Wednesday 15 February 2012

[SF](¯`·._.·[ ❤Valentine❤ ]·._.·´¯) SP


Title : Valentine Sp

Writer  :  Nalikakeaw

Pairing  : Takainoo, YabuHika, Okadai, Nakayama









Credit Pics Wallcoo.net  [ขอบคุณภาพประกอบจาก Wallcoo.net คะ]





เขียนๆไปแล้วก็รู้สึกว่า ฟิคเรื่องนี้มันกลายเป็น Takakei Series  ไปแล้ว  แต่ก็รักคู่นี้นะ

ไม่ค่อยเห็นคู่นี้ในฟิคภาษาไทยเท่าไหร่ ( หรือหาไม่เจอ? )


 ตอนก่อนหน้านะจ๊ะ








เช้าวาเลนไทน์ที่แสนสงบสุข...





ซะเมื่อไหร่!!!!





ทาคาคิ ยูยะ ก้าวถอยหลังจากประตู เพื่อมองป้ายชื่อหน้าห้องให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้เข้าห้องผิด




HEY SAY JUMP




ก็ถูกแล้วนี่หว่า...





แต่ทำไม ? ความรื่นเริงสดใส เสียงอึกทึกหนวกหู เสียงตะโกน เสียงโครมคราม มันอันตรธานหายไปอยู่แห่งหนไหน  ทำไมในห้องจึงเหลือแต่ความเงียบงันปานสุสานเช่นนี้




"เอ่อ.. อรุณสวัสดิ์"




เสียงตอบรับนั้นเป็นไปอย่างที่คิด ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติมากมายที่พวกเขาจะทักทายกันอย่างสุภาพและสำรวม ราวกับว่าถ้าพูดดังกว่านี้อีกสักนิด หรือขยับตัวผิดไปสักหน่อย เพดานมันจะถล่มลงมา




"เกิดอะไรขึ้นนี่?"




แม้แต่เคย์โตะที่เพิ่งมาถึงยังรับรู้ได้ถึงความไม่ปกตินี้  เพราะคู่นากายามะ จอมโวยวายประจำกลุ่ม วันนี้ไม่ส่งเสียงโหวกเหวกเหมือนเคย แต่กลับไปนั่งจ่อมอยู่ตรงมุมห้อง ส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้เท่านั้น




ในห้องมีโต๊ะตัวยาวสีขาว ที่บางครั้งเหล่าเมมเบอร์ใช้เป็นบังเกอร์ชั่วคราวเวลาที่ยูยะหาเรื่องทะเลาะกับเคย์ กับเก้าอี้อีกไม่กี่ตัว เป็นที่นั่งทำการบ้านอ่านหนังสือประจำของยูริและริวทาโร แต่วันนี้ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ตรงนั้น กลับมานั่งทำการบ้านอ่านหนังสือบนพื้นห้อง ข้างๆยามาดะกับยูโตะ ปล่อยให้ฮิคารุนั่งแทนที่ตัวเองซะอย่างนั้น




ใกล้ๆโต๊ะสีขาว โซฟายาวสองตัวถูกจัดให้หันหน้าเข้าหากัน ไดกินั่งกอดอกอยู่บนโซฟาตัวหนึ่ง จ้องมองคนสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก




นี่เอง ต้นเหตุของความอึมครึมขุ่นมัว ที่แผ่ออกมาจากคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะสีขาวนั่น




"เข้าไปข้างในก่อนเถอะ ทาคาคิคุง"




เคย์โตะเดินนำเข้าไปในห้อง ตรงไปนั่งข้างๆไดกิ อารมณ์สีเทาหม่นหมองของฮิคารุที่เป็นเหมือนเมฆครึ้มยามฝนตกนั้น ไม่น่ากลัวเท่าพายุมืดดำที่กำลังจะก่อตัวอยู่ข้างหลังเป็นแน่ เคย์โตะโอบร่างไดกิให้ขยับเข้ามาชิด เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงไหวของโซฟาที่มากกว่าปกติยามที่ทาคาคิ ยูยะ กระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน




"ยาบุ นายทำอะไรอยู่?"




"หืมม์ อ่อ ฉันมีอะไรไม่เข้าใจนิดหน่อย ก็เลยขอให้อิโนะจังอธิบายให้น่ะ"





ยูยะไม่สนใจคำตอบ ในหัวอื้ออึงด้วยคำถามว่าก่อนหน้าที่เขาจะมาถึงสองคนนี่ทำอะไรสนิทสนมเกินหน้าเกินตาจนทำให้ฮิคารุหงอยเหงาไปแบบนี้





 แค่คิด..ยูยะก็หงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ





ไดกิเขยิบตัวออกห่างจากยูยะให้มากขึ้นอีก เพราะจับได้ถึงน้ำเสียงและแววตาไม่สบอารมณ์ของยูยะที่มองจ้องหนังสือภาษาอังกฤษในมือยาบุก่อนจะเลื่อนสายตาไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าหวานๆที่กำลังทำสีหน้ายุ่งยากใจราวกับจะขอคำอธิบาย





"ทำไมต้องเป็นอิโนะจัง"
 



"ว่าไงนะ?"




"ฉันถามว่าทำไมต้องเป็นอิโนะจัง? หูหนวกรึไง?"




ยาบุถึงกับสะอึก แม้แต่ฮิคารุยังหลุดจากอารมณ์เซื่องซึมเบิกตากว้าง  ทุกคนในห้องตะลึงงัน ทาคาคิ ยูยะ อาจจะเป็นคนปากร้าย แต่ก็ไม่เคยใช้วาจาเจ้าอารมณ์แบบนี้เลยสักครั้ง แล้วสายตาคู่นั้นอีกล่ะ มันบ่งบอกชัดว่าในตอนนี้เจ้าตัวคงเห็นทุกสิ่งทุกอย่างขวางหูขวางตาไปหมด และโชคร้ายที่วันนี้คนที่แสนจะใจดีอย่างยาบุก็มีเรื่องเคืองขุ่นใจกันคนรักมาตั้งแต่เช้า ก็ไม่มีอารมณ์จะมาสนใจว่าเหตุใดยูยะถึงถามออกมาแบบนี้เช่นกัน




"แล้วทำไมถึงจะไม่ได้"




"ฉันก็ไม่ได้บอกว่าไม่ได้ แต่ถ้าจะทำเพื่อประชดใครละก็-"




"ฉันไม่ได้-"




ไม่ได้ประชด ยาบุไม่อาจพูดออกมาได้เต็มปาก ตั้งแต่เมื่อวานที่มีเรื่องให้ผิดใจกับฮิคารุ เขาก็ทำตัวติดกับอิโนะมาตลอด ใช้หนังสือเป็นข้ออ้าง ทั้งๆที่ความจริงแล้วเรื่องภาษาอังกฤษเขาควรจะไปปรึกษาเคย์โตะหรือชิเนนมากกว่า




ไม่ได้ประชด...ก็แค่อยากให้รู้ว่า กับเรื่องบางเรื่องเราก็สมควรจริงจังกับมัน ไม่ใช่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องเล่นๆไปเสียหมด




ก็เท่านั้น...




"อิโนะจัง ฉันว่าเราออกไปหาที่เงียบๆอ่านหนังสือเถอะ"




พอเถียงไม่ได้ก็บ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่อง หนีมันซะดื้อๆ แต่ก็ไปไม่รอดเพราะถูกเพื่อนซี้รู้ทัน ยูยะจ้องหน้ายาบุด้วยสายตาจริงจังกว่าครั้งไหนๆ




"ก่อนจะอ่านหนังสือ ช่วยอ่านตัวเองให้เข้าใจซะก่อนนะ คนอื่นจะได้ไม่ต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องของนายสองคน"




วาจาคมคายทำเอาสมาชิกที่เหลือตาค้าง ยูโตะถึงกับหลุดปากว่าต้องหาอะไรมาแคะหูเสียแล้ว ใครจะนึกว่าคนที่นิสัยเติบโตไม่สมอายุอย่างทาคาคิ ยูยะ  จะพูดอะไรแบบนี้เป็นกับเขา




กว่าจะรู้ตัวอีกที ร่างหนาของยูยะก็เดินไปจนถึงประตูห้องแล้ว




"ทาคาคิ นั่นนายจะไปไหน?"




"เห็นหน้านายแล้วมันหงุดหงิดว่ะ เลยจะออกไปหาอะไรกินแก้เครียดหน่อย"




จากนั้นประตูก็ปิดดังปัง ทิ้งให้เมมเบอร์ที่เหลือจมอยู่กับความสงสัยสุดขีด จนเวลาผ่านไปเกือบห้านาที ชิเนน ยูริ ถึงได้เอ่ยปากขึ้นมาเป็นคนแรก




"ไปหาของกิน..แล้ว? ทำไมต้องพาอิโนะจังไปด้วยล่ะ?"





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





"ทาคาคิคุง โกรธอยู่เหรอ?"




เป็นน้ำเสียงรื่นเริงของคนถาม หรือเป็นเพราะคำถามก็ไม่รู้ที่ทำให้คนที่เดินลิ่วๆอยู่ข้างหน้าหันขวับกลับมาทันที




"เปล่า"




โกหกได้แย่ที่สุดในโลก ดูสิ ทั้งสีหน้า แววตา ท่าทางมันแสดงออกตรงกับความรู้สึกซะขนาดนี้ ยังมีหน้ามาบอกว่าเปล่า




"โกรธฉันเหรอ? หรือว่าโกรธยาบุคุง?"




"บอกว่าไม่ได้โกรธไง"




ยูยะตีหน้ายักษ์ใส่ แต่พอตาคู่สวยจ้องกลับมา อาการเดิมๆก็กำเริบขึ้นมากอีก




เมื่อไหร่จะมองตาคู่นี้ได้โดยที่หัวใจไม่ต้องทำงานหนักสักที




"อยากให้ช่วยไม่ใช่เหรอ?"




"เอ๊ะ?"




"ก็อยากให้พาออกมาจากตรงนั้นไม่ใช่เหรอ?"




"รู้ด้วยเหรอ? ดีจังน๊า~"




ก็ส่งสายตาขู่เข็ญบังคับซะขนาดนั้น ลองว่ายูยะไม่ช่วยสิ จะได้เจออะไรดีๆยิ่งกว่าโดนจ้องตาให้หัวใจวายเหมือนครั้งที่แสดงคอนเสิร์ตที่นาโงยาแน่ๆ




"แล้วสองคนนั่นทะเลาะกันเรื่องอะไรล่ะ"




"ฮิคารุเอาหนังสือของยาบุคุงมาโยนเล่นแล้วก็ทำมันขาดน่ะสิ"




"งี่เง่าจริงๆ!!"




ยูยะเองก็บอกไม่ถูกว่าระหว่างยาบุกับฮิคารุ ใครจะงี่เง่ากว่ากัน คนหนึ่งก็ติดจะเล่นไปหมดซะทุกเรื่อง กับอีกคนที่นับวันจะจริงจังจนพลอยทำให้คนอื่นเครียดไปด้วย




"คนรักกันก็มักจะทะเลาะกันด้วยเรื่องงี่เง่าแบบนี้แหละ ทีแรกก็แค่อยากจะช่วยให้คืนดีกันเร็วๆ ที่ไหนได้กลับโกรธกันยิ่งกว่าเดิมซะอีก"




คนพูดทำหน้ายุ่ง  รอยยิ้มเบิกบานล้อเลียนยูยะเมื่อกี๊หายวับไป พลอยทำให้ยูยะรู้สึกแย่ไปด้วย 




เหมือนมองดอกไม้เหี่ยวๆยังไงยังงั้นเลย




"เค้าว่ายิ่งทะเลาะกันจะยิ่งรักกันมากขึ้นนะ"




"ใครบอกนายล่ะทาคาคิคุง ฉันไม่เคยได้ยิน"




"ใครบอกก็จำไม่ได้แล้วแฮะ แต่ว่า..คนสองคนที่มีหัวใจดวงเดียวกันน่ะ ถึงจะโกรธกันมากสักแค่ไหน เดี๋ยวหัวใจมันก็เรียกร้องให้กลับมาหากันเองนั่นแหละ เชื่อเหอะ"




ทั้งสองคนหยุดเดินพร้อมกัน ยูยะแทบไม่เชื่อเลยว่าตัวเองจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้โดยไม่ทันคิด ส่วนเคย์ก็ไม่ได้คิดเหมือนกันว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ออกจากปากร่างหนาได้




"น้ำเน่า"




ด่าแล้วก็ชิ่ง ยูยะมองตามร่างบางแล้วก็ต้องหัวเราะตัวเอง ก็สมควรให้เขาว่าอยู่หรอก ขนาดตัวเองพูดเองยังแทบอ้วก นับประสาอะไรกับคนฟังที่รับไม่ได้จนต้องเดินหนี




แต่ยิ่งเดินตาม เคย์ยิ่งเร่งฝีเท้าเร็วจนยูยะต้องเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง รั้งร่างบางไว้ให้ชะลอฝีเท้าลง




"อิโนะจัง ทำไมอยู่ๆหน้าแดงล่ะ"




"ก็มันหนาว"




ร่างบางบ่นอุบพลางกอดตัวเอง ยูยะเพิ่งสังเกตว่าวันนี้เคย์ใส่เพียงเสื้อยืดแขนยาวมีเสื้อกันหนาวอีกตัวสวมทับไว้ ซึ่งมันไม่พอสำหรับวันที่อากาศหนาวสุดๆอย่างนี้  ลมหนาวพัดแผ่วยิ่งทำให้ตัวสั่น ยูยะนิ่งเพียงครู่แล้วก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ตัวเองก็ไม่คาดคิดเป็นครั้งที่สองของวัน


  

ผ้าพันคอไหมพรมของยูยะ ถูกดึงออกเพื่อนำมาคล้องคอขาวๆที่ไร้เครื่องป้องกันลมหนาวของอีกฝ่าย จัดให้คลุมจนเกือบถึงแก้มเนียน ไออุ่นของร่างสูงยังไม่ทันจางจากผืนผ้า ทำให้คนที่รับมาใจสั่นจนต้องหลับตาซ่อนความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นเอาไว้ แต่ไม่ทันไรก็ต้องสะดุ้งเพราะฝ่ามืออุ่นๆที่ทาบลงบนสองแก้ม แม้จะรู้ว่าเจ้าของมือนั้นเป็นใคร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยกมือเรียวของตนขึ้นทาบลงบนมือหนานั้น




เมื่อลืมตา.. ร่างบางก็ได้พบกับบางสิ่งที่ทำให้หัวใจสั่นไหวยิ่งกว่า




ยิ้มของยูยะ .. ยิ้มที่ใครๆก็บอกว่าเป็นรอยยิ้มของเด็กตัวน้อยๆ  แต่นั่นคือเสน่ห์.. คือความเป็นตัวตนของยูยะ เพราะนั่นเป็นยิ้มที่แสดงถึงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา และนั่น..ทำให้เคย์หยุดสายตาไว้ที่รอยยิ้มแบบนี้โดยไม่รู้ตัว




"เท่านี้ก็ไม่หนาวแล้วเนอะ อิโนะจัง"




ร่างสูงยิ้มกว้างขึ้นอีก ทำให้คนมองต้องพยายามหายใจเข้าลึกๆ  ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ปิดบังความรู้สึกหวั่นไหวของตัวเอง




"ถ้าได้เสื้อกันหนาวอีกตัวก็ไม่หนาวแล้วล่ะ"




รอยยิ้มของร่างสูงจางหายไปทันที ก่อนที่มือหนาจะตีแปะลงบนหน้าผากคนที่ได้คืบจะเอาศอกแบบไม่เบานัก




"ฝันไปเถอะ โลภมากดีนัก เอาผ้าพันคอฉันคืนมาเลย"
 



แต่ร่างบางกลับแลบลิ้นใส่แล้วก็วิ่งหนี




ที่จริง.. แค่ยูยะเอื้อมมือออกไป ก็คว้าผ้าพันคอมาได้แล้ว แต่เขาก็เลือกที่จะวิ่งตามเคย์ไปเหมือนเด็กๆ




แบบนี้ก็มีความสุขดีนี่นา..



 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





"กลับมาแล้วววว"



ยูยะถลาเข้ามาในห้อง เหวี่ยงถุงขนมในมือไปแถวๆมุมห้อง สอดส่ายสายตามองหาของกินอย่างมีความหวัง ไม่สนว่าไอ้ที่โยนๆไปนั่นน่ะ จะปลิวไปตกตรงไหน



"โอ๊ย!!"



"โทษทีฮิคารุ ไม่นึกว่านายจะไปนั่งอยู่ตรงนั้น"




ขอโทษแบบผ่านๆ สายตามองหาของกินที่คาดหวังว่าเพื่อนจะมีน้ำใจหลงเหลือไว้ให้บ้าง เลยถูกคนที่เดินตามมาติดๆค่อนขอดเรื่องน้ำหนักตัวที่ยังลดได้ไม่เท่าไหร่




"พูดแบบนี้แสดงว่าไม่กินใช่มั๊ย งั้นหมดนี่ฉันจัดการเอง"




"งก!! พิซซ่าตั้งครึ่งถาดจะกินคนเดียว เดี๋ยวจะแช่งให้น้ำหนักขึ้นอีกสิบกิโลฯ"




เคย์คว้าถาดพิซซ่าจากมือยูยะยื้อกันอยู่อย่างนั้นไม่มีใครยอมแพ้ใคร จนยาบุต้องออกโรงห้ามทัพ ถึงได้ยอมนั่งกินอย่างสงบเสงี่ยม



 
"ถ้าไม่บอกว่ามีของกิน คงไม่กลับมาสินะ"




ยาบุประชด แต่ก็ไม่จริงจังนัก คงจะอารมณ์ดีกว่าเมื่อตอนที่ยูยะและเคย์พากันออกไป ฮิคารุก็ไม่ได้เอาแต่นั่งเหม่อแต่ไปนั่งซ้อมกีตาร์อยู่กับเคย์โตะ




เสียอย่างเดียว..




มันยังงอนกันไม่เลิก!!




"ถามจริง จะทำเมินแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่?"




ยูยะแอบกระซิบถามตอนที่นั่งลงตรงหน้าโต๊ะตัวเล็กๆที่มีของกินวางไว้เต็ม ยาบุหูทวนลมทำเป็นไม่ได้ยิน ยูยะนึกหมั่นไส้ เออ!! งอนกันเข้าไปเถอะ เดี๋ยวจะเจอดี!




ร่างหนาหันไปมองอีกคนที่นั่งอีกข้าง เคย์กำลังมองยาบุกับฮิคารุสลับกันไปมา มองด้วยสายตาที่ชวนให้นึกสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องยุ่งๆตามมาแน่ๆ


 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



 "ทาคาคิคุง รู้มั๊ยว่าวันนี้เป็นวันอะไร?"




"วันวาเลนไทน์"




ยูยะหวนกลับไปนึกถึงบทสนทนาในร้านเค้กที่ เขาและเคย์ไปนั่งดื่มน้ำชากันที่นั่น อยู่ๆร่างบางก็เอ่ยถามขึ้นมา




"วันแห่งความรัก"




เคย์เอ่ยขึ้นลอยๆ แต่ด้วยประสบการณ์จากการเป็นสิงโตตกหลุมกับดักอยู่บ่อยๆ ทำให้ยูยะมองคนตรงหน้าอย่างจับผิด




"นายคิดจะทำอะไร?"




"เอ๋? เปล่าซักหน่อย"




อย่าหาว่ายูยะใส่ร้ายเลย แต่ท่าทางไม่รู้ไม่ชี้กับยิ้มหวานๆแบบนี้น่ะ ยูยะเห็นบ่อยจนเดาได้ว่า ที่เจ้าตัวบอกว่าไม่มีน่ะ  มันต้องมีอะไรแน่ๆ!!




"ทาคาคิคุง"




"ว่าไง?"




"ฉันไม่ได้เอากระเป๋าเงินมาล่ะ"





 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





ไม่มีเงิน แต่นอกเหนือจากเค้กกับเครื่องดื่มที่นั่งกินด้วยกันแล้ว ร่างบางยังขนซื้อขนมอื่นๆมาตั้งมากมาย ก็ทั้งถุงที่ยูยะเหวี่ยงไปโดนฮิคารุนั่นแหละ สุดท้ายแล้วยูยะก็ต้องเป็นคนจ่ายทั้งหมด แล้วก็หอบกลับมาให้ทุกคนด้วยความสงสัย





คงไม่ได้มีแผนอะไรในใจแล้วหรอกนะ





"นี่ทุกคน มากินขนมกัน ฉันซื้อมาฝาก"





ร่างบางยิ้มกว้าง ยูยะเลยอดว่าไม่ได้





"คนซื้อน่ะฉันต่างหาก นายเป็นแค่คนเลือกขนม ไม่ได้จ่ายตังเลยสักเยน"




"ก็ฉันไม่ได้ติดเงินไปด้วยนี่ เพราะนายนั่นแหละ อยู่ๆก็ลากฉันออกไป"




ทั้งสองยังคงถกเถียงกันต่อไป ไม่ได้รู้สึกเลยว่าบุคคลที่เหลือภายในห้องกำลังทำหูตั้งเก็บข้อมูลเพื่อนำไปประกอบภาพในสมอง ที่ดูจะเตลิดไปไกลแล้ว ภาพยูยะถือตะกร้าคอยเดินตามเคย์ไปช็อปปิ้ง น่าสนใจกว่าเกมในมือนี่เสียอีก




แม้แต่ฮิคารุ ยังลืมความขุ่นข้องหมองใจที่มีมาแต่เช้า เข้าไปสุมหัวกับยามาดะและไดกิทันที




"ทำไมพักนี้ทาคาคิคุงกับอิโนะจังดูแปลกๆ"




เวลาที่เคย์พูด ยูยะจะคอยขัด แต่มันดูง้องแง้งน่ารักผิดกับเมื่อก่อน แล้วเสียงหัวเราะคิกคักนั่นเล่า คนทั่วไปน่ะ ถ้าเพื่อนเอานิ้วเปื้อนซอสจิ้มแก้มละก็ มันคงต้องมีเตะกันสักทีสองที  แต่ยูยะเพียงแค่กุมมือขาวๆแสนซนนั้นไว้เฉยๆ ไม่ตอบโต้แต่ประการใด  กระตุ้นต่อมคนช่างสงสัยให้อยากรู้ว่า สองคนนี้ อะไร? ยังไง? ที่ไหน? ตั้งแต่เมื่อไหร่?




"ทาคาคิคุง อย่านะ!! เอามือออกไปเดี๋ยวนี้!!"




เสียงโวยวายดังลั่นดึงคนที่กำลังตกอยู่ในจินตนาการกลับมาพบกับความจริงที่ว่า คนที่ได้แต่แกล้งคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียวนั่นน่ะ กำลังงอนเพราะถูกยูยะแกล้งคืนบ้างซะแล้ว




"อะไรกัน ทีนายยังแกล้งฉันได้เลย แค่นี้จะเป็นไรล่ะ"




"พอได้แล้ว!! ไปล้างหน้าเดี๋ยวนี้! ทั้งคู่นั่นแหละ"






 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



"ถามจริงเหอะ อิโนะจัง นายคิดจะทำให้สองคนนั้นดีกันยังไง"




ยูยะถามระหว่างที่ทั้งคู่ล้างหน้าล้างมืออยู่ในห้องน้ำตามคำสั่งของยาบุ



 
"มีวิธีหรอกน่า ถามมากจริง"




"จริงๆนะ นายไม่ต้องไปยุ่งกับสองคนนั่นมากก็ได้ เดี๋ยวก็ดีกันได้เองแหละ เหมือนเราสองคนไง"




"เหมือนตรงไหน สองคนนั่นเป็นแฟนกันนะ เราไม่ใช่ซักหน่อย พูดบ้าๆ"




ยูยะอึ้งไปเล็กน้อยที่อยู่ดีๆก็โดนด่า ก็แค่จะเปรียบเวลาที่เขาทำให้เคย์โกรธอยู่บ่อยๆเดี๋ยวก็กลับมาดีกันได้เองเท่านั้น นี่เขาพูดอะไรผิดไปตรงไหน




"ทำไมต้องโกรธจนหน้าแดงขนาดนี้ด้วยล่ะอิโนะจัง"




"เปล่าซักหน่อย เอามือออกไปนะ"




มือที่เอื้อมไปหาด้วยความห่วงใย ถูกอีกฝ่ายปัดมือออก กลับไม่โกรธ ยูยะยิ่งรู้สึกว่ายิ่งน่าแกล้งมากขึ้นอีก เลยใช้นิ้วเปียกๆจิ้มแก้มเนียนไปอีกสองสามที จนถูกทำตาเขียวใส่นั่นแหละถึงยอมเลิกรา




"ชอบแกล้งฉันอยู่เรื่อยเลยนะ โรคจิต!!"




"นึกๆดูก็อาจจะใช่นะ พอเห็นนายงอนแล้วดูน่ารักดี ก็เลยอยากแกล้ง"




"บ้า!!"




ยูยะมองตามแผ่นหลังของร่างบางที่เดินหนีไปอย่างงงๆ รู้สึกว่าพักนี้จะพูดอะไรก็ผิดหู โดนด่ากลับมาทุกคำเลยสิน่า เดินงงๆจนออกมาเห็นยาบุยืนรออยู่ข้างนอก




"อ้าวยาบุ? มายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่"




"ซักพักแล้วล่ะ แต่นายสองคนไม่ได้มองเลยสินะ"




ทีแรก ยาบุแค่จะตามมาดูเผื่อว่าคู่นี้จะหาเรื่องทะเลาะกันอีก  แต่ภาพที่ได้เห็นทำให้เขาตะลึงไปชั่วครู่  จนเคย์เดินหน้าแดงหนีไปนั่นแหละ ถึงได้รู้สึกตัว




"อื้อ~ โทษที"




ยาบุลอบสังเกตใบหน้าเพื่อนซี้ ก็ไม่เจอสิ่งใดที่ผิดไปจากเคย เพียงแต่เมื่อครู่..ที่ได้เห็นยูยะกับเคย์อยู่ด้วยกันนั้น ทำให้ยาบุหวนนึกถึงตัวเองและฮิคารุยังไงพิกล  คนที่เดินหนีไปนั่นน่ะ ดูเหมือนจะรู้สึกตัวแล้ว ปัญหาก็คือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่แหละ ว่าจะรู้ตัว ..รู้ใจตัวเองหรือยัง




"ทาคาคิ นายรู้ไหมเวลาที่เราอยู่กับใครสักคน แล้วรู้สึกดี จนลืมทุกสิ่งรอบตัวน่ะ มันหมายความว่ายังไง"




"ไม่รู้สิ .. "




"หมายความว่าใครคนนั้นเป็นคนพิเศษน่ะสิ"




"ฮืมม์..แล้วยังไงต่อ"




ยาบุชักไม่แน่ใจว่ายูยะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพยายามบอกเป็นนัยๆ  หรือมันเข้าใจแต่ทำเป็นซื่อกวนประสาทเขาอยู่กันแน่




"ที่ฉันพูดนายเข้าใจรึเปล่านี่"




"เข้าใจสิ แต่ไม่รู้ว่านายจะมาบอกฉันทำไม ไปบอกกับคนที่เขารอฟังอยู่ดีกว่านะ จะได้เลิกทำหน้าบูดซักที"




ร่างสูงรู้สึกเหมือนตัวเองถูกตอกหน้ายังไงพิกล ทั้งๆที่เพื่อนซี้พูดด้วยความหวังดีแท้ๆ แต่ทำไมเขาถึงคิดไปว่าถูกยูยะด่าว่า "ไปจัดการเรื่องของตัวเองให้รอดก่อน แล้วค่อยมายุ่งเรื่องของฉัน!"






 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




"มาเล่นเกมส์กันเถอะ"




นี่คือคำพูดแรกของเคย์ เมื่อกลับเข้ามาในห้อง ยูยะแทบจะดีดนิ้วเปาะชื่นชมในลางสังหรณ์ของตัวเอง  ช่างแม่นยำเสียนี่กระไร




"กติกาก็คือ ทุกคนต้องหยิบคุ๊กกี้จากกล่องนี้ไปคนละหนึ่งชิ้น ในคุ๊กกี้จะมีกระดาษแผ่นเล็กๆเขียนคำสั่งไว้หนึ่งข้อ จับได้คำสั่งไหน ก็ต้องทำตามห้ามมีข้อแม้"




"แล้วถ้าทำไม่ได้ล่ะ"




ยูริถามขึ้นมาแต่ก็ไม่มีคำตอบ ได้แต่หยิบชิ้นคุ๊กกี้ที่รุ่นพี่ยื่นมาให้ จากนั้นเคย์ก็เดินแจกคุ๊กกี้รอบวง จนมาถึงคนสุดท้าย




"หยิบไปเร็วๆสิทาคาคิคุง แค่เลือกคุ๊กกี้ไม่ต้องใช้สมองมากก็ได้"




ยูยะปัดกล่องนั้นออก แล้วยื่นหน้าเข้าไปหาคนปากดีจนจมูกแทบจะชิดกัน ร่างบางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ถอยจนเกือบเสียหลัก หน้าแดงแล้วก็ก้มหน้างุดๆเดินหนีไป  ยูยะหัวเราะตามหลังอย่างอารมณ์ดี




ยาบุที่คอยมองมาตลอด เห็นท่าทางของยูยะกับเคย์แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก  เพราะมันทำให้นึกถึงวันเวลาของตัวเอง กับใครอีกคนที่ยังโกรธกันไม่เลิกขึ้นมา มองไปเห็นอีกฝ่ายยิ้มๆก็รู้ว่าฮิคารุคงจะคิดถึงช่วงเวลานั้นอยู่เหมือนกัน  แต่พอหันมาสบตายาบุเท่านั้นรอยยิ้มนั่นก็หายไป




จะโกรธกันอีกนานแค่ไหนนะ..ฮิคารุ




"โอ๊ยยย!!!"




อยู่ดีๆยูโตะก็โผเข้าหายามาดะจนเจ้าตัวร้องลั่น ก็คำสั่งในกระดาษบอกว่าให้กอดคนที่คุณรักให้แน่นๆ ยูโตะเลยต้องทำตามโดยไม่อิดออดเลยสักนิดเดียว




"แต่ยามะจังจะกำลังจะขาดใจตายแล้วนะยูโตะ"




ไดกิออกจะเห็นใจเพื่อนที่กำลังตาเหลือกดิ้นพราดๆเหมือนปลาถูกทุบอยู่ไม่น้อย แต่ตัวเองก็กลับถูกรวบเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของคนข้างๆไม่ต่างกัน




"คงไม่บอกนะว่าได้คำสั่งเหมือนกับยูโตะน่ะ"




"ในกระดาษเขียนว่าให้แสดงความรักนี่ แต่ถ้าทำมากกว่านี้ไดจังคงไม่ยอมใช่มั๊ยล่ะ"
 



ต่อให้มากกว่านี้ ยูยะก็คิดว่าไดกิคงจะไม่ปฏิเสธ ดูจากที่เจ้าตัวซบหน้าลงกับอกคนกอดซ่อนแก้มแดงๆไว้แล้วละก็นะ  ก็ใครกันจะทนสายออดอ้อนหวานเชื่อมแบบนั้นได้เล่า เห็นเงียบๆขรึมๆแบบนั้น เคย์โตะก็เจ้าเล่ห์ใช่ย่อยหรอกนะ




"อิจฉาหรือไง? ทาคาคิ"




"ฉันไม่ใช่นายซักหน่อย  นี่เคย์โตะ! ยาบุมันบอกว่าอิจฉานายแน่ะ"




ยูยะร้องบอก ไม่สนใจยาบุที่ทำหน้ายักษ์ใส่ เคย์โตะหัวเราะแล้วก็ตอบกลับมาด้วยคำพูดที่ทำให้ฮิคารุถึงกับสะดุ้ง




"ถ้าอิจฉา ก็รีบๆ "จัดการ" ซะสิ"




"เอ๋??????? นายหมายถึงอะไรเหรอเคย์โตะ"




"นั่นสิหมายถึงอะไรกันน๊า~ ฮิคารุคุงว่าไง?"




ริวทาโร กับยูริ ทำเสียงล้อเลียน มองตรงไปทางฮิคารุที่ยังนั่งทำหน้าเชิดคอแข็ง แม้ว่าในใจจะหวั่นไหวกับภาพความทรงจำกับความอบอุ่นของอ้อมแขนของยาบุ แต่ก็ยังโกรธไม่หาย แค่ปกหนังสือขาดไปไม่ถึงครึ่งเซนต์ ก็โวยวายบ้านแทบแตก




เห็นหนังสือสำคัญกว่าฉันล่ะสินะ..




"ไม่รู้หรอก ไม่เกี่ยวกับฉัน"




ยูยะไม่รู้จะหัวเราะดีหรือเปล่า เพราะนอกจากคำตอบของฮิคารุจะทำให้ยาบุหน้าตึงไปแล้ว คนที่เจ้ากี้เจ้าการให้ทุกคนเล่นเกมก็ทำหน้าตาจ๋อยๆเพราะแผนที่คิดไว้มันดันไม่เวิร์คซะนี่ แล้วกรรมจะตกที่ใครได้ถ้าไม่ใช่เขา ก็ตาคู่สวยที่มองมามันบอกอย่างนั้น




ที่ยอมช่วยเพราะอยากให้ยาบุกับฮิคารุคืนดีกันหรอกนะ




"ทาคาคิคุงได้คำสั่งอะไรเหรอ?"




ยูยะกัดคุ๊กกี้ไปครึ่งชิ้น ดึงกระดาษที่ซ่อนอยู่ข้างในออกมาอ่าน แต่พอเห็นข้อความในนั้นแล้วก็แทบอยากปาทั้งขนมทั้งกระดาษลงถังขยะเสีย




คำสั่งคือ "สารภาพรัก"




ทุกคนหัวเราะกันครืนใหญ่ ล้อเลียนว่ากว่ายูยะจะได้เจอคนที่ได้สารภาพรักก็คงแก่พอดี




"หรือไม่ก็หาเอาแถวนี้ก็ได้นะ"




ฮิคารุเอ่ย มองยูยะส่งสายตามีความนัยไปทางเคย์ที่นั่งติดกัน เลยถูกตอกกลับจนต้องหุบยิ้มทำหน้าตึงเหมือนเดิม




"ไปหาคนของนายก่อนเถอะ ทำหายไม่ใช่เหรอถึงได้มานั่งหน้าบูดทั้งวัน เลิกพูดอะไรบ้าๆแล้วดูกระดาษของตัวเองได้แล้ว"




ฮิคารุงงที่อยู่ดีๆก็โดนเหวี่ยง ยูยะขยับตัวเตรียมพร้อมเผื่อว่าร่างบางจะหงุดหงิดจนพาลล้มโต๊ะเลิกเล่นเกมส์ไปเสียก่อน แล้วกระดาษที่อยู่ในมือของฮิคารุและยาบุก็ไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น เพราะมันเขียนว่า "ขอโทษ" และ"ขอคืนดี"




"ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษด้วย!"




"ฉันก็ไม่คิดจะง้อใครเหมือนกัน"




"เมื่อไหร่นายสองคนจะเลิกทะเลาะกันสักที"




คนที่อยู่ตรงกลางโพล่งขึ้นอย่างเหลืออด แต่ดูเหมือนอีกสองคนก็คงจะรู้สึกอย่างเดียวกัน




"ไม่เกี่ยวกับนายเลยนะ อิโนะจัง!!!"




อิโนะโอะ เคย์ เกิดอาการฟิวส์ขาดทันที ร่างบางลุกพรวด เดินไปเก็บข้าวของออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ฮิคารุหน้าเสีย เพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดแรงไป ทุกคนในห้องรวมทั้งยาบุมองมาด้วยสายตาตำหนิ  แต่เคย์ไม่อยู่รอฟังคำขอโทษจากเขาด้วยซ้ำไป




วินาทีต่อมาทาคาคิ ยูยะก็ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเดินไปที่ประตูบ้าง แต่ก่อนจะออกจากห้อง ก็หันกลับมามองหน้าเพื่อนอีกสองคนที่ยังมีสีหน้าดื้อดึงอยู่




"ฉันรู้ว่าระหว่างพวกนาย เป็นเรื่องของคนสองคน แต่อย่าลืมว่ารอบตัวนายก็ยังมีความรักจากใครอีกหลายๆคน ที่อยากเห็นนายสองคนมีความสุข"




ฮิคารุเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ยั้งเอาไว้ ยาบุเพียงแต่มองเพื่อนด้วยสีหน้าที่ทุกคนก็เดาใจไม่ออก ยูยะได้แต่ถอนหายใจ




"ขนมนั่นน่ะ อิโนะจังเลือกอยู่เป็นชั่วโมงๆ ตั้งใจเลือกมาเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ให้พวกเรา โดยเฉพาะนายสองคน"




ยูยะหันหลังกลับ ก้าวออกไปพ้นประตู




"แต่มันคงไม่จำเป็นแล้วสินะ"





 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






"บอกแล้วนี่ว่าไม่ต้องไปยุ่งกับสองคนนั้นก็ได้"




"จะบอกว่าฉันทำให้เรื่องยุ่งมากขึ้นใช่มั๊ยล่ะ"




น้ำเสียงเคืองโกรธนั้นไม่ทำให้ยูยะเป็นห่วงเท่าดวงตาแดงก่ำ  ร่างบางทำท่าจะร้องไห้ตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับ ยูยะกลัวจะหนาวตายเลยต้องพากลับมาที่ห้องด้วย  เคย์ถูกเขาจูงมือมาโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว มาถึงก็นั่งซึมไม่พูดไม่จาจนถึงค่ำ




"จริงรึเปล่าล่ะ"




ร่างบางหันขวับ เงื้อมือหมายจะทุบคนช่างซ้ำเติมให้เจ็บตัวเสียบ้าง แต่ร่างหนากางมือรอรับอยู่แล้ว ทำให้ต้องชะงัก สายตามุ่งมั่นที่มองกลับมานั้นราวกับจะบอกว่า ..ถ้ามันจะทำให้นายรู้สึกดีขึ้นละก็..





"ฉันก็แค่อยากให้สองคนนั้นคืนดีเร็วๆ ก็วันนี้เป็นวันแห่งความรัก"




"สำหรับสองคนนั่น ไม่ว่าวันไหนก็เป็นวันแห่งความรักทั้งนั้นแหละ รวมทั้งวันที่โดนใครบางคนป่วนด้วยนะ"




"เพราะนายนั่นแหละ"




ร่างบางค้อนควับ ลืมเรื่องหมองใจไปชั่วครู่  ยูยะรู้สึกสบายใจที่อย่างน้อยเคย์ก็ยังถูกเขายั่วโมโหได้ง่ายๆเหมือนเดิม วาดแขนโอบไหล่อีกคนเข้ามาชิดกายอย่างอารมณ์ดี




"เดี๋ยวพรุ่งนี้สองคนนั่นก็ดีกันเองแหละน่า"




"ก็ลองไม่ดีสิ จะทำให้เลิกกันจริงๆเลยคอยดู!!"





 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ร่างบางกลับมายืนกระวนกระวายอยู่หน้าห้องพักของจัมพ์ด้วยความกังวลใจในเช้าวันต่อมา




"เข้าไปเถอะ"




ยูยะพาดแขนโอบร่างบางเป็นการให้กำลังใจ พาเดินไปด้วยกัน




เพียงแค่เปิดประตู เสียงโหวกแหวกโวยวายก้ดังเข้ามากระแทกหูจนหูอื้อ เสียงหัวเราะร่าเริงจากทุกคนภายในห้องทำให้ทั้งคู่อึ้งไปชั่วขณะ




"อิโนะจังมาแล้ว"




ฮิคารุวิ่งร่าเริงเข้ามาหา ช่างแตกต่างกับฮิคารุคนเมื่อวานที่แสนจะมืดหม่นราวฟ้ากับเหว ยาบุเองก็ส่งยิ้มสว่างเจิดจ้ามาจากมุมห้อง




คืนดีกันแล้วสินะ..




เชอะ!!! ร่างบางเชิดหน้าเดินหนีไปนั่งกับไดกิ ทิ้งยูยะไว้กับฮิคารุที่ทำหน้าละห้อย ก่อนที่ร่างสูงจะถูกลากไปนั่งข้างๆยาบุ




"อิโนะจังเป็นไงบ้าง?"




"ไม่ไปถามเข้าตัวล่ะ?"




ถ้าไม่ติดว่ายูยะเป็นคนเดียวที่ตอบสิ่งที่อยากรู้ตอนนี้ได้ละก็ ยาบุจะยันซะให้ตกโซฟา พูดมาได้ว่าให้ไปถามเอง เคย์ไม่มองหน้าเขากับฮิคารุด้วยซ้ำ คงโกรธเรื่องเมื่อวานไม่หาย ฮิคารุโทรฯไปก็ไม่รับ โทรฯไปที่บ้านคนที่บ้านก็บอกว่าไปค้างที่ห้องทาคาคิ พอโทรฯหาทาคาคิก็ดันปิดเครื่องซะอีก




"อิโนะจังเป็นคนปิดน่ะ บอกว่าไม่อยากได้ยินเสียงนายสองคน"




ยูยะพูดความจริง แต่แค่ครึ่งเดียวนะ ประโยคที่บอกว่าไม่อยากได้ยินเสียงน่ะเคย์ไม่ได้พูดสักนิด เมื่อวานหลังจากที่นั่งคุยกันซักพักต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำกิจกรรมของตัวเองแล้วก็เข้านอนตามปกติ




แต่สองคนนี้ไม่รู้นี่นา..




"อิโนะจังโกรธขนาดนั้นเลยเหรอ?"




ยาบุกุมมือฮิคารุไว้อย่างปลอบใจ หันมาจ้องหน้ายูยะอย่างจับผิด แต่ก็ไม่เจออะไรสักอย่างเดียว




"แล้วพวกนายดีกันได้ไงล่ะ?"




"เมื่อวานหลังจากที่นายออกไป ทุกคนก็พากันเดินหนีเราสองคนออกไปหมด เราเลยมานั่งปรับความเข้าใจกัน ก็แค่นั้นแหละ"




"แค่นั้น?"




"ที่จริงก็..เพราะนี่ด้วย"




ยาบุยื่นกล่องขนมกล่องหนึ่งให้ ยูยะจำได้ว่าเป็นกล่องช็อกโกแลตที่เคย์ยืนเลือกอยู่เป็นนานสองนานกว่าจะตัดสินใจได้




"เครียดมากๆมันหิว ก็เลยแกะกิน เจอคำทำนายเนื้อคู่บนกระดาษห่อ ก็เลยทำให้คิดอะไรได้หลายๆอย่าง"




"ไหนเอามาดูซิ"




"ไม่ให้!!! จนกว่านายจะช่วยฉันง้ออิโนะจัง"




"ฝันไปเถอะ!!"




ยูยะพูดอย่างไร้เยื่อใย ลุกหนีไปนั่งข้างๆเคย์พร้อมด้วยกล่องช็อกโกแล็ต ซุบซิบพูดอะไรกันบางอย่าง จากนั้นเคย์จึงมองมาทางนี้แล้วเมินหนีไป




"อ๊ะ!! ทาคาคิคุงกับอิโนะจังได้ช็อกโกแลตแล้วเหรอ รีบๆแกะสิฉันอยากรู้ว่าเนื้อคู่ของทั้งสองคนจะเป็นยังไง"




"เอาของพวกนายมาแลกสิ"




"อ่ะนี่"




ยูริยื่นกระดาษมาให้เป็นคนแรก ในนั้นมีข้อความเขียนไว้ว่า 











"เนื้อคู่ของคุณจะอายุน้อยกว่า แต่ไม่มาก นิสัยขวานผ่าซากกวนโมโหสุดๆ ชอบแสดงท่าทางเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ แต่จริงๆแล้วเป็นเด็กขี้แยและเอาแต่ใจ แต่ก็ทำไปเพราะความเป็นเด็กนั่นแหละ เพราะฉะนั้นคุณต้องเข้าใจเขาให้มากๆเท่านั้นก็พอแล้ว"




"ชิเนนจะได้แฟนเด็กกว่าเหรอ?"




"คงงั้นมั้ง"




"แต่นิสัยแบบนี้คุ้นๆเหมือนเคยรู้จักเลย"




เคย์พูดพลางใช้ความคิด แต่ไม่ทันจะนึกออกหระดาษแผ่นใหม่ก็ถูกส่งมาให้อ่าน




ของริวทาโร




"เนื้อคู่ของคุณเป็นคนหัวดีมาก ช่างอ้อน แล้วก็แสนงอนเสียด้วย แต่ความน่ารักกับรอยยิ้มจะทำให้คุณใจอ่อน ยอมให้หมดหัวใจ"




"มั่วชัดๆ ถึงจะมีแฟนน่ารักแค่ไหนฉันก็จะไม่ตามใจขนาดนั้นหรอก"




ริวทาโรบอกพลางส่ายหน้าน้อยๆ จากนั้นก็เป็นคำทำนายของยามาดะบ้าง 



"เนื้อคู่ของคุณ เป็นคนมีพละกำลังเหลือเฟือสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ จนบางทีอาจจะทำให้คุณรำคาญใจไปบ้าง แต่ว่าความไฮเปอร์นั่นละคือสเน่ห์ที่ทำให้คุณหลงรัก"




"เป๊ะมาก!"




"หมายถึงนิสัยของตัวจริงหรือเสน่ห์ที่ทำให้หลงรักกันล่ะยามะจัง"




ยามาดะแก้มแดงเพราะถูกเพื่อนล้อ แต่กระโดดตะครุบกระดาษห่อขนมในมือของไดกิ แย่งกันไปมาก็โยนกระดาษชิ้นนั้นให้ให้เคย์กับยูยะอ่านได้สำเร็จ




"เนื้อคู่ของคุณมีมาดสุภาพบุรุษเต็มตัวจนใครๆก็อยากคว้ามาเป็นแฟน แต่กลับซ่อนความขี้อ้อนปากหวานเอาไว้เพื่อใช้กับคุณ ทำให้คุณยิ่งรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น"




ยิ่งอ่าน ก็ยิ่งตรง  สงสัยว่าช็อกโกแล็ตทำนายเนื้อคู่นี่จะแม่นจริงซะแล้ว ไม่รู้คนทำเป็นแม่มดหรือเปล่า แต่ละคนถึงได้คำทำนายเนื้อคู่ที่เป๊ะขนาดนี้




"ของเคย์โตะกับยูโตะล่ะ"




"เราสองคนได้คำทำนายเหมือนกันเลยล่ะ ตอนแรกคิดว่าจะได้เป็นเนื้อคู่กันเองซะแล้ว"




"เนื้อคู่ของคุณ หน้าตาน่ารักจนคนมองต้องเหลียวหลัง แต่นิสัยผิดกับหน้าตาลิบลับ เพราะนอกจากจะนิสัยห้าวเรียกพ่อแล้ว ยังโผงผางช่างเหวี่ยงเสียจนน่าตกใจ แต่ถึงเหวี่ยงยังไง คุณก็รักนั่นแหละ"




คนอ่านเงยหน้าขึ้นมองสองคนที่ถูกเอ่ยถึงในคำทำนายแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วยกับยูโตะและเคย์โตะทันที




"พวกเราเหวี่ยงตรงไหนกันห๊ะ!!!!"




ยามาดะกับไดกิถามเอาเรื่อง คนที่เหลือต้องทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่อยากหัวเราะแทบตาย ยูยะยักคิ้วใส่เพื่อนอีกสองคนที่นั่งอยู่ห่างออกไปเป็นเชิงถามว่า "ไหนล่ะคำทำนายของพวกนาย?" ยาบุเลยตอบด้วยการขยำกระดาษกลมๆเล็กๆสองก้อนปาใส่หัวยูยะเสียเลย




ยูยะรีบแกะกระดาษออกอ่านทันที เคย์ก็เอียงหัวเข้ามาใกล้ด้วยความอยากรู้




"เนื้อคู่ของคุณ เป็นคนเฮฮาร่าเริง อยู่ที่ไหนก็ทำให้มีแต่เสียงหัวเราะ จนบางครั้งดูเหมือนเป็นคนไร้สาระ แต่จงอย่าลืมว่ารอยยิ้มของเขาก็คือรอยยิ้มของคุณ เสียงหัวเราะของเขาก็คือเสียงหัวเราะของคุณเช่นกัน"




"มิน่า..เวลาฮิคารุไม่ยิ้ม ยาบุคุงก็ทำหน้าบูดทุกทีเลย ไหนของฮิคารุล่ะ"




"เนื้อคู่ของคุณเป็นคนค่อนข้างเจ้าระเบียบ มีความรับผิดชอบสูง จริงจังจนบางครั้งทำให้คุณหงุดหงิด แต่ภายใต้ท่าทางเข้มงวดนั้นคือความใจดี และอบอุ่นที่เขาจะมอบให้กับคุณและเผื่อแผ่ไปถึงคนรอบข้างด้วย"




"จริงๆน่าจะเพิ่มคำว่าจุกจิกจู้จี้ขี้บ่นลงไปด้วยนะ จะได้ตรงกว่านี้"




ยูยะกัดเพื่อนอย่างโจ่งแจ้ง อีกฝ่ายก็อารมณ์ดีเกินกว่าจะตอบโต้ได้แต่ยิ้มจนตาปิด จนยูยะอยากจะปากล่องช็อกโกแลตใส่หัวมันจริงๆ




"นี่ทาคาคิคุง ฉันอยากอ่านคำทำนายเนื้อคู่ของนายล่ะ"




"ก็เอาสิ  เอ๊ะ แต่ช็อกโกแล็ตนี่มันไม่มีกระดาษห่อนี่นา"




ทุกคนก้มมองช็อกโกแลตรูปหัวใจเปล่าๆไร้กระดาษสีทองเขียนคำทำนายห่อไว้เหมือนอย่างที่คนอื่นๆมี และมันมีเพียงชิ้นเดียวแทนที่จะเป็นสอง




"เอ๋!!!!!"




ทุกคนรอบตัวยูยะและเคย์ร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกันอย่างเสียดายสุดๆ




"ทำไมเป็นงี้ล่ะ? ตอนที่ซื้อมานายไม่ได้ดูเหรออิโนะจัง"




"ขอโทษทีนะ ไม่ได้สังเกตน่ะ"




แล้วทุกคนก็ละความสนใจจากกระดาษห่อขนมกลับไปทำกิจกรรมโปรดของตัวเองต่อไป  ยูยะยื่นช็อกโกแลตชิ้นสุดท้ายไปให้ร่างบาง แต่เจ้าตัวส่ายหน้า




"นายกินเถอะ ฉันไม่ชอบช็อกโกแลตเท่าไหร่"




"งั้นเหรอ? งั้นก็ขอบใจนะ"




ยูยะหยิบช็อกโกแลตชิ้นสุดท้ายเข้าปากทันทีไม่รีรอ ร่างบางยิ้มแก้มปริก่อนจะหลบสายตาช่างสงสัยด้วยการยกหนังสือขึ้นมาอ่าน  เมื่อวานน่ะยูยะคงไม่ได้สังเกตหรอกว่าช็อกโกแล็ตกล่องนี้ไม่ได้ถูกรวมไปในถุงเดียวกับขนมที่ยูยะเป็นคนจ่าย ร่างบางซื้อเอาไว้หนึ่งวันก่อนหน้านั้นแล้วถึงได้เอามาใส่รวมกับถุงคุ๊กกี้ที่ซื้อมาเมื่อวาน




ส่วนช็อกโกแลต เคย์ก็กินไปแล้วชิ้นหนึ่งด้วยความอยากรู้ กระดาษห่อเขียนคำทำนายนั้นถูกเก็บไว้อย่างดีในสมุดเล็คเชอร์ที่พกติดตัวมาทุกวัน  ส่วนกระดาษห่อช็อกโกแลตของยูยะ เขาเพิ่งแกะมันออกตอนที่ทุกคนเผลอ ตอนนี้มันอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเขานี่เอง




ก็ไม่ได้อะไรมากมากหรอกนะ แค่อยากรู้ว่าเนื้อคู่ของคนที่อยู่ข้างๆนี่จะเป็นคนแบบไหนเท่านั้นเอง




วาเลนไทน์นี้ฉันให้ช็อกโกแลตนายแล้วนะ ทาคาคิคุง  อย่าลืมของขวัญวันไวท์เดย์ให้ฉันด้วยล่ะ





++++++++++++++++END++++++++++++++++





จบแล้วววว เป็นการเขียนฟิคที่..ยากมาก เพราะใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ ลบแล้วแก้ ลบแล้วแก้อยู่นั่นแหละ หวังว่าคงจะถูกใจคนอ่านน๊า~











++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


จะมีคนโวยวายมั๊ย ถ้าคนเขียนไม่เฉลยว่าอีกสองคนที่เหลือได้คำทำนายอะไรกันบ้าง?


แต่ถึงไม่มีก็จะเฉลยละนะ  ไม่ใช่อะไร กลัวลืม


เดี๋ยวมาเขียนทีหลังแล้วมันจะไม่เหมือนเดิม




กระดาษที่ซ่อนอยู่ในสมุดเล็คเชอร์ของอิโนะจัง




“เนื้อคู่ของคุณเป็นคนมาดเยอะ ภายนอกดูสง่างาม มีเสน่ห์ แต่ตัวจริงกลับขี้กลัว และใสซื่อเหมือนเด็กๆ จนคุณอยากจะแกล้งอยู่เรื่อยไป แต่ระวังให้ดี  แกล้งไปแกล้งมาคุณจะตกหลุมรักความใสซื่อแบบนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น”





กระดาษที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อของอิโนะจัง



“เนื้อคู่ของคุณเป็นคนฉลาดและเจ้าเล่ห์นิดๆ  คอยขุดหลุมพรางดักคุณอยู่เรื่อย แล้วคุณก็ตกหลุมนั่นอยู่เรื่อยซะด้วยสิ  ไม่ใช่เพราะหนีไม่ได้  แต่คุณตกหลุมพรางบ่อยเสียจนติดใจ  ไม่อยากหนีไปไหนแล้วต่างหาก”




จบดีกว่า^^

2 comments:

  1. ภรรยาป๋าหม่ามี๊ชี่16/02/2012, 08:31

    กรี๊ดดดดดด กรี๊ดดดดดดด กรี๊ดดดดดดดดดด คุณปี้เอานิสัยน้องมาให้ชายป่ะเนี่ย กร้ากกกกกกกกก แอบฮาน้องบุ คุณน้องคะในฐานะที่พี่ลำไยเป็นพี่สาวฝาแฝด เรื่องหนังสือที่ขาดนั้นแกก็ให้ฮิคมันซื้อใช้ซะสิ โฮ่ๆ เรื่องอะไรเราต้องเสียร่องรอยของหนังสือเราไปโดยเปล่าประโยชน์จริงมะ ลำไยเข้าใจบุจี้น้าาาาาาาาาาา

    ป.ล.แอบขัดขืนอีกสองคู่เล็กๆ ความจริงไดชี่ก็ได้อยู่นะ *สะบัดบ๊อบ*  ̄ε  ̄

    ReplyDelete
  2. นึกภาพยูยะถือตะกร้าช้อปปิ้งเดินตามเคย์ต้อยๆ แล้วก็...โฮกกกกกกก
    ยูยะโอบไหล่เคย์บ่อยไปมั้ย

    ยาบุชักจะเหมือนพ่อแก่เข้าไปทุกทีๆ 5555

    ชอบคำทำำนายคู่ชี่ทาโร่
    โดยเฉพาะของยามะได น่ารักแต่ห้าว เป๊ะมาก

    สรุปว่าชอบทุกคู่เลย

    จะมีฟิควันไวท์เดย์มั้ย

    ReplyDelete