Title : [SF] Don’t know me, Don’t know you
Writer : Nalikakeaw
Pairing : Takainoo
ฟิคเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจมาจากเพลงที่เพราะมากเพลงหนึ่งค่ะ
คิดพล็อตมานานแล้วแต่เพิ่งจะเขียน
เป็นฟิคสั้นมากอีกเรื่องหนึ่ง
ถนนสายนี้ยาวเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดเลย...
ปลายทางของถนนสายนี้ไม่มีจุดหมายหรือไงนะ..
ไม่หรอก..
ถนนทุกสาย..ทุกเส้นทาง ไม่ว่าใกล้หรือไกลก็ย่อมมีปลายทางทั้งนั้น
ตัวเขาเองต่างหากที่กำลังเดินอย่างไม่มีจุดหมาย
ขาเพรียวนำพาร่างสูงในเสื้อยืดสีเขียวหม่นกับกางเกงสีกากีเดินไปเรื่อยๆ ไม่สนใจผู้คนรอบกาย หนีห่างจากความวุ่นวายรอบข้าง
ในทุกครั้งที่ก้าวไปข้างหน้า
เขาหวังจะทิ้งอารมณ์สับสนมากมายไว้กับรอยเท้าเบื้องหลัง แต่ยิ่งเดิน ..
ความรู้สึกเหล่านั้นยิ่งเกาะกุมหนักอึ้งอยู่ในใจ
เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่เด็กเล็กๆ ที่จะต้องมานั่งน้อยใจที่วันเกิดของเขาปีนี้ไม่มีใครสนใจ พ่อแม่ต้องไปธุระสำคัญที่ต่างจังหวัด น้องสาวไปทัศนศึกษา
คืนนี้ทั้งคืนเขาต้องอยู่บ้านคนเดียว
ตอนแรกเขาไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอโทรฯไปหาเพื่อนรัก เพื่อนกลับติดงานมาหาไม่ได้
ส่วนแฟนสาวก็เพียงแค่ส่งเมลล์มาบอกว่าติดธุระยุ่ง แต่ก่อนหน้าที่เธอจะส่งเมลล์มา
เขายังเห็นแฟนสาวของเขาเดินช็อปปิ้งสนุกสนานอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆในย่านศูนย์การค้า เมื่อเขาลองโทรฯหาเธอ กลับไม่มีคนรับสาย
ภาพที่แฟนสาวโยนโทรศัพท์ลงในกระเป๋าสะพายโดยไม่สนใจ ทั้งที่เห็นแล้วว่าเขาโทรฯหา มันทำให้ความรู้สึกหลากหลายที่เกิดขึ้นตอนเช้า
ตั้งแต่ตอนที่เขาตื่นมาพบว่าไม่มีใครอยู่ในบ้าน ครอบครัวไม่ได้อยู่รอทักทายหรือบอกลา ไม่มีแม้แต่กระดาษโน้ตที่เขียนข้อความถึงเขา
หรือตอนที่ฮิคารุพูดกับเขาไม่กี่คำแล้วรีบวางสาย
มันทำให้เขารู้สึกแย่..
รู้สึกว่าตัวเองไร้ความสำคัญ จนต้องพยายามสงบอารมณ์โดยการไปนั่งในร้านกาแฟ แต่ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็จ่ายเงินและออกจากร้านโดยที่กาแฟที่สั่งมาไม่ได้พร่องลงไปแม้แต่น้อย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เคย์หยุดเดินเมื่อมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อมองเห็นสถานที่นั้นชัดๆ
จึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เดินมาอย่างไร้จุดหมาย ในใจเขาต้องการสถานที่สงบเงียบสักแห่ง เพื่อที่จะขบคิดหาทางขจัดอารมณ์ไร้สาระที่รบกวนใจ
สองข้างทางมีต้นไม้ขึ้นเรียงราย แต่สีสันของต้นไม้เหล่านั้นกลับดูหมองหม่น อาจเป็นเพราะท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆสีเทาครึ้มฝนอยู่ก็เป็นได้
เคย์เดินลึกเข้าไปในสวนสาธารณะ มองหามุมเงียบๆ แต่ที่นั่งในมุมเงียบนั้นกลับมีคู่หนุ่มสาวแอบอิงแนบชิดกันเสียหมด
ทำให้เคย์ต้องเดินออกจากตรงนั้นด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกทิ้งตัวลงบนสนามหญ้ากว้าง นอนมองก้อนเมฆสีเทาที่เคลื่อนไปช้าๆ
พลางทบทวนความรู้สึกของตัวเอง
เมฆเริ่มรวมตัวใหญ่ขึ้น เป็นสีเทาเข้มขึ้น และเคลื่อนช้าลง
เคย์ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่กระทบกับทางเดินปูด้วยหิน ใกล้เข้ามา และห่างออกไปอย่างรีบเร่ง จนกระทั่งเขาได้อยู่กับความเงียบงันอย่างที่ต้องการ..
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ท้ายที่สุด
เคย์ก็ยิ้มจนเกือบจะกลายเป็นหัวเราะ
พร้อมๆกันกับที่สายฝนเริ่มโปรยปราย ลงมา
โง่ชะมัด..
ก็แค่วันเกิดน่ะ ถ้าคิดว่ามันเป็นวันธรรมดาๆวันหนึ่ง
การที่พ่อแม่และน้องสาวจะทิ้งให้เขาอยู่บ้านคนเดียวก็ไม่เห็นจะเป็นไร ฮิคารุ
ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทมากแค่ไหน
ก็ไม่ได้มาเจอกันทุกวันสักหน่อย
ถึงช่วงนี้หมอนั่นจะติดแฟนแต่ก็ไม่ได้ลืมเพื่อนอย่างเขาเลย ส่วนแฟนสาวของเขา
เขาเริ่มรู้สึกว่าต่างคนก็ต่างมีชีวิตอยู่ในโลกสองใบที่ค่อยๆห่างออกจากกันมานานแล้ว
“ถ้ายังนอนอยู่อย่างนี้..จะเป็นหวัดนะ”
อยู่ๆร่างสูงของคนแปลกหน้า
กับร่มพลาสติกสีใสก็ปรากฏเข้ามาในสายตา
เคย์ไม่รู้จักคนตรงหน้า
แต่ก็ยอมจับมือที่ยื่นมาหา
ยอมให้อีกฝ่ายดึงเขาลุกขึ้น
ใต้ร่มสำหรับหนึ่งคน
สองคนยืนเบียดกันท่ามกลางหยดน้ำเย็นๆที่ตกลงมาไม่ขาดสาย เคย์รู้สึกได้ถึงไออุ่นของคนแปลกหน้า
ได้กลิ่นหอมที่ชวนให้รู้สึกถึงความอบอุ่นของบ้าน
สิ่งเหล่านี้หรือเปล่าที่ทำให้เคย์ไม่รู้สึกรังเกียจเมื่ออีกฝ่ายเช็ดหยดน้ำที่แก้มให้ด้วยปลายนิ้ว
แล้วแก้มใสก็เริ่มร้อน..
อยู่ๆก็รู้สึกอาย
เคย์ละสายตาจากรอยยิ้มของคนแปลกหน้า ก้มลงมองผืนหญ้าแวววามแทน ความคิดเริ่มสับสนอีกครั้ง
แต่คราวนี้เป็นเพราะความจริงใจคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างกัน นัยน์ตาคู่นั้นแสดงออกว่าห่วงใยทั้งๆที่ไม่เคยรู้จัก
“ยิ้มได้แล้วสินะ”
เคย์กระพริบตา ไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังยิ้ม แต่พอรู้แล้วก็ยิ้มมากขึ้นอีก
“ทีนี้ก็หมดห่วงแล้ว”
อยู่ๆ
ความรู้สึกหงอยเหงาที่เคย์คิดว่าสลัดออกจากใจไปได้แล้ว ก็หวนคืนกลับมา
“อย่าเพิ่งไปได้ไหม”
เคย์เอื้อมมือไปรั้งคนแปลกหน้าไว้ รู้สึกอายที่ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจ เมื่ออีกฝ่ายหันมาอีกครั้ง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นพลันหายไป
ใบหน้าของคนไม่รู้จักใกล้เข้ามา ราวกับเป็นภาพช้ากลางสายฝน เคย์หลับตาลง
ยอมรับริมฝีปากอบอุ่นที่ประทับลงมาอย่างไม่นึกรังเกียจ
เสี้ยววินาทีแสนสั้นที่อยากให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน หากแต่แม้ลืมตาแล้วพบว่าไม่เป็นดังหวัง เคย์ก็ยังรู้สึกอิ่มเอิบในหัวใจ เพราะคำพูดสุดท้ายของคนแปลกหน้า ก่อนที่จะลาจากกันไปท่ามกลางสายฝนพรำ
“ขอให้มีความสุขนะ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ยูยะยืนใจเต้นอยู่หน้าประตูร้านกาแฟเล็กๆที่ร่วมหุ้นลงทุนเปิดกับเพื่อนอีกสองคน
วันนี้ร้านเปิดสายไปหนึ่งชั่วโมง เพราะยาบุไปซื้อของเข้าร้านกับฮิคารุ
ส่วนตัวเขาก็เกิดครั่นเนื้อครั่นตัวทำให้ตื่นสาย แต่หลังจากที่เตรียมของเสร็จ
กำลังจะเดินไปพลิกป้ายที่แขวนอยู่ตรงไประตูหน้าให้เป็นคำว่า “OPEN” ยูยะก็นึกอยากจะลาป่วยไปเสียเลย
คนที่ยูยะไม่เคยรู้จัก เพียงแค่เห็นหน้ากันครั้งแรกเมื่อวาน คนที่สั่งกาแฟแต่ไม่ได้ดื่ม คนที่เดินออกจากร้านด้วยสีหน้าหมองเศร้า จนยูยะอดห่วงไม่ได้ ต้องเดินตามไป
ยูยะละสายตาจากแผ่นหลังบอบบางที่เดินนำไปอย่างไร้จุดหมายไม่ได้เลย
นับตั้งแต่ออกจากร้านจนกระทั่งร่างบางทอดตัวลงนอนบนผืนหญ้าใต้ท้องฟ้าหม่น ตอนที่ยูยะออกไปหาซื้อร่มกลับมาฝนก็เริ่มตกแล้ว แต่ร่างบางก็ยังนอนอยู่ที่เดิม
เพราะกลัวว่าร่างบางจะตากฝนจนเป็นปอดบวม ยูยะจึงรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปทัก เอื้อมมือไปหามือของคนที่ไม่รู้จัก
ดึงให้ลุกขึ้นยืน ทั้งๆที่ใจสั่น แต่ก็ยังยืนอยู่ด้วยกันใต้ร่มคันเล็ก รอจนรู้สึกว่าอีกฝ่ายสบายใจขึ้น
ยูยะก็ตั้งใจจะลา
แต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจ...
เพราะเมื่อหันกลับมาพบกับสายตาเหงาๆ
ก็ทำให้ยูยะเผลอ..ทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำกับคนไม่รู้จัก
ความหวานของริมฝีปากนั้น..ยังไม่ลบเลือน
ยูยะตั้งใจจะหยุดความรู้สึกเอาไว้แค่นั้น..จึงเดินจากมา แต่แล้วคนแปลกหน้าที่เขาจูบลึกซึ้งให้เมื่อวาน กลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าร้าน
ทำให้ยูยะที่ยืนอยู่อีกฝั่งของประตูใจเต้นระรัวพอๆกับลนลานทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่เขายังไม่ได้หมุนป้ายหน้าร้าน ร่างบางจึงยังยืนรออยู่ด้านนอก
แต่โชคไม่เข้าข้างยูยะอยู่นานนัก เมื่อหุ้นส่วนของร้านอีกสองคนมาถึง
ยูยะวิ่งตาเหลือกกลับไปที่เคาท์เตอร์คิดเงิน ค้นข้าวของจากกระเป๋าของตัวเอง ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงยาบุโวยวายว่าสายป่านนี้แล้วทำไมร้านถึงยังไม่เปิด ตอนที่เสียงกระดิ่งที่ติดไว้ตรงประตูดัง ยูยะก็โผล่หน้าขึ้นมาจากเคาท์เตอร์พอดี
ฮิคารุที่กำลังจะเล่นงานเรื่องเปิดร้านสายชะงักไปทันทีที่เห็นหน้ายูยะถูกปิดไว้มากกว่าครึ่งด้วยผ้าปิดจมูก
“เป็นหวัดเรอะ
ยูยะ?”
คนถูกถามพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นชัดๆว่ามีบุคคล
ที่สามเดินตามหลังฮิคารุเข้ามาด้วย
และยูยะก็เห็นอีกฝ่ายก็จับจ้องมาด้วยความสงสัยเช่นกัน
“ยูยะ นี่เคย์ เพื่อนซี้ที่สุดในโลกของฉัน เคย์
เจ้านี่ชื่อยูยะ
เพื่อนซี้ขี้เก็กของยาบุ”
ยูยะแทบไม่อยากมองตาคู่นั้นเลย จึงทำแค่พยักหน้าเร็วๆแล้วพาตัวเองออกจากตรงนั้น
โดยบอกว่าจะไปช่วยยาบุจัดเรียงข้าวของที่ซื้อมา
ส่วนเคย์
ฮิคารุก็พาไปนั่งตรงเก้าอี้นวมนั่งสบายตรงมุมหนึ่งของร้าน พลางขอโทษเพื่อนรักที่เมื่อวานไม่ได้ไปหา
“นายยุ่งนี่นา เมื่อวานฉันเห็นลูกค้าเต็มร้านเลย นี่ใช่ไหมล่ะ
ความลับที่อยากจะอวดน่ะ”
ฮิคารุร้องอ้าว เสียดายที่เพื่อนไม่เซอร์ไพรส์อย่างที่คิด แต่แล้วก็ยิ้มร่าเริงอวดเขี้ยวซี่เล็กๆ หันไปตะโกนเรียกยูยะให้ยกของขวัญวันเกิดที่เตรียมให้เคย์ออกมา
“นายยกไปซิ
ยาบุ ฉันไม่ว่าง”
ยาบุทำตามโดยไม่ทันสังเกตว่าเพื่อนซี้กำลังมีอาการมือสั่นใจสั่น
ด้วยความไม่คาดคิดว่าคนแปลกหน้าที่เพิ่งจะเจอกันเมื่อวาน
จะเป็นคนใกล้ตัวถึงเพียงนี้
ของขวัญที่ว่า
เป็นเค้กก้อนเล็กที่หน้าตาไม่สวยงามเท่าไหร่ แต่ยาบุ
ฮิคารุ รวมทั้งยูยะก็ช่วยกันทำอย่างสุดฝีมือ ยาบุเล่าไปยิ้มไป
“พวกเราช่วยกันทำ
เพราะฮิคารุบอกว่าอยากจะหาอะไรมาชดเชยที่ทิ้งให้นายฉลองวันเกิดคนเดียวเมื่อวานน่ะ”
“ไม่ได้ฉลองคนเดียวหรอก” เคย์ยิ้มอย่างเป็นสุข เมื่อวานตอนที่กลับไปถึงบ้าน เคย์ก็พบว่าในตู้เย็น
มีเค้กก้อนใหญ่ พร้อมกับการ์ดอวยพรจากทุกคนในครอบครัว จากนั้นทุกคนก็โทรหา ถึงจะต้องอยู่บ้านคนเดียว
แต่เคย์ก็ไม่รู้สึกว่าเหงาเลย
ยูยะยืนฟังห่างๆอย่างสุขใจ เท่านี้คนที่เขาไม่รู้จัก แต่ว่าเผลอไปห่วงใย ก็จะไม่เศร้าอีกแล้ว เท่านี้ก็พอ
ร่างหนาทำเป็นง่วนกับงานเพื่อหลีกเลี่ยงคำเชิญให้ไปกินเค้กด้วยกัน ถ้ากิน เขาก็ต้องเอาผ้าปิดจมูกนี่ออกน่ะสิ ถึงรสชาติเค้กจะไม่ได้ขี้เหร่เหมือนหน้าตา แต่ว่าเขาไม่พร้อมจะเปิดเผยตัวตอนนี้นี่
ไม่รู้เพราะอะไร..
ถึงยูยะจะรู้ตัวว่ามีใจให้เพื่อนสนิทของฮิคารุตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่ยูยะก็ไม่คาดหวังที่จะสานต่อให้ความสัมพันธ์ไปไกลเกินกว่านั้น
เขาไม่กล้าพอ.. นักศึกษาหัวดีจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ เปรียบกับตัวเขาแล้วมันฟ้ากับเหวชัดๆ
“เป็นอะไรของนาย?
เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็ถอนหายใจ”
ยูยะแทบจะทำถ้วยกาแฟราคาแพงหลุดจากมือ ระหว่างที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ยาบุกับฮิคารุก็เดินมาถึงตัวแล้ว แต่ที่ทำให้ใจสั่นหวั่นไหว คือคนที่ยืนอยู่ระหว่างเพื่อนทั้งสอง ถือเค้กที่เขียนคำอวยพรบนหน้าเค้กลงไปด้วยลายมือโย้เย้น่าเกลียด ฝีมือของยูยะเอง
ขอให้มีความสุข
เห็นลายมือไก่เขี่ยของตัวเองแล้วขายขี้หน้า
แต่คนที่ได้รับเค้กนี้เป็นของขวัญกลับไม่คิดอย่างนั้น เพราะคำอวยพรบนหน้าเค้กนี้ทำให้เขามั่นใจ แม้ว่าจะไม่เคยสงสัยเลยว่า คนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้จะไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ได้มอบของขวัญวันเกิดแสนหวานให้เขาก่อนใคร
“ขอบคุณนะ”
คำขอบคุณหรือจะหวานเท่า
สายตาเป็นประกายที่มองมา
แต่ยูยะรู้ว่ามีบางอย่างที่หวานยิ่งกว่า
และเขาก็ไม่รีรอที่จะครอบครองความหวานนั้นอีกครั้ง...
ช่วงเวลาแสนสั้นที่ปรารถนาให้ยาวนานแต่ก็ไม่เคยได้ดั่งใจ.. คราวนี้ยูยะไม่ได้สัมผัสความหวานดังที่คิด
แถมคนตรงหน้ายังไม่ได้มีท่าทีโกรธที่ถูกล่วงเกินหรือเขินอายดังที่เป็นเมื่อวันวาน
แต่กลับหัวเราะคิกเหมือนเห็นยูยะเป็นตัวตลก
และยาบุก็ช่วยเฉลยความสงสัยให้ยูยะในวินาทีต่อมา
พร้อมๆกับฮิคารุระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นร้าน จนยูยะอับอายจนอยากจะเอาหน้าจุ่มลงไปในเค้กให้รู้แล้วรู้รอด
“จะจูบทั้งที ไม่คิดจะเอาผ้าปิดปากออกก่อนหรือไง เจ้าโง่!!!”
++++++++++++++++++++E+N+D++++++++++++++++++++
อ่ะเร๊ะๆ แล้วแฟนเธอล่า!! ไม่บอกเลิกกันหน่อยเรอะ รึจะควงอิป๋าร่างหนาไปเย้ยทีเดียวเลย >.,<
ReplyDeleteฟิคสั้นได้ใจได้กันไวเหลือเกิน (ไม่ใช่ล่ะ) 5555
น่ารักค่า!! ><b