Sunday 22 January 2012

[SF]✪~Rabbit on the Moon ~✪ [Children part]


Tiltle : Rabbit on the Moon [ Children Part ]



Writer : Nalikakeaw



Pairing : Yama x Yuma




       
                ฟิคกระต่ายแบ๊วกับแมวอ้วนค่ะ  ใครงงว่าแมวมีลูกเป็นกระต่ายได้ยังไงตามไปอ่านพาร์ทของป๊ะป๋าได้ตามลิงค์ข้างล่างค่า












เช้าแล้วเหรอ?


ผมบิดตัวไปมาอยู่บนที่นอน หันหลังให้กับแสงแดดที่กำลังแผดจ้าขึ้นทุกวินาที ไม่ชอบแสงแดดเลยครับ เพราะมันรบกวนการนอนอันแสนสุขของผม


"ไอ้อ้วน! ตื่นได้แล้ว นอนกินบ้านกินเมือง!"


โธ่..ป๋า! ทำไมปลุกลูกรักโดยการเอาเท้าเขี่ยแบบนี้ล่ะ  แบบนี้ไม่อยากตื่นก็จำเป็นต้องตื่นล่ะครับ ไม่งั้นอดกินข้าวเช้าแน่ๆ


"อย่าไปแกล้งลูกสิ"


เสียงดุๆปรามมาจากห้องครัวพร้อมกับกลิ่นหอมๆที่ลอยมาเตะจมูก ผมสูดหายใจฟุดฟิด เดินงัวเงียตามหลังป๋าเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะชนกับอะไรสักอย่างดังโป๊ก!


"ซี่อบื้อจริงๆ"


ป๋าบ่นพร้อมๆกับอุ้มตัวผมขึ้นวางบนตัก ลูบหัวผมเบาๆ ปล่อยให้ผมยีดตัวเกาะโต๊ะมองจานอาหารเช้าที่ทยอยนำมาวางบนโต๊ะ  เช้านี้มีขนมปังปิ้ง ไข่ดาว แฮมกับไส้กรอก แล้วก็สลัด


ผักเขียวๆแล้วก็ขนมปังน่ะ ไม่ได้อยู่ในสายตาผมหรอกครับ ส่วนไข่ดาวที่ทอดมาแบบสุกๆดิบๆนั่นผมก็ไม่ชอบ ผมชอบกินอาหารจำพวกเนื้อมากกว่า ยิ่งเป็นแฮมชิ้นโตๆรมควันละก็ ของโปรดเลยล่ะ...


"อยากกินล่ะสิ"


ป๋ารู้ใจผมเสมอเลยครับ ไม่รอคำตอบ ป๋าก็หยิบแฮมจากจานของตัวเองใส่จานเล็กๆมาวางไว้ตรงหน้าผม ที่ได้แต่จดๆจ้องๆยังกินไม่ได้เพราะมันร้อน


"ตามใจลูกอีกแล้ว ให้กินแบบนั้นเดี๋ยวก็อ้วนหรอก"


เสียงบ่นจากคนที่เพิ่งถอดผ้ากันเปื้อนเดินออกจากครัวมานั่งฝั่งตรงข้ามกับป๋า แต่สายตาที่มองมาทางผมนั้นอ่อนโยนใจดีที่สุด มี๊ก็เหมือนกับป๋าแหละครับ ถึงจะบ่นจะว่ายังไง สุดท้ายก็ยอมตามใจผมอยู่ดี


"ไม่ต้องห่วงหรอกสึบาสะ ยามะอ้วนอยู่แล้ว อ้วนเพิ่มอีกนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกเนอะ"


เมี๊ยว~


คำชมของป๋ากับเสียงตอบรับจากผม เรียกเสียงหัวเราะยามเช้าให้บรรยากาศสดใสยิ่งกว่าเดิม ครอบครัวเราเป็นแบบนี้เสมอละครับ บ้านเรามีกันอยู่ห้าชีวิต มีป๋ากี้ มี๊สึ ผม แล้วก็น้องๆอีกสองหน่อ ที่ตอนนี้กำลังขบหัวกันเพราะแย่งมะเขือเทศจากมือมี๊


"ชี่น้อย แฮมทาโร่ อย่าทะเลาะกันสิลูก"


มี๊สึปรามเบาๆ พยายามดันหัวทั้งสองตัวออกจากกัน แต่มีหรือที่กระรอกน้อยกับเจ้าหนูแฮมสเตอร์จะยอมฟัง เรื่องกินนี่ไม่มีใครยอมใครหรอกครับ


เหตุผลอีกอย่างทีน้องๆชอบทะเลาะกันบนโต๊ะอาหาร ก็เพราะมี๊แหละครับ ที่ใจดีเกินไป สองตัวนั่นขออะไร อยากกินอะไรก็ยกให้หมด ก็เลยเคยตัว เดี๋ยวนี้พอจะให้อาหารแต่ละทีก็เลยต้องแบ่งให้เท่ากันแบบเป๊ะๆ ไม่ขาดไม่เกิน แต่ก็ใช่ว่าเรื่องจะจบนะครับ ยังมีศึกบนโต๊ะอาหารอยู่ทุกมื้อ อย่างเช้านี้ จานอาหารของตัวเองมีก็ไม่แตะครับ มาขอมะเขือเทศที่มี๊กำลังจะจิ้มเข้าปาก เหมือนจะแข่งกันว่ามี๊จะให้ใคร จะรักใครมากกว่ากัน


และผู้ที่คอยห้ามศึกทุกเช้า ก็ไม่พ้นป๋ากี้ของผม ด้วยความรวดเร็ว ป๋าคว้าส้อมจากมือมี๊ จิ้มมะเขือเทศเข้าปากตัวเองแบบหน้าตาเฉย กระรอกกับแฮมสเตอร์เลยอ้าปากค้าง จากนั้นก็ชุลมุนวิ่งหลบมือป๋าที่เอื้อมมือข้ามโตะมาหมายจะคว้าให้ได้ซักตัว งานนี้ใครเร็วคนนั้นรอดครับ เพราะป๋าแกไม่ได้เจาะจงจะคว้าใครเป็นพิเศษ


วันนี้กระรอกน้อยวิ่งไม่ทัน ป๋าเลยคว้าหางเอาไว้ได้ ก่อนจะจับโยนมาทางผม ที่ตั้งท่ารอตะครุบอยู่แล้ว


"อ๊ากกกกกก!!!!! ม่ายยยยยยยยยย!!!!!!! ยามะใจร้าย!!!! ป๋าใจร้าย!!!! ปล่อยเค้านะไอ้อ้วน"


ปากอย่างงี้ไม่น่าปล่อยเลยครับ ดังนั้นผมก็นอนทับกระรอกน้อยเสียเลย กระรอกน้อยถูกทับดังแอ้ก! และท่ามกลางเสียงหัวเราะลั่นของป๋า กับเสียงอุทานของมี๊ ผมก็เปลี่ยนเป้าหมายไปทางแฮมสเตอร์ที่ยังหัวเราะคิกคักด้วยความสะใจในชะตากรรมของเพื่อนร่วมบ้าน


"จ๊ากกกกกก!!!!!!"


ร้องได้เท่านั้นก็ถูกผมกระโดดทับแบนแต๊ดแต๋สิ้นฤทธิ์ไปอีกหนึ่งตัว


"ยามะ! พอได้แล้ว!"


"อย่าตีมันนะสึบาสะ! เดี๋ยวมันก็น้อยใจหนีไปเหมือนแมวข้างบ้านหรอก!"


มือที่เงื้อขึ้นหมายจะตีก็ลดลงเมื่อเจอไม้นี้  พอดีว่าเมื่อสี่ห้าเดือนก่อนแมวของคนข้างบ้านเกิดหายไปครับ หายไปแบบไร้วี่แววตามหาที่ไหนก็ไม่เจอ จนเจ้าของถอดใจเลิกตามหา แต่แล้วหนึ่งเดือนจากนั้น แมวของคนข้างบ้านก็กลับมา


ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มี๊พาเจ้าสองแสบเข้าบ้านมาพอดี มี๊ก็เลยกังวล กลัวว่าผมจะน้อยใจหนีออกจากบ้านครับ ไม่กล้าดุ ไม่กล้าตี  วันไหนที่ผมออกไปเที่ยวนอกบ้าน มี๊ก็จะนั่งรอจนกว่าผมจะกลับ ไม่ว่าจะดึกซักแค่ไหน


เห็นแบบนี้แล้วผมก็เลยไม่ค่อยออกไปไหน เพราะออกไปทีไรมันมักจะเพลินกลับเอาตอนเช้าทุกที ถ้าเป็นแบบนี้ป๋าก็จะเขกกะโหลกเอา โทษฐานที่ทำให้มี๊นอนดึก


หรือป๋าหงุดหงิดที่ไม่มีคนนอนข้างๆก็ไม่รู้.....








+++++++++++++++++++++++









แต่ถึงจะรักมี๊ ห่วงมี๊ยังไง นิสัยรักการตระเวณราตรีของผมก็แก้ไม่หายหรอกครับ ผมเลยใช้วิธีรอให้มี๊เข้านอนก่อน ถึงจะออกจากบ้าน  ถึงอย่างนั้นแล้วก็ยังไม่พ้นสายตาเฉียบคมของป๋าอยู่ดี


ป๋าไม่เคยว่าหรอกครับ แค่บอกให้รีบกลับเท่านั้น ผมก็ร้องเหมียวๆรับคำป๋าทุกครั้ง แต่ช่วงหลังๆนี่ป๋าชอบพูดกับผมแปลกๆ เหมือนว่าผมจะไปคาบตัวอะไรเข้าบ้านมางั้นแหละ


"รีบไปรีบกลับนะ เดี๋ยวสึบาสะตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอจะเป็นห่วง อ้อ!แล้วไม่ต้องพาใครกลับมาด้วยเหมือนแมวข้างบ้านล่ะ เข้าใจมั๊ย?"


เหมียว????


แมวงงครับ แต่ป๋าคงนึกว่าผมส่งเสียงรับคำเหมือนเคย ก็เลยเดินกลับเข้าห้องนอนไปแล้ว


สงสัยว่าป๋าคงจะไปฟังเรื่องนิสัยแมวประหลาดข้างบ้านมากไปหน่อยละมั้ง........






.......................................




.......................




..........





พระจันทร์มีอะไรน่ามองตรงไหน?  มันก็แค่ลูกกลมๆสีเหลืองๆลอยอยู่บนฟ้า ไม่เห็นจะน่ากินเลยซักนิด บนนั้นก็คงมีแต่ฝุ่นควันแห้งแล้งไม่มีอะไรสวยงามน่าดู


ส่วนกระต่ายบนนั้นก็เป็นแค่เงาดำๆ ... ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ


ถ้าเป็นกระต่ายตัวเป็นๆค่อยน่าสนหน่อย...


"แน่จริงก็ส่งกระต่ายลงมาให้ซักตัวสิ"


เอ่อ..หรือผมจะเพี้ยนไปแล้ว  จะเงยหน้าคุยกับพระจันทร์ไปทำไมในเมื่อสิ่งที่ขอนั่นน่ะ มันไม่มีทางเป็นจริงอยู่แล้-


ตูม!!!!!!


แง้ว!!!  อะไรไม่รู้หล่นลงในสระว่ายน้ำตูมเบ้อเร่อ สงสัยว่าจะเป็นของหนัก ไม่งั้นน้ำคงไม่กระเซ็นมาถึงผมที่เดินอยู่ห่างตั้งหลายเมตร


ว่าแต่ใครบังอาจเอาของมาโยนใส่สระน้ำสุดหวงของป๋าฟะ! เดี๋ยวปั๊ดข่วนให้หน้าลาย!!!!!


ในแสงจันทร์กระจ่างสะท้อนผิวน้ำกระเพื่อมไหว มีใครบางคนกำลังว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง ใครบางคนที่มีหูยาวโบกไหว ร่างที่กำลังพยายามพุ้ยน้ำอย่างเต็มที่นั้นดูคุ้นตา .. เหมือนเคยเห็นที่ไหนซักแห่ง..


ระหว่างที่ใช้สมอง ขาทั้งสี่ก็พาก้าวมาจนถึงขอบสระ ตาจับจ้องไปยังร่างที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ


ตาฝาดใช่ไหม?


เพราะสิ่งมีชีวิตที่กำลังว่ายน้ำเข้ามาหาก็คือสิ่งที่ผมขอกับพระจันทร์เมื่อกี๊นี้เอง..


เพื่อความแน่ใจ ผมเลยใช้เท้าหน้าจิ้มลงไปที่หน้าผากของกระต่ายตัวนั้นเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นของจริง


"แง้ว!!! จะฆ่ากันหรือไง นายกำลังจะทำฉันจมน้ำนะ"


พระเจ้าช่วย! กระต่ายจริงๆด้วยครับ แต่กระต่ายบ้านไหนร้องแง้วๆเป็นแมวแบบนี้กัน ผมนิ่งมองสิ่งมีชีวิตตรงหน้าพยายามตะกายขึ้นจากขอบสระ แต่อุ้งเท้าทั้งสี่ของกระต่ายตัวนั้นไม่มีเล็บยาวๆไว้เกาะเหมือนผม ก็เลยลื่นตกลงไปหลายครั้ง


"เหมียว..ช่วยกันหน่อยซี่"


มองตาใสๆแล้วก็นึกสงสาร แต่จะให้ช่วยยังไงครับ ให้ลงไปคาบขึ้นมาคงจะไม่ไหว กระต่ายน้อยตอนนี้หนาวสั่นจนแทบจะเกาะขอบสระไว้ไม่ไหวแล้ว


"นายคาบปลอกคอฉันไว้นะ เดี๋ยวฉันจะดึงนายขึ้นมา"


พยักหน้าจนหูบางๆไหวดุ๊กดิ๊ก ผมรู้สึกแรงกดบนต้นคอตอนที่ก้มหัวให้ก่อนจะเกร็งเท้าทั้งสี่ก้าวถอยจากขอบสระช้าๆ ดึงกระต่ายตัวนั้นขึ้นมาจากน้ำ  ตัวเบากว่าที่คิดมากเลยครับ ออกแรงนิดเดียวก็ดึงขึ้นมาได้แล้ว


กระต่ายน้อยเปียกปอนไปทั้งตัว พยายามสะบัดขน ใช้สองขาหน้าทำความสะอาดใบหน้ากับหู แต่เพราะขนเป็นปุยหนาก็เลยรีดน้ำออกยากหน่อย


ระหว่างที่กระต่ายตัวนั้นพยายามทำตัวเองให้แห้ง สายตาผมก็เริ่มสำรวจไปทั่วด้วยความสงสัย กระต่ายตัวนี้ไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากกระต่ายทั่วไปที่ผมเห็นในโทรทัศน์


ผิดที่สีเท่านั้น...


สีขนของมันแปลกมากครับ เป็นลายดำสลับเทาไปทั้งตัว เหมือนลายเสือ แล้วที่แปลกกว่านั้น


กระต่ายตัวนี้มาจากไหน?..


"หนาว"


คืนนี้อากาศเย็นพอสมควรครับ ยิ่งเปียกน้ำก็ยิ่งหนาวแน่ๆอยู่แล้ว จะรอให้ตัวแห้งกระต่ายตัวนี้คงเป็นหวัดไปแน่ๆ ผมเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ช่วยเลียหน้าตาให้แห้งเร็วขึ้น


"ขอบคุณนะ"


"มาทางนี้เถอะ เข้าไปในบ้านกัน เช็ดตัวแล้วจะได้หายหนาว"


ผมว่ากระต่ายตัวนี้แปลก แต่ตัวผมเองสิแปลกยิ่งกว่า อยู่ดีๆชวนคนแปลกหน้าเข้าบ้านเฉยเลย คงไม่ใช่เพราะตาใสๆคู่นั้นหรอกนะที่ทำให้ผมสงสาร  ชี่น้อยกับแฮมทาโร่ตาใสแบ๊วกว่านี้เยอะผมยังไม่เคยใจดีด้วยเลย




++++++++++++++++++++++++++





คงไม่ต้องบอกนะครับว่าป๋ากับมี๊ของผมทำหน้าตาแบบไหน ตอนที่ผมไปร้องเหมียวๆอยู่หน้าบ้านในยามดึกไม่ยอมเข้าบ้านทั้งๆที่ป๋าทำประตูไว้ให้ผมโดยเฉพาะ


"ไปพาลูกใครเค้ามาฮึ! ไอ้ตัวแสบ!"


ป๋าเอานิ้วจิ้มหน้าผากผมแรงๆสองสามที ก่อนจะหันไปมองกระต่ายน้อยในอ้อมแขนมี๊สลับกับมองหน้าผม


"เมี๊ยว~ลูกใครผมจะรู้ได้ไงอ่ะป๋า ยังไม่ได้ถามที่มาที่ไปเลยนี่ กลัวหนาวตายถึงได้พาเข้าบ้านมาก่อนเนี่ย"


"กระต่ายหลงมาละมั้งทักกี้ ลายแปลกนะ แต่น่ารักดี ยามะนี่ใจดีจังน๊า~"


มี๊เอ่ยปากชมอย่างอารมณ์ดี สงสัยว่าจะถูกใจกระต่ายตัวนี้ คิดจะเอามาเลี้ยงอีกตัวเป็นแน่แท้


"ไม่ได้คิดจะคาบมากินแน่เรอะ หา! ไอ้อ้วน!"


คราวนี้ป๋าดึงหูผมครับ ปัดโธ่ จะสอบสวนนักโทษหรือไงเนี่ยป๋า กระต่ายทั้งตัวผมจะกินเข้าไปได้ยังไง ถ้าเป็นสองแสบที่นั่งตาแป๋วอยู่ในกรงก็ว่าไปอย่าง


แหะ! ผมล้อเล่นนะครับ ตอนที่สองแสบนั่นเข้าบ้านมาแรกๆผมเคยแกล้งจะงาบๆชี่น้อยกับแฮมทาโร่เข้าปาก ป๋าก็เลยอดสงสัยไม่ได้


"กระต่ายใครหลงมาก็ไม่รู้เนอะ จะเอาไปปล่อยก็น่าสงสาร เลี้ยงไว้ก่อนละกัน ว่าแต่คืนนี้จะให้มันนอนไหนดี ว่าไงเจ้าตัวเล็กคืนนี้อยากนอนไหน"


นั่นไงครับ มี๊คิดเองเออเองเสร็จสรรพไม่ถามคนร่วมบ้านอย่างป๋าหรือผมซักคำ ดันไปถามกระต่ายหลงทางตัวนั้นซะอีกแน่ะ


"ใครพามาคนนั้นก็รับผิดชอบสิ ดึกแล้วนะสึบาสะ ไปนอนกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที"


อ้าวป๋า!!!! ไหงมาโยนความรับผิดชอบกันอย่างงี้ล่ะ ผมได้แต่อ้าปากค้างมองป๋าโอบมี๊เดินหายเข้าห้องไป ทิ้งผมไว้กับบรรยากาศรอบตัวที่แสนจะเงียบ




.............................



........................



..............




......











เฮ้อ~ ช่วยมาแล้ว ยังต้องเสียสละที่นอนให้อีกด้วยเหรอเนี่ย ทำดีแล้วไม่ได้ดีจริงๆ


ผมเดินนำกระต่ายน้อยมาถึงมุมหนึ่งในห้องรับแขก ตรงนั้นมีเบาะนอนของผมที่มี๊จะคอยทำความสะอาด และผึ่งแดดให้ในตอนกลางวัน แล้วเอามาวางให้ผมนอนเสมอๆ กลิ่นของที่นอนที่ผ่านแดดมามันหอมจนทำให้ผมหลับสบายทุกคืนเลย


แต่วันนี้ผมคงต้องย้ายตัวเองไปนอนบนโต๊ะไหนซักโต๊ะในห้องแล้วละมั้ง


พอจะหันหลังกลับปลอกคอก็ถูกรั้งด้วยฝีมือกระต่ายน้อยที่ก่อนหน้านี้กระโดดขึ้นไปสำรวจเบาะนอนของผม


"อะไรของนาย! ปล่อยได้แล้วฉันจะไปนอน"


โมโหแล้วครับ ที่นอนก็ยกให้แล้วยังจะมากวนอีกเรอะ ผมหันควับกลับไปหมายจะผลักเจ้าตัวยุ่งออกไป แต่สิ่งแรกที่เห็นก็คือดวงตากลมใสที่กำลังมองผมอย่างตื่นๆ


สงสัยผมคงโมโหมากไปละมั้ง


"นอนเป็นเพื่อนกันหน่อยสิเหมียว"


"เห~? ทำไมล่ะ"


"นอนคนเดียวไม่ได้อ่ะ ไม่เคยนอน  ที่บ้านน่ะนอนด้วยกันหลายคน นอนคนเดียวนอนไม่หลับ"


ผมชั่งใจมองกระต่ายตัวเดิมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนใจ ปกติผมไม่เคยให้ใครมานอนเบาะเดียวกับผมเลยครับ ต่อให้เป็นชี่น้อยกับแฮมทาโร่ก็เถอะ แต่ทำไมวันนี้ผมแพ้สายตาอ้อนๆแบบนี้ได้ละครับ แมวไม่เข้าใจ..


"ก็ตามใจ แต่เตือนไว้ก่อนนะว่าฉันนอนดิ้น โดนถีบแล้วอย่ามาโวยทีหลังก็แล้วกัน"


"เอ๋~! งี้นี่เอง~ มิน่าเบาะถึงได้ใหญ่กว่าตัวตั้งเยอะ ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้านายนอนดิ้นฉันจะทับขานายไว้ คราวนี้ก็ไม่โดนถีบแล้วล่ะ"


กระต่ายน้อยพูดอย่างร่าเริง แล้วกระโดดทับผมทั้งๆที่ยิ้มอยู่อย่างนั้น ผมเพิ่งรู้ว่าจริงๆแล้วกระต่ายตัวนี้ผอมบางกว่าที่ตาเห็นมากมายนัก ขนาดว่าเจ้าตัวมุดๆเข้ามาซบอยู่ตรงอกผม ผมยังไม่รู้สึกเลยว่าหนัก... สิ่งเดี่ยวที่ผมรู้สึกได้ตอนนี้คือ


น่ารัก....


"นี่ นายชื่ออะไร"


"หืมม์~"


พอได้ที่นอนสบายๆ ก็หลับลงง่ายๆเลยครับ ตากลมๆเริ่มปรือ แล้วก็หลับปุ๋ยในอ้อมแขนแมวอย่างผม


"ฉันชื่อยูมะล่ะเหมียว"


แล้วหลังจากวันนั้นชีวิตผมก็มีแต่เสียงเรียกเหมียวๆอยู่ตลอดเวลา





++++++++++++++++++++++++++++++++++











"นี่เหมียว หิวแล้วล่ะ"


"เหมียว อยากกินมะเขือเทศ"


"เหมียว จะไปไหนเหรอ ไปด้วยสิ"


แง้วววว~ แมวอยากจะบ้า! บอกกี่หนแล้วว่าชื่อยามะๆ ก็เรียกเหมียวๆอยู่ได้ แล้วก็ติดหนึบอยู่กับผมทั้งวันเหมือนปลิง ยิ่งไปกว่านั้นพอป๋ากับมี๊เห็นว่าผมยอมแบ่งที่นอนให้เจ้ากระต่าย ก็ปล่อยเลยตามเลยไม่ซื้อเบาะใหม่มาให้


"นอนด้วยกันแบบนี้น่ารักดีเนอะ ทักกี้"


ป๋าจะออกความเห็นอะไรแย้งสุดที่รักได้ละครับ นอกจากจะเออออตามกันไป แล้วก็ยกตำแหน่งพี่เลี้ยงกระต่ายให้แมวอย่างผม


ทุกวันนี้เป็นพี่เลี้ยงให้สองแสบก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว


"นี่ๆ ยูมะชอบกินอะไรเหรอ วันนี้มี๊ซื้อแครอทมาให้กินล่ะกินด้วยกันเถอะ"


"ยูมะๆ มาเล่นกัน"


เอ...หรือมันจะดีก็ไม่รู้นะครับ  เพราะจากที่เคยกวนผมทุกวัน ตอนนี้ชี่น้อยกับแฮมทาโรหันเหความสนใจไปที่เพื่อนใหม่แทนแล้ว แล้วก็ทำตัวเป็นเด็กดี ไม่ตบตีกันบนโตะอาหารอีก ทั้งสามตัวเอาแต่คุยกันหงุงหงิง เล่นกันบ้างในตอนกลางวัน


"นี่ยูมะ นายหลงมาจากไหนกันแน่ ถามตั้งหลายทีแล้วก็ไม่ยอมบอก ความลับเยอะจัง"


"ไม่ได้เป็นความลับหรอก แต่บอกไปแล้วคงไม่เชื่อหรอก ไม่บอกดีกว่า"


กระรอกน้อยกับแฮมสเตอร์ย่นจมูกใส่ บ่นอะไรเป็นทำนองว่าไม่บอกก็ไม่อยากรู้ก็ได้ ไม่เห็นสนแล้วก็พากันกลับเข้ากรงไป


แล้วหลังจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ผม


"เหมียว ง่วงแล้วล่ะ"


กระต่ายน้อยขดตัวกลมอยู่ในเบาะ ผมวางขาข้างหนึ่งบนลำตัวผอมบาง เกยคางบนขนนุ่มๆ อยู่แบบนี้ก็สบายดีเหมือนกันนะครับ ยูมะบอกผมว่าตอนที่อยู่ที่บ้านน่ะก็นอนกอดกันแบบนี้เหมือนกันเลยติดนิสัย


ยูมะเล่าให้ผมฟังว่าที่บ้านนอกจากแม่แล้ว ก็มีป๊ะป๋าที่จะได้เจอหน้าเดือนละครั้ง หรือบางทีป๊ะป๋าก็พาไปอยู่ด้วยบ้าง มีพี่น้องอีกสี่หน่อที่เกิดพร้อมกัน โตพร้อมกัน เล่นด้วยกัน ถึงจะทะเลาะกันบ้างแต่ก็มีความสุขดี


"มาอยู่แบบนี้แล้วคิดถึงจังน๊า~"


"คิดถึง แล้วนายหนีออกมาทำไมล่ะ?"


"ไม่ได้หนีซักหน่อย โดนเตะออกมาต่างหาก เคนจังนั่นแหละเตะลงมา"


เหอ? .... ง่วงนอนแล้วใช่มั๊ยนั่น ถึงได้พูดจาแปลกๆ


"แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ ป๊ะป๋าต้องมาพาฉันกลับบ้านได้แน่ๆ แล้วจากนั้นฉันก็ไม่ต้องกวนครอบครัวนายอีกแล้วล่ะ"


ก็รู้อยู่หรอกว่าคงอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปไม่ได้  แต่คำพูดของยูมะเมื่อกี๊..ทำไมฟังแล้วมันเจ็บหัวใจจัง..




++++++++++++++++++++++++++++++++++++







เวลาเดินเร็วเกินไปรึเปล่า ใจผมเองรู้สึกว่ามันไม่นาน แต่ในความเป็นจริง ยูมะก็มาอยู่บ้านผมได้เกือบเดือนแล้วโดยยังไม่มีใครมาตามหา


ผมน่ะ ใจหนึ่งก็อยากให้กลับบ้านเพราะทนเห็นยูมะเหงาหงอยแบบนี้ต่อไปไม่ไหว แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้ไป เพราะไม่รู้ว่าผมจะหลับลงอีกไหมถ้าไม่มีกระต่ายตัวนี้ให้กอด


เฮ้อ~! พอคิดแบบนี้มันก็พาลนอนไม่หลับ


ผมค่อยๆพลิกตัวให้เบาที่สุด ไม่อยากให้กระต่ายน้อยในอ้อมแขนต้องตื่น แล้วก็ต้องตกใจสุดชีวิตเมื่อพบว่ากระต่ายของผมหาย!!!!!


กลิ่นอะไรบางอย่างที่ผมไม่คุ้นลอยอยู่รอบตัว กลิ่นแมวตัวอื่น! ให้ตายเถอะ! นี่ผมขี้เซามากขนาดนี้เลยเหรอ หลับสนิทกระทั่งปล่อยให้แมวตัวอื่นมาขโมยยูมะไปจากผมแบบนี้ได้ยังไงกัน!


ผมออกวิ่งอย่างรวดเร็ว กระโจนพรวดเดียวจากห้องรับแขกไปจนถึงประตูบ้าน ทันได้เห็นหางยาวๆของใครบางคนลอดผ่านประตูแมวไป  หัวใจผมเต้นระรัวขณะที่ผมวิ่งตามออกไป แค่ได้กลิ่นผมก็รู้แล้วว่าแมวตัวนั้นเป็นตัวผู้ที่มีอายุมากกว่า ถ้าต้องสู้กันผมอาจจะเป็นฝ่ายแพ้


แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น  .. ผมก็ตามไป..


"คืนยูมะมานะ!!!!"


เสียงตะโกนของผมก้องอยู่ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ทำให้อีกฝ่ายหันกลับมา ผมจึงได้เห็น...


แมวตัวนั้นรูปร่างไม่เหมือนแมวอย่างผมเลยซักนิด โครงหน้าเรียวๆ ตาตี่ๆ ขายาวกว่าแมวทั่วๆไป แต่ก็ทำให้ดูสมส่วนรับกับลำตัวที่เพรียวสูง


และหมอนั่นกำลังคาบยูมะไว้


ผมใจหาย... ยูมะไม่รู้ตัวเลยซักนิด ผมไม่รู้ว่ายูมะแค่หลับไปหรือว่าไม่หายใจแล้วกันแน่..


"ปล่อยยูมะเดี๋ยวนี้!!!!"


ผมทั้งส่งเสียงขู่ ทั้งคำรามโก่งตัวเตรียมสู้ แต่หมอนั่นก็ทำเพียงแค่มองเฉยๆเท่านั้น และขณะที่ผมตั้งท่าจะกระโจนเข้าไปหา ร่างเล็กที่ถูกคาบเอาไว้ก็เริ่มขยับ


ยูมะลืมตาขึ้นช้าๆ ทำหน้าตางงๆเพราะพึ่งตื่น แลดูจะไม่เข้าใจสถานการณ์ว่าทำไมเท้าทั้งสี่ของตัวเองถึงอยู่ไม่ติดพื้น ลอยแกว่งไปซ้ายทีขวาที จากนั้นก็มองหน้าผมแล้วก็หันหลับไปมองแมวตัวโคร่งที่คาบคอตัวเองอยู่อย่างแปลกใจ


"ปะป๊า"


คำเดียว..คำเดียวเท่านั้นที่หยุดทุกการเคลื่อนไหวของผม ผมยืนนิ่งเป็นรูปปั้นเหมือนถูกสาป มองยูมะดิ้นอยู่กลางอากาศก่อนที่แมวตัวนั้นจะยอมวางยูมะลงกับพื้น


แล้วหลังจากนั้น...


"ปะป๊ามารับกลับบ้านแล้ว เย้~!"


กระต่ายน้อยมุดเข้าไปใต้ท้องโผล่หน้าออกมาระหว่างขาหน้าของแมวตัวนั้น ปล่อยให้แมวตัวนั้นเลียหน้าตาทักทายกันด้วยความรักใคร่


"ซนนักนะเรา แอบตามลงมาแบบนี้ ถ้าตามหาไม่เจอจะทำยังไง"


"ไม่ได้แอบตามมานะ เพราะเคนจังต่างหาก วันนั้นพอปะป๊ากลับไปแล้ว เคนจังก็เตะลูกลงมาอ่ะ"


ผมนึกออกแล้วครับ ว่าลายบนตัวของยูมะเหมือนใคร ที่แท้ก็เหมือนแมวประหลาดข้างบ้านนี่เอง เหมือนกันเป๊ะทั้งสีและลาย แต่มันไม่จริงใช่ไหมครับ ?  แมวบ้าที่ไหนออกลูกเป็นกระต่าย หนำซ้ำเป็นแมวตัวผู้ด้วย


ไม่เชื่อ.! ให้ตายก็ไม่เชื่อเด็ดขาด!


"ยู-ยูมะ น-นาย นี่นาย"


"แปลกใจเหรอ? ไม่ต้องแปลกใจหรอก ยูมะน่ะเป็นลูกของฉันจริงๆ"


ปะป๊าของยูมะบอกกับผมอย่างใจดี แต่ผมงงไปหมดแล้วครับ โลกนี้มันเป็นอะไรไปแล้ว


"ฉันรู้ว่านายไม่เชื่อ เดี๋ยวจะกลับมาอธิบายให้ฟังก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบพายูมะกลับบ้านก่อน"


"เอ๋!!! ต้องกลับแล้วเหรอ"


"ต้องกลับสิยูมะ รู้ไหมว่าตอนที่ลูกหายไปหม่ามี๊เป็นห่วงขนาดไหน"


"มี๊คงกรี๊ดสนั่นพระจันทร์สะเทือนแหงๆ"


"ก็นั่นสิ ถ้าวันนี้ลูกไม่กลับไป บรรดาพี่เลี้ยงคงแก้วหุทะลุกันแน่ๆ"


ระหว่างที่พ่อลูกกำลังคุยกัน ประตูบ้านก็เปิดออก ป๋ากี้กับมี๊สึเดินออกมาตรงที่พวกเราอยู่ ป๋าเดินมาอุ้มผมที่กำลังมึนงงเหมือนถูกอะไรทุบหัว ส่วนมี๊ก็ก้มลงทักทายแมวข้างบ้านอย่างสนิทสนม


"ที่แท้กระต่ายตัวนี้ก็เป็นของโคโค่เองเหรอ ตัวนี้สินะที่คาบเข้าบ้านมาบ่อยๆ เห็นเรียวบ่นๆให้ฟัง"


"แกเอากระต่ายมาเลี้ยงเป็นลูกรึไงไอ้โคะ!"


เมี๊ยววววววววววววววววว....


แน่นอนว่าป๋ากับมี๊ย่อมไม่เข้าใจภาษาแมว แต่ผมได้ยินชัดเต็มสองหูเลยครับ ว่าหมอนั่นตอบว่าใช่ เฮ่อ~ ผมอยากจะเป็นลม


"จะมาพากลับไปแล้วสินะ ต่อไปคงเหงาแย่เลย"


มี๊อุ้มกระต่ายน้อยไว้ในอ้อมแขนอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนจะบอกลา ก่อนจะปล่อยให้แมวข้างบ้านคาบยูมะเดินจากไปโดยที่ผมไม่ได้เอ่ยลาซักคำ





+++++++++++++++++++++++++++






"ฉันคิดผิดใช่ไหมเนี่ยที่คืนกระต่ายตัวนั้นให้เจ้าโคโค่ไป"


มี๊บ่นกับป๋าที่กำลังลูบหัวผมอยู่  หลังจากวันนั้น ผมก็ไม่อยากจะทำอะไรเลย ปล่อยตัวให้เป็นแมวขี้เกียจ กินๆนอนๆไปวันๆเหมือนเบื่อโลก


เหงาครับ.. หงอยเป็นต้นไม้ขาดน้ำเลย


"ลองไปถามเรียวมันดู มันก็ไม่รู้ว่าไอ้โคะมันคาบกระต่ายตัวนั้นไปไว้ที่ไหน นานๆทีถึงจะได้เห็น เดือนนึงครั้งได้ละมั้ง"


ลองไปตามหาบนดวงจันทร์ดูซิครับ เจอแน่ๆ


หลังจากวันนั้นแมวข้างบ้านก็กลับมาเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง ซึ่งผมก็รับฟังอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เรื่องกระต่ายบนดวงจันทร์ เวทมนต์ที่ทำให้กลายมนุษย์ และการให้กำเนิดลูกๆทั้งห้าตัวรวมทั้งยูมะด้วย


"ฉันน่ะ ต้องขึ้นไปหาชิเงะ ไปช่วยชิเงะเลี้ยงลูกทุกเดือนอยู่แล้ว ลูกแต่ละตัวน่ะซนจนพี่เลี้ยงเอาไม่อยู่เลยล่ะ"


ก็ขนาดว่าเตะกันตกลงมาถึงโลกได้ ก็นับว่าซนพอตัวละครับ นึกแล้วอยากอยากพาสองแสบที่บ้านไปร่วมแก๊งด้วยเหลือเกิน ดาวทั้งดวงคงอลหม่าน่าดูชม


แล้ววันนี้ พระจันทร์ก็เต็มดวงอีกครั้ง


ผมมายืนที่บ่อน้ำข้างบ้าน เพื่อรอเวลาให้พระจันทร์ขึ้นจากขอบฟ้า จากนั้นเส้นทางแสงจันทร์ก็จะปรากฏให้เห็น


"แน่ใจเหรอว่าจะไม่ขึ้นไปด้วยกัน?"


ผมส่ายหน้า ถ้าขึ้นไป ผมกลัวใจตัวเองว่าจะเพลินอยู่บนดวงจันทร์จนลืมเวลา หายหน้าไปเป็นเดือนจนป๋ากับมี๊เป็นห่วงอย่างที่พ่อของยูมะเคยทำ


เลยได้แต่คอยดู คอยฟังข่าวอยู่ตรงนี้ แค่รู้ข่าวว่ายูมะสบายดีก็พอใจแล้ว


"งั้นก็ตามใจนะ ไว้ชิเงะอารมณ์ดีเมื่อไหร่จะพาลูกๆลงมาเที่ยวก็แล้วกัน"


แต่ก่อนที่พ่อของยูมะจะก้าวขึ้นไปตามทางแสงจันทร์ อะไรบางอย่างก็หล่นลงในบ่อน้ำ ทำน้ำกระเซ็นจนเปียกปอนไปทั้งสองตัว


"ปะป๊า~! ฮคจัง ยูโกะจัง ฟูจัง ผลักลูกลงมาอีกแล้วววว"










 ++++ END ++++

1 comment:

  1. อร๊ายยยยยยยยยยย><

    แมวอ้วน กะกระต่ายน้อย น่ารักมากเลยยยยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆ

    อยากนอนซุกแมวอ้วนเหมือนกระต่ายน้องมั่งอ่ะ ฮ่าๆๆๆ

    ReplyDelete