Saturday 20 August 2011

[ Fiction ] ด้วยแรงอธิษฐาน~ [ บทนำ ]

ชื่อเรื่อง -:- ด้วยแรงอธิษฐาน~ [ บทนำ ]

ผู้แต่ง -:- นาฬิกาแก้ว [ Nalikakeaw ]

คำนำเรื่อง -:- ฟิคเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังแนวแฟนตาซีหลายๆเรื่อง เพราะงั้นถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าเจออะไรคุ้นๆล่ะก็ อย่าแปลกใจค่ะ เพราอย่างน้อยเรือไข่มุกดำแห่งท้องทะเลย่อมจะมาจากหนังเรื่องที่มีป๋าเด็ปป์เป็นโจรสลัดสุดฮาแน่นอน
ส่วนชื่อเรื่อง ขอบอกว่าได้มาจากบทเพลงของพี่แหม่ม พัชริดา จำได้ว่าเป็นเพลงประกอบละครเมื่อนานมาแล้ว โดยส่วนตัวชอบเสียงพี่แหม่มมาก และเนื้อเพลงก็เข้ากับพล็อตพอดี ก็เลยเอามาเป็นชื่อเรื่องมันซะดื้อๆนี่แหละ
ใครอยากฟังไปเสิร์ชหากันเอาเองคะ








ค่ำคืนอันมืดมิดเดียวดาย  ในสายลมและท้องทะเลอันเงียบสงัด เรือเล็กลำหนึ่งวิ่งตัดเกลียวคลื่นมุ่งหน้ากลับเข้าสู่ฝั่ง ผู้โดยสารบนเรือนั้นเป็นชายหนุ่มผู้มาจากตระกูลอันมั่งคั่ง มีเวลาว่างมากมายที่จะหาความสำราญ วันนี้ทั้งสามคนเลือกมาล่องเรือกลางทะเล ออกเรือจากเกาะส่วนตัวในยามสาย ขนอุปกรณ์ตกปลามามากมายแต่ไม่ได้อะไรติดมือกลับบ้าน นอกจากเรื่องราวน่าตื่นเต้นที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพื่อว่าจะเอาไปเล่าให้สาวคนไหนซักคนที่จะได้เจอในงานเลี้ยงครั้งหน้า  สนุกสนานเสียจนลืมเวลา  เมื่อรู้สึกตัวว่าควรจะหันหัวเรือเข้าหาฝั่ง ดวงตะวันก็ลับหายไปจากเส้นขอบฟ้าเสียแล้ว

"ไม่เป็นไรหรอกน่า ทะเลแถวนี้ไม่มีอะไรอันตรายหรอก"

ชายหนุ่มผู้รับหน้าที่เป็นคนขับเรือบอกให้เพื่อนสบายใจ แม้ว่าในใจจะเริ่มหวั่นกับแผ่นฟ้าและผืนน้ำสีดำสนิทที่ล้อมรอบตัว

"มืดเป็นบ้า แน่ใจนะว่ากลับถูกน่ะ"

"แน่สิ"

อีกสองคนมองฝ่าความมืดไป หวังในใจว่าจะได้เห็นแสงสว่างจากฝั่งหรือเกาะไหนสักแห่งใกล้ๆให้ใจชื้น แต่แล้วอากาศรอบตัวกลับเย็นลงกะทันหัน

"บ้าชะมัด ดันมีหมอกซะอีก เวรเอ๊ย!!!"

บ่นออกมาอย่างหัวเสีย ขณะที่เรือแล่นเข้าไปในหมอก พยายามบังคับเรือให้แล่นไปตามเส้นทางที่ถูกต้อง จากจุดนี้หากไปตามทิศตะวันออกเรื่อยๆก็จะเจอฝั่ง  หากแต่เมื่อลดสายตาจากเบื้องหน้าลงดูเข็มทิศ กลับพบว่ามันใช้ไม่ได้ ปลายเข็มชี้ไปทิศใต้แทนที่จะเป็นทิศเหนือกระตุกสั่นแต่ไม่ยอมขยับ ราวกับว่าแม้แต่ตัวมันเองก็สับสนและอับจนหนทางเช่นกัน

"เฮ้!! มีเกาะอยู่ข้างหน้าน่ะ ไปแวะที่นั่นกันก่อนไหม"

"ก็ดีเหมือนกัน"

แต่ก่อนที่คนขับจะได้หันหัวเรือเข้าฝั่ง ชายหนุ่มคนที่สามก็ร้องห้าม

"ไม่ได้!! พวกนายเข้าไปไม่ได้!! นั่นมันเกาะต้องสาป"

"ห๊ะ!! สมัยนี้ยังมีเกาะแบบนั้นอยู่อีกเหรอ ฉันนึกว่าพวกมหาเศรษฐีหรือบริษัทค้าที่ดินมากว้านซื้อเกาะแถวนี้ไปแล้วซะอีก"

อีกสองคนหัวเราะออกมา สีหน้าบ่งบอกว่าไม่เชื่อถือซักนิดเดียว

"มีซิ เกาะนั้นน่ะ ว่ากันว่าเป็นมรดกของตระกูลมหาเศรษฐีที่มีข่าวว่าแย่งมรดกยิงกันตายเมื่อสิบปีก่อนไงล่ะ"

"อ๋อ ฉันจำได้ เจ้าพวกที่รวยเสียเปล่า แต่หยิ่ง ไร้สมอง  วันๆไม่ทำอะไรนอกจากผลาญสมบัติเก่ามาใช้ พอมันเริ่มร่อยหรอก็เลยฆ่ากันเองเพื่อลดจำนวนคนหารใช่มั๊ย ก็สมควรแล้วนี่ แต่ที่จริงสมควรเรียกว่าตระกูลต้องสาปมากกว่านะ ฮ่าๆๆๆ"

"นั่นแหละ แล้วก็ยังเป็นพวกสารเลวใช้อำนาจเงินรังแกคนไม่มีทางสู้ด้วย ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะละแวกนี้น่ะเกลียดพวกคนตระกูลนี้เข้าไส้ เห็นว่าฆ่ากันตายชิงสมบัติกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด แต่น่าแปลกที่อยู่ดีๆที่คนพวกนั้นก็ร่ำรวยขึ้นมา เสวยสุขกันอยู่ช่วงหนึ่งก็ฆ่ากันตายจนหมดตระกูล ชาวบ้านร่ำลือกันว่าทั้งหมดเป็นเพราะคำสาป"

"แล้วใครสาป ปีศาจงั้นเหรอ งี่เง่าน่า นายจะให้พวกเราลอยอยู่ในหมอกกลางทะเลอย่างนี้ทั้งคืนหรือไง"

ว่าพลางหันหัวเรือเข้าหาฝั่ง แต่ไปได้ไม่เท่าไหร่ท้องเรือก็ครูดกับหินที่อยู่ใต้น้ำ ทั้งคนขับเรือและผู้โดยสารร้องกันเสียงหลง

"หินบ้ามาอยู่อะไรตรงนี้ แล้วแบบนี้จะเข้าฝั่งกันได้ยังไง"

"ไม่ได้หรอก นายเชื่อฉันดีกว่า เกาะนี้ไม่เหมือนเกาะอื่นๆที่เราเคยไปมาหรอกนะ รอบๆเกาะมีแต่หินโสโครกเต็มไปหมด ถ้าไม่รู้จักทางจริงๆจะชนกับหินเอาง่ายๆ บนหาดไม่มีทราย มีแต่หินกรวดสีดำที่คมเหมือนใบมีด บนเกาะก็แล้งแทบหาน้ำไม่ได้ และถึงจะไปถึงฝั่งได้ก็ไม่มีประโยชน์"

"ทำไม?"

"เพราะเจ้าของเกาะคนล่าสุดเพิ่งฆ่าตัวตาย หรืออาจถูกฆ่าตายไปเมื่อสามวันก่อนน่ะสิ เกาะนั้นไม่มีใครอยู่แล้ว"

ทั้งสามคนเงียบไป และหลังจากจากนั้นคนขับก็หันหัวเรือเพื่อมุ่งสู่ทะเลอีกครั้งโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรกันอีกเลย





+++++++++++++++++++++++++++++++++







อย่าไป..

อย่าเพิ่งไปนะ...

ผมอยู่ที่นี่...

ช่วยผมด้วย...



เสียงเล็กๆนั้นไม่อาจไปถึงคนบนเรือที่กำลังไกลออกไป...

ขาคู่เล็กๆไม่อาจพาตัวเองไปให้ถึงเรือลำนั้นได้ ฝาเท้าเปล่าเปลือยเต็มไปด้วยรอยแผลมากมาย

ร่างน้อยๆล้มลงบนพื้น กรวดสีดำบาดลึกสร้างรอยแผล หยดเลือดไหลรินลงบนหาด ความเจ็บปวดที่เกิดกับร่างกายไม่เทียมเท่ากับความจริงที่ได้รับรู้ว่า "ความเดียวดาย" เป็นเช่นไร

ไปกันหมดแล้ว...

เขาไม่เหลือใครแล้ว...

เสียงสะอื้นดังก้องไปในทะเลเบื้องหน้า  น้ำตาร่วงลงบนแขน เด็กน้อยกอดเข่าซบหน้าร้องไห้  สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ

คุณพ่อ...คุณแม่.. มาพาผมไปอยู่ด้วย..



เสียงฝีเท้าย่ำบนกรวดดังใกล้เข้ามา มืออุ่นแตะลงบนต้นแขนเล็กๆ เด็กน้อยถูกเชยคางให้เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือน ที่แม้แต่ตัวเองก็จำไม่ได้ว่าเคยรู้จัก

"เด็กน้อย เจ้าร้องไห้ทำไม?"

น้ำเสียงนุ่มนวลนั้นเด็กน้อยคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยิน แต่ก็ไม่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้านี้ซ่อนอยู่ตรงไหนในความทรงจำ

ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสีดำ ก้มลงช้อนร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน ปลายนิ้วอุ่นเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ

"ไปทำแผลกัน"

เด็กน้อยส่ายหน้า

"ที่บ้านไม่มีอะไรแล้ว ทุกคนขนของออกไปหมดเลย"

เมื่อสิ้นเจ้าของเกาะ บรรดาญาติพี่น้องทั้งที่ร่วมสายเลือดและไม่ใช่ รวมทั้งคนที่อาศัยบนเกาะนี้ก็ย้ายออกไปจนหมด ทรัพย์สมบัติ ของมีค่าใดที่พอจะเอาออกไปได้ก็ขนใส่เรือ ทิ้งเด็กน้อยผู้เป็นทายาทที่แท้จริงไว้อย่างใจจืดใจดำ

ชายหนุ่มจูบแก้มเด็กน้อยเบาๆ ปลอบโยนซับน้ำตาให้แห้งหาย ยิ้มให้ร่างน้อยในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน

"ไม่ใช่บ้านเจ้า แต่เป็นเรือ...ของข้า"

ในทันใดนั้น ม่านหมอกขาวเลือนหาย เรือสีดำแล่นเข้ามาเทียบท่าจนถึงหาดที่ทั้งสองอยู่โดยไม่ชนกับอะไรเลยสักนิดเดียว เด็กน้อยลืมความเสียใจไปชั่วขณะ ทำตาโตมองลำเรือที่ยิ่งเข้ามาใกล้ยิ่งเห็นว่ามันใหญ่แค่ไหน เรือทั้งลำเป็นสีดำสนิทราวกับถูกทาด้วยสีแห่งความมืดมิดของราตรี

"คุณมาถ่ายหนังแถวนี้เหรอฮะ"

เพราะเคยเห็นเรือแบบนี้จากในภาพยนต์หรือสารคดี เรือที่กางใบแล่นด้วยแรงลมแทนที่จะเป็นเครื่องยนต์  มันจอดนิ่งสงบอยู่ตรงชายหาด  กลืนไปกับความมืดของท้องทะเลเบื้องหลัง สูงสง่าจนต้องแหงนคอขึ้นมอง

"สูงจัง คุณจะขึ้นไปยังไงฮะ"

ชายหนุ่มยิ้มให้กับความช่างถาม แต่ไม่ได้เอ่ยตอบ และเมื่อเด็กน้อยเพียงกระพริบตาทั้งสองคนก็ขึ้นมาอยู่บนเรือเรียบร้อยแล้ว







+++++++++++++++++++++++++++++++++




เด็กน้อยถูกจับอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ถึงแม้ว่าตอนที่อาบจะต้องเสียน้ำตาเพราะแสบแผล แต่อ้อมแขนอุ่นที่โอบร่างน้อยไว้ก็ทำให้ความเจ็บปวดค่อยคลาย ดวงตาใสๆจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลา คนแปลกหน้า..ที่ไม่น่ากลัวซักนิด  ผิดกับผู้คนที่เคยอาศัยอยู่ร่วมชายคา สายตาที่มองมาเป็นดั่งสายตาของนักล่า ทำให้เด็กน้อยอกสั่นขวัญผวาอยู่ทุกคืน รอยยิ้ม คำพูดเอาอกเอาใจ กลับทำให้กลัวจนไม่อยากเข้าใกล้

แต่คนๆนี้..

"คุณเป็นใครฮะ"

"เจ้ากลัวข้าหรือ?"

เด็กน้อยส่ายหน้าหวือแทนคำตอบ เอียงหัวจ้องมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาใสไร้เดียงสาเหมือนนกน้อยๆขี้สงสัย แต่แล้วท้องเจ้ากรรมก็ส่งเสียงโครกครากขึ้นมาแบบไม่ไว้หน้าเจ้าของ ชายหนุ่มในชุดดำแย้มริมฝีปากหัวเราะน้อยๆ และเพียงดีดนิ้วครั้งเดียวโต๊ะไม้กลมสีน้ำตาลก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า บนโต๊ะเต็มไปดวยอาหารนานาชนิด และเมื่อได้รับอนุญาตเด็กน้อยก็ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลคว้าถ้วยข้าวมาเป็นอย่างแรก แต่ก่อนที่จะคีบข้าวเข้าปากก็ยังหันมาชวนร่างสูงที่ยังนั่งเหยียดขาอยู่บนเก้าอี้ยาวตรงมุมห้อง

"ข้าไม่หิว เจ้ากินเถอะ"

เด็กก็คือเด็ก เมื่อท้องอิ่ม อุ่นสบาย ก็กลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง ยิ่งบนเรือนี้มีอะไรแปลกๆมากมายยิ่งทำเด็กน้อยถามไม่หยุด ลืมความเจ็บปวดจากการสูญเสียครอบครัวไปได้ชั่วขณะ

ชายหนุ่มในชุดดำจ้องมองทุกอิริยาบทของเด็กน้อยบนตัก เมื่อเด็กน้อยถามอะไรมาก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง จนกระทั่งไม่มีคำถามอีกต่อไป

"ถึงเวลานอนแล้ว"

เด็กน้อยซบหน้าลงกับแผงอกชายหนุ่มอย่างว่าง่าย ไม่ได้เอะใจว่าทำไมพอถูกบอกให้ไปนอน ตามันก็จะปิดขึ้นมาซะเฉยๆ รับรู้แต่เพียงว่าอ้อมแขนที่โอบรอบตัวนี้ ช่างอบอุ่น ปลอดภัยเหลือเกิน

"หลับเถิด แล้วพรุ่งนี้..จะมีคนมารับเจ้า"

เปลือกตาที่กำลังจะปิด กระพริบเปิดขึ้นมาทันที หยาดน้ำใสคลอขึ้นมา เงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างผิดหวัง หัวใจบีบรัดขึ้นด้วยสาเหตุที่เด็กน้อยไม่อาจเข้าใจ

ถูกทิ้งอีกแล้ว...

"ผมอยู่กับคุณไม่ได้เหรอฮะ"

ถามปนเสียงสะอื้นแสนน่าสงสาร เขาไม่อยากไป .. ไม่อยากจากอ้อมแขนนี้  คนคนนี้... คนที่เด็กน้อยเพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงวัน  แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าผูกพันกันมานานแสนนาน...

"ยังไม่ถึงเวลา"

"แล้วเมื่อไหร่"

เด็กน้อยเริ่มงอแงร้องไห้ ยึดแขนแกร่งที่โอบกายไว้แน่น ดื้อรั้นไม่ยอมนอนจนกว่าจะได้คำตอบ

"อยากอยู่กับข้าหรือ"

พยักหน้าแรงๆหลายทีจนหยดน้ำตาหล่นลงเหมือนเม็ดฝน จ้องมองเข้าไปในดวงดาสีน้ำผึ้งอย่างแน่วแน่

"ถ้าเช่นนั้น..เจ้าจงอธิษฐานต่อดวงดาวเพื่อให้ได้พบกับข้าอีกครั้ง หากว่าเจ้าตั้งใจอย่างแน่วแน่ เมื่อถึงเวลา ข้า..จะกลับมารับเจ้า"

"จริงๆนะ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ"

นิ้วก้อยเล็กๆยกขึ้นเกี่ยวนิ้วก้อยของอีกฝ่ายไว้เป็นสัญญา  ไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งเด็กน้อยทนความง่วงไม่ไหวหลับไป  นิ้วก้อยก็ยังเกี่ยวเอาไว้แน่น  ชายหนุ่มยกมือข้างนั้นขึ้นจูบเบาๆกระชับอ้อมกอดมอบความอบอุ่นก่อนลาจากกันในคืนนี้

...จนกว่าจะถึงเวลานั้น  จงเข้มแข็งและรอคอยข้า  ดังเช่นที่ข้ารอเจ้ามาจนถึงวันนี้..






+++++++++++++++++++++++++++++++++

5 comments:

  1. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

    มาแบบปริศนา แล้วก็ไปแบบปริศนา

    แล้วคนอ่านก็เป็นปริศนา 555555+

    มันแฟนตาซีมากค่ะ แต่ มันจบแค่นี้จริงๆ เหรอ = =

    ReplyDelete
  2. กี๊สสสสสสสสสสส อ่านไปลุ้นไป
    ตอนแรกก็งงว่าคู่ไหน เจอตรงแทก รู้และ 555555

    รอคอยตอนต่อไปนะก๊ะ

    ReplyDelete
  3. โฮกด้วยชื่อเรื่อง และโฮกด้วยค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ค้างมากกกกกกกกกก คุณปี้เจ็บแค้นอะไรน้องไม่รู้ แต่ปล่อยให้ค้างแม่มทุกเรื่องเลยเถอะ กรี๊ดดดดดดดดดดด จะเอาชี่น้อยกับน้องริวด้วยๆๆๆๆ จาเอาๆ

    ReplyDelete
  4. อ่านจนจบแล้วยังไม่โผล่แม้แต่ชื่อตัวละคร555+
    ... ค้างจริงอะไรจริง ...

    เดี๋ยวจะอธิษฐานช่วย อยากอ่านต่อเร็วๆแย้ววว 55+

    ReplyDelete
  5. อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ค้างอ่ะ อยากอ่านต่อ ใคร อะไร ยังไง อยากรู้ น้องอธิษฐานเร็วๆนะคะ พี่อยากอ่านอีก
    ขอมีโอคาได กับริวชี่ด้วยได้ไหมอ่ะ พลีสๆๆๆ

    ReplyDelete