนอยู่ตรงยอดเสากระโดงเรือ  ร่วมกับลูกเรือคนอื่นๆที่หายไป




+++++++++++++++++++++++++++++++






ภาพที่เห็น  น่าสะพรึงกลัวจนแทบทนดูไม่ได้  อาซากะและลูกเรือถูกเชือกพันเลื้อยรัดทั้งร่าง แขวนอยู่ท่ามกลางเชือกหลายเส้นโยงอยู่ระหว่างเสากระโดงเรือ ใบเรือ ด้วยร่างกายผิดรูป  ใบหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาเหลือกถลนหวาดกลัวสุดขีด  เหมือนแมลงที่ติดกับอยู่บนใยแมงมุม


ร่างบางถอยกรูดไปชนกราบเรือ ทั้งหัวใจและร่างกายสั่นจนควบคุมไม่ได้  ไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่ต้องกลัสนั้น เป็นเพราะพลังอำนาจ  ความโหดร้าย  หรือเป็นเพราะสายตาของอีกฝ่ายที่มองเขาราวกับอยากจะกลืนกินกันแน่


"จะไม่พูดกับข้าสักคำหรือ? เจ้าสาวของข้า"


"ข้าไม่ใช่เจ้าสาวของท่าน!!"


เมื่อถูกเรียกว่าเจ้าสาว เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นก็แวบเข้ามาในความคิด ทำให้โกรธจนลืมความหวาดกลัวไปชั่วขณะ แต่เมื่อรู้สึกตัวร่างบางก็กลับไปนิ่งเงียบเหมือนเดิม


"เจ้าถูกส่งตัวออกจากเกาะ เพื่อมาเป็นเจ้าสาวของปีศาจผู้เป็นนายแห่งเรือสีดำมิใช่หรือ"


"แล้วเรือของท่านอยู่ที่ใดเล่า"


พูดออกไปแล้ว ร่างบางจึงรู้สึกตัวว่าไม่ควรถาม  เบื้องหน้าของเขา  ในราตรีมืดดำที่มองไม่เห็นเส้นแบ่งขอบฟ้าและทะเล  เรือลำหนึ่งปรากฏจากความมืดอย่างเงียบเชียบ  ดูลึกลับและทรงอำนาจเช่นเดียวกับนายของมัน


เคย์ตกตะลึงไปกับความสง่างามของเรือลำนั้น  แม้เห็นเพียงไกลๆในความมืด แต่เขาก็รู้ว่าขนาดของมันน่าจะใหญ่โตพอๆกับคฤหาสน์ของบิดา  มนุษย์ธรรมดาไม่มีกำลังพอจะสร้างมหานาวาลำนี้ได้แน่


"แม้ว่าท่านจะเป็นนายแห่งเรือลำนั้น แต่ข้าก็ไม่ได้เป็นเจ้าสาวของท่านอยู่ดี"


พอได้สบดวงตาคมที่มองมาอย่างผู้ชนะ ร่างบางก็ลืมความกลัวอีกหน เชิดหน้าใส่ปีศาจผู้ทรงอำนาจแต่กลับไม่ทำให้ร่างสูงโกรธเคืองสักนิด  นอกเสียจากจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยราวกับได้เจอสิ่งที่ถูกใจ


"เจ้าคิดหลบเลี่ยงข้า?"


"หาไม่!!  ตัวข้าถูกส่งมาเป็นเจ้าสาวก็จริงอยู่ แต่นั่นเพื่อต่อรองกับปีศาจที่รุกรานปล้นสะดมเรือวาณิชย์  บัดนี้ความจริงเปิดเผยแล้วว่าทั้งหมดเป็นการกระทำของผู้ใด เช่นนี้แล้วข้าและชาวเมืองทั้งหลายจึงไม่จำเป็นต้องต่อรองอันใดกับผู้ใดอีก-"


จู่ๆมือแข็งแรงก็ยื่นเข้ามาหา  เคย์สะดุ้งสุดตัว หลับตาแน่น แต่มือนั้นกลับเชยคางมนแผ่วเบาจนร่างบางแปลกใจ  และเมื่อลืมตาขึ้น ก็พบว่าตนเองอยู่ในมนต์สะกดของปีศาจรูปงามเสียแล้ว


ร่างบางใจเต้นระส่ำเมื่อใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ใกล้จนแทบจะใช้ลมหายใจเดียวกัน  ใบหน้าเรียวคมเข้ม ดวงตาเรียวสีน้ำตาลทองไหววูบดั่งเปลวไฟ  ริมฝีปากอิ่มหนาได้รูป  มนต์อันใดสรรสร้างรูปสลักที่สมบูรณ์และงดงามไร้ที่ติดังปีศาจตนนี้ได้  ร่างบางไม่อาจรู้  เวลานี้เขารู้แต่เพียงว่าตนเองตกอยู่ในมนต์สะกดจากสายตาคมและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของปีศาจเสียแล้ว


"ในเมื่อเจ้าไม่มีพันธะต่อผู้ใดอีก  เจ้าจะเป็นเจ้าสาวของข้าได้หรือไม่?"


คำถามนั้นเป็นดั่งมนตราทำให้ผู้ฟังตะลึงงันยิ่งกว่าเดิม เคย์ไม่แน่ใจในสิงที่ได้ยินจนต้องเอ่ยถามซ้ำ


"ท่านพูดว่าอะไรนะ"


เขาไม่ควรถาม.. เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เอ่ยถามออกไป ร่างบางไม่ได้คิดฝันมาก่อน  ว่าวันหนึ่ง...จะมีใครคนหนึ่ง  มาคุกเข่าลงต่อหน้า  กุมมือของเขาไว้ก่อนจะประทับจูบลงไปอย่างอ่อนโยน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์เช่นปีศาจตนนี้


"เจ้าจะยอมเป็นเจ้าสาวของข้าได้หรือไม่?"


เคย์หลับตาแน่น เฝ้าบอกตนเองว่าอย่าได้หลงไหลต่อสายตาที่มองมาราวกลับจะกลืนกิน  แต่สัมผัสที่ได้รับกลับแล่นปราดจากมือไปทั่วกายทำให้สองแก้มเนียนร้อนซู่ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้


"หากว่าข้าปฏิเสธเล่า"


"ทางเลือกของเจ้ามีเพียงสอง  ทางแรกคือเลือกข้า ...หรืออีกทาง ..คือเขา"


เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ!! ปีศาจก็เป็นปีศาจอยู่วันยังค่ำ รู้อยู่แก่ใจว่าเคย์ไม่มีวันเลือกทางที่สอง  คนอย่างอาซากะต่อให้ไม่ฆ่าปิดปากก็ต้องหาทางกักขังเคย์ไว้เพื่อไม่ให้ความลับของตนเปิดเผยแน่!!


แต่หากว่าเลือกทางแรก....


เล่ากันว่าผู้ที่เป็นเจ้าสาวของปีศาจ..จะได้พบแต่ความเจ็บปวด...ทุกข์ทรมานไปชั่วนิรันดร์


"ท่านต้องการข้าไปเป็นเจ้าสาวของท่านจริงหรือ?"


"แน่นอนอย่างที่สุด"


"ถ้าเช่นนั้น ท่านก็ต้องทำตามธรรมเนียมอย่างมนุษย์ข้าจึงจะรับปากท่าน"


"จงบอกเงื่อนไขของเจ้ามา"


ริมฝีปากบางขบเข้าหากันแน่น  อดนึกสงสัยไม่ได้ว่าปีศาจตนนี้ยังมีสติสัมปชัญญะดีอยู่ไหม เหตุใดจึงยังยิ้มอยู่ได้ทั้งๆที่มีเงื่อนไขต่อรองมากเช่นนี้


"ประการแรกจงเปิดเผยนามของท่านต่อข้า  ประการที่สอง  ประลองดาบกับข้าอย่างยุติธรรมเพื่อแสดงว่าท่านแข็งแกร่งกว่าข้า  ประการสุดท้ายหาสิ่งที่ข้าปรารถนาที่สุดมามอบให้ข้า  หากทำได้ข้าจะยอม-ยอมเป็นเจ้าสาวของท่านโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆอีก"


อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนช้าๆด้วยรอยยิ้มพอใจเช่นเคย ทำให้เคย์รู้ว่าต่อให้เขาสร้างเงื่อนไขอีกร้อยพัน ก็จะไม่มีทางหนีพ้นเงื้อมมือปีศาจตนนี้ไปได้


ไม่มีวัน.........




+++++++++++++++++++++++++++++++




"ช่างเจรจาต่อรองเก่งเสียจริง  ได้สิ! ข้าจะทำตามเงื่อนไขของเจ้า เพียงแต่-"


"ไม่!!!!!"  เสียงร้องด้วยความโกรธแค้นดังมาจากร่างที่แขวนอยู่สูงขึ้นไป  อาซากะกำลังดิ้นรนให้หลุดพ้นจากเชือกที่พันธนาการร่างตน ด้วยมีดสั้นที่เหน็บไว้ตรงเข็มขัด แต่ยิ่งตัดเชือกยิ่งพันเลื้อยรัดแน่นหนา  ระหว่างที่ตะเกียกตะกายให้หลุดจากเชือก หูก็ยังได้ยินเรื่องที่เคย์ได้สนทนาตกลงกับปีศาจ  เพลิงนรกแผดผลาญในอกจนแทบทนอยู่ไม่ได้เมื่อได้ยินว่าเคย์ยอมรับคำขอแต่งงานจากปีศาจตนนั้นอย่างง่ายดาย


"เจ้าปีศาจหน้าโง่!! เจ้าสาวตัวจริงไม่ได้อยู่ที่นี่!! เขาเพียงปลอมตัวมาเพื่อตบตสทุกคน ถ่วงเวลาให้เจ้าสาวตัวจริงหนีไป!!"


เมื่อเข้าตาจนคนเรามักเผยนิสัยแท้จริงของตัวเอง  อาซากะก็เช่นกัน  เมื่อไม่มีหนทางให้ได้เคย์มาเป็นของตนจึงตัดสินใจจะทำลายเสีย


เมื่อตนไม่ได้!!!  ก็ต้องไม่มีใครได้!!!  ต่อให้เคย์ต้องตายด้วยน้ำมือของปีศาจเขาก็ยินดี!!!


แต่เหตุการณ์มิได้เป็นไปดังคาด  ปีศาจตนนั้นมองอาซากะด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันไปมองเคย์ที่ตอนนี้มีสีหน้าหวาดหวั่น  ด้วยห่วงความปลอดภัยของพี่สาวและพี่ชาย


"แต่ข้าพอใจเจ้าสาวคนนี้มากกว่า"


ความกังวลถูกปลดเปลื้องออกไปจากหัวใจในที่สุด  ต่อจากวันนี้แม้จะต้องเจอกับความเจ็บปวดโหดร้ายเพียงใด เคย์จะยอมรับมันด้วยความยินดี


"ดูเหมือนเพื่อนของเจ้าจะไม่ยอมรับการแต่งงานของเรา"


"เขาไม่ใช่เพื่อนของข้า  และข้าได้พูดไปแล้วว่าจะไม่ยอมแต่งงานจนกว่าท่านจะทำตามเงื่อนไขได้ครบทั้งสามข้อ"


"นั่นไม่ใช่ปัญหา  เพียงแต่ข้าจะทำตามเงื่อนไขข้อสุดท้ายเสียก่อน"


"ท่านรู้หรือว่าเวลานี้ข้าปรารถนาสิ่งใด?"


ร่างบางเอ่ยถามอย่างนึกแคลงใจ จริงอยู่ว่าปีศาจนั้นมีอำนาจบันดาลได้ทุกสิ่ง แต่สิ่งที่เคย์ต้องการ  หาใช่อำนาจและทรัพย์สินใดๆ


เสียงแปลกประหลาดแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง  เมื่อนิ่งฟังจึงรู้ว่าเสียงนั้นมาจากด้านในของเรือ มันค่อยๆดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  ราวกับอะไรบางอย่างกำลังทลายลง


พื้นเรือลั่นเปรี๊ยะราวกับแผ่นไม้กำลังจะแยกจากกัน ร่างบางยึดกราบเรือเอาไว้แน่นเมื่อเรือเริ่มโคลงและสั่นอย่างรุนแรง แต่แล้วกราบเรือกลับหลุดร่วงเป็นชิ้นๆลงสู่ผืนน้ำดำมืดเบื้องล่าง เคย์เกือบร่วงตกจากเรือหากไม่มีอ้อมแขนแกร่งโอบประคองเอาไว้


"เรือลำนี้กำลังจะจมในไม่ช้า  เราต้องกลับไปที่เรือของข้า"


"ไปได้อย่างไรกัน"


ร่างบางถามอย่างหวาดหวั่น แต่ปีกสีดำที่ปรากฏอยู่ขึ้นแผ่นหลังกว้างของปีศาจนั้นคือคำตอบ  เมื่อมองใกล้ๆปีกนี้ไม่ต่างจากปีกของนก ขนสีดำขลับเรียงซ้อนกันเป็นแนวไม่ผิดเพี้ยน ความงดงามของมันทำให้เคย์รู้สึกอิจฉาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้  เมื่อยังเล็ก...ยามที่เบื่อหน่ายกับคำสั่งของบิดา เขาเคยอยากได้ปีกสักคู่หนึ่งเพื่อจะได้บินหนีไปให้ไกลๆ


 ขยับปีกเพียงนิด แรงลมก็นำทั้งสองลอยขึ้นเหนือพื้น  ปลายเท้าที่ไม่ได้สัมผัสสิ่งใดทำให้เคย์เผลอกอดร่างหนาอย่างตกใจจนกระทั่งมายืนอยู่บนเสาเรือ ที่มีอาซากะถูกมัดอยู่และกำลังกรีดร้องด้วยความโกรธแค้นสุดขีด


"เจ้า!!! เจ้าถือสิทธิ์อันใดมาทำลายเรือของข้า!!!"


"คงไม่ใช่สิทธิอย่างเดียวกับที่เจ้าทำลายชีวิตคนอื่นเป็นแน่ และเรือลำนี้ไม่ใช่ของเจ้า" 


ปีศาจตอบกลับอย่างใจเย็น  ระหว่างนั้นชิ้นส่วนของเรือที่เคยยึดกันไว้อย่างแน่นหนาเริ่มหลุดออกช้าๆ และจมหายลงไปในความมืด   และเหนือซากหักพังที่กำลังจะจมนั้น  มีร่างหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่  นางแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีดำเก่าสกปรก เดินอยู่เหนือฟองคลื่นที่กำลังสูงขึ้นทุกที


"เทพีแห่งเรือ นายที่แท้จริงแห่งเรือนี้  นางไม่พอใจที่เจ้าใช้เรือลำนี้ทำลายล้างชีวิตของผู้คน ข้าจึงมอบพลังแก่นางเพื่อให้ทำลายเรือและจมมันลงสู่พื้นทะเล"


เวลานี้น้ำทะเลทะลักเข้าสู่ท้องเรือ และเอ่อล้นขึ้นมาถึงดาดฟ้าเรือแล้ว  เสาเรือโอนเอนไปตามแรงคลื่นซัด ก่อนจะล้มลงบนผืนน้ำทีละต้น  พวกลูกเรือที่ถูกแขวนอยู่กับเชือกและใบเรือกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต บ้างตะเกียกตะกายหนีตายว่ายน้ำไปเกาะเรือบดลำเล็กที่ยังลอยไม่ห่างกัน 


แต่โชคร้าย... เรือนั้นคือเรือที่เคย์นั่งมาในตอนแรก และหัวเรือถูกเชื่อมโยงกับเรือใหญ่ด้วยโซ่เก่าๆสนิมเขรอะ  เล่ห์กลเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เรือเล็กแล่นไปโดยไม่มีฝีพาย  ไม่นานเรือลำเล็กก็ถูกลากให้จมดิ่งลงไปในกระเสน้ำ


อาซากะได้แต่กรีดร้องอย่างคนบ้า  เขาไม่อาจทนเห็นความพินาศย่อยยับของตนเองได้  ทั้งลูกเรือและทรัพย์สมบัติที่ปล้นชิงมาได้ จมหายไปหมดสิ้น  แม้แต่ชีวิตของตนก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้


เคย์หลังตาลง  ไม่อาจทนเห็นภาพเหล่านั้นได้อีกต่อไป  ใช่เพราะสงสาร  คนเหล่านั้นสมควรได้รับผลกรรมที่ก่อไว้  เพียงแต่...  เขาอาจจะเป็นคนดีเกินไป  ที่ไม่อยากให้พวกเขาต้องตาย


ราวกับรู้ใจ  เคย์รู้สึกได้ถึงแรงขยับเบาๆของปีกคู่ใหญ่  ร่างของเขาลอยสูงจนไม่ได้ยินเสียงใด  สายลมเย็นยะเยือกปะทะร่างจนหนาวสั่น  เขารู้ว่าผู้เป็นเจ้าของปีกสีดำคู่นั้น จะพาเขาไปยังที่ใด



เรือสีดำ....



+++++++++++++++++++++++++++++++

7 comments:

  1. KwangCecilia23/07/2012, 00:53

    ในที่สุดพระเอกก็ออกมาแล้วว แต่ยังไม่ได้พบกับนางเอกซึ่งๆหน้า แล้วเมื่อไหร่จะพบกันล่ะ คนอ่านรอใจจะขาดแล้วว 555 ดูเคย์เศร้าๆอ่ะ สงสารอยากไปปลอบ แล้วแบบลุ้นอ่ะ เคย์ไม่น่าตื่นก่อนเลย อยากดูความฝันของเคย์ต่อ ตื่นเต้นชะมัด อยากรู้ว่าครั้งแรกที่สองคนนี้พบกันเรื่องราวจะเป็นแบบไหน อ้ากกกกกก
    ยาบุก็ทำเท่ห์อีกแล้วตามตัวน้องกลับบ้านได้จนฮิคหมั่นไส้ 5555 จีบกันสักทีสิ ไอ้เราก็ลุ้นตัวบิด 555
    โคไดก็แอบน่าสงสารนะ รักเคย์ข้างเดียว แต่ก็นะนายไม่ใช่พระเอกนี่หว่า ยังไงก็ระวังถูกตามฆ่านะ ทาคาคิดูหึงโหดซะด้วย เหอๆ มารอตอนที่เหลือนะจ๊ะนิ้ง ขอบคุณมาก ที่ทำให้ขาดใจเบาๆ 5555

    ReplyDelete
  2. เนื้อเรื่องตัดสลับความเป็นจาิงกับความฝันให้อน้องงงเล่นอีกละ แต่เจ้าของเรือปิศาจนี่ขี้หึงจริงๆ หุๆ
    ผ่านมาตั้งกี่แสนปีแล้ว รีบๆให้เคย์เห็นหน้าได้ละ จกปกปิดอะไรกัน!!! หรือพุงยื่นเลยอาย??
    เม้นได้แล้ว กิ๊บกิ้ววววว

    ReplyDelete
  3. รออีก 50% อย่างใจจดใจจ่อ *_*

    ReplyDelete
  4. 50% หลัง...

    ˋε ˊ☆ อะไรก๊านนนนนนนน ปิศาจตนนี้ช่างใจง่าย เห็นหน้านางก็อยากได้เป็นเจ้าสาวซะแล้ว ใจง่ายสุดๆ ใจง่ายมากมาย
    ยังนึกไม่ออกเลยว่าปิศาจจะทำให้เคย์รักได้ยังไง ╮(╯_╰)╭ เอาง่ายๆ ปิศาจมีเมียอยู่แล้วตั้ง 3 คนนะคะ *โดนคุณนายสองตบ*
    แหมะ!! ทุกคนในชาติภพก่อนอวตารลงมาชาติภพนี้หมดเลยนี่  ̄ε  ̄ (อิน้องเพิ่งอ่านสาปพระเพ็งจบ)

    ReplyDelete
  5. KwangCecilia30/08/2012, 08:49

    50% หลัง
    แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย คุณปีศาจมีปีก *กอด* ลืมตัว 5555
    มาถึงก็ทำเท่ แถมมาประกาศบอกเป็นเจ้าของเคย์ ต๊ายยยยยยยยยยย ถูกใจล่ะสิ หรือเล็งมานานแล้ว
    แล้วดูนั่นอุ้มเคย์ไปเรือนหอ เอ้ย เรือสีดำทันที กลัวหายรึไง!!!!
    เคย์จะรักปีศาจรูปหล่อตนนี้ได้ยังไงนะ อยากรู้!! แล้วปีศาจตนนี้จะทำยังไงให้เคย์รักได้ เอาความหล่อข่มเหรอ 55555 ไม่ใช่แหละ ตื่นเต้นอ่ะ จะกรี๊ดดดดดดดดดดดด

    ReplyDelete
  6. มาอ่านทีเดียว แฮร่...

    อ่านแล้วมึนๆนิดๆ ต้องรื้อฟื้นความหลัง ...เหะๆ

    โอ้ยตายละ เปิดตัวมาอย่างพระเอกหนังน่ะคุณปีศาจ โผล่มาช่วยเจ้าสาวตัวเองได้ทันท่วงที
    ฉากที่เรือจมนี่ในหัวนึกไปถึงไททานิกนู่นแน่ะ แต่เรืออาซากะนี่คนละเรื่องเลย ฮ่าๆ
    แล้วจะรักกันยังไงล่ะนี่ แต่คุณปีศาจหล่อนี่เนอะ เดี๋ยวก็หลงรักเอง
    แต่ที่แน่ๆ ..เค้าเบลอ แยกแยะไม่ได้ว่าตกลงว่าที่เจอกัน เป็นแค่ในความฝันหรือเป็นความจริงแล้วอ่ะ ฮ่าๆ

    ReplyDelete
  7. คุณปีศาจอย่างเท่อะ

    อาซากะเล๊วเลว เลวจนไม่น่าสงสารเลย เลวจริงจัง

    เคย์..เมื่อไหร่จะจำคุณปืศาจได้เสียที พี่แกจะได้โผล่โฉมออกมาให้เห็นตัวเป็นๆในชาติปัจจุบันเสียที
    (in USA อินเตอร์อะ)

    แล้วชาติก่อนรักกันได้ยังไง
    อยากอ่านตอนต่อไปมากๆ *-*

    ReplyDelete